เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 519 แขกผู้มาเยือน

บทที่519 แขกผู้มาเยือน

เหมือนกับว่าได้ยินเสียง เสี่ยวหมี่โต้วใส่เสื้อยืดแล้วหันกลับมายิ้มให้กับเธอ

“หม่ามี๊ อรุณสวัสดิ์”

หานมู่จื่อนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็ยิ้มให้และเดินเข้าไปลูบหัวเขา “ล้างหน้าล้างตาแล้วก็ลงไปกินข้าวด้านล่าง เดี๋ยวแม่จะไปส่งที่โรงเรียน”

“อื้ม!”

เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างสุดแรงจากนั้นก็ตรงเข้าไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา

ทั้งสองคนลงไปที่ชั้นล่างเพื่อทานอาหารเช้าด้วยกัน แต่สุดท้ายกลับไม่มีกลิ่นหอมของอาหารแต่กลับพบหานชิงนั่งอยู่คนเดียวภายในห้องรับแขก

“ลุง” เสี่ยวหมี่โต้วเห็นเขาและรีบวิ่งมาด้วยขาสั้นๆเพื่อเข้ามากอดเขา หานชิงกอดเขา “ล้างหน้าล้างตาแล้วเหรอ? เดี๋ยวลุงพาไปกินข้าวนอกบ้านแล้วจะพาไปโรงเรียน”

“อ้าว?” เสี่ยวหมี่โต้วงุนงง “น้าเสี่ยวเหยียนไม่ทำกับข้าวหรอกเหรอ?”

“….” หานชิงเม้มริมฝีปากบางๆของเขา

เขาคิดว่าหากเขาไม่จากไปไหน เธอก็คงจะไม่ลงมาด้านล่างแล้ว

“ใช่แล้ว หรือว่าวันนี้เสี่ยวเหยียนยังไม่ตื่น?” หานมู่จื่อลูบคางของเธอ ไม่หรอกมั้ง แม้ว่าเมื่อคืนจะนอนดึกแล้วแต่ด้วยนิสัยของเสี่ยวเหยียนสายขนาดนี้จะไม่ตื่นได้อย่างไร

“ฉันจะไปดูว่าเธอกำลังนอนขี้เกียจอยู่ใช่ไหม” พูดจบ หานมู่จื่อก็เตรียมหมุนตัวแต่กลับถูกหานชิงเรียกเอาไว้

“ไม่ต้องไป”

“หา?” หานมู่จื่อหยุดก้าวในทันที จากนั้นเธอหันกลับมามองหานชิงด้วยความสงสัย “ทำไมล่ะ?”

เมื่อต้องเผชิญกับสายตาที่แสดงถึงความหยั่งรู้ของเธอหานชิงนั้นอายเกินกว่าจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ เขายกกำปั้นขึ้นปิดริมฝีปากและกระแอม “จะไม่ทันเวลาแล้ว ให้เธอนอนไปเถอะ พวกเราก็ออกไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วค่อยโทรหาเธอเรียกเธอมาแบบนี้ก็ได้”

หานมู่จื่อเหลือบมองนาฬิกาและรู้สึกว่าหานชิงพูดได้มีเหตุผลจึงไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก เธอพยักหน้าและหยิบกระเป๋าและจูงมือเสี่ยวหมี่โต้ว ทั้งสามคนออกจากบ้านด้วยกัน

ระหว่างรอลิฟต์ หานมู่จื่อโทรหาเสี่ยวเหยียน แต่ใครจะไปคิดว่าโทรไปถึงสองครั้งก็ไม่มีใครรับสาย

“แปลก ทำไมไม่รับสาย?” หานมู่จื่อบ่นด้วยความงุนงง

หานชิงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอหยุดชะงักเมื่อเขาได้ยินคำนั้นจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่โทรศัพท์ของเธอ “ส่งข้อความต่อไป”

หานมู่จื่อกล่าวอย่างสงสัย “โทรไปก็ไม่ได้ปลุกเธอ ส่งข้อความไปจะปลุกเธอได้เหรอ? เดี๋ยวฉันลองโทร”

ติ๊ง

ลิฟต์มาในเวลานี้พอดี หานมู่จื่อจึงต้องเดินเข้าไปในลิฟต์

ไม่มีสัญญาณในลิฟต์ เธอจึงคิดว่าควรวางสายจากนั้นก็ส่งข้อความหาเสี่ยวเหยียน ให้เธอเก็บข้าวของหลังจากตื่นนอนแล้วและเมื่อทำอะไรเสร็จก็บอกเธอเสียหน่อย

และข้อความได้เขียนเสร็จแล้วเรียบร้อย รอออกจากลิฟต์หานมู่จื่อก็จะส่งข้อความไป หานชิงนั้นเดินไปเอารถดังนั้นหานมู่จื่อและเสี่ยวหมี่โต้วก็รออยู่ตรงประตูเขตชุมชน

อาจเป็นเพราะเสี่ยวหมี่โต้วนั้นเพิ่งตื่นเขาจึงเอนกายซบหน้าตักของเธอ มือทั้งสองกอดเธอเอาไว้ หานมู่จื่อลูบศีรษะเขาเบาๆจากนั้นก็ใช้มืออีกข้างกดโทรหาเสี่ยวเหยียน

และสุดท้ายเสี่ยวเหยียนก็ไม่รับสายทำให้หานมู่จื่อรู้สึกผิดแปลก

สาวน้อยคนนั้นวันนี้เป็นอะไรไป? ตื่นสายน่ะเอาไว้ก่อนไม่เป็นไรแต่ทำไมปลุกยากปลุกเย็นนัก?

คงจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม?

ในขณะที่กำลังคิดวุ่นวาย เสี่ยวเหยียนก็ตอบวีแชทเธอ

{พวกเธอไปกินข้าวกันเลย ฉันไม่ไป}

ตอนแรกหานมู่จื่อต้องการถามเธอว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า แต่หลังจากคิดแล้ว ตอนพวกเขาบอกว่าออกมาทานข้าวเช้ากันก็เห็นอยู่ว่าเธอไม่ได้อยู่ด้วย แล้วตอนนี้เธอรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขามาทานอาหารเช้า?

เมื่อนึกถึงการแสดงออกของหานชิงในตอนนี้ด้วยแล้วนั้นหานมู่จื่อรู้สึกว่าตัวเองสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

เธอหรี่สายตา

{เธอทำเรื่องแย่ๆไว้สินะ?}

{เอ๊ะ? เธอพูดไร้สาระอะไร? ฉันจะไปทำเรื่องแย่ๆอะไรได้!}

ข้อความนี้เผยให้เห็นว่าเสี่ยวเหยียนนั้นร้อนตัว หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากเธอส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้

{เราเป็นเพื่อนกันมากี่ปี ฉันยังไม่รู้จักเธอหรือยังไง? เธอจะปล่อยโอกาสที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับเทพบุตรเหรอ?}

{หึ ถึงแม้เธอจะเดาถูกแต่ก็ไม่ได้ให้พูดเรื่องไร้สาระ ฉันไม่ได้ไปกินข้าวด้วยก็เพราะฉันจะทำอาหารกินเองที่บ้านต่างหาก}

{โอเค งั้นก็สู้ๆนะ เตรียมตัวเป็นคุณหญิงหานไว้ดีๆล่ะ}

หลังจากหยอกล้อเสร็จ หานมู่จื่อก็เก็บโทรศัพท์เอาไว้

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หานมู่จื่อและหานชิงก็ได้ไปส่งเสี่ยวหมี่โต้วที่โรงเรียน เป็นเพราะว่าหานมู่จื่อติดรถของหานชิงมาก็เลยนั่งรถไปบริษัทด้วยกัน เมื่อถึงบริษัทเสี่ยวเหยียนเองก็อยู่ที่ห้องทำงานแล้ว

เมื่อเห็นว่าเธอมาแล้ว เสี่ยวเหยียนก็หันหน้าหนีและวิ่งไป

“หยุด” หานมู่จื่อเรียกเธอและหรี่สายตา “กลัวอะไรฉัน? เมื่อเช้าเธอก่อเรื่องอะไรไว้?”

เสี่ยวเหยียนหันหลังให้เธอและไม่ยอมหันกลับมา เวลาผ่านไประยะหนึ่งเธอจึงกล่าวว่า “มันไม่มีอะไร อีกอย่างเธอคิดแบบไหนมันก็แบบนั้นนั่นแหละ ฉัน…ฉันจะไปทำงานแล้ว”

หลังจากพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว

หานมู่จื่อมองแผ่นหลังของเธอก็อดยิ้มไม่ได้จากนั้นเธอก็เดินไปที่โต๊ะทำงานอย่างปกติ หานมู่จื่อรู้สึกเจ็บปวดขึ้นเมื่อเธอเห็นกองงานออกแบบที่วางอยู่บนโต๊ะ

หลังจากที่ทำงานมาเป็นเวลานาน ดูแล้วช่วงหลายวันนี้เธอจะยุ่งมาก

หลังจากเสร็จงานนี้แล้วเธอยังต้องออกแบบงานของเย่โม่เซิน

ในตอนเช้าหานมู่จื่อกำลังยุ่งอยู่กับการประมวลผลภาพวาดและวัสดุการออกแบบ เมื่อเธอทำงานเสร็จนั้นก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว หลังจากทานข้าวเที่ยงแล้ว หานมู่จื่อเองก็ไม่ได้พัก เธอตั้งใจจะกลับไปทำงานต่อ แต่เสี่ยวเหยียนรีบร้อนเข้ามาหาเธอ

“หลินชิงชิงมาแล้ว”

เมื่อได้ยินคำว่าหลินชิงชิง หานมู่จื่อก็หยุดนิ่งแล้วเงยหน้าขึ้น

“มาแล้วเหรอ?”

“ใช่” เสี่ยวเหยียนพยักหน้า “จะให้แจ้งตำรวจเลยไหม? อย่า….”

“ไม่ต้อง” หานมู่จื่อส่ายหน้า “ให้เธอเข้ามา”

“มู่จื่อ ถ้าเธอต้องการทำร้ายเธออีกล่ะ ฉันว่าแจ้งตำรวจเถอะ” พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นและกำลังจะโทรหาตำรวจ

“ฉันว่าเธอจะไม่ทำร้ายฉัน ให้เธอเข้ามาเถอะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”

“แต่ … ” เสี่ยวเหยียนยังคงลังเล

“ไม่ต้องกังวลไป ฉันจะไม่เป็นไร”

สุดท้ายแล้วเสี่ยวเหยียนก็ให้หลินชิงชิงเข้ามาอย่างไม่เต็มใจนัก

หลินชิงชิงไม่ได้มามือเปล่าและเธอก็ไม่ได้มาเพียงคนเดียว คุณแม่หลินอยู่ข้างหลังเธอ เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อเธอเห็นหานมู่จื่อ คุณแม่หลินก็แสดงสีหน้าขอโทษทันที “ต้องขอโทษจริงๆ ฉันมาหาคุณในเวลานี้ขัดจังหวะช่วงพักกลางวันของคุณหรือไม่?”

หลังจากพูดเสร็จเธอก็กระแทกหลินชิงชิงที่เดินอยู่ข้างเธอเล็กน้อย หลินชิงชิงมีท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เธอยังคงทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “ไม่หรอกมั้ง อยู่ห้องทำงาน จะรบกวนได้อย่างไร”

รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณแม่หลินหดตัวลงและกล่าวอย่างดุดันว่า “เธอพูดว่าอะไร?”

หลินชิงชิงนั้นกระอักกระอ่วนใจมาก “ฉันสัญญากับเธอแล้วว่าสามารถอยู่ที่นั่นได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่…ในเมื่อพวกเราได้ตัดสินใจไปแล้วดังนั้นพวกเขาก็ไม่ให้ฉันอาศัยอยู่ที่นั่น” เธอมีสีหน้าไม่พอใจมองหานมู่จื่อและกล่าว “ไม่ใช่ว่าฉันจะว่าอะไรหรอกนะ ฉันไม่มีทางเลือก พอฉันออกมาแล้วฉันกับแม่ก็มาหาเธอที่นี่”

“งั้นเหรอ?” สีหน้าของหานมู่จื่อนั้นสงบจากนั้นเธอก็ชี้ไปยังโซฟาตรงข้าม “นั่งสิ”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset