เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 462 ฉันไม่ได้คืนดีกับเขา

บทที่ 462 ฉันไม่ได้คืนดีกับเขา

อาจจะเพราะว่าเธอพูดออกมาเช่นนี้ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

คุณลุงยิ้มออกมาแบบเก้ๆ กังๆ “เรื่องค่ารถไม่ใช่ปัญหา ฉันกำลังจะไปส่งสินค้าให้ร้านสะดวกซื้อในเมืองพอดี ให้เธอติดรถไปด้วยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ขึ้นมาสิ”

หานมู่จื่อ ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ขอบคุณค่ะคุณลุง”

หลังจากนั้นเธอจึงเดินอ้อมไปอีกฝั่งหนึ่ง เปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งในรถ

ส่วนรถที่กำลังตามอยู่ข้างหลัง คุณชายฉีกับเพื่อนของเขา ต่างก็พากันนั่งงงอยู่ภายในรถ

“นี่มันอะไรกัน เขาไม่นั่งรถของนาย แต่กลับไปนั่งรถบรรทุกสินค้าเนี่ยนะ คุณชายฉี นี่มันเยาะเย้ยนายหรือเปล่า”

“ไอ้เวรเอ๊ย!” คุณชายฉีโมโหจนทุบพวงมาลัย

ส่วนรถบรรทุกสินค้าที่ หานมู่จื่อ นั่งก็เคลื่อนตัวห่างออกไป รถมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง หลังจากที่ถึงในตัวเมือง ขณะที่ หานมู่จื่อ จะจ่ายค่ารถให้คุณลุง เขาก็ปฏิเสธไม่ยอมรับค่ารถอยู่อย่างนั้น

“เป็นทางผ่านพอดี ไม่ต้องเกรงใจขนาดก็ได้”

สุดท้าย หานมู่จื่อ ก็ยัดเงินสองร้อยเข้าไปในถุงของคุณลุง จากนั้นเธอจึงพูดขอบคุณเขาอย่างจริงใจ แล้วเดินออกจากร้านสะดวกซื้อ

ร้านสะดวกซื้ออยู่ไม่ไกลจากบริษัทของเธอ สามารถนั่งแท็กซี่กลับไปได้

หลังจากที่ หานมู่จื่อ กลับมาถึงบริษัท เธอก็เดินตรงไปยังห้องทำงาน แล้วเอาแต่เก็บตัวอยู่ในนั้น เธอสับสนไปหมด

ในหัวมีแต่คำพูดที่เย่โม่เซินพูดกับเธอ

เวลาห้าปี เธอนึกว่าตัวเองจะไม่มีความสัมพันธ์ใดกับเขาอีกแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับมาบอกเธอว่าเราทั้งสองคนไม่ได้หย่ากัน

เราทั้งคู่ยังเป็นสามีภรรยากันในทางกฎหมาย

ก๊อก ก๊อก

จู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้น หานมู่จื่อ เงยหน้าขึ้น เห็นว่าประตูถูกแง้มออกเพียงครึ่งหนึ่ง เสี่ยวเหยียนโผล่เพียงเสี้ยวหน้าด้านเดียวเข้ามามองเธออย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

เพราะรู้ว่าเธอไปเจอเย่โม่เซินมาแล้ว เพราะฉะนั้นเสี่ยวเหยียนจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปเหมือนที่ทำเป็นประจำ

“เข้ามาสิ” หานมู่จื่อ จัดการอารมณ์ของตัวเองเรียบร้อย จากนั้นเธอจึงหันไปยิ้มกับเสี่ยวเหยียน

เมื่อได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนถึงกล้าเปิดประตูเดินเข้ามา เธอเดินพลางสังเกตสีหน้าและแววตาของ หานมู่จื่อ เธอรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

หานมู่จื่อ เห็นท่าทีของเสี่ยวเหยียน เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ “ไม่ต้องสงสัยแล้ว ฉันไม่ได้คืนดีกับเขาแล้วก็ไม่สามารถคืนดีกันได้ด้วย”

ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเสี่ยวเหยียนก็เปลี่ยนไป เธอรีบก้าวเข้าไปหาเพื่อน

“ทำไมล่ะ เธอยังรักเขาไม่ใช่หรือไง”

“รักไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน”

เสี่ยวเหยียนเกาหัวตัวเอง “ฉันไม่เข้าใจ”

“งั้นเธอไม่ต้องเข้าใจจะดีที่สุด เรื่องแบบนี้รู้มากไป มันก็เป็นการยืนยันว่าเรื่องที่เธอผ่านมามันไม่ค่อยดีนัก เอาล่ะ ที่เธอมาหาฉันเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”

“ไม่ใช่!” เสี่ยวเหยียนรีบส่ายหน้า จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมา “เธอดูเทรนดิ้งแอพเว่ยป๋อสิ”

หานมู่จื่อ รับมือถือที่เสี่ยวเหยียนยื่นให้ด้วยความสงสัย จากนั้นเธอจริงอ่านเนื้อหาข้างใน

ผู้หญิงลึกลับของเย่โม่เซิน

“เห็นหรือยัง” เสี่ยวเหยียนกดเข้าไปในเทรนด์อันดับสอง จากนั้นก็พูดอธิบายเรื่องราว “ฉันก็เพิ่งเห็นตอนที่เล่นเว่ยป๋อ เย่โม่เซินอุ้มเธอในวันงานแถลงข่าว ถูกปาปารัสซี่ถ่ายภาพได้ จากนั้นก็เผยแพร่ลงในอินเทอร์เน็ต ตอนนี้ทุกคนกำลังคาดการณ์อยู่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”

หานมู่จื่อ: “……”

เป็นไปตามคาด เธอคิดไว้แล้วว่าเย่โม่เซินต้องสร้างความวุ่นวายให้เธอ

“ตอนนี้ทุกคนก็แค่คาดเดา แต่ตอนนี้ในคอมเมนต์กำลังมีคนขุดคุ้ยว่าเธอเป็นใคร”

หานมู่จื่อ เม้มปาก แล้วคิดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น “อย่าไปสนใจเรื่องนี้ก่อน”

“มู่จื่อ ถ้าไม่สนแล้วมันจะเกิดอะไรหรือเปล่า ฉันกลัวว่าถ้าถึงตอนนั้นทุกคนจะรู้ว่าเธอคือใคร แล้วเธอจะไม่มีชีวิตที่สงบสุข”

“ตอนนี้น่าจะยังไม่มีอะไร คืนนั้นฉันหลบเป็นอย่างดี ไม่ได้โผล่หน้าออกมา” หานมู่จื่อ ส่ายหน้าไปมา

“งั้นก็โอเค” เสี่ยวเหยียนพูดจบ ก็เห็นอีกแทรนด์หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด “อ้อใช่ ฉันมีเรื่องจะบอกเธอเรื่องหนึ่ง ครั้งนี้ถ้าข่าวของเย่โม่เซินไม่ได้ขึ้นเทรนด์ ฉันเดาว่าเทรนด์อันดับหนึ่งคงจะเป็นข่าวของ จ้าวยี่หรู หล่อนหน้าไม่อายจริงๆ ไปหาบริษัทโฆษณาให้โฆษณาข่าวของหล่อน บอกว่าหานชิงประธานบริษัทตระกูลหานจีบหล่อน แถมยังแสร้งว่ามีคนลึกลับส่งกระโปรงแบรนด์ดังให้หล่อน ตอนนี้ไม่รู้มีคนกี่คนต่อกี่คนที่กำลังอิจฉาหล่อน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อ ก็นึกขึ้นได้ “พี่ชายของฉันคงจะไม่ทำเรื่องแบบนี้”

“ฉันก็คิดอย่างนั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้ จ้าวยี่หรู กำลังอาศัยชื่อเสียงของหานชิงทำให้ตัวเองดัง ฉันทนไม่ไหวแล้ว!”

หานมู่จื่อ มองเสี่ยวเหยียนแบบติดตลก “งั้นเธอว่าจะทำยังไง ไปบอกพี่ชายฉันเหรอว่ามีนักแสดงหญิงกำลังใช้ชื่อเสียงของเขาทำให้ตัวเองดัง”

เสี่ยวเหยียนเบิกตาโต “ฉันจะไปพูดกับเขาได้ยังไง เทพบุตรคนนั้นไม่รังเกียจฉันแย่หรือไง อ้อ…” เหมือนเสี่ยวเหยียนคิดอะไรได้ สายตาของเธอมอง หานมู่จื่อ อย่างไม่ประสงค์ดี จากนั้นก็ยิ้มบางๆ “มู่จื่อ มู่จื่อคนดี……”

เธอยิ่งเรียกก็ยิ่งอ้อนขึ้น หานมู่จื่อ รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

“มู่จื่อเธอเป็นน้องสาวของเขา เรื่องนี้เธอไปคุยกับเขาจะดีที่สุด” เสี่ยวเหยียนถือโอกาสก้มลงไปกอดแขน หานมู่จื่อ แล้วก็พูดอย่างน่าสงสารว่า “เธอก็ไม่อยากให้คนอื่นใช้ชื่อเสียงของพี่ชายเธอไปทำอะไรไม่ดีใช่ไหมล่ะ”

“ก็แค่ทำให้ตัวเองดัง ไม่ถือว่าเป็นอะไรที่ไม่ดีนิ”

“มู่จื่อ นี่ยังไม่เรียกว่าไม่ดีอีกเหรอ หล่อนใช้ชื่อเสียงของตระกูลหาน เมื่อถึงตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันเยินยอหล่อน ไม่แน่คนอื่นอาจจะเรียกหล่อนว่าคุณนายใหญ่แห่งตระกูลหาน หล่อนเป็นศัตรูของเรานะ ครั้งก่อนก็มาทำลายผลงานของเรา ถ้ายังให้หล่อนใช้ชื่อเสียงของตระกูลหาน อย่าบอกนะว่า…”

“โอเค โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” หานมู่จื่อ เห็นสีหน้าเหนื่อยใจของเสี่ยวเหยียนแล้วก็ทำได้เพียงตอบตกลง

“เดี๋ยวค่ำๆ ฉันจะคุยกับพี่ให้”

“มู่จื่อ เธอช่างเป็นคนดีจริงๆ” เสี่ยวเหยียนโน้มตัวลงไปหอมแก้ม หานมู่จื่อ จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที แต่เธอก็ต้องชะงักฝีเท้าลง “หรือว่าเธอจะไปหาหานชิงที่บริษัทตอนนี้เลย อีกอย่างกว่าจะเลิกงานก็อีกหนึ่งชั่วโมง เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะไปรับเสี่ยวหมี่โต้วเอง”

“ไปตอนนี้เลยเหรอ”

“ใช่ วันนี้มีนักข่าวหลายคนไปที่ตึกบริษัทตระกูลหาน ฉันเห็นวิดีโอในอินเทอร์เน็ตนักข่าวหลายคนอยากจะสัมภาษณ์เรื่องนี้ เพื่อเป็นการยืนยันไง แต่ว่าพี่ชายของเธอปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ ก็เลยไม่มีใครกล้าไปยั่วโมโหเขา”

เมื่อได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อ ก็เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อแล้ว

เสี่ยวเหยียนต้องการให้หานชิงใช้โอกาสในการสัมภาษณ์ของนักข่าวปฏิเสธเรื่องนี้ เป็นการตบหน้า จ้าวยี่หรู

“ฉันเข้าใจแล้ว”

หลังจากที่เสี่ยวเหยียนออกไปแล้ว รอยยิ้มของ หานมู่จื่อ ค่อยๆ จางหายไป ไปหาหานชิงเหรอ ไปก็ไปสิ เธอมีเรื่องอยากถามเขาอยู่พอดีเหมือนกัน

ดังนั้นเธอจึงกำลังจะออกจากบริษัท

การที่เป็นเจ้านายมีดีอยู่อย่างหนึ่งก็คืออยากทำอะไรก็ทำได้เลย

เมื่อ หานมู่จื่อ ถึงบริษัทตระกูลหาน เธอพบว่าบริเวณรอบๆ ใกล้บริษัทมีปาปารัสซี่นั่งอยู่ทุกมุม พวกเขาถือกล้องแล้วคุยกัน แม้ว่าเธอจะเป็นพี่น้องกับหานชิง แต่ทว่าหลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาบริษัท

หานมู่จื่อ นึกว่าการที่เธอจะเข้าไปต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากที่เธอเข้าไป เธอจึงเตรียมโทรหาหานชิง จู่ๆ ฝ่ายต้อนรับก็วิ่งเข้ามา

“ขอโทษนะคะ คุณผู้หญิงคือคุณมู่จื่อใช่ไหมคะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อ รู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย “คุณรู้จักฉันเหรอคะ”

“ประธานกำชับฉันเป็นพิเศษว่าถ้าคุณมา ให้คุณใช้ลิฟต์ส่วนตัวขึ้นไปหาเขาค่ะ”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset