เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 66 ตายยากตายเย็นจริงๆ

ไป๋มู่ชิงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆหันหลังให้เขา
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ หนานกงเฉินก็พูดขึ้นจากด้านหลัง “รู้มั้ยว่าฉันเกลียดผู้หญิงแบบไหนมากที่สุด”
“ผู้หญิงที่โกหกหลอกลวง” ไป๋มู่ชิงยังคงก้มหน้า
“รู้ก็ดี……”
“ขอโทษค่ะ” ไป๋มู่ชิงค่อยๆหันกลับไปหาเขา เอามือจับแขนเขาไว้มองเขาด้วยสีหน้าอย่างรู้สึกผิด “ฉันแค่อยากให้คุณทำตามคำแนะนำของคุณหมออยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลซักสองสามวัน เมื่อคืนคุณก็อ้วกเป็นเลื่อด มาวันนี้ก็เป็นลมอีก ถ้ายังทำงานหนักแบบนี้ร่างกายคุณจะไม่ไหวนะคะ”
“คุณอย่าโกรธฉันเลยได้มั้ย ที่ต้องโกหกก็เพราะหวังดีต่อคุณจริงๆ ต่อไปฉันจะไม่โกหกอะไรคุณอีกแล้ว สาบานให้ฟ้าผ่าตายก็ได้” เธอรีบพูด
“ไม่โกหกอีกงั้นเหรอ?”
“ใช่…..ค่ะ” ไป๋มู่ชิงจำต้องตอบ
สวรรค์ช่วย! นี่เธอหาทางตายให้ตัวเองชัดๆ!
สถานการณ์เธอตอนนี้ มีอะไรที่เธอไม่ได้โกหกหนานกงเฉินบ้าง? ทั้งสมอ้างเป็นไป๋ยิ่งอัน ทั้งปิดบังเรื่องที่เธอตั้งครรภ์ คงมีแต่นามสกุลเธอเท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นจริงซะอย่าง!
น่าละอายใจ! เธอช่างละอายใจ!
หนานกงเฉินเกลียดผู้หญิงที่โกหกหลอกลวงที่สุด แต่พอเห็นหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของไป๋มู่ชิง เขากลับโกรธเธอไม่ลง
หรือจะเป็นอย่างที่เธอพูด ทุกคำโกหกของเธอเกิดขึ้นเพราะความหวังดี มันจึงทำให้เขาเกลียดเธอไม่ลง
หนานกงเฉินถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนพูด “เอาเสื้อมา”
ไป๋มู่ชิงเงยหน้าขึ้น แต่ไม่ได้ไปเอาเสื้อให้เขา เธอกลับจ้องมองเขาแล้วพูดขึ้นอย่างไม่กลัวตาย “คุณชายใหญ่ ฉันคิดว่าไหนๆวันนี้ก็ไม่มีงานอะไรแล้ว อย่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเลย นอนพักที่นี่ซักคืนเถอะ พรุ่งนี้เช้าฉีดยาเสร็จค่อยเข้าบริษัทฯ”
“ไป๋ยิ่งอัน !!”
” ขอโทษค่ะ ฉันผิดอีกแล้ว” ไป๋มู่ชิงรีบก้มหน้า
“ไม่มีใครเคยบอกเธอเลยเหรอ? ว่าฉันเกลียดโรงพยาบาล แค่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ในโรงพยาบาลฉันก็อยากอ้วก ฉันไม่เชื่อหมอที่ไหนทั้งนั้น”
ไม่เคยมีใครบอกเธอจริงด้วย! ไป๋มู่ชิงคิด
“ถึงไม่ชอบก็ต้องอยู่! “เสียงของคุณผู้หญิงดังขึ้นจากทางประตู หลังจากนนั้นก็เห็นคุณผู้หญิงเดินเข้ามาพร้อมพี่เหอ
คุณผู้หญิงโมโหกับเรื่องที่หนานกงเฉินเป็นลมอย่างมาก เดินเข้ามาด้วยสีหน้าตึงเครียดก่อนตำหนิ “ฉันพูดกี่ครั้งแล้วว่า เงินหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่หนานกงเฉินมีแค่คนเดียว เรื่องงานที่บริษัทฯให้เซิ่งเคอและคุณลุงเป็นคนดูแลแทน ต้องดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองก่อน ทำไมไม่เชื่อฟังกันบ้างเลย
“คุณย่าพูดถูกค่ะ” ไป๋มู่ชิงเห็นด้วย เธอเข้าไปประคองแขนคุณผู้หญิงนั่งบนเก้าอี้
ก่อนที่ท่านจะนั่งลง ท่านยกมือขึ้นตีหัวหนานกงเฉินทีหนึ่งอย่างคาดโทษ “ไอ้ตัวแสบ! อยากให้ฉันหัวใจวายตายหรือไง?”
ไป๋มู่ชิงเห็นหนานกงเฉินทั้งโดนตีและโดนต่อว่าแต่ไม่กล้าพูดอะไร เธอก็นึกขำในใจจนเกือบกลั้นหัวเราะไม่อยู่
ช่วงเวลาที่เธอรู้สึกซะใจที่สุดก็คงเป็นเวลาที่หนานกงเฉินโดนคุณผู้หญิงสั่งสอนนี่แหละ เพราะมีแตีช่วงเวลาแบบนี้เท่านั้นที่หนานกงเฉินผู้บ้าอำนาจและเย็นชา จะมีท่าทีที่ดูอ่อนน้อมและเชื่อฟัง
เขาในมุมนี้ดูใจดีและน่ารัก รู้สึกเข้าถึงเขาได้ไม่ยาก
หนานกงเฉินมองหน้าเธอที่กำลังกลั้นหัวเราะ เขาขยับมุมปากเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะคุณผู้หญิงกำลังตำหนิสั่งสอนอยู่
หลังคุณผู้หญิงต่อว่าหนานกงเฉินเสร็จ ก็สั่งให้เขาอยู่โรงพยาบาลให้ครบสามวันจึงจะอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
สมกับที่เป็นคุณผู้หญิงตระกูลหนานกงเลย เวลาเด็ดขาดขึ้นมาก็ไม่แพ้หนานกงเฉินที่บ้าอำนาจและเด็ดขาด ไป๋มู่ชิงแอบชื่นชมท่านอยู่ในใจ
หลังจากคุณผู้หญิงออกไปแล้ว ในห้องก็กลับมาเงียบลงอีกครั้ง ขณะที่ไป๋มู่ชิงแอบยิ้มในใจ หนานกงเฉินกลับรู้สึกหงุดหงิดและอึดอัดใจ
เขาไม่ได้สนใจไป๋มู่ชิงที่แอบยิ้มมุมปาก และไม่ได้ยืนกรานจะเปลี่นเสื้อผ้า แต่กลับนอนหันหลังให้เธออย่างตึงๆ
ทั้งสองต่างเงียบไปสักพัก ไป๋มู่ชิงมองดูเวลาก่อนจะมองเขาที่นอนหันหลังให้เธออยู่ ก่อนพูดขึ้น “คุณนอนพักไปก่อนนะ ฉันออกไปหาซื้ออะไรให้คุณทานนิดหนึ่ง ”
ไม่มีการตอบกลับจากหนานกงเฉิน เธอจึงลุกออกจากห้องไป
พอออกมาหน้าห้องถึงเห็นว่ามีผู้ชายสองคนยืนเฝ้าอยู่ ดูท่าแล้วคุณผู้หญิงยังไงก็ไม่ให้หนานกงเฉินออกจากโรงพยาบาลเป็นแน่
ไป๋มู่ชิงแวะไปซื้อนิตยสาร ดอกไม้สองช่อ และของกิน จากตลาดใกล้ๆ พอกลับถึงห้องพักโรงพยาบาล ก็พบว่าพี่เหอให้คนนำอาหารเย็นมาส่งให้แล้ว
เธอเอาดอกไม้ใส่แจกัน แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะข้างๆหัวเตียงหนึ่งช่อ และตรงระเบียงหนึ่งช่อ
หนานกงเฉินย่นหัวคิ้วถามอย่างไม่พอใจ “ฉันยังไม่ตาย เธอเอาดอกไม้มาวางเต็มห้องทำไม?”
ไป๋มู่ชิงตอบขณะที่จัดดอกไม้ไปด้วย “คุณบอกว่าไม่ชอบกลิ่นแอลกอฮอล์ไม่ใช่เหรอ? วางดอกไม้ไว้แบบนี้จะช่วยให้คุณไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ไง”
หนานกงเฉินไม่พูดอะไร แอบสูบลมหายใจทีหนึ่ง ไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์แล้ว มีแต่กลิ่นดอกไม้หอมๆ
ฉันยังซื้อหนังสือมาให้คุณด้วยนะ คุณจะได้ไม่เบื่อ ไป๋มู่ชิงวางหนังสือที่เธอเลือกให้เขาไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง
หนานกงเฉินมองไปที่หนังสือแวบหนึ่ง เห็นว่าเป็นหนังสือประเภทบริหารการเงินที่เขาชอบ
ไป๋มู่ชิงตักโจ้กที่อยู่ในกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิยื่นให้เขา “สบายใจได้ มีฉันอยู่เป็นเพื่อน คุณไม่เหงาแน่นอน”
ก็จริง!!
หนานกงเฉินเห็นด้วย มีผู้หญิงที่พูดมากแบบเธออยู่ข้างๆ เขาไม่ต้องกลัวเลยว่าจะเบื่อ มีแต่จะรำคาญสิไม่ว่า
ตกดึก หนานกงเฉินนอนบนเตียงคนไข้ ส่วนไป๋มู่ชิงขอให้ผู่เหลียนเหยานำผ้าห่มมาให้ แล้วนอนเฝ้าเขาตรงโซฟา คิดอยู่ว่าเธอตัวเล็กน่าจะนอนโซฟาได้สบายๆ
ผ่านไปแค่ครึ่งชัวโมงเธอก็เริ่มสู้สึกปวดเมื่อยตามตัว เธอค่อยๆขยับตัวกลัวจะทำให้เขาตื่น แต่เนื่องจากตัวเธอจมลึกไปในโซฟา จึงทำเธอให้ขยับตัวได้ค่อนข้างยาก
ลมเบาโชยมาพร้อมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ จากเคยรู้สึกว่าหอมกลับอยากจามขึ้นมาซะงั้น
ไป๋มู่ชิงแทบไม่ได้หลับทั้งคืน ไม่ขยับตัวก็จาม กระทั้งใกล้ฟ้าสางเธอง่วนจนทนไม่ไหวจึงค่อยๆหลับไป
เป็นเพราะว่านอนหลับไม่สนิทเท่าที่ควร เธอจึงฝันไม่ค่อยดี ถึงขนาดฝันเห็นเด็กทารถร้องไห้เรียกหาแม่ในความมืด
เด็กน้อยดูไร้เดียงสา และน่าสงสารเป็นอย่างมาก
เวลาแปดโมงเช้า คุณหมอเข้ามาตรวจไข้ ไป๋มู่ชิงจึงโดนคนปลุกให้ตื่น
เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นคุณหมอกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ในห้อง ส่วนคนที่ปลุกเธอคือคุณหมอ ผู่เหลียนเหยา
ขอโทษที ฉันหลับยาวเลย เธอรีบลุกขึ้นจากโซฟา และเก็บผ้าห่มไว้ตรงมุมโซฟาทันที
แย่จัง เธอหลับยาวจนถึงเวลาคุณหมอมาตรวจไขเลยเหรอนี่
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพากลุ่มคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆมาเยี่ยมไข้ด้วยตัวเอง หลังจากพูดคุยอย่างให้ความเคารพอยู่ชั่วครู่ก็ออกจากห้องไป เหลือไว้แต่ผู่เหลียนเหยาเป็นคนต่อสายน้ำเกลือให้เขา
ขณะที่ว่างอยู่นั้น เธอพับผ้าห่มไป จามไป
หนานกงเฉินที่โดนเธอกวนทั้งคืนทนไม่ไหวพูดขึ้น “ยังไม่หยุดอีกเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงหน้าแดง ก่อนพูดอย่างเกรงใจ “ขอโทษที คือฉัน……แพ้เกสรดอกไม้”
“แพ้เกสรดอกไม้?” ผู่เหลียนเหยายิ้มขณะเก็บอุปกรณ์ แล้วหันมองดอกลีลี่ช่องใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเตียง “แล้วยังจัดดอกไม้ไว้ในห้อง อีก เดี่ยวฉันช่วยเอาดอกไม้ออกไปทิ้งให้นะ”
“ไม่ ไม่ต้องก็ได้” ไป๋มู่ชิงรีบปฏิเสธ “ไม่เป็นไร จามไม่กี่ครั้งก็ชินแล้ว”
หนานกงเฉินไม่ชอบกลิ่นแอลกอฮอล์ ดังนั้นเธอจะเอาดอกไม้ไปทิ้งไม่ได้
ผู่เหลียนเหยาพยักหน้ารับ ก่อนชี้ไปที่กล่องข้าวเก็บอุณหภูมิ “เมื่อเช้าฉันต้มข้าวต้มทรงเครื่องมาให้ สำหรับสองคนพอดี พวกพี่รีบทานตอนร้อนๆนะคะ”
“ขอบใจนะ เกรงใจเธอจังยังต้องมาเตรียมอาหารเช้าให้พวกเราอีก”
“เกรงใจอะไร พอฉันแต่งงานกับเซิ่งเคอ เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” ผู่เหลียนเหยายิ้ม
หลังผู่เหลียนเหยาออกไปแล้ว ไป๋มู่ชิงก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เป็นเบอร์ของโรงพยาบาลที่เธอนัดทำแท้งโทรฯเข้ามาพอดี เธอปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่อย่างนั้นโดยไม่รับสาย รู้สึกสับสนไปหมด
พูดไปก็ช่างบังเอิญ ทุกครั้งที่เธอจะไปเอาเด็กออกต้องเจอต้องเเข้ากับหนานกงเฉินทุกที หรือจะเป็นเพราะพ่อลูกเขามีใสใยสื่อถึงกันได้นะ
เธอย้อนไปถึงความฝันเมื่อครู่ นึกถึงใบหน้าน่ารักของเด็กทารกน้อยที่เรียกหาแมอย่างน่าสงสาร
มือเธอก็ค่อยๆยกขึ้นมาลูบท้องน้อยตัวเอง ถ้าอีกสามเดือนข้างหน้าเธอต้องหลีกทางให้ไป๋ยิ่งอันจริง ลูกคนนี้เธอเก็บไว้ก็น่าจะไม่เป็นไรมั้ง?
ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง อีกสามเดือนก็เป็นฤดูหนาวแล้ว ถึงตอนนั้นท้องเธอก็น่าจะยังไม่โตเท่าไหร่ อีกอย่างพอใส่เสื้อกันหนาวหนาๆก็คงดูไม่ค่อยออกแล้วว่าเธอกำลังตั้งครร
ถึงแม้ว่าทำแบบนี้จะดูเสี่ยงไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าทำให้เขาไม่ได้เกิดมา
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่อยากทำแล้ว” เธอตอบกลับผู้ช่วยหมอที่อยู่ในสาย
พอออกจากห้องน้ำ ไป๋มู่ชิงก็เห็นว่าดอกลีลี่ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงและตรงระเบียงถูกโยนทิ้งถังขยะไปแล้ว เธอรีบเดินไปที่ถังขยะแล้วถาม “ทำไม่ต้องโยนดอกไม้ด้วย?”
“เพราะจะได้มีบรรยากาศห้องสงบซะที” หนานกงเฉินตอบขณะที่ตายังอ่านหนังสืออยู่โดยไม่หันมามองเธอ
ไป๋มู่ชิงรู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องที่เธอจามไม่หยุด ในใจรู้สึกผิดเล็กน้อย จากที่ตั้งใจในห้องหอมไปด้วยกลิ่นดอกไม้ เขาจะได้ไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ตัวเองกลับมาแพ้เกสรดอกไม้ซะงั้น
เป็นวันที่ยาวนานสำหรับหนานกงเฉินที่ต้องติดอยู่ในห้องพักโรงพยาบาล เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังติดคุก รู้สึกหงุดหงิดและอึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหว
ไป๋มู่ชิงเห็นเขามีอาการหงุดหงิดและเบื่อหน่าย เธอจึงถามขึ้น “คุณชายใหญ่ เล่นเกมส์เป็นมั้ย?”
“เกมส์อะไร?”
“พวกเกมส์RoV ”
“ไม่เป็น”หนานกงเฉินทำสีหน้าดูแคลน
“สนุกมากนะ เอาโทรศัพท์มือถือมาฉันจะโหลดแอบฯให้ เดี๋ยวสอนคุณเล่นเอง” ไป๋มู่ชิงไม่รอให้เขาตอบ เธอเดินไปเอามือถือเขาที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเริ่มโหลดแอบเกมส์ให้
หนานกงเฉินจากที่ตั้งใจจะปฏิเสธแต่พอนึกๆแล้ว คุณผู้หญิงไม่ได้แค่บังคับให้เขาอยู่ที่นี่อย่างเดียว ยังไม่ยอมให้เข้าทำงานใดๆด้วย ขืนอยู่แบบนี้สามวัน แล้วไม่หาอะไรเล่นบ้างคงเบื่อและอึดอัดน่าดู
หลังจากโหลดแอบมาเรียบร้อย ไป๋มู่ชิงก็ลงทะเบียนให้เขาเสร็จสรรพในชื่อคุณชายเฉิน แล้วยังดึงเขาเข้ากลุ่มของเธออีกด้วย
เธออธิบายการเล่นให้เขาอย่างละเอียด หนานกงเฉินซึ่งฉลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วไม่นานก็เล่นเป็น ไป๋มู่ชิงรู้สึกทึ่งในความหัวไวของเขา เธอพูดยิ้มยิ้ม “ต่อไปคุณก็เล่นตามฉันและคู่ของฉันนะ เราจะพาคุณตีBOSSและเก็บเครื่องมือไปด้วยกัน หัวไวอย่างคุณไม่นานเลเวลก็ขึ้นแล้ว
“ใครคือคู่เธอ?” หนานกงเฉินถามขึ้น
“ก็หัวหน้ากิลไง”
“………….”
ไป๋มู่ชิงเห็นเขาไม่ตอบเลยหันไปหา เห็นเขาจ้องมองมาด้วยสีหน้าไม่ไม่พอใจ เธอจึงรีบอธิบาย “คุณชายเฉินคุณอย่าเข้าใจผิดนะ นี่คือกาติกาในเกมส์ คนในเกมส์เมื่อเลเวลขึ้นมาในระดับหนึ่งก็สมารถจับคู่แต่งงานกันได้ เพราะหลายไอเท็มต้องอาศัยคู่รักรวมพลังถึงจะได้มา ต่อไปคุณเลเวลสูงขึ้นก็สมารถหาคู่แต่งงานเพื่อเพิ่มไอเท็มได้”
“พวกเธอแต่งงานกันนานยัง? เข้าหอยัง? มีลูกยัง?”
“………….” กลายเป็นไป๋มู่ชิงที่ไม่รู้จะตอบยังไง
ไม่จริงจังขนาดนี้ได้มั้ย ปาดเหงื่อ!
หนานกงเฉินไม่ได้รอฟังเธอตอบ เขาหันไปมองหน้าจอมือถือและเริ่มเล่นทันที
ไป๋มู่ชิงแอบถอนหายใจ ก่อนจะยิบมือถือขึ้นมาและเริ่มเล่น
เธอไม่ได้เข้ามาเล่นบ่อย และไม่ได้ชอบเล่นเกมส์เท่าไหร่ ไอดีนี้เธอใช้เล่นตั้งแต่สมัยเรียน หลังจากเรียนจบก็มัวยุ่งทำเรื่องจบ จากนั้นก็มีเรื่องให้แต่งเข้าบ้านตระกูลหนานกงอีก เธอเลยไม่ได้เข้ามาเล่นเลย
หัวหน้ากิลถามเธออย่างเป็นห่วง หายไปไหนมามีเรื่องอะไรหรือป่าวไม่เห็นเข้ามาเล่นเกมส์นานเลย เธอไม่อยากให้หนานกงเฉินเข้าใจผิด จึงทำเป็นไม่ได้ยิน
แต่หนานกงเฉินที่ถือดาบอยู่ในเกมส์ กลับพูดขึ้น “เธอไปแต่งงาน”
ไป๋มู่ชิงเริ่งรู้สึกเสียใจละที่ดึงเขาเข้ากลุ่ม
“คุณชายเฉินระวัง! ไป๋มู่ชิงร้องเตือน เห็นหนานกงเฉินถูกหัวหน้ากิลฟันเข้าให้ เธอจ้องหนานกงเฉินที่อยู่ข้างๆ ” ก็บอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าเราอยู่ทีมเดียวกัน จะถือดาบไปฟันหัวหน้ากิลแบบนั้นไม่ได้ ดูสิโดนเขาฆ่าตายเลย”
ผู้ชายที่ใช้ชีวิตวางอำนาจมาตลอด แค่เล่นเกมส์ยังดูออกถึงความบ้าอำนาจในตัวเขา
“ไม่เล่นละ ไม่สนุก” หนานกงเฉินโยนมือถือลงบนที่นอน ก่อนจะล้มนอนตาม
หนานกงเฉินปากบอกไม่เล่น แต่ก็ทนความเบื่อหน่ายไม่ไหว พอกินข้าวเที่ยงเสร็จ เขาก็กลับมานั่งเล่นเกมส์ต่อ
ไป๋มู่ชิงเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง แล้วแอบยิ้ม
ถ้าคุณผู้หญิงและพนักงานหลายพันคนในหนานกงกรุ๊ปรู้ว่า ผู้นำของหนานกงกรุ๊ปกำลังนั่งเล่นเกมส์ออนไลน์ คงจะแปลกใจกันน่าดู
ไป๋มู่ชิงเล่นจนเหนื่อย เลยให้หนานกงเฉินเล่นต่อคนเดียว เธอชี้ไปที่เตียงนอนแล้วถาม “ฉันขอ….นอนพักบนเตียงหน่อยได้มั้ย?”
นอนโซฟาทรมานมากจริงๆ เมื่อคืนพลิกไปมาทั้งคืนตอนนี้ยังปวดเมื่อยตามตัวอยู่เลย
หนานกงเฉินมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะขยับที่ให้ ไป๋มู่ชิงรีบนอนลงอย่างไม่เกรงใจ
ผ้าห่มที่ผ่านการฆ่าเชื้อกลิ่นค่อนข้างฉุนจริง แต่ยังดีที่มีกลิ่นของเขาที่เธอชอบ
หน้าเธอค่อยๆพิงไปข้างตัวเขาก่อนจะหลับตาและหลับไปในที่สุด เพราะเหนื่อยจากที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน
ผู่เหลียนเหยาที่ได้เวลามาตรวจไข้ เปิดประตูห้องเข้ามาก็เห็นหนานกงเฉินพิงหัวเตียงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ ส่วนไป๋มู่ชิงนอนหลับไหลเอาหน้าซบด้านข้างตัวเขาและเอาแขนพาดบนเอวเขา
ตั้งแต่ไป๋มู่ชิงแต่งเข้าบ้านตระกูลหนานกง เห็นแต่หนานกงเฉินเย็นชาและไม่ใยดีต่อเธอ ไม่เคยเห็นพวกเขาสนิทแนบชิดกันแบบนี้มาก่อน
ตอนที่เธอเปิดประตูเข้ามาหนานกงเฉินยังส่งสัญญาณมือให้เธอเงียบ กลัวจะทำให้ไป๋มู่ชิงตื่น
ผู่เหลียนเหยาถามเสียงเบา “พี่เฉิน กินยาตอนบ่ายหรือยังคะ?”
“ยัง เดี๋ยวค่อยกิน” หนานกงเฉินยังมัวง่วนอยู่กับการเล่นเกมส์ในมือถือ
“งั้นอย่าลืมกินนะคะ” ผู่เหลียนเหยาย้ำ
ถึงแม้ผู่เหลียนเหยาจะพูดเสียงเบาแล้ว แต่ก็ยังทำให้ไป๋มู่ชิงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เธอค่อยๆลืมตาทันเห็นหลังไวๆของผู่เหลียนเหยา เธอก้มมองตัวเองที่นอนแนบชิดอยู่ข้างหนานกงเฉิน แล้วยังเอาแขนพาดบนเอวเขาอีก
ก่อนเธอหลับจำได้ว่าเธอแค่นอนใกล้ๆเขาเองนี่นา ทำไมตื่นมาถึงได้……
ตายแล้ว หรือว่าเธอเกิดอาการหื่นกับเขา?
เธอรีบดึงแขนที่พาดเขาไว้กลับมา ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง แล้วยิ้มอย่างเกรงใจ “ขอโทษทีนะคะ พอดีเตียงมันเล็กน่ะ”
“ทำไมต้องขอโทษ”
“ฉัน……ปกติไม่ใช่คนหื่นนะ”
“คืนวานก่อนคนที่นอนทับอยู่บนตัวฉันแล้วเลียเหมือนลูกหมาน้อยทั้งคืนไม่ใช่เธอเหรอ?” คนที่ไม่มีอาการหน้าแดงใดๆ สายตายังคงมองหน้าจออยู่พูดขึ้น
ไป๋มู่ชิงหน้าแดงระเรื่อขึ้นทันที คืนวานก่อน? คืนวานก่อนไม่ใช่ว่าเขาอาการกำเริบอ้วกเป็นเลือด? ยังจะจำได้ว่าเธอนอนทับบนตัวเขาแล้วเลีย……
“นั้นมันจูบต่างหาก!” เธอเถียงอย่างไม่พอใจ
มันเกินไปแล้วนะ! ถึงเธอจะจูบผู้ชายก่อนเป็นครั้งแรก อาจจะยังไม่เก่งมากนัก แต่ก็ไม่ต้องพูดถึงขนาดว่าจูบเธอเหมือนลูกหมาเลียมั้ย?
“ฉันว่า ลูกหมายังจูบเก่งกว่าเธอ”
“คุณ……. “ไป๋มู่ชิงโกรธจนพูดไม่ออก ก่อนจะยอมแพ้ “ใช่ไง คุณมีผู้หญิงเยอะนี่ ประสบการณ์โชกโชน ฉันสู้คุณไม่ได้หรอกพอใจยัง?”
เธอพูดงอนๆก่อนจะนั่งพิงหัวเตียงใกล้ๆเขา แล้วยิบมือถือบนหัวเตียงขึ้นมาเข้าเกมส์
เพิ่มเข้าเกมส์มาเธอก็เห็นข้อความในช่องแชตมาเป็นหางว่าว
เธอรีบอ่านข้อความในช่องแชต บางคนก็ห้ามไม่ให้เธอหย่ากับหัวหน้ากิล ยังไงก็แต่งกันมานานแล้ว แต่เพื่อนในทีมบางคนที่ไม่ชอบเธอก็ด่าว่าเธอลืมบุญคุณ พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง
ดูถึงตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว เธอได้ขอหย่ากับหัวหน้ากิลแล้ว
เมื่อสองชัวโมงก่อนเธอยังนอนหลับฝันดีอยู่เลย แล้วจะไปขอหย่ากับหัวหน้ากิลได้ไง
ใครเป็นทำเรื่องบ้าบอนี้กันแน่!
เธอหันไปหาหนานกงเฉินอย่างโมโห ยื่นมือถือตรงหน้าเขาแล้วถาม “หนานกงเฉิน คุณทำใช่มั้ย”
“ใช่” หนานกงเฉินตอบทั้งที่ไม่เงยหน้ามองเธอ
“คุณ…..คุณทำแบบนี้ได้ไง?” ไป๋มู่ชิงตะโกนขึ้นมา ฉันกับเขากำลังทำภาระกิจสำคัญร่วมกันอยู่ คุณมาบังคับให้เราหย่าแบบนี้ ภาระกิจสำคัญแบบนี้โอกาสแบบนี้ คุณ…….คุณจะชดเชยให้ฉันยังไง?
“ไม่เห็นหรือว่าฉันกำลังพยายามอัปเลเวลอยู่?”
“เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
“ก็จะแต่งกับเธอไง”
ไป๋มู่ชิงเกือบสำลักกับคำที่เขาพูด เขาพูดอะไรนะ? แต่งกับเธอ?
“แต่งกับฉัน? ไม่ง่ายขนาดนั้น”
“ก็ลองดู” หนานกงเฉินวางโทรศัพท์ลง แล้วเอาหน้าเข้ามามองเธอใกล้ๆ”แต่งกับเธอมันยากแค่ไหนกัน? ใช่ว่าจะไม่เคย”
“คุณ! คนหน้าไม่อาย! ” ไป๋มู่ชิงรู้สึกเขินอายจนต้องดันหน้าเขาออก ก่อนจะมุดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม
“แค่เกมส์ต้องโมโหขนาดนี้เลยเหรอ?” หนานกงเฉินดึงผ้าห่มออก พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ หรือว่าเธอเคยเจอเขา? หรือชอบเขา? ถึงไม่อยากหย่ากับเขา?
“ไม่ใช่ซะหน่อย” ไป๋มู่ชิงมองอย่างไม่พอใจ “ฉันแค่ไม่ชอบที่คุณชอบวางอำนาจแบบนี้”
แต่……..
ไป๋มู่ชิงนึกสงสัยขึ้นมา เขาพูดแบบนี้หมายความว่าไง? ทำไมต้องใส่ใจกับเรื่องแต่งงานในเกมส์ขนาดนี้? หรือว่า……จะเริ่มรู้สึกชอบเธอขึ้นมาบ้างแล้ว ?
นึกถึงความเป็นไปได้แล้ว เธอก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
เธอยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะขอโทษเพื่อนในทีและพูดเขากับยิ้มแย้ม “ถึงตอนนี้เลเวลคุณจะยังน้อย ขอแต่งกับฉันไม่ได้ แต่ฉันจะรอคุณเอง รอจนกว่าเลเวลคุณจะมากขึ้นพอที่จะมีสิทธิ์ขอฉันแต่งงาน”
อยู่ที่โรงพยาบาลกับหนานกงเฉินทั้งวันทั้งคืนอย่างใกล้ชิดแบบนี้ ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าเธอเข้าใกล้หนานกงเฉินได้มากขึ้นอีกก้าว อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำเย็นชาใส่เธอเหมือนเคย
เธอรู้สึกชอบช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขาแบบนี้ หวังว่าหลังจากที่ได้อยู่ด้วยกันที่โรงพยาบาลครั้งนี้ จะทำให้เธอเข้าใจเขาได้มากขึ้นอีกนิด
แต่ยังไม่ทันไร ผู่เหลียนเหยาก็เข้ามาแจ้งว่าเขาสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
หนานกงเฉินได้ฟังเช่นนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก
ส่วนไป๋มู่ชิงกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ไหนบอกว่าต้องอยู่โรงพยาบาลสามวันไง? ทำไมได้ออกไวจัง?”
ผู่เหลียนเหยายิ้ม “เห็นพี่เฉินเบื่อและอึดอัดมาก เลยปรึกษากับคุณหมอเจ้าของไข้ให้พี่เฉินออกจากโรงพยาบาลได้”
หนานกงเฉินเบื่อ? ไป๋มู่ชิงไม่มีอะไรจะพูด เขาดูออกจะมีความสุขมั้ย? เล่นเกมส์ทั้งวัน
ผู่เหลียนเหยาพูดอีก “พี่เฉิน กว่าฉันจะขอคุณหมอเจ้าของไข้ได้ไม่ง่ายเลย พี่ต้องรับปากก่อนนะคะว่ากลับถึงบ้านแล้วจะพักผ่อนให้ดี อย่าทำงานหนัก ไม่งั้นฉันไม่รู้จะบอกคุณหมอและคุณย่ายังไง”
วางใจเถอะ ฉันจะดูแลตัวอย่างดี หนานกงเฉินเก็บโทรศัพท์แล้วยิ้มเล็กน้อย
หลังผู่เหลียนเหยาออกไปแล้ว ไป๋มู่ชิงก็ค่อยๆนำเสื้อผ้าในตู้ไปให้เขาเปลี่ยน ก่อนจะพากันเดินออกจากห้อง
ลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง ขณะที่กำลังก้าวออกจากลิฟต์ ไป๋มู่ชิงก็เจอเข้ากับหลินอันหนานที่กำลังจะขึ้นลิฟต์พอดี
หลินอันหนานถือตะกร้าผลไม้ในมือ ใส่สูทสีเข้มดูหล่อเหลาภูมิฐาน เขาเห็นเธอแล้วหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนทักทายคนทั้งสองด้วยความเคารพ “พี่เฉิน พี่สะใภ้ จะออกจากโรงพยาบาบแล้วนเหรอครับ? ไหนบอกว่าวันมะรืนถึงจะไ้ด้ออก?”
ไป๋มู่ชิงเห็นเขา ก็รีบเข้าไปยืนข้างๆหนานกงเฉินเอาแขนกอดไว้ที่เอวเขา
เธอไม่คิดว่าจะได้เจอหลินอันหนานที่นี้ ตายยากตายเย็นจริงๆ

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset