บทที่ 614 ผมมีเพียงแค่คุณ
ดูคนไปพลาง ทานอาหารไปพลางเหรอ?
หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่อยากจะกลอกตาใส่เย่โม่เซิน แต่การกระทำนี้จะทำให้ภาพลักษณ์ของเธอหมดไป ช่างมันไปเถอะ ดังนั้นเธอจึงอดทนอดกลั้นและสุดท้ายก็ไม่พูดอะไร
หลังจากนั่งลงได้สักพักหนึ่ง บริกรก็เดินมาพร้อมกับเมนูอาหาร สาวน้อยมองไปที่ดวงตาของเย่โม่เซินเกือบจะเป็นประกายแล้ว
“สวัสดี สวัสดีค่ะ สั่งอะไรดี?” หญิงสาววางเมนูลงตรงหน้าเย่โม่เซินอย่างประหม่า มองเขาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
หานมู่จื่อที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่สนใจมันอย่างสิ้นเชิง เธอเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวหนึ่งครั้ง โดยไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆเป็นพิเศษ
เย่โม่เซินผลักเมนูอาหารไปให้หานมู่จื่อ แล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “อยากทานอะไร?”
หญิงสาวถึงจะพบว่ามีใครบางคนอยู่ตรงข้ามกับเย่โม่เซิน เธอผงะไปชั่วขณะแล้วมองไปที่หานมู่จื่อ การมองอย่างฉับพลันเช่นนี้ทำให้หานมู่จื่อกระตุกริมฝีปากด้วยความลำบากใจ แล้วพูดว่า “อะไรก็ได้”
เมื่อเห็นเธอไม่สนใจ เย่โม่เซินจึงไม่ได้ถามเธออีก และเขาก็ตัดสินใจเองโดยสั่งสเต๊กสองชิ้นและไวน์แดง จากนั้นจึงเก็บเมนูอาหารให้กับอีกฝ่าย
หลังจากที่หญิงสาวหยิบเมนูขึ้นมาแล้วนั้น เธอก็แอบเหลือบมองไปที่เย่โม่เซินหนึ่งครั้ง จากนั้นก็เดินถือเมนูอาหารกลับไป
หานมู่จื่อมองไปที่ด้านหลังของหญิงสาว จากนั้นมองไปทางเย่โม่เซินที่อยู่ตรงกันข้ามท่าทางสุขุม และอดไม่ได้ที่พูดเหน็บแนมเขาหนึ่งประโยค “เสน่ห์ของนายยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน”
เมื่อได้ยิน เย่โม่เซินก็หยุดกะทันหัน แล้วเลิกคิ้วขึ้น ราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง
“หึงเหรอ?”
หานมู่จื่อ “… “
เธอสามารถเพิกเฉยต่อเขาได้แล้วจริงๆ หานมู่จื่อมองออกไปทางข้างนอก ไม่พูดไม่จา แต่เย่โม่เซินอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปข้างหน้า และกระซิบว่า “ไม่ต้องกังวล ในใจของผมมีเพียงแค่คุณคนเดียว”
เมื่อได้ยินหานมู่จื่อก็จ้องเขาอย่างดุร้ายหนึ่งครั้ง แต่กลับเห็นแค่รอยยิ้มแคบ ๆ บนริมฝีปากของเขา
*
“กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด ฉันจะบอกพวกเธอให้ มีผู้ชายที่หล่อเหลาไร้ที่เปรียบมาอยู่ที่ร้านของพวกเรา เขามองมาที่ฉันแค่ครั้งเดียวก็รู้สึกว่าฉันแทบจะหลงในสายตาของเขาแล้ว ฉันรู้สึกว่าฉันไม่เคยเห็นผู้ชายที่หล่อขนาดนี้ในโทรทัศน์มาก่อนเลย “
หญิงสาวชื่อซู่ฉินเมื่อเธอถือเมนูอาหารไปทางด้านหลังก็อดไม่ได้ที่จะซุบซิบกับเพื่อนร่วมงานของเธอ
เสิ่นอีอีมองไปที่เธออย่างแปลกประหลาดหนึ่งครั้ง “หล่อขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงได้ทำให้เธอหลงใหลถึงขนาดนี้”
ซู่ฉิน พยักหน้าอย่างแรง “จริงๆ หล่อมากๆ! ไม่ใช่หล่อแบบธรรมดา เป็นคนที่แบบมีเสน่ห์มากๆ และลักษณะท่าทางทั้งหมดก็ดูมีราศีมากๆด้วย”
“ ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะหล่อจริงๆด้วย ถ้าไม่อย่างนั้น… เดี๋ยวฉันจะไปเสิร์ฟให้เธอเอง”
ซู่ฉิน มองไปที่ใบหน้าแดงระเรื่อของ เสิ่นอีอีหนึ่งครั้ง ทั้งสองคนเพื่อนสนิทกันนี่นา ซู่ฉิน ก็เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ยังไม่โต คิดดูแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที “งั้นก็ได้ ให้เธอเสิร์ฟแทนฉัน ตอนเธอกลับมาเธอต้องแบ่งปันประประสบการณ์ของเธอด้วยนะ”
“ไม่มีปัญหา”
เสิ่นอีอีลูบหน้าอกตอบรับโดยทันที
หลังจากนั้นก็นำเมนูอาหารส่งไปให้พ่อครัว รอให้พ่อครัวทำสเต๊กเสร็จ ตอนที่เสิ่นอีอีจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเสิร์ฟอาหารนั้น ทว่ากลับชนคนคนหนึ่งเข้าอย่างรุนแรง
เพล้ง!
เสิ่นอีอีล้มลงกับพื้นโดยทันที ร้องด้วยความเจ็บปวด และไม่มีการตอบสนองเป็นเวลานาน
“อีอี!” ซู่ฉินที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นสถานการณ์นี้เข้า ก็อุทานและเข้ามาประคองเธอ “เธอโอเคไหม?”
ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมา ถึงจะตระหนักได้ว่าคนที่ทำให้ เสิ่นอีอีล้มก็คือเมิ่งเส่โยว
“เมิ่งเส่โยว เธอจะทำอะไร?” เสิ่นอีอีตะโกนใส่ เมิ่งเส่โยว อย่างโกรธเกรี้ยว
และเมื่อ ซู่ฉิน เห็นว่าเป็น เมิ่งเส่โยว ที่ทำให้ล้ม เสิ่นอีอีนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ขบกัดริมฝีปากล่างของตัวเองและไม่กล้าพูด
“จะทำอะไรเหรอ?” เมิ่งเส่โยว ใช้สายตาลำพองใจกวาดมองไปที่เธอหนึ่งครั้ง ยิ้มเหยาะเอ่ยว่า “เข้าใจกฎหรือเปล่า?ในที่นี้ถึงตาที่พวกเธอตัดสินใจเองตั้งแต่เมื่อไหร่ สเต๊กจานนี้ให้ฉันเป็นคนเสิร์ฟแล้วกัน”
เธอก็อยากเห็นว่า เป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่หล่อขนาดนั้น ถ้าหากว่าเป็นลูกชายคนร่ำรวยละก็ เธอก็สามารถเปลี่ยนเป้าหมายได้เช่นกัน
จะได้ไม่ต้องโมโหอยู่ในร้านอาหารนี้ทุกๆวัน เมื่อเธอคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน เธอกลายเป็นโมโหยิ่งขึ้นไปอีก
“นี่ เธอจะทำแบบนี้ได้อย่างไร?บิลล์นี้เป็น ซู่ฉินที่รับมา แม้ว่าฉันจะไม่มีส่วนแบ่ง ก็ตกไปเป็นของเธอไม่ได้หรอกสินะ?” เสิ่นอีอีกล่าวอย่างโกรธเคือง
“เหอะ” เมิ่งเส่โยว ยกจานอาหารพร้อมกับเดินไปข้างหน้าเธอ ทว่าทันใดนั้นก็ยกเท้าขึ้นและเตะ เสิ่นอีอีหนึ่งครั้ง เสิ่นอีอีตะโกนด้วยความเจ็บปวด และจับขาของตัวเอง “เธอจะทำอะไร?”
“ก็ทำให้เธอรู้ว่าใครเป็นคนพูดคำไหนเป็นคำนั้นในที่นี้” เมิ่งเส่โยว ยิ้มอย่างเหี้ยมโหด “ตอนนี้ฉันเตะเธอ ล้วนแต่ไม่มีใครมาช่วยเธอ เธอก็น่าจะรู้ว่าในที่นี้ใครเป็นคนพูดคำไหนเป็นคำนั้นแล้วสินะ?ฉันอยากจะไปส่งโต๊ะไหนก็จะส่งไปที่โต๊ะนั้น ถึงคราวที่เธอจะมาซักถามฉันแล้วเหรอ? “
ดวงตาของ เสิ่นอีอีโกรธจนเป็นสีแดง อยากที่จะพุ่งไปข้างหน้าและคุยกับ เมิ่งเส่โยวให้สิ้นซาก แต่ทว่า ซู่ฉิน กลับดึงเธอไว้แน่น
“ อย่าไปอีอี อีอี!”
“ปล่อยฉันไป!” เสิ่นอีอีตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ฉันจะสู้กับหล่อน ทำไมหล่อนถึงทำแบบนี้กับฉันได้ ทำไมเหรอ?”
“ไม่โอเคเหรอ?” เมิ่งเส่โยว ยกคางของเธอขึ้นมาอย่างมีชัย “ไปหาผู้จัดการสิ และบอกว่าเมื่อสักครู่นี้ฉันเตะเธอ ดูสิว่าเธอจะสามารถทำงานนี้ต่อไปได้อีกหรือไม่”
หลังจากพูดเสร็จ เมิ่งเส่โยว ก็หันกลับไปอย่างมีชัย และยกจานอาหารออกไป
เสิ่นอีอีอยากที่จะรีบพุ่งออกไปราวกับจะบ้าคลั่ง แต่ก็ถูก ซู่ฉิน จับไว้แน่นอยู่ตลอดเวลา
“ อย่าไปอีอี เธอจะตกงานนะ พวกเราหางานทำมันไม่ง่ายนะ ถ้าหากพวกเราตกงานไป ค่าเช่าห้องจะทำอย่างไร?”
“ปล่อยฉัน หางานทำมันไม่ง่าย หล่อนก็สามารถปฏิบัติกับฉันแบบนี้ได้เหรอ?วันนี้ฉันต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่องให้ได้”
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เสิ่นอีอีก็ถูก ซู่ฉิน จับไว้แน่นอยู่ตลอด และคนข้างๆที่มองมาเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“ยังไงซะเธอก็ช่างมันไปเถอะ ก็นับว่าเธอจะไปคุยกับหล่อนให้รู้เรื่องก็ไม่ได้หรอก ถึงอย่างไรก็ตามใครๆก็รู้ว่าผู้จัดการเข้าข้างทางหล่อน ถ้าเธอไปอย่างมากก็ทำได้แค่ให้เธอโกรธมากๆ ในความเป็นจริงไม่มีข้อดีใดๆเลย “
“ถูกต้อง ถูกต้อง และหล่อนก็คว้าจานนำออกไปเสิร์ฟ นี่คือการแย่งงานของเธอทำ เธอทำไมคิดไม่ออกล่ะ? ดูคนหล่อไง พวกเราไม่ต้องเสิร์ฟอาหารก็ดูได้นี่ เดี๋ยวอีกสักพักหนึ่งหาข้ออ้างออกไปเช็ดโต๊ะข้างๆก็ดูได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่อีอีพวกหล่อนพูดถูก เธอคิดให้กว้างๆหน่อยสิ”
เสิ่นอีอีถูกเธอทำให้ล้ม แล้วก็ถูกเตะอีกหนึ่งครั้ง เลือดของความโมโหพุ่งขึ้นตรง หลังจากที่ฟังคำพูดของพวกเธอนี้ ก็ยังไม่สามารถระงับไฟความโมโหลงได้
เธอกัดริมฝีปากล่าง “ฉันจะต้องตอบโต้สำหรับความเกลียดชังนี้ หล่อนคิดว่าตอนนี้ตัวหล่อนเองอยู่เหนือกว่าแล้วเหรอ?รอให้หล่อนตกมาจากหลังม้าก่อน ฉันจะบอกให้หล่อนรู้ว่า เสิ่นอีอีไม่ใช่ยั่วยุได้ง่ายๆ”
เมิ่งเส่โยว รู้สึกภาคภูมิใจในหัวใจ และแม้แต่รอยยิ้มตรงมุมริมฝีปากของเธอก็กว้างขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน และท่าทางในการเดินไปเสิร์ฟ์จานอาหารนั้นก็เปลี่ยนเป็นมีเสน่ห์สวยงามขึ้นมา
แม้ว่าทุกคนจะสวมชุดทำงาน แต่ชุดทำงานของเธอก็ได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นพิเศษเพื่อเธอ กระโปรงสั้น เสื้อคอกว้าง รองเท้าส้นสูง ถุงน่องสีดำลายดอก ล้วนแต่ดึงดูดใจเป็นอย่างมาก
สิ่งที่เธอคิดในใจในตอนนี้ ก็ล้วนแต่เป็นตอนที่จะพบเจอกับหนุ่มหล่อ จะต้องแสดงออกให้ดีที่สุดอีกครั้งหนึ่งแน่ๆ
ในไม่ช้า เมิ่งเส่โยว ก็เดินมาถึงข้างๆโต๊ะอาหารหมายเลข 8 ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่แผ่นหลังร่างสูงตรงของชายคนนั้นอย่างแน่น และเธออดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง
ทำไมรู้สึกว่าแผ่นหลังนี้ … คุ้น ๆ เล็กน้อย? ดูเหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน?
แน่นอนว่า ในตอนนี้สายตาของ เมิ่งเส่โยว มีเพียงผู้ชายคนนี้คนเดียว และไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนอยู่ฝั่งตรงข้ามของเย่โม่เซิน