เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1071 คนนอกอย่างเธอจะพูดอะไรได้

บทที่1071 คนนอกอย่างเธอจะพูดอะไรได้

“ขอบคุณอะไรกัน ฉันรู้ว่าเด็กสาวอย่างเธอไม่มีทางกลับไปกับฉันอยู่แล้ว ถ้าจะให้บังคับเธอ สู้ให้เธออยู่พักดูแลครรภ์ที่โรงพยาบาลไปก่อนไม่ดีกว่าหรอ ยิ่งไปกว่านั้นสภาพแวดล้อมของที่นี่ก็ใช้ได้เลยทีเดียว ถ้าอยู่ดูแลครรภ์ที่นี่ก็คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนทางโม่เซิน เมื่อกี้นี้ฉันพอเข้าใจสถานการณ์จากทางคุณหมอมาแล้ว เธอก็อย่ากังวลไปเลย”

เพราะว่ามีส้งอานกับยู่ฉือจินอยู่ด้วย หานมู่จื่อก็เลยสบายใจขึ้นมาไม่น้อย หลังจากที่กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว เธอก็ได้ใช้เวลาไปกับการนอนกลางวัน

คุณน้าพูดถูก เธอต้องเชื่อคุณหมอ

ในขณะเดียวกัน เธอก็ต้องเชื่อมั่นในตัวเย่โม่เซินด้วยเช่นกัน

เขาจะต้องฟื้นขึ้นมาโดยเร็วแน่

หลังจากที่ผ่านช่วงของการสังเกตอาการไปแล้วนั้น เย่โม่เซินก็ได้ถูกส่งตัวจากพื้นที่ผู้ป่วยหนักไปห้องพักฟื้นของผู้ป่วยธรรมดา จากเดิมที่ได้วางแผนว่าจะพักห้องเดียวกับหานมู่จื่อ

แต่ในภายหลังก็ได้คำนึงถึงคนที่จะมาเฝ้าตอนกลางคืน ก็เลยให้เย่โม่เซินอยู่ห้องเดี่ยวไป คนที่เฝ้าตอนกลางคืนถ้าหนาวหรือง่วงขึ้นมา ก็จะได้เข้าไปนอนหลับสักพัก

แปดโมงเย็น หานชิงก็มาพูดคุยกับน้องสาวของตน เซียวซู่กับเสี่ยวเหยียนเองก็เดินทางมาเช่นเดียวกัน

ในตอนที่เสี่ยวเหยียนเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปนั้นลำตัวก็ยังคงอุณหภูมิเย็นอยู่ พลางเอ่ยพูดออกไป “มู่จื่อ ฉันได้ยินมาว่าคุณชายเย่ได้พ้นขีดอันตรายแล้ว เธอ…”

คำพูดนี้ได้หยุดชะงักลงทันทีเมื่อเห็นว่าภายในห้องมีหานชิงอยู่ด้วย ต่อจากนั้นก็ได้ยืนตื่นตะลึงอยู่ตรงหน้าประตูห้อง ประตูก็ได้ผลักเข้าไปครึ่งนึงแล้ว

มือใหญ่ข้างนึงก็ได้ยื่นแนบเข้าใกล้ๆฝ่ามือของเธอ ผลักประตูออกไปจนเต็มบาน จากนั้นก็ก้มหน้ามองหญิงสาวที่เตี้ยกว่าเขาไปครึ่งนึงตรงหน้า เอ่ยเสียงทุ้มออกไป

“เข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

เสี่ยวเหยียนดึงมือกลับมา จากนั้นก็ก้าวเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย เซียวซู่เดินตามหลังเธอเข้ามา เอื้อมมือไปปิดประตูลง

เพราะอากาศหนาว บนร่างของเสี่ยวเหยียนสวมเสื้อกันหนาวสีชมพู ผมก็ยุ่งพันกันเป็นก้อน มีผ้าพันคอที่มีสีอ่อนและนุ่มฟูปิดไปครึ่งใบหน้า โผล่ออกมาแค่เพียงจมูกกับดวงตาสวย

ส่วนเซียวซู่อยู่ในเสื้อกันลมตัวยาวสีดำ ในตอนที่ทั้งสองคนเข้ามาบนร่างก็ได้พกพาความหนาวเย็นเข้ามา คนนึงตัวสูงคนนึงตัวเล็ก มองดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก

ในดวงตาของหานชิงแผ่รังสีความพิฆาตพาดผ่านออกมา จากนั้นก็ได้หลุบซ่อนไปในทันที

“คุณนายน้อย” เซียวซู่พยักหน้าทักทายหานมู่จื่อ

“พวกเธอมากันแล้ว” หานมู่จื่อยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางเสี่ยวเหยียน “เสี่ยวหมี่โต้วไม่มา? ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อฟังคำพูดของเธออยู่นะ”

“อืม เสี่ยวหมี่โต้วรู้จักเข้าอกเข้าใจคนอื่นเชียวล่ะ หลังจากที่ฉันพูดกับเขาไป เขาก็ยอมตกลงที่จะไม่มา”

