เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 17 ผมบอกว่าให้ปล่อยเธอซะ

บทที่17 ผมบอกว่าให้ปล่อยเธอซะ

เย่โม่เซินไม่ได้คิดจะเอามาใส่ใจ เขายังคิดว่าเธอคงจะเสแสร้งแกล้งทำไปอย่างนั้น จึงได้แต่หัวเราะเยาะ

“แกล้งทำเป็นน่าสมเพชแบบนี้ผมไม่ซื้อหรอกนะ”

ร่างที่ล้มลงกับพื้นนั้นไม่ไหวติงเลยสักนิด

เย่โม่เซินขมวดคิ้ว

“เล่นเกมส์พอรึยัง”

คนไม่ไหวติงเลยสักนิด เย่โม่เซินหรี่ตาลงเพ่งเล็กน้อย ก่อนที่หมุนเก้าอี้รถเข็นไปข้างหน้า

เขาถึงได้เห็นว่าสีหน้าเสิ่นเฉียวนั้นซีดจนเหมือนกระดาษ แม้แต่ริมฝีปากก็ไม่มีแม้แต่สีเลือด

ชั่วขณะหนึ่ง หัวใจของเย่โม่เซินเหมือนกับถูกเกาะกุมเอาไว้

ยี่สิบนาทีต่อมา ณ ทางเดินของโรงพยาบาล

เย่โม่เซินนั่งอยู่บนรถเข็นสีหน้าอึมครึม สายตาเย็นชาจับจ้องไปยังเซียวซู่ซึ่งกำลังหัวหมุน เสร็จธุระแล้วถึงได้เดินมาทางเขา

“หล่อนเป็นยังไงบ้าง” เย่โม่เซินถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

เซียวซู่ทำปากจู๋ “หมอบอกว่าเลือดจาง บอกกับที่ป่วย หัวใจอ่อนล้า ดังนั้นจึงส่งผมกระทบต่อเด็กเล็กน้อย ตามนี้”

เมื่อฟังจบ เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้ว หัวเราะเสียงหนึ่งด้วยความดูหมิ่น “สำออยแกล้งทำน่าสงสารเหอะ ก็แค่อ่อนเพลียเฉยๆแค่นั้นใช่มั๊ยล่ะ”

เซียวซู่: “คุณชายเย่ สีหน้าคุณหนูเสิ่นหล่อนดูแย่เอาจริงๆนะครับ อีกอย่างนี่ก็เป็นการวินิจฉัยของโรงพยาบาล”

ดวงตาเย่โม่เซินคบกริบเป็นประกายราวกับมีดกำลังฟาดฟันลงบนใบหน้าของเซียวซู่ เซียวซู่กระแอมขึ้นในทันใด “อาจจะเป็นไปได้ว่าวินิจฉัยผิดพลาด ถ้าอย่างนั้นคุณชายเย่คิดว่าจะเอายังไงต่อไปดีครับ”

เย่โม่เซินนึกถึงว่าวัตถุประสงค์ก่อนหน้านี้ยังไม่บรรลุผล ยาที่ยัดเข้าปากไปก็ปรากฏว่าโดนเธออ้วกทิ้งออกมาหมด นัยน์ตาเขาค่อยๆเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ “ติดต่อหมอ ให้หมอทำการผ่าตัดทำแท้งให้เธอ”

พอได้ยิน เซียวซู่ก็อดเบิกตาโตค้างไม่ได้ “เอ่อ คุณชายเย่”

“หล่อนคิดว่าจะเสแสร้งทำเป็นป่วยแล้วจะสามารถเก็บไอ้ลูกนอกสมรสนั้นไว้ได้อย่างนั้นเรอะ”

“หืม คุณหนูเสิ่นยังไม่ได้เอาเด็กออกอีกหรอ”

เซียวซู่เอามือลูบหัว “นั่นมันเกินไปจริงๆ ตอนนี้หล่อนเป็นภรรยาของคุณแล้ว ถ้าหากว่ายังเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ล่ะก็ นั่นก็หมายความว่าหล่อนสวมเขาให้กับคุณชายเย่ใช่มั๊ยล่ะ”

พูดถึงตรงนี้ เซียวซู่ก็เริ่มเห็นภาพหลอนใบหน้าเย่โม่เซินเป็นสีฟ้า มีเขาสีเขียวอยู่บนหัวเขา อดขำไม่ได้

“อยากตายหรือยังไง” เสียงลุ่มลึกเหมือนกับก้อนน้ำแข็งทำให้เซียวซู่ได้สติคืนมา เขาพยายามตั้งสติ และพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นผมไปติดต่อหมอก่อนนะครับ”

เซียวซู่จากไปอย่างรวดเร็ว เย่โม่เซินหมุนรถเข็นไปยังวอร์ดคนไข้ ล้อหมุนไปยังห้องผู้ป่วยสีขาวอย่างไร้สุ้มเสียง

ในจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ร่างผอมเพรียวของผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล มือทั้งคู่กุมอยู่ที่หน้าอก ใบหน้าอันงดงามนั้นแสดงออกถึงความสงบนิ่ง นอกจากสีหน้าและริมฝีปากที่ดูขาวซีดแล้ว ที่เหลือก็ดูไม่ออกเลยว่าหล่อนกำลังไม่สบาย ดูเหมือนนอนหลับอยู่เสียมากกว่า

เห็นได้ชัดว่าเป็นกลอุบายของหญิงสาวชัดๆ อาการโคม่าจะไปมีลักษณะเช่นนี้ได้ยังไง

ล้อหมุนเข้าใกล้เตียงเธออย่างช้าๆ

ดวงตาสีเข้มของเย่โม่เซินจับจ้องไปที่หล่อน

แสดงใช่มั๊ยล่ะ มันจะบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไงกัน มาเป็นลมอะไรเอาตอนนั้น คิดว่าแบบนี้แล้วเขาจะยอมปล่อยให้เธอเก็บเด็กบ้าคนนี้เอาไว้อย่างนั้นเรอะ

เย่โม่เซินดูเหม่อลอย ขนตาของเสิ่นเฉียวสั่นเครือเล็กน้อย เธอค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ

สิ่งแรกที่ลืมตาขึ้นมาเห็นนั้นช่างมืดมน และมันก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หมอกมัวค่อยๆกระจายหายไป จนในที่สุดก็เห็นภาพด้านหน้าได้อย่างชัดเจน

มันคือน้ำแร่ที่ทั้งสะอาดและเย็นสบาย มันคือบ่อน้ำอันเงียบสงบ เหมือนสระน้ำอันโรแมนติกในฤดูใบไม้ผลิที่วาดด้วยสีสันโดยนักวาดภาพ

สง่างาม ล้ำลึก เกาะกินใจ

เย่โม่เซินนิ่งงัน

วินาทีต่อมา ราวกับว่ามีก้อนหินเขวี้ยงลงไปในบ่อน้ำนั้น เกิดระลอกคลื่นเป็นชั้นๆ

เมื่อมองเห็นเย่โม่เซิน เสิ่นเฉียวก็กลัวจนเด้งลุกขึ้นมานั่ง ร่างเล็กหดตัวเข้าไปในมุม ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

เย่โม่เซินหรี่ตาแคบลง และกัดฟันกรอด “ผมเป็นผีปีศาจหรือยังไง”

เธอกลัวเขายิ่งกว่าผีปีศาจ

เสิ่นเฉียว่คิดเช่นนั้นเงียบๆในใจ แต่ก็ได้แต่หลับตาลง ไม่กล้าสบตาเขา

“ขอร้องคุณล่ะ ให้ฉันเก็บเขาเอาไว้เถอะนะ”

หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นเฉียวก็ส่งเสียงอ้อนวอนขอร้องเบาๆ

เสียงของเธอลดต่ำลง ราวกับสัตว์กำลังร้องโหยหวนก่อนจะตาย พลังไม่มาก แต่เลือดเนื้อนั้นก็สะเทือนเข้าถึงหัวใจเย่โม่เซิน

“เด็กเวรคนหนึ่งต้องการที่จะโน้มน้าวผมหรอ”

เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร ได้แต่กัดริมฝีปากแน่น

“คุณจะอยู่ที่ตระกูลเย่ต่อหรือว่าจะเก็บเขาเอาไว้ คุณเลือกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาจ้องเขาอย่างไม่รู้สึกผิด เห็นได้ชัดว่าเธอไม่คิดที่จะตอบโต้ ทั้งร้อนรนและทำอะไรไม่ถูก

ทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่เช่นนี้ จนกระทั่งเสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดิน เซียวซู่พาคุณหมอมาปรากฏตัวที่ในห้อง

“คุณหมอสุย ถึงแล้วครับ”

เสิ่นเฉียวหันไปมองสองคนที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้น นัยน์ตาสีดำขาวเปล่งประกายความฉงนสงสัย

มาทำอะไรกัน

เมื่อเห็นนัยน์ตาอันเย็นเยือกของเย่โม่เซิน ครู่เดียวเท่านั้นเสิ่นเฉียวก็เข้าใจในทันที

“คุณหนูเสิ่นใช่มั๊ยครับ ต้องการทำแท้งหรือครับ”

“ไม่!” เสิ่นเฉียวปฏิเสธเสียงดัง ร่างเล็กหดตัวเข้าสู่มุม ทันใดนั้นลมหายใจเปลี่ยนกลายเป็นความโศกเศร้า ปฏิเสธที่จะให้ใครหน้าไหนเข้าใกล้ทั้งสิ้น

“คุณหนูเสิ่น ถ้ายินยอมแต่โดยดีก็จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว ถ้าไม่อย่างนั้น…” พอคำพูดของเซียวซู่หลุดออกไป ชายสองสามคนในชุดสูทสีดำพร้อมแว่นตากันแดดก็โผล่เข้ามาจากข้างนอก เห็นๆว่าเตรียมการเอาไว้แล้ว

เธอไม่ยินยอม ก็ต้องให้กำลังบังคับเอาตัวเธอไป

แต่นั่นแล้วจะยังไงได้ เธอก็ยังไม่ยอมอยู่ดี!

“พวกคุณหยุดอยู่ตรงนั้นนะ!” เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปาก จ้องมองผู้ชายพวกนั้นอย่างดุเดือด “อย่าเข้ามา!”

เซียวซู่เห็นท่าทางเธอ เขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “จับตัวหล่อนเอาไว้”

“ครับ!”

หลายคนเดินมุ่งไปทางเสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวเตรียมตัวพร้อมแล้ว ถ้าพวกเขาเข้ามาเมื่อไหร่เธอจะชกและเตะทันที

เสิ่นเฉียวเหมือนเป็นหญิงคลุ้มคลั่ง เธอลืมไปว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเพิ่งจะเป็นลมหมดสติไป ตอนนี้ลุกขึ้นมากระฉับกระเฉง อยู่ๆก็เกิดหน้ามืดขึ้นมาเป็นธรรมดา หมดสติไปอย่างรวดเร็ว ร่างไร้เรี่ยวแรงล้มลงไปกับเตียง

“คุณชายเย่ หล่อน…ดูเหมือนจะหมดสติล้มไปอีกแล้ว”

เย่โม่เซินอยู่ข้างๆดูละครอยู่เป็นเวลานานแล้ว พอเห็นเข้าก็เลยหัวเราะเยาะขึ้น “กลอุบายเดิมเอามาใช้ซ้ำเป็นครั้งที่สอง เอาตัวหล่อนออกไปซะ”

เซียวซู่พยักหน้า และชี้สั่งให้คนพาตัวเสิ่นเฉียวออกไป

ร่างอันบอบบางของเสิ่นเฉียวถูกคนยกขึ้น ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านใดๆ ผมยาวสลวยกระจัดกระจายไปทั่ว ปกคอเสื้อก็เอียงไปทางหนึ่ง เผยให้เห็นผิวขาวอ่อนโยนบริเวณไหล่

เพียงครู่เดียวเท่านั้น เย่โม่เซินก็รู้สึกว่าสายตาแหลมคม ก่อนหน้าที่เขาจะมีอารมณ์ตอบสนอง เสียงก็ได้พูดออกไปแล้ว

“วางหล่อนลงซะ”

ลูกน้องหลายคนพากันตกตะลึง คนที่พูดอยู่เมื่อครู่นี้ใช่คุณชายเย่รึเปล่า

“หูหนวกหรือไง”

หลายคนรีบพากันทำตาม วางเสิ่นเฉียวกลับลงไปโดยเร็ว

เซียวซู่ยังคงตามไม่ทัน ได้แต่ถามเขาดีๆว่า “คุณชายเย่ เกิดอะไรขึ้นครับ”

เย่โม่เซินหมุนล้อรถเข็นเข้าไป และหยุดลงตรงเบื้องหน้าหล่อน เขายื่นมือออกไปติดกระดุมบริเวณที่เปิดออกให้ดี เวลาผ่านไปสักพักเขาถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป

ทุกคนพากันมองด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับว่าเขาทำเรื่องอะไรแปลกประหลาดอย่างนั้น

เย่โม่เซินดึงสติกลับมา ถอนมือตัวเองกลับไป และยิ้มอย่างกระหายเลือด

“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่หล่อนก็เป็นผู้หญิงของผมเย่โม่เซิน ถ้าหากว่าผมรู้ว่าพวกคุณมองอะไรที่ไม่ควรมองหรือว่าแตะต้องอะไรที่ไม่ควรแตะต้องล่ะก็ ผมจะทำให้พวกคุณต้องตายทั้งเป็น”

ผู้ชายหลายคนพวกนั้นตอบสนอง และพยักหน้ารับคำในทันที “พวกเราทราบแล้วครับคุณชายเย่”

เมื่อคำพูดออกไปแล้ว เย่โม่เซินก็รู้สึกว่าคอเสื้อของตัวเองกำลังถูกคนดึงอยู่ เขาหันกลับไปมองก็เห็นว่าเสิ่นเฉียวนั่งอยู่ตรงนั้นทำตาแป๋ว สีหน้าท่าทางช่างน่าสงสารเหลือทน เหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกเอามาทิ้ง

เสียงเธออ่อยลง พูดขอร้อง “เย่โม่เซิน ไว้ชีวิตเขาเถอะนะ”

พอพูดจบ เธอก็หมดสติไปอีกครั้ง มือที่ดึงชายเสื้อเขาไว้ก็ตกลงตามไปด้วย

ในห้องผู้ป่วยเงียบสงัดลง เย่โม่เซินนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว นัยน์ตาล้ำลึกเพิ่งมองไปที่ใบหน้าขาวเซียวใบหน้านั้น

อยู่เป็นเวลานาน สายตาเซียวซู่จับจ้องไปที่เสิ่นเฉียวไม่ไหวติง ก่อนจะเผยริมฝีปากล่าง “คุณชายเย่ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่…ไม่ต้องผ่าตัดทำแท้งแล้วใช่ไหมครับ”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset