บทที่518 ไม่สามารถอดทนได้
“ไม่เช่นนั้น?”
หานชิงถามกลับอย่างเรียบเฉย แต่เซียวเหยียนกลับไม่พูดอะไรไม่ออก เธอทำได้แค่ประหลาดใจอยู่ภายในใจ
ความทรงจำของเทพบุตร…ดีเกินไปหรือเปล่า?
ในตอนนั้นเธอใส่รหัสเพียงครั้งเดียว เขาก็สามารถจำได้แล้ว?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เสี่ยวเหยียนจำเรื่องจูบขึ้นได้ดังนั้นเธอจึงโพล่งถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว
“แล้วเรื่องครั้งล่าสุดคุณจำได้ไหม?”
“อะไร?”
“ก็คือว่าฉันจะ…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้เสี่ยวเหยียนก็หยุดลงกะทันหัน เธอใช้เวลาหลายวินาทีกว่าจะรู้ตัวว่าเธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกไป เธอมองไปที่หานชิงด้วยความตกตะลึง
เขาคงไม่คาดคิดว่าเสี่ยวเหยียนจะพูดประโยคแบบนี้อย่างกะทันหันและฉากในวันนั้นก็สว่างวาบขึ้นมาเพราะคำพูดของเธอ
ผู้หญิงตัวเล็กตัวน้อยยืนเขย่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้วก็จูบเขา
แล้ววันนั้นเขาก็ฟุ้งซ่านขาดสติ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หานชิงก็ขมวดคิ้วแน่น
เมื่อเห็นหานชิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ เซียวเหยียนก็กัดริมฝีปากล่างด้วยความเสียใจ คำพูดเธอนั้นไม่ได้ไตร่ตรองจริงๆ พูดเรื่องนี้ออกไปอย่างนี้ได้อย่างไรกัน?
และทำไมเธอถึงทำสิ่งที่น่าอับอายต่อหน้าเทพบุตรอยู่เสมอ?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยวเหยียนจึงรีบอธิบายว่า “เมื่อกี้ฉันพูดมั่วซั่ว ไม่มีความหมายอะไรเลย คุณไม่ต้องคิดมากเลย วันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจจะจูบคุณเลย ฉันอดกลั้นไว้ไม่ได้ดังนั้นเลย…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เสี่ยวเหยียนรู้สึกเสียใจมากขึ้นและเริ่มพูดติดอ่าง
“ไม่ ฉันไม่ได้อดกลั้นไม่ไหว ฉันแค่…”
เสี่ยวเหยียนก้มหัวลงอย่างหดหู่เธอกำลังพูดถึงเรื่องบ้าอะไร?
หานชิงลุกขึ้นอย่างกะทันหันและเดินเข้าไปหาเธอแต่เสี่ยวเหยียนนั้นกำลังสำนึกผิดและไม่ทันสังเกตเห็น
เมื่อเธอได้สติและเงยหน้าขึ้นเธอก็พบว่าหานชิงยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เขากำลังมองลงมา
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ ออร่าของเทพบุตรอยู่รอบตัวเขา ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าการหายใจของเธอนั้นกระชับขึ้นและจากนั้นเธอก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“เอ่อ คือฉัน…” มือเธออยู่ไม่ถูกเลยเมื่อเห็นหานชิงอยู่ใกล้ๆ
ในระยะใกล้ เธอเหมือนจะเห็นชัดถึงรูขุมขนบนใบหน้าเขา สายตาลึกซึ้ง คิ้วเข้ม สันจมูกและ…ริมฝีปากบางๆนั่น
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าริมฝีปากบางๆของเขาช่างน่าดึงดูด…
หานชิงจงใจเดินเข้ามาและปล่อยให้เธอจูบเหรอ?
ไม่ ไม่ใช่
เสี่ยวเหยียนส่ายหน้าอย่างสุดแรง เขาเป็นถึงประธานบริษัทตระกูลหานแล้วจะมาจูบเธอได้อย่างไร?
ทั้งหมดนี่มันเป็นไปไม่ได้
แต่…ถ้าเขาไม่ได้จะเข้ามาให้เธอจูบ งั้นจู่ๆทำไมเขาถึงเดินเข้ามาแบบนี้?
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เธอก็รู้สึกได้เลยว่าหานชิงนั้นจงใจเดินเข้ามาแบบนี้แล้ว เขาเข้ามาแล้ว แล้วเธอ…จะมัวลังเลอะไร?
“เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดในวันนั้น ฉันคิดว่าพวกเราต้อง…”
หานชิงจ้องมองไปที่หญิงสาวที่กำลังหลบสายตาไม่กล่าวอะไร หญิงสาวที่กำลังเขินอายจนหูแดง คำพูดที่สงบกล่าวออกมาจากริมฝีปากบางๆจากนั้นในวินาทีถัดมาสายตาของเขาละลงมองหญิงสาวที่กำลังก้มหน้าและจู่ๆเธอก็เงยหน้าขึ้นมาจากนั้นก็ได้ทำบางสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
เธอเขย่งปลายเท้า แขนทั้งสองข้างนั้นเกี่ยวพันรอบคอเขา ริมฝีปากสีแดงของเธอก็ทาบเข้าสู้ริมฝีปากของเขาในทันที
“……….”
เวลานี้บรรยากาศราวกับถูกแช่แข็งไว้
เวลาก็หยุดเดิน
เสี่ยวเหยียนทาบริมฝีปากบนริมฝีปากที่เย็นเฉียบของหานชิง เธอได้ยินเสียงหัวใจของเธอสั่นไหวอย่างชัดเจนและ…ยังมีอีกเสียงหนึ่ง
เหมือนกับว่าเป็นของ หานชิง
ทั้งคู่ไม่ได้หลับตาลง เสี่ยวเหยียนกระพริบตา ดวงตาคู่นั้นขนตายาวนั่นเป็นแพยาวช่างน่ารัก หานชิงรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกระแทกจิตใจเขา
เขาขยับและคิดจะยกมือขึ้น
สัมผัสที่ริมฝีปากนั้นได้หายไป ผู้หญิงที่เพิ่งคล้องคอและจูบเขาได้หมุนตัวกลับและวิ่งหนีขึ้นบันไดไปในทันที
หานชิงหรี่สายตาลงเขากำลังจะก้าวไปแต่ถึงอย่างไรก็ไล่ตามไม่ได้
เขามองดูร่างเล็กที่กำลังวิ่งขึ้นบันไดอย่างรีบร้อนจากนั้นร่างเล็กนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตาร่างนั้นก็หายไป
“……”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ หานชิงก็เอื้อมมือไปแตะริมฝีปากบางของเขา
ดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมของหญิงสาวหลงเหลืออยู่
รสชาติเหมือนน้ำผึ้ง
ทำไมถึงมีกลิ่นเช่นนี้? หานชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเขาเอานิ้วมาดูกลับพบว่านิ้วของตัวเองเป็นสีชมพู
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายทั้งแท่ง แต่ในเวลานี้ก็มีปฏิกิริยา
สิ่งที่ยังคงอยู่บนริมฝีปากของเขาคือลิปกลอสที่เสี่ยวเหยียนได้ทาเอาไว้
ลิปกลอส…
เขาแตะริมฝีปากตัวเองเหรอ? หานชิงยื่นมือออกมาและสัมผัสมันอีกครั้ง ปลายนิ้วของเขาก็เปื้อนไปด้วยสีชมพู
หานชิงจ้องมองสีชมพูนั้นอย่างนิ่งงัน
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนวิ่งกลับไปที่ห้องของเธอ เธอก็ล็อคประตูด้วยความรู้สึกผิด จากนั้นเธอถอดเสื้อคลุมของเธอและรีบเข้าไปในห้องน้ำจากนั้นเธอมองตัวเองในกระจก เธอหน้าแดงก่ำ
เธอ…เธอจูบเทพบุตรของเธออีกครั้ง
ฮือๆ เทพพระเจ้ามอบพรให้เธอหรืออย่างไร? ไม่งั้นเธอจะโชคดีขนาดนั้นได้อย่างไร? เทพบุตรถูกเธอจูบไปถึงสองครั้ง!
เธอรู้สึกว่าใกล้เป้าหมายมากขึ้นอีกหนึ่งก้าว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเหยียนก็ตระหนักถึงปัญหาที่ร้ายแรงมาก
เธอชะโงกหน้าไปที่กระจกอย่างกะทันหัน ร่างกายส่วนบนของเธอเกือบจะเข้าไปในอ่าง เธอเบิกตากว้างและจ้องมองตัวเองในกระจก
ริมฝีปากของเธอนั้นดูเหมือนว่าลิปกลอสจะจางไป?
หรือว่าเมื่อกี้จะ…..
สีหน้าของเสี่ยวเหยียนเปลี่ยนไปจากนั้นเธอก็เอื้อมมือไปปิดปากด้วยความตกใจ
หรือว่าเมื่อกี้เธอจะทิ้งรอยลิปกลอสไว้บนริมฝีปากของหานชิง?
เธอควรจะใช้ลิปกลอสที่ไม่ทิ้งรอยสิเพื่อที่จะไม่ต้องหลงเหลือทิ้งรอยไว้บนริมฝีปากของหานชิง แต่ … ก่อนที่เธอจะใช้ลิปกลอสนี้เธอไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าวันนี้เธอจะจูบกับหานชิง
มันเป็นการกระทำที่เหนือความคาดคิด
ในตอนที่หานชิงรู้ว่าเธอทิ้งรอยลิปกลอสไว้บนริมฝีปากเขา เขาจะเกลียดเธอหรือเปล่านะ?
เสี่ยวเหยียน เธอคิดบ้าอะไรอีกแล้ว? เหมือนกับว่าผู้หญิงอย่างเธอไปขโมยจูบเขา บางทีเขาอาจจะเกลียดเธออยู่แล้วก็ได้ จะต้องรอจนถึงตอนนี้หรือไง?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกหงุดหงิดในใจอีกครั้ง เธอเอนตัวลงบนอ่างอย่างอ่อนแรงและถอนหายใจ
เธอเป็นเด็กสาวที่ล้มเหลวจริงๆ
หานมู่จื่อตื่นสายเนื่องด้วยเมื่อคืนนั้นเธอกลับมาก็ดึกดื่นแล้วและเธอเองก็นอนไม่หลับ รอจนกระทั่งเกือบตีห้าเธอถึงจะค่อยๆหลับไป แต่ว่าเธอเองก็ต้องไปทำงานดังนั้นเมื่อถึงเวลาเธอก็จะตื่นเองโดยอัตโนมัติ
รอยคล้ำรอบดวงตา หานมู่จื่อเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยและเดินออกจากห้องรับแขก และเมื่อกลับไปยังห้องของตัวเองก็พบว่าเสี่ยวหมี่โต้วยังคงหลับอยู่
แต่เจ้าเด็กน้อยนั้นไม่ได้นอนหลับอย่างเรียบร้อยนักเขาได้เตะผ้าห่มไปอีกทาง
หานมู่จื่อถอนหายใจอย่างอดไม่ได้จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปหาเสี่ยวหมี่โต้วและหยิบผ้าห่มมาห่มให้เขา เธอมองนาฬิกาและพบว่ายังสามารถให้เขาหลับต่อได้อีกยี่สิบนาทีดังนั้นเธอจึงหันกลับไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา
เมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำ เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้ตื่นแล้วและได้เปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
เธอมองแผ่นหลังเล็กๆของเขา หานมู่จื่อก็คิดว่าเสี่ยวหมี่โต้วนั้นโตขึ้นมาแล้วหลังจากนี้ในอนาคตเขาต้องมีห้องเป็นของตัวเองแล้ว