เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก – ตอนที่ 313 ข่มขู่กันและกัน / ตอนที่ 314 ไอ้นี่ไอ้นั่น

ตอนที่ 313 ข่มขู่กันและกัน  

 

 

เหยียนเค่อกำลังประชุมอยู่ก็ได้รับข้อความรูปจากสวีรั่วชี  

 

 

ปลายนิ้วเลื่อนหน้าจอไปทางด้านซ้าย ชั่วครู่ก็เลื่อนไปทางด้านขวา เพียงแต่ช้ากว่าคราวที่แล้ว  

 

 

ผู้ช่วยหวังที่ยืนพรีเซนต์พาวเวอร์พ้อยต์อยู่ทางด้านซ้ายมือของเหยียนเค่อเห็นเขาก้มหน้าลง ก็นึกว่าตัวเองพูดได้ไม่ดีพอ ก่อนจะเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของเหยียนเค่อสว่างขึ้น จากระยะนี้ แม้ว่าเขาจะเห็นรูปคนในโทรศัพท์ไม่ชัดนัก แต่ก็พอจะแยกเพศของคนบนหน้าจอได้พอดี เขามองปราดหนึ่ง ก่อนจะรีบเบนสายตาออกมา  

 

 

ยิ่งรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งตายช้าเท่านั้น เขารู้มากเกินไปแล้ว…  

 

 

การพูดคุยเรื่องสัญญาในครั้งนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น จัดการดำเนินเรื่องในระยะแรกเรียบร้อยแล้ว แผนการระยะหลังที่ขอไว้ ฝ่ายของตนก็ได้ให้ไปเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายเมื่อทั้งสองฝ่ายเซ็นชื่อลงไปก็จะมีผลบังคับใช้ทันที  

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้คิดไตร่ตรองใดๆ เซ็นชื่อตัวเองลงไปบนเอกสารหลังจากที่อีกฝ่ายเซ็นเรียบร้อยแล้ว จึงยื่นคืนไปให้ฉบับหนึ่ง  

 

 

คนที่เช่าสนามบินหนานซาน ไม่ใช่แค่หนึ่งเดียวในมณฑล N เท่านั้น แต่ในระดับประเทศเองก็หาได้ยากยิ่ง ช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวของมณฑล N ได้พัฒนาสู่ภายนอกอย่างเต็มที่  

 

 

YAN เปิดโหมดการตลาดใหม่ ในขณะที่ได้สร้างความสัมพันธ์ในการร่วมมือกับทางหน่วยงานของรัฐบาลก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับผลประโยชน์มากที่สุด อีกทั้งยังทำให้แผนการทำงานของทั้งตัวเขตหนานซานได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้หน่วยงานเขตหนานซานรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้สำเร็จ  

 

 

หลังจากจบการประชุม โดยปกติแล้วจะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ของทั้งสองฝ่าย เหยียนเค่อมาเซ็นสัญญาถึงที่นี่ก็ถือว่าให้เกียรติมากพอแล้ว สุดท้ายเรื่องงานเลี้ยงจึงให้ผู้ช่วยหวังรับหน้าที่ไปแทน  

 

 

“จบงานนี้ พวกคุณไปฉลองงานกันอีกก็ได้นะ” เหยียนเค่อเก็บของตัวเองก่อนจะสั่งกำชับ “พักผ่อนที่หนานซานก่อนก็ได้ วันจันทร์ค่อยกลับไปทำงาน”  

 

 

“ครับ”  

 

 

ผู้ช่วยหวังรู้ว่าสิทธิพิเศษนี้ไม่น้อย ได้พักหนึ่งวันครึ่ง แถมมีวันเสาร์อาทิตย์อีก เพื่อไม่ให้ละครคอมเมดี้กลายเป็นโศกนาฏกรรม เขาจึงพูดขึ้นก่อน “บอสครับ ระหว่างที่พวกเราพักผ่อน ท่านก็ช่วยหยุดก่อเรื่องก่อนได้ไหมครับ”  

 

 

“ยุ่งจริง” เหยียนเค่อเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ผู้ช่วยหวังฟังน้ำเสียงนั้นแล้วก็เกิดกลัว รีบพาคนอื่นๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว  

 

 

เหยียนเค่อเองก็ไม่ได้ออกจากหนานซาน ก็แค่แยกกันกับลูกน้องของตน แล้วไปปีนภูเขาบริเวณที่เขากับซย่าเสี่ยวมั่วไปตั้งแคมป์ด้วยกันในตอนนั้น  

 

 

พื้นที่บริเวณนี้ยังคงสภาพเดิม ไม่ได้ทำการเปิด เพียงแต่ปรับปรุงให้ดูมีวัฒนธรรมมากขึ้น และเพิ่มกลิ่นอายความโบราณเข้าไปเท่านั้น  

 

 

เขานั่งลงในศาลาก่อนจะเปิดดูรูป ในโทรศัพท์ยังมีรูปจากตอนไปเที่ยวข้างนอกกับซย่าเสี่ยวมั่วหลงเหลือ ตัวเธอในแต่ละรูปดูร่าเริงและสดใส คนที่ทั้งงามสง่าและสูงส่งยังคงเป็นเธอคนนั้นคนเดิม  

 

 

เมื่อคิดแล้วสายตาก็เบนจากโทรศัพท์ออกไปมองทิวทัศน์ด้านนอก ราวกับได้เห็นภาพซย่าเสี่ยวมั่วยืนกระทืบเท้าย่ำอยู่ที่เดิมด้วยความหนาวในตอนนั้น รวมถึงใบหน้ามีสุขยามที่ได้นั่งล้อมกองไฟ  

 

 

แฟ้มเอกสารที่วางไว้ข้างตัวโดนลมภูเขาพัดขยับปลิวขึ้น ด้านในมีปึกกระดาษเอสี่ที่ด้านบนเขียนตัวหนังสือเบียดแน่นขนัดถูกเย็บมุมวางทับกัน สุดท้ายกระดาษใบแรกก็ถูกลมพัดจนเผยอออกมาครึ่งหนึ่ง ตรงกลางเขียนเป็นชื่อผู้ถือหุ้นลำดับที่หนึ่งของการแบ่งหุ้นส่วนนี้อย่างชัดเจน ตรงด้านหลังในวงเล็บเขียนเป็นคำว่า ‘มั่ว’ ในนามของคนสืบทอดลำดับแรกหากผู้ถือหุ้นลำดับที่หนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตัวอักษรนั้นถูกเขียนไว้อย่างไม่ชัดเจนนัก  

 

 

ลมภูเขายิ่งพัดก็ยิ่งหนาว ร่างกายของเหยียนเค่อยังไม่หายดีจึงไม่กล้านั่งนาน ขณะกำลังจะลุกไปดูที่สโมสรก็ได้รับข้อความจากสวีรั่วชี คราวนี้มีตัวหนังสือแนบมาด้วย  

 

 

“ฉันจะพาซย่าเสี่ยวมั่วไปเสริมสวย เสร็จแล้วก็จะพาเขาไปนัดบอดล่ะ” ด้านล่างเป็นรูปคู่ของทั้งสองคน  

 

 

เห็นได้ชัดว่าซย่าเสี่ยวมั่วตัดผมและดัดลอนที่ปลาย มองดูแล้วอายุเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยอย่างไรอย่างนั้น  

 

 

เหยียนเค่อพิมพ์ข้อความตอบกลับ [เธอกล้าเอาเพื่อนไปขายเหรอ คืนนี้ฉันจะวางยาสวีอันหราน]  

 

 

สวีรั่วชีกดเปิดโทรศัพท์โดยไม่ได้คิดอะไร เมื่อเห็นข้อความนั้นแล้วก็เกือบจะโยนโทรศัพท์ลงพื้น ใบหน้าแดงซ่านไปหมด  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 314 ไอ้นี่ไอ้นั่น  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วง่วงงุนสุดขีด เกือบล้มหน้าคะมำกลางถนนเสียแล้ว  

 

 

สวีรั่วชีลูบหัวเธอก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “มีคนคุ้มกะลาหัวนี่ดีจริงๆ ฉันยังไม่กล้าทำอะไรเธอเลย”  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วอ้าปากหาวแล้วน้ำตาซึม มองหน้าเธออย่างุนงง “ตอนนี้ฉันขอกลับบ้านไปงีบหน่อยได้ไหม”  

 

 

“ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลยนะ เรื่องดอกกุหลาบ หลี่หมิงฉวี สวีรั่วชีนั่นน่ะ เธอเป็นคนทำใช่ไหม” สวีรั่วชีนั่งบนที่นั่งคนขับแต่ยังไม่ขับรถ ซย่าเสี่ยวมั่วงุนงงอยู่ครู่หนึ่งจึงจะมองเธอโดยปราศจากข้อสงสัย  

 

 

“เธอรู้ได้ไงว่าฉันเป็นคนทำ” ซย่าเสี่ยวมั่วง่วงจนไม่มีแรงโต้เถียงแล้ว “ฉันทำเอง ทำเองทั้งหมดเลย เธอรีบพาฉันกลับบ้านเถอะ!”  

 

 

พอเขาไม่เถียงกลับก็ไม่มีอะไรน่าสนุกอีกแล้ว สวีรั่วชีมองซย่าเสี่ยวมั่วที่ทิ้งทุกศักดิ์ศรีไปเพื่ออยากจะนอนแล้วยักไหล่ “อธิบายมาซะดีๆ”  

 

 

“เธอน่ะเป็นคนดีที่สุดแล้ว!”ซย่าเสี่ยวมั่วพูดแทรกขึ้น จับแขนสวีรั่วชีแล้วเขย่าอย่างบ้าคลั่ง “เธอไปส่งฉันกลับบ้านเถอะ!”  

 

 

สวีรั่วชีที่พูดเหมือนสีซอให้ควายฟังเริ่มเอือมระอา “เดี๋ยววันเสาร์ฉันมาหาเธอใหม่”  

 

 

“อื้มๆๆๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้ารัวๆ นวดเปลือกตาแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ ตั้งตารอคอยการกลับบ้านอย่างใจจดใจจ่อ  

 

 

ชั่วพริบตาเดียวก็ถึงวันเสาร์แล้ว ขณะที่ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังทรมานเพราะตื่นไม่ไหวอยู่นั้น สวีรั่วชีก็ขับรถเข้ามาจอดใต้อาคารของเธอเรียบร้อยแล้ว  

 

 

“เมื่อคืนเธอกับสวีอันหรานไม่ได้ทำไอ้นี่ไอ้นั่นกันเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วนวดคลึงศีรษะของตนอย่างเซื่องซึม  

 

 

สวีรั่วชีช่วยเธอนวดแรงๆ สองที “ในสมองเธอมีผีห่าตัวไหนอยู่ข้างในกันฮะ”  

 

 

“พี่สวีไม่ได้เรื่องเลยอะ ทำไมถึงทำให้เธอมีแรงลงจากเตียงมาทำร้ายฉันได้เนี่ย” ซย่าเสี่ยวมั่วเดินลากเท้าเข้าไปในห้องน้ำ  

 

 

“ตอนที่เธอกับเหยียนเค่อไอ้นี่ไอ้นั่นกัน ก็ยังลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้เขาได้ตั้งแต่เช้าตรู่เลยไม่ใช่เหรอ” สวีรั่วชีฟังเธอพูดจนชักจะเขิน ทำได้เพียงโต้เถียงซย่าเสี่ยวมั่วกลับเสียงอ่อย  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเหยียดยิ้ม “ไอ้นี่ไอ้นั่นของพวกเธอ กับไอ้นี่ไอ้นั่นของพวกฉันมันเหมือนกันหรือไง” เธอสาดน้ำเย็นล้างหน้าให้ตัวเองตื่นเต็มตาขึ้นสักหน่อย “การกระทำของพวกเธอรวมศิลปะและชีววิทยาหลากหลายอย่างไว้ด้วยกัน เป็นวัฒนธรรมจีนที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโจวกง[1]เชียวนะ…”  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ทันพูดจบก็โดนตบกะโหลกฉาดใหญ่  

 

 

“พูดให้มันดีๆ หน่อย!” สวีรั่วชีหน้าแดงแจ๊ด ตอนเรียนอนาโตมียังไม่รู้สึกอะไรเลยแท้ๆ ทำไมตอนนี้ถึงต้องมาเขินเพราะคำพูดของซย่าเสี่ยวมั่วด้วย  

 

 

“หน้าแดงก็เพราะกลัว ที่กลัวก็แสดงว่ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ที่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้ก็แสดงว่าพวกเธอเคยทำกันแล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเธออย่างลึกซึ้ง ป้ายโฟมล้างหน้าลงบนใบหน้า  

 

 

สวีรั่วชีทนสายตาของเธอไม่ไหวจึงวิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำ  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองแผ่นหลังของเขาผ่านกระจกแล้วก็หัวเราะอย่างสะใจ กลัวแล้วล่ะซี่…  

 

 

เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วแต่งตัวเสร็จก็ทำเอาสวีรั่วชีตกอกตกใจหมด  

 

 

“ฉันหล่อมากเลยใช่ไหม!” ซย่าเสี่ยวมั่วหมุนไปหมุนมาตรงหน้าสวีรั่วชีอย่างที่คิดเอาเองว่าดี  

 

 

สวีรั่วชีคว้าแขนเสื้อฮู้ดดี้ของเธอไว้ ก่อนจะดึงกางเกงขาบานตัวโคร่งด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เหมือนเด็กกะโปโลแต่จะไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กอะ”  

 

 

แม้แต่ทรงผมที่เพิ่งทำมาใหม่ก็ช่วยการแต่งตัวของซย่าเสี่ยวมั่วดูดีขึ้นไม่ได้  

 

 

“เธอรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย เธอจะเล่นเป็นเลสเบี้ยนกับฉันแบบนี้ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ” สวีรั่วชีดันตัวเธอกลับเข้าไปในห้อง “รีบเปลี่ยนซะ ชุดปกติชุดไหนก็ได้”  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วสองมือสอดเข้าไปในช่องกระเป๋าด้านหน้าของเสื้อฮู้ดดี้ ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กมัธยมต้น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างอิดออด  

 

 

“เฮ้อ” สวีรั่วชีมองซย่าเสี่ยวมั่วที่เปลี่ยนเป็นกระโปรงสีขาวกับเสื้อเชิ้ตผ้าทอสีดำแล้วก็ถอนหายใจออกมายืดยาว เธอก็ไปบงการอะไรเยอะไม่ได้ จึงจะพยักหน้า “ไปกันเถอะ”  

 

 

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ให้ความร่วมมือกับเขาคนนั้นเลย แบบนี้จะเดทกันอย่างไรล่ะเนี่ย  

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ได้อยากให้เขาคนนั้นมาชอบตัวเองอยู่แล้ว พึงพอใจในการแต่งตัวของตนเป็นอย่างมาก วิ่งดุ๊กดิ๊กตามสวีรั่วชีออกจากบ้านไป  

 

 

 

 

 

——  

 

 

[1] โจวกง  บุคคลในประวัติศาสตร์ เป็นพระโอรสลำดับที่สี่ในพระเจ้าโจวเหวินหวังแห่งราชวงศ์โจว  

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ซย่าเสี่ยวมั่ว สาวโสดผู้หมดศรัทธาในความรักจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้าน เพียงเพราะทะเลาะกับผู้เป็นแม่เรื่องหา ‘ลูกเขย’! ด้วยอับจนหนทางที่จะกลับบ้าน เธอจึงต้องไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทชั่วคราว ทว่าระหว่างนั่งรถประจำทาง เธอดันไปปะทะฝีปากกับชายหนุ่มรูปงาม และสร้างความอับอายให้เขาอย่างน่าคับแค้นใจ! ทั้งที่เธอไม่คิดจะเจอเขาอีกชั่วชีวิต ทว่าเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง บันดาลให้เธอต้องมาพบกับเขาอีกครั้งในฐานะ ‘แฟนเช่า’ ครั้งนี้ เหยียนเค่อ จะให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสม!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset