บทที่1070 ให้เขาปลอดภัยก็พอ
“ไม่เหมือนกันยังไงคะ?” หานมู่จื่อถามขึ้น ในใจก็ลุ้นระทึกตามไปด้วย
จากนั้นหล่อนก็ปลอบใจตัวเอง คุณหมอมักจะพูดให้ใหญ่ไว้ก่อน ให้คนในครอบครัวและผู้ป่วยได้เตรียมใจ แต่โดยปกติ ผลลัพธ์จะดีกว่าที่คิดไว้เยอะ
เมื่อคิดถึงตอนนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่า คุณเย่เคยสูญเสียความทรงจำใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“ที่ตอนนี้เขายังนอนสลบอยู่ คงเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำของเขา ถ้าในกรณีปกติทั่วไป ขอเพียงแค่พ้นช่วงระยะอันตราย วันสองวันก็ฟื้นแล้ว แต่ถ้าเป็นกรณีพิเศษ อาจจะนานถึงสามสี่วัน จนถึงสี่ห้าวัน หรืออาจจะนานกว่านั้น…”
นานกว่านั้น?
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ หานมู่จื่อตกตะลึงไปทันที
“คุณนายเย่ ผมรู้ว่าคุณกังวล แต่กรณีนี้ไม่มีวิธีอื่นจริงๆ”
“หรืออาจจะพูดได้ว่า…เขาอาจจะ…ไม่ฟื้นขึ้นมาเลย”
คุณหมอสะอึกไปสักพัก พูดอย่างไม่มีทางเลี่ยง: “คุณนายเย่ก็อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้ายเกินไป ทุกๆเรื่องต้องมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นเสมอ ฟื้นขึ้นมาแล้วกลายเป็นผักนั้นเป็นไปได้น้อยมากๆ แม้ว่าคุณเย่จะเคยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แต่ต่อมาเขาก็ฟื้นตัวได้ดีมาก ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นน้อยมาก คุณไม่ต้องกังวลใจไป”
เรื่องที่มีความเป็นไปได้ต่ำ
นั่นก็หมายความว่ายังสามารถเกิดขึ้นได้
ไม่ใช่ว่าหานมู่จื่อคิดไปในทางที่ไม่ได้ แต่หล่อนเพียงแค่กังวล หานมู่จื่อกัดริมฝากปากแน่น “ขอบคุณค่ะคุณหมอ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
“อื้ม”
หลังจากที่คุณหมอกลับไป หานมู่จื่อก็นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตามลำพัง กำมือถือไว้ในมืออย่างไร้เรี่ยวแรง
หล่อนหวังว่า เย่โม่เซินจะฟื้นขึ้นมาหลังจากผ่านช่วงอันตรายนี้ไปได้
จะจำเหตุการณ์เมื่อก่อนได้หรือไม่ก็ช่าง หล่อนขอเพียงแค่ให้เขาปลอดภัย
ขอเพียงให้เขาปลอดภัยก็พอ
ถ้าครั้งนี้เขาฟื้นขึ้นมาได้ ต่อไปหานมู่จื่อจะต้องคอยควบคุมเขา และจะอยู่เคียงข้างเขาทุกวัน ไม่ให้เขากลับไปคิดถึงเรื่องในความทรงจำ ไม่ให้เขาต้องทนทรมานอีก
ขอเพียงแค่เขาปลอดภัยก็พอ
“มู่จื่อ?”
เสียงดังขึ้นด้วยความไม่มั่นใจ
หานมู่จื่อถูกดึงสติกลับมาอีกครั้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นส้งอานพายู่ฉือจินเดินเข้ามาทางนี้
“คุณน้า”
“คุณตา”
ส้งอานสังเกตเห็นว่าสีหน้าของหล่อนซีดขาวมาก จึงรีบเดินไปประคองหล่อน
“นั่งก่อนแล้วค่อยพูด ทำไม่สีหน้าเธอดูแย่ขนาดนี้ล่ะ ไม่สบายรึเปล่า?”
เมื่อพูดจบ ส้งอานก็นึกขึ้นมาได้ว่าหล่อนตั้งท้องอยู่ ท้องของหล่อนเดิมทีไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ยังต้องมาที่โรงพยาบาลอีก ทั้งกังวลทั้งกลัว ว่าไปแล้วกลับไปต้องให้หล่อนดูแลรักษาตัวเองดีๆ
แม้ว่าตอนนี้ลูกในท้องใกล้สี่เดือนแล้ว แต่ก็ห้ามให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเด็ดขาด
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“เดี๋ยวฉันไปตรวจกับเธอเอง ห้ามให้เกิดเรื่องอะไรเด็ดขาด”
หานมู่จื่อไม่ปฏิเสธอะไร จากนั้นพยักหน้าลง
ยู่ฉือจินเดินเข้ามา เขายอมรับลูกสะใภ้คนนี้แล้ว อีกทั้งตอนแรกยังให้สร้อยเพชรอัญมณีพิเศษเป็นของขวัญแรกพบกับหล่อน หลังจากกลับมาจากต่างประเทศก็พักอยู่แต่ที่วิลล่าไห่เจียง
เมื่อได้เจอกับมู่จื่อบ่อยๆ แม้ว่าทั้งสองเคยไม่ลงรอยกันมาก่อน แต่เมื่อได้อยู่ด้วยกันสักพัก ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เริ่มดีขึ้นและเข้าใจกันมากขึ้น
อีกทั้ง เสี่ยวหมี่โต้วยังคอยมอบความรู้สึกดีๆให้กับมู่จื่ออีกด้วย
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าสีหน้าของมู่จื่อไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยู่ฉือจินก็รู้สึกเป็นห่วงเช่นกัน
“เป็นอะไรรึเปล่า?” อานอาน คุณพาหล่อนไปตรวจให้สบายใจหน่อยดีกว่า
“ชิ ทำไมจู่ๆคุณถึงคิดเป็นห่วงลูกสะใภ้แล้วล่ะ? ฉันยังคิดว่าคุณมาเพราะโม่เซินซะอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นยู่ฉือจิน ลูบเคราขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “คุณพูดอะไรของคุณ? ผมเป็นห่วงทั้งสองคนไม่ได้หรือไง? จริงสิ โม่เซินเป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่ายังไง?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หานมู่จื่ออ่อนแรงลงทันที
“คุณหมอบอกว่าต้องเฝ้าดูอาการต่อ ก็ต้องรอต่อไปค่ะ”
ในส่วนของเรื่องอื่น ตอนนี้หล่อนไม่มีแรงที่จะพูดซ้ำอีกหนึ่งรอบ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้” ส้งอานหันไปเหลือบมองยู่ฉือจิน: “ฉันว่านะไอ้แก่ คุณเฝ้าอยู่ตรงนี้ก่อน ฉันจะพาหล่อนไปตรวจร่างกาย”
ยู่ฉือจินเคยชินกับการที่ถูกส้งอานเรียกว่าไอ้แก่แล้ว หลังจากเขาฟังคำพูดของส้งอานแล้ว ก็ไม่มีความคิดเห็นอะไร
“โอเค งั้นคุณรีบพาหล่อนไปเถอะ มีเรื่องอะไรบอกผมทันทีนะ”
ส้งอานเหลือบตามองบนใส่เขา จากนั้นก็จูงมือหานมู่จื่อออกไป
“ไปกันเถอะ”
ทั้งสองเดินตรงไปด้านหน้า หานมู่จื่อมองส้งอานอย่างเงียบๆ
“มองฉันทำไมล่ะ?” ส้งอานทำสีหน้าสงสัย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อจึงยิ้มให้: “หลังจากคุณน้ากับคุณปู่ดีกันแล้ว รู้สึกว่ามีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลยนะคะ”
เมื่อส้งอานได้ยินเช่นนี้ ทำท่าทางแปลกใจขึ้นมาทันที
“อะไรคือมีชีวิตชีวามากขึ้น? หรือเธอคิดว่าฉันมีความสุข? ไอ้แก่คอยตามฉันตลอดทั้งวัน น่ารำคาญขนาดไหน ถ้าฉันรู้ว่าต้องเป็นแบบนี้ ตอนนั้นฉันคงไม่อยู่ต่อแล้ว”
ถึงแม้ว่าคำพูดพวกนี้จะดูแรงและไร้น้ำใจ แต่หานมู่จื่อกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แสดงออกมาผ่านแววตา สำหรับส้งอานแล้ว หล่อนต้องจากบ้านกับพี่สาวมาตั้งแต่เด็กๆ หล่อนจะไม่อยากมีความรักได้เช่นไร?
ถ้าหล่อนไม่มีความรัก คงไม่โมโหแบบนี้มาตลอดหลายปีหรอก
“อันที่จริงจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ให้อภัยเขา”
จู่ๆส้งอานก็ถอนหายใจ: “ฉันยกโทษให้กับการกระทำของเขาตอนนั้นไม่ได้ แต่…ฉันรู้ดีว่าตอนนี้เขาอายุเยอะมากแล้ว และยังดูแลบริษัทอย่างทุ่มเท ฉันเคยคิดว่าชีวิตนี้ ฉันไม่อยากรู้จักเขาอีกต่อไป แต่ต่อมากลับพบว่า ความรักที่ฝังลึกลงในกระดูกไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางหายไปได้ เขายังเป็นพ่อที่รักพวกเราเหมือนตอนนั้น ชีวิตของคนเราสามารถทำผิดพลาดได้ทั้งนั้น และยังทำเรื่องโง่ๆขาดสติได้เช่นกัน คิดดูแล้ว ตอนนั้นฉันก็เคยทำเรื่องผิดพลาดหลายครั้ง ฉันไม่ใช่เทพพระเจ้า เขาก็เช่นกัน ฉันมีสิทธิ์อะไรเรียกร้องให้เขาต้องทำตามใจฉันทุกอย่าง? ดังนั้น แม้ว่าฉันยังคงไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ฉันสามารถอยู่ร่วมกับเขาได้แล้ว อย่างน้อย…ต่อไปหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น คงทำให้ฉันไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง”
เมื่อฟังถึงตอนนี้ หานมู่จื่อจึงเข้าใจความหมายของหล่อนขึ้นมา
ส้งอานยังคงไม่ยกโทษให้กับการกระทำของยู่ฉือจินในตอนนั้น แต่หล่อนยังมีเลือดเนื้อที่เหมือนกันติดตัวอยู่ ยังทำให้หล่อนได้คิดถึงความรักระหว่างพ่อกับลูก อีกทั้งตอนนี้ยู่ฉือจินอายุมากแล้ว หล่อนกลัวมากจริงๆ กลัวว่าตอนนั้นถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา จะมาเสียใจทีหลัง ก็คงไม่ทันแล้ว
“คุณน้า รักษาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไว้ เป็นสิ่งที่ดีมากเลยค่ะ”
ส้งอานอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบหัวของหล่อน: “เธอก็ต้องรักษาไว้ดีๆนะ โม่เซินจะต้องไม่เป็นอะไร ตอนนี้เธอต้องดูแลตัวเองและลูกในท้องด้วย ส่วนเรื่องอื่น…พวกเราต้องเชื่อมั่นในตัวคุณหมอ”
“ค่ะ”
หลังจากที่ผลตรวจออกมา หานมู่จื่อสุขภาพไม่ค่อยดีนัก ทารกในครรภ์มีความผันผวนเล็กน้อย แต่ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร ต้องรักษาครรภ์ให้ดี ต่อไปห้ามออกไปไหนเยอะ อย่ามีเรื่องให้คิดกังวลใจเยอะก็ไม่มีปัญหาอะไร
เดิมทีส้งอานจะรับหล่อนกลับไปด้วย แต่เมื่อคิดไปคิดมาก็พูดขึ้นว่า: “หรือเธอพักในห้องคนไข้ก่อนสักพัก ในขณะที่รอโม่เซินก็จะได้อยู่ดูแลทารกในครรภ์ไปด้วย”
หล่อนไม่ได้เรียกร้องให้เธอต้องกลับบ้าน แต่ให้เธออยู่ต่อได้ด้วยความเข้าใจและเห็นใจอย่างมาก ทำให้หานมู่จื่อรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน
“ขอบคุณค่ะคุณน้า”