หานมู่จื่อจึงได้พยักหน้าอย่างสบายใจขึ้นมาได้ “ลำบากเธอแล้วเสี่ยวเหยียน”

เสี่ยวเหยียนโบกมือ “ไม่ได้ลำบากเลย เรื่องเล็กน้อยน่า”

ถ้าหานชิงไม่ได้อยู่ที่นี่ เสี่ยวเหยียนก็คงพูดออกมาแน่ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน เรื่องพวกนี้มีอะไรให้ต้องบอกว่าลำบากกันอีก แต่เพราะหานชิงอยู่ที่นี่ เธอเลยพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ภายในห้องพักผู้ป่วยตกอยู่ในความเงียบ

หลังจากที่ผ่านไปได้สักพักนึง น้ำเสียงเยือกเย็นของหานชิงก็ได้ดังขึ้นมา

“ช่วงนี้ไม่สู้ให้เสี่ยวหมี่โต้วมาอยู่กับฉันไปก่อนล่ะ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว หานมู่จื่อจึงมองหานชิงไปด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง

“หา? ให้เสี่ยวหมี่โต้วไปอยู่กับพี่ แต่ที่บริษัทของพี่…”

“เรื่องที่บริษัทไม่ได้เยอะ เธอเป็นน้องของพี่ ลูกของเธอก็ควรจะต้องให้พี่ที่เป็นคุณลุงคนนี้ดูแลอยู่แล้วสิ”

หลุดคำพูดนั้นออกมาหานชิงก็เหยียดร่างลุกขึ้นยืน ใบหน้าหล่อที่ไม่อาจมองข้ามไปได้เลย “ไปรับเขาตอนนี้เลยเถอะ”

ในระหว่างนั้นเองหานมู่จื่อก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป เพราะเธอเห็นแววตาจริงจังออกมาจากในดวงตาของหานชิง เหมือนกับว่าตัดสินใจแล้วว่าจะต้องทำเรื่องนี้ให้ได้

สำหรับเธอแล้ว หานชิงกับเสี่ยวเหยียนต่างก็เป็นคนที่น่าไว้วางใจด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นแล้วไม่ว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะอยู่ที่ไหน เธอก็สบายใจทั้งนั้น

แต่คำพูดพวกนี้เมื่อเสี่ยวเหยียนได้ยินเข้าไปนั้น กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป

เขาบอกว่า…มู่จื่อเป็นน้องสาวของเขา เสี่ยวหมี่โต้วก็ต้องให้เขาผู้เป็นคุณลุงคนนึงเป็นผู้ดูแลอยู่แล้ว

นั่นก็หมายความว่า เธอเสี่ยวเหยียนที่เป็นแค่คนนอกคนนึงเท่านั้น ถ้าดูแลเสี่ยวหมี่โต้วล่ะก็ คนที่ไม่ได้มีฐานะนั้นอย่างเธอ เดิมทีก็ไม่ได้มีสิทธิ์นั้นอยู่แล้ว

พอคิดว่าเขาคงจะหมายความว่าอย่างนี้ สีหน้าของเสี่ยวเหยียนก็ขาวซีดลงหลายส่วน เธอหลุบสายตาลงไม่ได้พูดอะไร นานกว่าจะเงยหน้าขึ้นมา

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว งั้นก็ให้ประธานหานดูแลเสี่ยวหมี่โต้วไปน่าจะดีกว่า”

คุณลุงของเขาพูดออกมาแล้ว คนนอกอย่างเธอจะยังพูดอะไรได้อีกล่ะ?

คำพูดนี้เพิ่งจะหลุดออกไป หานชิงก็ได้เดินผ่านร่างเธอไป เสี่ยวเหยียนจึงต้องหลบให้เขาผ่านไปทันที แต่ใครจะรู้ว่าหานชิงจะหยุดลงตรงบริเวณที่ไม่ไกลจากร่างเธอออกไป

“สะดวกนำทางไปหรือเปล่า?”

เสี่ยวเหยียนได้สติกลับมา มองไปทางหานชิงเล็กน้อย ก็ได้พบว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่

หมายความว่าอะไร?

ความหมายของเขาก็คือ ให้เธอนำทางเขาไป?

มันก็ใช่ เพราะถ้าเขาอยากไปหาเสี่ยวหมี่โต้ว นั่นก็คือต้องการไปบ้านเธอ แน่นอนว่าจะต้องให้เธอนำทางให้

เสี่ยวเหยียนพยักหน้าไปนิ่งๆ “ก็…ก็ได้”

และนัยน์ตาดำสนิทของเซียวซู่ที่อยู่ข้างกันก็ได้มองหานชิงไปอย่างสงบเยือกเย็น ในดวงตามีการมองลึกอย่างสำรวจเข้าไป แต่ก็เอาแต่เม้มริมฝีปากบางไม่พูดจาออกมา

เสี่ยวเหยียนหันไปทางหานมู่จื่อ

“งั้นมู่จื่อ ฉันพาเขาไปรับเสี่ยวหมี่โต้ว อีกเดี๋ยว เดี๋ยวกลับมานะ”

“อืม เดินทางปลอดภัยนะ”

ถึงแม้ว่าหานมู่จื่อจะไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้อย่างแน่ชัดนัก แต่เธอคิดว่าในตอนนี้อย่าได้พูดอะไรมากมายออกไปดีกว่า

ดังนั้นแล้วเสี่ยวเหยียนก็ได้เดินตามหลังร่างหานชิงออกไป

เนื่องจากต้องรักษาระยะห่างกับหานชิง เสี่ยวเหยียนก็เลยต้องเดินช้าลง เว้นระยะห่างจากตัวหานชิงห่างออกไปหนึ่งช่วงตัว ตาก็มองเบื้องหลังร่างสูงใหญ่ร่างนั้นที่เดินเข้าลิฟต์ไป เสี่ยวเหยียนก็ยังคงเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ

เธอเคลื่อนตัวเยื้องย่างออกไปเบาๆเหมือนลูกแมว เดินออกไปช้าๆ ในตอนที่เธอเดินไปจนถึงหน้าลิฟต์นั้น นึกไม่ถึงว่าประตูลิฟต์ใกล้จะปิดลงเสียแล้ว

เสี่ยวเหยียนก็ได้เร่งฝีเท้ารีบก้าวเข้าไปเอื้อมมือขวางประตูเอาไว้อย่างรีบเร่ง

หานชิงที่อยู่ในลิฟต์ก็ได้เอื้อมมือออกมาพร้อมกัน

มือของทั้งสองคนแตะโดนกันโดยไม่ทันได้ระวัง

ติ๊ง——

ลิฟต์รับรู้ได้ถึงการกระทบกัน ก็ได้เปิดบานประตูทั้งสองข้างออกอีกครั้ง

เสี่ยวเหยียนได้เก็บมือกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับถูกไฟช็อต มองหานชิงนิ่ง

“ขอโทษค่ะ…ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

เมื่อกี้นี้เธอ…แตะโดนมือของหานชิงไปแล้วงั้นหรอ

เขาจะคิดว่าเธอตั้งใจแตะมือของเขาหรือเปล่า ความเกลียดที่มีต่อเธอจะมากขึ้นหรือเปล่า? จะคิดว่าเธอกำลังวางแผนปล่อยเพื่อจับเขาหรือเปล่า?

เสี่ยวเหยียนยืนอยู่ตรงที่เดิม ภายในใจก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมา

น้ำเสียงเยือกเย็นของหานชิงดังออกมาจากด้านในลิฟต์

“ไม่ไป? จะรอให้ประตูลิฟต์ปิดลงอีกหรอ?”

เสี่ยวเหยียนได้สติกลับมา จึงได้เดินเข้าลิฟต์ไปอย่างจำยอม หลังจากที่เข้าไปในลิฟต์แล้วนั้นก็ได้หามุมหลบ แล้วหลับตาลงไปอย่างสิ้นหวัง

เธอ….อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีไปเสียให้ได้

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังดีๆอยู่แท้ๆ ทำไมตอนนี้ถึงได้เอาแต่ทำเรื่องโง่ๆออกไปอยู่นั่น?

ก็เพราะว่าอยากจะหลบเขา ก็เลย…

ภายในลิฟต์มีเพียงพวกเธอแค่สองคน เงียบฉี่ คงเป็นเพราะออร่าจากร่างของหานชิงรุนแรงเกินไป เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าในลมหายใจก็ล้วนแล้วจะมีแต่กลิ่นอายความเป็นชายของหานชิงทั้งสิ้น กลิ่นอายของความเยือกเย็นโอมล้อมรอบตัวเธอ

ทำให้เธอแทบจะหายใจผิดจังหวะไป

ติ๊ง——

ประตูลิฟต์เปิดออก หมู่คนก็พุ่งตัวกันเข้ามา หนึ่งในนั้นเองก็มีคนนึงที่เข็นรถเข็นอีกด้วย

เกรงว่าคงจะกลัวว่าเข้ามาช้าไป ก็เลยเร่งความเร็วในการเข็นเข้ามา จนใกล้จะชนเข้ากับร่างของเสี่ยวเหยียนในอีกไม่ช้า เสี่ยวเหยียนคิดอยากจะหลบ แต่อีกด้านเป็นผนัง ส่วนอีกด้านนึงเป็นหานชิง เธอทำได้เพียงเลือกยืนอยู่ตรงที่เดิม

ชนไปเถอะ…

ถึงยังไงมันก็ไม่ได้ถึงตาย เธอคิด

ผลสุดท้ายในชั่ววินาทีต่อมา เธอรู้สึกว่าแขนของเธอหนักขึ้นมา เธอถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอด

ปัง!

ใบหน้าของเสี่ยวเหยียนชนเข้ากับหน้าอกของหานชิงอย่างแรง

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset