เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 390 – สาวน้อยเซี่ยอี

ตอนที่ 390 สาวน้อยเซี่ยอี

“หาเรื่องตาย!” หญิงงามสองคนข้างๆ มารมังกรฟ้าขมวดคิ้วเดือดดาล เจ้าคนอ่อนแอผู้นี้กล้าดียังไงถึงได้หลู่เกียรติเจ้านายพวกนาง อย่าว่าแต่เจ้าผู้นี้มิได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ต่อให้เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด พวกนางก็จะต้องฆ่าเขา

หน้าของหญิงงามคนซ้ายมือเริ่มเปลี่ยนรูป ขณะที่ริมฝีปากแดงของนางฉีกขยายกว้างจนถึงหูเผยให้เห็นเขี้ยวฟันเลื่อยที่แหลมคม

ตาของนางเป็นประกายสีเขียว

เกล็ดสีขาวขยายลามไปทั่วตัว หลังมือของนางมีเล็บแหลมคมสีดำ กลายเป็นรูปกรงเล็บพิษคู่สังหาร

กับพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง พื้นไม้มะเกลือแตกระเบิดจากแรงย่ำของนาง เพียงชั่วแว่บกรงเล็บดำแหลมคมก็กวาดมาถึงข้างหน้าของเย่ว์หยาง ขณะที่เงากรงเล็บครอบคลุมไปทุกที่ ยากที่จะบอกได้ว่าภาพใดเป็นกรงเล็บจริงหรือปลอม ทันใดนั้นภาพกรงเล็บหนึ่งพุ่งตรงมาจากกลุ่มภาพกรงเล็บที่แน่นขนัดตรงมายังหัวใจเย่ว์หยาง เซี่ยอีกรีดร้องลั่นขณะที่นางพยายามจะช่วยเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางเองก็เป็นเพียงนักสู้ระดับหก นางมิอาจเทียบได้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งในแง่พลังและความเร็ว

ก่อนที่นางจะชักมีดออกมาจากเอว กรงเล็บของศัตรูก็มาถึงหัวใจของเย่ว์หยางแล้ว

เซี่ยอีรีบวิ่งไปข้างหน้า ขณะที่พยายามผลักเย่ว์หยางออกไป

บางทีนางต้องการใช้ร่างกายตัวเองเป็นโล่ปกป้องเจ้านายที่อารมณ์เลวร้าย ยุ่งยาก หยิ่งยโสแต่ใจดีของนาง นางไม่เคยคิดถึงเหตุผลว่าทำไมนางต้องทำเช่นนั้น เพราะนางเองก็ต้องการฆ่าเขามาก่อน แต่ตอนนี้ เมื่อชีวิตของเขาตกอยู่ในความเสี่ยง ร่างกายนางกลับทำหน้าที่เองไวกว่าความคิดนางเสียอีก

“ไม่!”

เซี่ยอีตระหนักว่านางยังคงช้ามาก

เมื่อนางไปถึงเขา กรงเล็บดำของหญิงที่จู่โจมจากระยะไกลก็ประทับเข้าที่อกของเย่ว์หยางและในวินาทีต่อมาก็ฉีกเข้าที่หน้าอกของเขา

เซี่ยอียังสามารถเห็นรอยยิ้มที่ชั่วช้าโหดร้ายของศัตรูของนางได้ แต่ทำหมดที่นางทำได้ก็คือร้องออกมาอย่างเศร้าโศก

“ไม่….”

ขณะที่น้ำตาของเซี่ยอีไหลออกมาบดบังทัศนวิสัยของนางจนพร่ามัว นางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างระเบิดขึ้น

เลือดเนื้อกระเด็นไปทุกทิศทาง

มีส่วนหนึ่งกระเด็นมาถูกหน้าและตัวของเซี่ยอี

นั่นไง!

เซี่ยอีหลับตาอย่างเศร้าโศก นางไม่เคยร้องไห้ให้บุรุษ แต่ตอนนี้น้ำตากลับไหลนองหน้านาง ขณะที่เขายังมีชีวิต นางเกลียดเขา เจ้าคนลามกที่ชอบมองแต่อกสตรี และคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายที่แข็งแกร่งทรงพลังของเขา เขาก็คงถูกศัตรูสับเละทุบตีไปนานแล้ว แต่พอเขาถูกฆ่าจริงๆ นางไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย และนางไม่อาจยอมรับได้และถูกความเศร้าโศกครอบงำในที่สุด ความโศกที่ฉีกกระชากและเผาผลาญนาง นางอยากจะล้มกลิ้งเกลือกกับพื้นและฉีกทึ้งตัวเองเพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องยอมรับความเป็นจริงเช่นนี้

ขณะเดียวกัน ความโกรธความเกลียดที่ไม่สิ้นสุดเต็มอยู่ในใจนาง

ฆ่าศัตรูชั่วช้าเพื่อล้างแค้นให้กับความตายของเขา

ฆ่า!

ความโกรธบ้าคลั่งครอบงำเซี่ยอี ขณะที่นางรู้สึกว่าบางอย่างแตกทำลายอยู่ในตัวนาง วิญญาณนางระเบิดพลังงานที่ทรงพลังออกมาจากจุดตันเถียนของนางและไหล่บ่าไปทั่วตัว แขนขาทั้งสี่ของนางสั่นคล้ายกับว่าพยายามจะยับยั้งพลังงานมหาศาลนี้

อย่างไรก็ตาม เซี่ยอีไม่สนใจอีกต่อไป ขณะที่นางกำมีดแน่น

นางกัดฟันและใช้พลังนางเต็มที่

นางพุ่งเข้าใส่ตรงที่ศัตรูอยู่.. นางไม่เคยฝึกการใช้มีดฟันคน แต่ตอนนี้เป็นไปโดยสัญชาตญาณ

นอกจากนี้ มันเกิดจากความเกลียดชัง ต้องการทำลาย

นางสาบานว่าจะต้องทำลายศัตรูโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น

“อ๊าาาาา!” เซี่ยอีคำรามด้วยความโกรธ แม้ว่านางจะไม่ได้ลืมตา แต่มีดยาวก็ฟันใส่สตรีกรงเล็บดำด้วยความเกรี้ยวกราดน่ากลัว ร่างนั้นขาดเป็นสองท่อน

มีดยาวชั้นทองแดงไม่สามารถทนต่อแรงบ้าระห่ำของนางได้ มันแตกทำลายเป็นชิ้นตกกระจายอยู่ทั่วพื้น หลังจากฟันใส่หญิงสาวกรงเล็บดำขาดครึ่งแล้ว

หลังจากฆ่าศัตรูตายแล้ว ขาของเซี่ยอีก็หมดแรง ขณะที่นางทรุดตัวกับพื้นเหมือนกับว่านางสูญเสียพลังไปทั้งหมด

นางจมอยู่กับความเศร้ากำลังหลั่งน้ำตาร้องไห้

นางไม่สนใจว่าศัตรูที่เหลืออยู่จะฆ่าจะฟันนาง ทั้งหมดที่นางอยากทำก็คือร้องไห้ และปล่อยไปตามยถากรรม

นางเพียงต้องการระบายความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน

น้ำตานางหลั่งไหลพร่างพรูดุจสายฝน

แต่ก่อนที่นางจะส่งเสียงร้องไห้ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ “เฮ้, ทำอะไรของเจ้าน่ะ?”

เซี่ยอีลืมตาและตกตะลึงกับสิ่งที่นางเห็น

ไตตันน้อยที่ถูกศัตรูฉีกอกไปแล้วยังไม่ตาย และเขายังดูดีเป็นปกติสุข

เซี่ยอีมองดูเย่ว์หยางที่กำลังจ้องดูนาง ขณะที่เขาชูศพที่ไร้ศีรษะของศัตรูของเขา จากนั้นนางเหลือบมองไปที่ร่างครึ่งท่อนของสตรีกรงเล็บดำ จึงตระหนักได้ว่ากรงเล็บดำของนางยังอยู่บนเกราะมังกรบินตรงอกของเย่ว์หยาง แต่ไม่สามารถฉีกทะลุได้ เซี่ยอีใจชื้นขึ้นทันทีและกระโดดขึ้นมา “เจ้าไม่ตายหรอกหรือ?” นางตะโกนอย่างดีใจ

“เหลวไหล, พูดอะไรอย่างนั้น” เย่ว์หยางพูดพลางโยนศพสตรีที่ตอนนี้กะโหลกศีรษะแหลกสลายและร่างนางก็ถูกเซี่ยอีฟันขาดสองท่อนออกไปนอกหน้าต่าง

“แง…….” เซี่ยอีรู้สึกถึงคลื่นอารมณ์ถาโถมเข้ามา ขณะที่นางลดการระมัดระวังตัวเนื่องความประหลาดใจครั้งใหม่นี้ นางอยากวิ่งไปหาเย่ว์หยางและกอดเขาแน่นๆ แต่นางกลับวิ่งไปที่มุมผนังด้านหนึ่งทรุดตัวลงปิดหน้าร้องไห้เสียงลั่น

น้ำตาซึมผ่านร่องนิ้วมืออาบชุดนางจนชุ่ม

เย่ว์หยางไม่เคยเห็นผู้หญิงแปลกแบบนั้น ไม่เป็นไรถ้านางต้องการร้องไห้ แต่ทำไมต้องไปแอบร้องไห้ที่มุมห้องด้วยเล่า?

เย่ว์หยางคงได้แกล้งหยอกล้อนางแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในสภาพเผชิญหน้ากับมารมังกรฟ้าที่โกรธจัดจนแทบจะกลืนกินคนได้ทั้งคน

จนกระทั่งถึงตอนนี้ มารมังกรฟ้าถึงได้ตระหนักว่าเย่ว์หยางแกล้งเล่นบทหมูกินเสือ

ศัตรูร้ายกาจผู้นี้มีพลังปราณก่อกำเนิดแน่นอน เขาแค่แกล้งแสดงออกว่าเป็นนักสู้ระดับหก

เพียงคิดชั่วขณะ ก็ทำให้เข้าใจได้ทั้งหมด ถ้าเย่ว์หยางไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาจะกล้าท้าทายเยาถงอย่างเปิดเผยได้ยังไง? เยาถงสามารถฆ่านักสู้ระดับหกได้ง่ายดายอยู่แล้ว ทำไมจะต้องขอความช่วยเหลือจากเขา? มารมังกรฟ้าต้องการจะปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดทันทีเพื่อสังหารศัตรูของเขา แต่สัญชาตญาณนักสู้ของเขา ทำให้เขาตระหนักว่าศัตรูของเขากำลังยั่วยุเขา ดูเหมือนคงไม่เรื่องง่ายอย่างที่เห็น

สตรีกรงเล็บดำที่อยู่ข้างมารมังกรฟ้าตัวสั่นด้วยความกลัว

ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาวนางโจมตีใส่พวกเขา นางคงจะตายไปแล้วเห็นพี่สาวนางที่ตายกลับคืนร่างเป็นอสรพิษเงินอยู่บนพื้น

เยาถงถึงกับหม่นหมอง

เขาได้ยินมาว่าไตตันผู้พี่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่สามารถฆ่าเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ได้ทันที เรื่องนี้มีสาธารณชนเป็นประจักษ์พยานได้

แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าไตตันผู้น้องจะแกล้งแสดงตนเป็นนักสู้ระดับหก และเขาก็ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด เห็นหน้าของเขาดูสงบเรียบเฉย แต่พลังของเขาอาจไม่ด้อยกว่าตัวเขาก็เป็นได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการท้าทายเขาอย่างเปิดเผย สองพี่น้องความจริงเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่มีพลังพอๆ กับเขา

ซานเซียวและเซวี่ยเหอค่อยโล่งใจ นอกจากนี้พวกเขายังมีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไป พวกเขาเกือบโห่ร้องปรบมือให้กำลังใจแล้ว

พวกเขาคาดไม่ถึงความจริงที่พลิกผันว่า ไตตันน้อยก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ยังยินดีต้อนรับเหตุพลิกผันนี้

ตอนนี้ พวกเขารู้สึกว่าทางเลือกเป็นพันธมิตรกับพี่น้องไตตันเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง

แม้เยาถงจะมีมารมังกรฟ้าเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุด ถ้าเขาต้องสู้กับพี่น้องไตตัน คงยากจะตัดสินได้ว่าฝ่ายไหนจะชนะ

ยิ่งกว่านั้น มารมังกรฟ้าเป็นคนนอก เขาคงจะไม่อยู่ในป้อมสายฟ้าตลอดไป แม้ว่าพี่น้องไตตันจะมีพลังด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ทันทีที่มารมังกรฟ้าจากไป เยาถงไม่มีพันธมิตรแล้วเขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไร?

“เป็นไปไม่ได้ที่จะคลี่คลายความเกลียดชังของข้าที่มีต่อเจ้าเพราะฆ่านางบำเรอของข้า เนื่องจากเราทั้งคู่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด เราจะคุยกันด้วยพลังของเรา มาสู้กัน” มารมังกรฟ้าคงไม่สามารถรุกได้ก่อนแน่นอน เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดและยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก ถ้าเขาไม่แก้แค้นให้นางบำเรอที่ถูกฆ่าตายต่อหน้าธารกำนัล ต่อไปเขาจะเดินยืดอกเชิดหน้าอยู่ในหอทงเทียนได้ยังไง? แม้ว่าเขาจะมีนางบำเรอหลายคน แต่เขาไม่ยอมปล่อยวางศักดิ์ศรีตนเองแน่

“เป็นเพราะนางบำเรอของเจ้าจู่โจมทำร้ายข้าที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก่อน ข้ามีเหตุผลพอจะฆ่านางได้ ถ้าเจ้าต้องการแก้แค้นให้นาง ก็เริ่มได้เลย” เย่ว์หยางยิ้ม

อย่าว่าแต่เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรปราณก่อกำเนิดเลย ต่อให้เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่ง เขาก็สามารถแสดงออกถึงการกระทำของเขาได้

ใครก็ตามที่เริ่มโจมตีใส่นักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างประสงค์ร้าย ก็จะถูกมองว่าท้าทายเกียรติของนักสู้ปราณก่อกำเนิด

เมื่อคนที่ทรงพลังอำนาจพูด ก็ไม่ต้องคำนึงว่าเขาจะถูกหรือผิด

ถ้ามารมังกรฟ้าชนะ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาเอาชนะไม่ได้ เย่ว์หยางก็มีสิทธิ์ฆ่าเขา

พอเห็นว่าไตตันน้อยไม่กลัว แม้ขณะเผชิญหน้ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก ซานเซียวและเซวี่ยเหอต่างก็ปลาบปลื้ม พี่น้องไตตันหยิ่งมากขนาดกล้าสู้กับมารมังกรฟ้าที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก พวกเขาต้องการผูกมิตรกับเขาให้ได้แน่นอน

ทั้งสองมองหน้ากันเองจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน

“การต่อสู้ของนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะสร้างความเสียหายได้ ทำไมถึงไม่เปลี่ยนสนามต่อสู้ไปเป็นสังเวียนเลือดนักสู้เพื่อมิให้คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องบาดเจ็บเล่า” ซานเซียวพูดเสียงในลำคอ

เซวี่ยเหอพยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าทั้งสองท่านไม่รอจนกระทั่งราชาฉงนี่มาเป็นสักขีพยานโดยเฉพาะ เราทั้งสองกับเจ้าเมืองใต้พิภพหม่าหลงจะช่วยเป็นสักขีพยานแทน”

“ไปกันเลย” สีหน้ามารมังกรฟ้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อได้ยิน แต่ก็รีบกลับคืนสู่ความหยิ่งยโสตามปกติทันที

เขาโบกมือเล็กน้อยก็ทำลายหน้าต่างส่งผลให้โต๊ะเก้าอี้ปลิวว่อนในอากาศ เป็นเหมือนกับว่ามือยักษ์ที่มองไม่เห็นฟาดใส่สถานที่ขณะที่พ่อค้าและนักรบล้มลงกับพื้น มารมังกรฟ้าปลดปล่อยพลังปราณของเขาและบินขึ้นไปในอากาศ ทำลายหลังคาอาคารประมูลและเปลี่ยนตัวเองเป็นอุกกาบาตตรงไปยังสังเวียนเลือดนักรบ สตรีกรงเล็บดำตามหลังเขาไปติดๆ ขณะที่นางพุ่งตามไปเหมือนนกและเปลี่ยนร่างเป็นงูเหลือมเงินยาวสามสิบเมตร แหวกว่ายอากาศตามหลังเจ้านายนางไป

เย่ว์หยางชำเลืองมองจั๊ดด์และพ่อบ้านเหยียนเจิ้ง “พวกท่านไม่จำเป็นต้องตามมา” เขาสั่ง

ในอดีตที่ผ่านมา จั๊ดด์คิดว่าเย่ว์หยางได้ครอบครองสมบัติทั้งหมดเพราะมีพี่ชายแข็งแกร่งคนหนึ่ง แม้ว่าเขายังคงนับถือเขา แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามก็ยังไม่มากเท่าที่เขามีความนับถือต่อไตตันใหญ่ ดูเหมือนว่าสองพี่น้องจะมีความแข็งแกร่งทั้งคู่ ข้อแตกต่างกันก็คือท่านไตตันใหญ่จะเยือกเย็นกว่าและไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจใดๆ ขณะที่ไตตันน้อยเข้าสังคมมากกว่าและจัดการควบคุมทุกอย่าง บางทีทั้งสองอาจมีพลังพอๆ กัน พอคิดเช่นนี้แล้ว จั๊ดด์ยิ่งเพิ่มความยำเกรงและนับถือต่อเย่ว์หยางขณะที่เขาคุกเข่าขออภัย

“ข้าจะรีบกลับไปรายงานท่านไตตันใหญ่ทันที” พ่อบ้านเหยียนเจิ้งก็ตกตะลึงในทำนองเดียวกันเมื่อเขารู้ว่าไตตันน้อยก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเช่นกัน แต่เขารู้ว่าพวกเขาสามารถชนะได้ ถ้าสองพี่น้องสู้ศึกกับมารมังกรฟ้าด้วยกัน

“ถ้าสู้กันสองต่อหนึ่ง พวกวังมารจะพูดได้ว่าพี่ชายข้ากับข้ารังแกเขา ดังนั้นข้าคนเดียว ก็พอแล้ว” เย่ว์หยางโบกมือ เขารู้ว่าปีศาจเงาเจมินี่หลอกได้เฉพาะคนที่ไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิดเท่านั้น มารมังกรฟ้าสามารถมองเห็นมันได้ ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขาเอาชนะมารมังกรฟ้าได้ในการต่อสู้โดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากไตตันใหญ่ เขาจะสร้างความประทับใจได้มากยิ่งขึ้น ต่อให้ฉงนี่ต้องการเข้าข้างมารมังกรฟ้า เขาก็ต้องหวั่นไหว เย่ว์หยางไม่ต้องการโค่นฉงนี่ก่อน ในขณะที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขา เย่ว์หยางตัดสินใจว่าเวลาดีที่สุดที่จะโค่นฉงนี่ก็คงเป็นหลังจากที่เขาได้อุทกแม่พระธรณีหมื่นปีมาก่อนและทำสัญญากับมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง

เย่ว์หยางคงโง่แน่ ถ้าเขาไม่เอาชนะศัตรูความรักอย่างมารมังกรฟ้าในตอนนี้ ทั้งๆ ที่ได้โอกาสแล้ว

เย่ว์หยางไม่ได้กลัวคนในพวกสิบมารฟ้าของวังมาร ยกเว้นแต่มารสัมฤทธิ์ฟ้าซึ่งเขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้

ยิ่งกว่านั้น นางมารกฎฟ้าคนงามก็ยังมีใจปฏิพัทธ์ต่อเขา มารสัมฤทธิ์ฟ้าและมารกฎฟ้าจะโกรธเขาไหม หากเขาทำร้ายมารมังกรฟ้าที่น่ารำคาญ? เป็นไปไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมารกฎฟ้า นางเซียนหงส์ฟ้าผู้รังเกียจมารมังกรฟ้า ตอนนี้เขากำลังจะทุบตีมารมังกรฟ้าที่น่าเบื่อหน่าย นางก็น่าจะมีความสุขแน่นอน และอาจให้รางวัลเขาได้ซบกับอกขนาดยักษ์ของนางจนหายใจไม่ทันก็ได้

“ความจริงเขาคือไตตันใหญ่ใช่ไหม?” พอเห็นเย่ว์หยางไปจากโรงประมูลสินค้า เจ้าเมืองหม่าหลงก็เข้ามาสอบถาม

“ไม่ใช่! เขาคือไตตันน้อยแน่นอน!” เซี่ยอีหยุดร้องไห้เงยหน้าตอบยืนยัน “ท่านไตตันใหญ่จะสง่างามมาก เขากลับตรงกันข้ามกับท่านไตตันใหญ่สิ้นเชิง”

“น้องเรา! ข้าเห็นว่ามีดของเจ้าหักพังแล้ว ข้าจะให้มีฆ่าปีศาจกับเจ้าเล่มหนึ่ง” ภรรยาของหม่าหลงพยายามผูกมัดใจนาง นางใจกว้างพอจะมอบมีดระดับเงินเหน็บไว้กับเอวเซี่ยอี และพูดคุยกับนางด้วยน้ำเสียงไพเราะเหมือนกับเป็นคนครอบครัวเดียวกัน เซี่ยอีอยากปฏิเสธ แต่ภรรยาของหม่าหลงทำเป็นไม่พอใจ ขณะที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้นางรับไว้ “ท่านไตตันน้อยเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด การต่อสู้ระหว่างเขากับมารมังกรฟ้าจะต้องสร้างชื่อเสียงให้เขา ถือเสียว่าข้าเป็นพี่สาวเจ้า ข้าอิจฉาเจ้าจริงๆ นะ วางใจได้ ข้าจะไม่ดูเฉยๆ อยู่วงนอกแน่ เราไปดูการต่อสู้ของพวกเขาเถอะ”

(สงสัยสาวน้อยเซี่ยอีจะซีดแตก แบบเทพคิระ)

 

**************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset