ตอนที่ 401 สู้เขา เด็กๆ
“พระเจ้า….” นักผจญภัยทุกคนหวาดกลัวแทบตาย ขณะที่ฮุยไท่หลางปล่อยไอจ้าวปีศาจที่น่ากลัวเมื่อครู่ที่ผ่านมา
“เราตายแน่ๆ มันบินหนีไปแล้ว!” นักผจญภัยบางส่วนตระหนักได้ว่าพวกเขาตกอยู่ในความยุ่งยาก ขณะที่ฮุยไท่หลางกางปีกบินจากไป จากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? ไม่มีฮุยไท่หลางคอยปกป้อง แม่ทัพปีศาจเพลิงก็ไม่มีอะไรต้องเกรงใจกับอาหารมนุษย์มื้อค่ำนี้อีกต่อไป ต่อให้เป็นพวกทอเรนก็เชื่อว่าคงไม่อาจต่อต้านได้
“เร็วเข้า, คิดหาวิธีเร็วๆ!” คนบางพวกตื่นเต้น ขณะที่พวกเขาตะโกนมาทางแอนนากับลีนขอให้หาวิธีช่วยพวกเขา
“เรียกมันกลับมา!” พวกที่ไม่มีความละอายยังทำเหมือนกับว่าฮุยไท่หลางเป็นสุนัขคุ้มครองพวกเขา
“ขอโทษที, แต่เราไม่ใช่เจ้านายของมัน, ถ้าพวกท่านมีความสามารถพอ เชิญเรียกมันกลับมาได้!” พอเห็นพวกคนดื้อด้านเหล่านี้ ลีนรู้สึกรังเกียจพวกเขาทันที เขายักไหล่และชี้ให้เห็นว่าเขาไม่อาจช่วยอะไรได้
“แน่ใจได้เลยว่า เจ้านายของมันกำลังต่อสู้อยู่ตรงนั้น! พวกเจ้าทุกคนไม่เห็นหรือว่าอสูรไฟและปีศาจเพลิงวิ่งไปช่วยกันตรงนั้น?” แอนนาหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในที
“เอ๋?” นักผจญภัยหันไปดูและพบว่านั่นเป็นเรื่องจริง
ปีศาจเพลิงและอสูรไฟทั้งหมดที่กำลังรายล้อมอยู่ในแม่น้ำลาวาเป็นจำนวนมากต่างระดมกันไปรวมที่พายุเพลิงเหมือนกับว่าได้รับคำสั่งบางอย่าง
แม้แต่ปลาไหลเพลิงที่ซ่อนตัวอยู่ในแม่น้ำลาวาก็ยังต้องออกมา
พอเห็นว่าพวกเขาไม่เป็นอันตรายอีกต่อไปแล้ว ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้แต่โอวเกินผู้ผ่านศึกในสนามรบมาแล้วก็ยังรู้สึกว่าเขามีหนทางหลบหนีที่คับแคบ ข้อจำกัดในตำหนักไฟเข้มงวดเกินไปจริงๆ ทำให้พลังของทุกคนลดลงเหลือเพียงน้อยนิด และมีเพียงอสูรสายธาตุไฟไม่กี่ชนิดเองที่มีพลังพอสู้รบได้
หลังจากอันตรายผ่านไป นักผจญภัยเริ่มรื้อฟื้นความคิดไม่ดีอีกครั้ง
“อสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นมีเจ้านายหรือนี่? แต่ดูเหมือนมันไม่ได้ทำสัญญานะ…” เรื่องนี้สั่นสะท้านจิตใจของคนหลายคน
“ถ้าเพียงแต่ข้าสามารถทำสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นได้นะ!” แม้รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่บางคนก็ยังอดไม่ได้ที่จะจินตนาการและจินตนาการของพวกเขาเตลิดล่องลอยจนทำให้พวกเขาน้ำลายหกยืดยาวออกมา พอเห็นพฤติกรรมไร้ยางอายของพวกเขา โอวเกินอดไม่ได้ที่จะดูถูกคนพวกนี้อยู่ในที การคลุกคลีกับคนโลภเห็นแก่ตัวพวกนี้มากเกินไปมีแต่จะทำให้อับอายขายหน้า เขาให้องครักษ์เลือดเหล็กล้อมที่เอาไว้เพื่อปกป้องลีนและแอนนา แม้ว่ายังไม่มีผู้ใดลอบโจมตี แต่มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่คาดเดาไม่ได้ ดังนั้นเขาต้องป้องกันไว้ก่อน
“เจ้าพวกโง่!” นักล่ามังกรคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มนักผจญภัยเรียกมังกรบินไฟออกมาและหัวเราะลั่น “ต่อให้เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถได้สมบัติที่นี่ แต่ก็ยังจะได้รับรางวัลอยู่ดี ถ้าข้าฉวยโอกาสกำจัดพวกเจ้าได้ทั้งหมด! ตายซะเถอะ!”
มังกรบินไฟเป็นอสูรชั้นทองระดับเจ็ด แม้ว่ามันจะถูกมองว่ามีระดับชั้นที่สูง แต่ถ้าทุกคนรวมตัวสู้กับมัน ก็ยังไม่ใช่เรื่องยากที่จะสู้กับมัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดด้านพลัง อสูรขององครักษ์เลือดเหล็กเกือบทั้งหมดเป็นอสูรสายเสริมพลังไม่มีความสามารถตอบโต้ได้ ผลที่ตามมาจึงมิอาจคาดคิดได้ หากพวกเขาตกอยู่ภายใต้การโจมตี
หัวใจของโอวเกินตกวูบ
จบสิ้นกัน เขาลืมไปว่ายังคงมีนักล่ามังกรผู้ชั่วร้ายซุ่มซ่อนอยู่ในทีม
เมื่อฮุยไท่หลางมาถึงใจกลางทะเลสาบลาวา เย่ว์หยางกำลังลอยตัวอยู่ในอากาศ ขณะที่ภูตควันไฟใช้พายุหมุนที่รุนแรงของนางดูดลาวาจากข้างใต้ทั้งหมด ทั่วทั้งท้องฟ้าดูเหมือนเต็มไปด้วยเปลวเพลิงลุกโหม ขณะที่ภูตควันไฟกำลังสู้กับอสูรองครักษ์พิทักษ์ตำหนักไฟ ระดับจ้าวอสูรทองทั้งสองตัว ตัวหนึ่งก็คือ “จ้าวไฟนรก” ไม่สามารถบินได้ ร่างของมันใหญ่พอๆ กับภูเขา สูงราว 30 เมตรและหนักเป็นร้อยตัน มันเป็นอสูรแพลตตินัมระดับเจ็ด และทั้งตัวของมันทำจากหินลาวาหลอมเหลว อุณหภูมิที่สูงป้องกันมิให้สิ่งมีชีวิตใดๆ เข้าใกล้มันได้ เมื่อเทียบกับจ้าวอัคนีแล้ว จ้าวเพลิงนรกมีพลังสังหารที่น่ากลัวยิ่งกว่า อาจถือได้ว่าเป็นอสูรที่สุดแกร่งสามารถสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าได้แม้ในสถานการณ์ปกติ
ยิ่งกว่านั้น ในตำหนักไฟที่มีแต่อสูรสายธาตุไฟเท่านั้นที่สามารถต่อสู้ได้ มันยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ในท้องฟ้า อสูรพิทักษ์ตำหนักไฟอีกตัวหนึ่งคือ “นางมารเพลิงวิญญาณ” แม้ว่านางจะเป็นเพียงอสูรชั้นแพลตตินัมระดับหก แต่พลังรบของนางมิได้ด้อยไปกว่าจ้าวไฟนรกเลย
นางมีวิวัฒนาการจนมีร่างเหมือนมนุษย์ยังฉลาดกว่าจ้าวเพลิงนรกเสียอีก และเนื่องจากนางมีวิวัฒนาการมานาน นางอาจกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันจ้าวเพลิงนรกผู้แข็งแกร่งกว่าก็ยังเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ นี่จึงเป็นความแตกต่างระหว่างจ้าวอสูรทั้งสอง
นางมารเพลิงวิญญาณสูงห้าเมตร ตลอดทั้งร่างมีเปลวเพลิงท่วมสูง นางไม่มีความคล่องแคล่วมากนักเมื่อยามที่นางบิน ขณะที่ความเร็วของนางจะช้าลงเนื่องจากน้ำหนักของนาง แต่ก็ยังนับได้ว่าบินได้เร็ว เพราะความแตกต่างกันมากระหว่างจ้าวอสูรที่สามารถบินได้และบินไม่ได้ นอกจากนางมารเพลิงวิญญาณจะรู้วิธีบิน นางยังรู้จักวิธีใช้อาวุธอีกด้วย นางควงเคียวเพลิง อาวุธระดับทองฟันใส่เย่ว์หยางอย่างต่อเนื่อง แน่นอนความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า เนื่องจากเย่ว์หยางเร็วกว่านางเป็นร้อยเท่า เขาสามารถเดินหลบคมเคียวเพลิงได้อย่างสบายๆ
เห็นว่าเคียวเพลิงไม่มีประโยชน์อะไรในการโจมตีใส่เย่ว์หยาง และการโจมตีใส่อสูรควันไฟผู้มีร่างหลักอยู่ในรูปพายุเพลิงรุนแรงก็เป็นเรื่องไร้ประโยชน์
นางมารเพลิงวิญญาณรู้สึกหดหู่ใจมากในตอนแรก แต่พอเห็นฮุยไท่หลางเท่านั้น นางเปลี่ยนเป้าหมายและพุ่งเข้าหาฮุยไท่หลางอย่างโหดเหี้ยมทันที
“อะฮู้วววว!”
ฮุยไท่หลางตั้งใจจะแสดงฝีมือต่อหน้าเจ้านายมัน แล้วมันจะกลัวได้ยังไง?
การกระทำของนางถือว่าสบอารมณ์ของมันพอดี
กรงเล็บของฮุยไท่หลางเปลี่ยนเป็นเหมือนของเหลวขณะที่มันยืดยาวเข้าหากะโหลกของนางมารเพลิงวิญญาณ นางมารเพลิงวิญญาณโยกตัวถอยมาเล็กน้อยและใช้เคียวเพลิงฟันใส่หลังของฮุยไท่หลางเต็มแรงจนขาดสองท่อน
ไม่แต่เพียงเท่านั้น นางยังคงใช้ลาวาต่างแส้สะบัดใส่ร่างครึ่งหนึ่งของฮุยไท่หลางโยนขึ้นไปในอากาศ
นางคิดว่าฮุยไท่หลางคงตายจากแรงฟันเป็นแน่
ใครจะทราบกันว่าฮุยไท่หลางไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากมันครอบครองร่างอมตะเหมือนกับหวงซา ร่างที่ขาดครึ่งทั้งสองท่อนเปลี่ยนเป็นทรายสีเหลืองและลอยขึ้นไปในอากาศเหมือนกับมีชีวิต แล้วกลับมารวมตัวก่อตัวเป็นร่างใหม่แต่เหมือนเดิมในทันที เคียวเพลิงที่ฟันใส่ร่างของมันถูกกรงเล็บที่คล้ายของเหลวของฮุยไท่หลางยึดจับไว้แน่น สำหรับฮุยไท่หลาง ไฟจากเคียวเพลิงไม่ได้ส่งผลต่อมันเท่าใดนัก หลังจากดูดซับแก่นพลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดของหวงซา ทำให้ฮุยไท่หลางได้ครอบครองร่างอมตะด้วยเช่นกัน มันจะไม่ถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน เว้นแต่แก่นพลังในร่างของมันถูกทำลายสิ้นเชิง
และหลังจากกลายเป็นอสูรในตำนาน ฮุยไท่หลางได้รับพลังในการเลียนแบบ ไม่ว่าจะเป็นการบิน, การเปลี่ยนแปลงร่างต่างๆ และพลังต่อสู้ของมันก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
นางมารเพลิงวิญญาณยังนึกฝันว่าจะฆ่ามันได้ยังไง?
คิดตื้นเกินไป
การเป็นอสูรสายธาตุทอง, ความมืดและไฟ ทำให้มันยังแข็งแกร่งกว่าหวงซาผู้มีร่างอมตะเสียอีก
ร่างอมตะของหวงซามีจุดอ่อนที่น้ำ ขณะที่จุดอ่อนของฮุยไท่หลางก็คือน้ำและแสงสว่าง อาจดูเหมือนว่าฮุยไท่หลางอ่อนแอกว่าหวงซา เนื่องจากเพิ่มจุดอ่อนขึ้นมาอีก แต่จุดอ่อนเหล่านั้นไม่ใช่จุดตาย น้ำและแสงสว่างไม่อาจฆ่าฮุยไท่หลางให้ตายได้แน่นอน เพราะฮุยไท่หลางยังคงเป็นอสูรสายธาตุโลหะ (ทอง)
มีส่วนประกอบสายธาตุที่ครบครัน ดังนั้นร่างของมันจึงเป็นร่างอมตะอย่างแท้จริง
และนี่เป็นแค่เพียงการเริ่มต้น
หลังจากปลดปล่อยศักยภาพเต็มที่แล้ว พร้อมกับอักษรรูนสวรรค์และปราณก่อกำเนิด มันจึงอยู่ในสภาพที่มิอาจคาดคำนวณได้
เย่ว์หยางบำรุงเลี้ยงฮุยไท่หลางด้วยความพยายามมากเกินพอจนยกระดับมันเป็นอสูรในตำนานได้ เย่ว์หยางปรารถนาว่าฮุยไท่หลางจะสามารถกลายเป็นแบบเสี่ยวเหวินหลีที่ยังมีระดับเหนือกว่าอสูรในตำนาน และกลายเป็นอสูรเหนือตำนานได้ในที่สุด
ฮุยไท่หลางและเสี่ยวเหวินหลีมีการเติบโตที่แตกต่างกัน และจุดเริ่มต้นของพวกเขาก็แตกต่างเช่นกัน
เสี่ยวเหวินหลีถือกำเนิดมาก็ครอบครองคัมภีร์เพชร เย่ว์หยางไม่แน่ใจนัก แต่ว่าบางทีตั้งแต่เกิดมาเธอก็เป็นอสูรเหนือตำนานเช่นกัน ส่วนฮุยไท่หลางไม่มีอะไรตั้งแต่เกิดมา และบางทีมันอาจไม่มีทางกลายเป็นอสูรเหนือตำนานเหมือนอย่างเสี่ยวเหวินหลีหรืออสูรอมตะอย่างพี่น้องหงส์เพลิง แต่เย่ว์หยางก็ยังหวังว่ามันจะสามารถอยู่เหลืออสูรทั้งปวงในโลกและกลายเป็นเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดได้สักวัน
ก็เหมือนอย่างที่ไม่ใช่ว่าต้นดอกหนามทุกต้นจะสามารถยกระดับกลายเป็นเหมือนนางพญาดอกหนามมงกุฏทองได้ฉันใด ใช่ว่าหมาป่าทุกตัวจะสามารถกลายเป็นหมาป่าโลกันตร์ได้ฉันนั้น
พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นเลิศ และพวกเขาก็ไม่เหมือนกับใครๆ ทั้งหมด
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองย่อมไม่มีใครเหมือนฉันใด ดังนั้นหมาป่าปีศาจโลกันตร์ก็ไม่มีอสูรใดเหมือนมันได้ฉันนั้น
ฮุยไท่หลางไม่จำเป็นต้องกลายเป็นเหมือนกับอสูรอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องกลายเป็นแบบเสี่ยวเหวินหลี, อาหง, ตั่วตั่วหรืออาหมัน มันต้องเป็นตัวของมันเอง มันคือฮุยไท่หลาง ผู้ไม่มีผู้ใดในโลกแทนที่มันได้”
ฮุยไท่หลางในปัจจุบันนี้อยู่เหนือหมาป่าทุกตัวและกลายเป็นหนึ่งเดียว เป็นหมาป่าปีศาจโลกันตร์เพียงหนึ่งเดียว มันยังสามารถยกระดับได้ต่อไปจากตรงนั้นอีก.. แน่นอนว่าการเติบโตของมันจะเป็นตำนานและเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในหมู่เรื่องมหัศจรรย์ทั้งหมด แน่นอนว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยาง บุคคลที่ไม่ธรรมดาซึ่งมาจากโลกอื่น ใครจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้มัน ฮุยไท่หลางก็คงไม่เป็นฮุยไท่หลางอย่างทุกวันนี้แน่นอน
“อา!”
พอเห็นว่าฮุยไท่หลางมีร่างอมตะ นางมารเพลิงวิญญาณตกใจกลัวมากและถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
เคียวเพลิงยักษ์ถูกฮุยไท่หลางที่อยู่ในสภาพของเหลวยึดเอาไว้
ทันใดนั้นมันเหาะไปช่วยเย่ว์หยาง เย่ว์หยางยื่นมือออกไปเขียนวงเวทอักษรรูนสวรรค์บนตัวของมัน นอกจากนี้เขายังถ่ายพลังปราณก่อกำเนิดช่วยให้มันดูดกลืนเคียวเพลิงได้
แสงสีทองหม่นเปล่งออกจากตัวฮุยไท่หลางและฉายแรงขึ้นไปบนท้องฟ้า
เคียวเพลิงที่ถูกกลืนไปแล้วค่อยๆ มาปรากฏอยู่บนหลังของฮุยไท่หลางพร้อมกับอักษรรูนสวรรค์ที่เย่ว์หยางวาดไว้ด้วย มันค่อยๆ ถูกดูดกลืนเข้าไปในตัวฮุยไท่หลาง อักษรรูนสวรรค์แรกก็คือ “ละลาย” อักษรที่สองคือ “เปลี่ยนรูป” และอักษรที่สามคือ “คืนสภาพ” หลังจากอยู่ในสภาพเสถียรแล้ว จากนั้นเคียวเพลิงจึงปรากฏอยู่ที่หลังของฮุยไท่หลางพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับมีเปลวเพลิงลุกท่วม
อย่างไรก็ตาม เมื่อเคียวเพลิงร่วงตกลงมาบนพื้น มันหลบหนีเจ้าของเดิมของมัน นางมารเพลิงวิญญาณ และพุ่งเข้าหาเจ้านายใหม่ก็คือฮุยไท่หลาง
“อา!” นางมารเพลิงวิญญาณร้องขึ้นอย่างตื่นตัว นางคาดไม่ถึงเลยว่าสมบัติที่นางกลั่นสร้างด้วยตนเองจะถูกหลอมรวมโดยฝ่ายตรงข้ามต่อหน้าต่อตานาง
“อะฮู้วววววว!” ฮุยไท่หลางหอนด้วยความภูมิใจ
เสียงหอนของมันสะท้อนก้องผ่านท้องฟ้าและกึกก้องไปทั่วตำหนักไฟ
เพลิงนรกดำระเบิดออกมาจากตัวของมัน ก่อตัวเป็นหางยาวซึ่งเป็นอาวุธใหม่คุณภาพสูงของฮุยไท่หลาง เคียวเพลิงบริสุทธิ์ อาวุธระดับทอง ฮุยไท่หลางตวัดเคียวเพลิงใส่ร่างนางมารเพลิงวิญญาณ ฟันใส่ร่างนางด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
นางมารเพลิงวิญญาณไม่มีความเร็วพอจะหลบหรือรู้ตัวก่อนนั้นได้ นางถูกเคียวเพลิงบริสุทธิ์ฟันจนร่างขาดสองท่อน เหมือนอย่างที่ฮุยไท่หลางเพิ่งจะโดนมา
นางมารเพลิงวิญญาณครอบครองแก่นเพลิง จึงไม่ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ขณะที่นางอาจรักษาตัวเองจนกลับมาอยู่ในสภาพเดิมหลังจากพักฟื้นตัวในทะเลสาบลาวา
แต่สถานการณ์เปลี่ยนไป ขณะที่ภูตควันไฟที่เพิ่งโจมตีใส่จ้าวปีศาจเพลิงนรกลอยตัวออกมาจากพายุหมุนเพลิงและเปลี่ยนร่างเป็นหญิงสาวที่มีเพลิงลุกโหม นางพุ่งลงมาและกอดร่างครึ่งหนึ่งของนางมารเพลิงวิญญาณและเริ่มดูดกลืนพลังงานของนาง นางมารเพลิงวิญญาณกรีดร้องขณะที่นางไม่กล้าเข้าใกล้ภูตควันไฟ เนื่องจากเพลิงอมฤตของนางและพลังงานไฟฟ้าโจมตีของนาง ภายในครึ่งนาที ทักษะเพลิงบริสุทธิ์ในร่างครึ่งท่อนล่างก็ปราศจากความรู้สึกและถูกหลอมรวมเข้ากับภูตควันไฟเต็มที่ ร่างกายส่วนที่เหลือค่อยๆ แข็งและเปลี่ยนเป็นหินสีดำถูกปล่อยให้จมลงในทะเลสาบลาวา
ร่างของภูตควันไฟชัดเจนขึ้นร่างท่อนล่างที่มีควันและไฟปกคลุมเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นรูปร่างมนุษย์
ตอนนี้นางมีขาคู่หนึ่งแล้ว
กับพลังไฟที่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย นางสามารถยกระดับได้อีกหนึ่งระดับ
ด้วยความตั้งใจจะยกระดับ นางมองไปทางนางมารเพลิงวิญญาณ ตามสัญชาตญาณของนาง นางไม่ได้มองว่านางมารเพลิงวิญญาณว่าเป็นสิ่งมีชีวิต แต่กลับเห็นเป็นอาหารมื้ออร่อย
นางมารเพลิงวิญญาณทั้งตกใจและโกรธ นางต้องการจะฆ่าภูตควันไฟมาก แต่ในตำหนักไฟ จะฆ่านางนั้นคงเป็นไปไม่ได้ นี่ไม่สำคัญว่าระดับและพลังจะสามารถใช้ตัดสินกันได้ การต่อสู้ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน ของอสูรที่มีคุณลักษณะเดียวกัน ขึ้นอยู่กับทักษะฝีมือทั้งสองฝ่าย
หรือจะกล่าวให้ถูกก็คือขึ้นอยู่กับระดับสติปัญญาของพวกมัน
ฝ่ายที่มีปัญญาเฉลียวฉลาดมากกว่าและรู้วิธีเล่นงานจุดอ่อนฝ่ายตรงข้ามได้เต็มที่มากกว่า ผู้นั้นก็จะได้รับชัยชนะ
ฮุยไท่หลางที่สลับคู่ต่อสู้ไปแล้วเปลี่ยนแปลงร่างเป็นดาวตกรูปร่างเหมือนลูกบอลและยิงกระหน่ำใส่ศีรษะของจ้าวเพลิงนรก
แรงอัดกระแทกสั่นสะเทือนไปทั้งทะเลสาบลาวา
ขณะที่จ้าวเพลิงนรกล้มลงไปบนทะเลสาบลาวา ทำให้ลาวาปะทุไหม้กระเด็นสูงขึ้นมาถึง 2-3 ร้อยเมตร
ฮุยไท่หลางผู้ใช้ร่างใหม่กระแทกใส่คู่ต่อสู้ของมันกำลังแปลงร่างกลับคืนร่างสุนัขป่า จากนั้นมันกางปีกเพลิงและบินคดเคี้ยวขึ้นไปเหนือทะเลสาบ เหมือนนักผจญภัยขี้เมา
เย่ว์หยางหัวเราะลั่น เพราะเขาไม่เคยเห็นเจ้าโง่เหมือนฮุยไท่หลาง เขาคาดว่าฮุยไท่หลางคงเลือกคว่ำเจ้ายักษ์ลาวาเหมือนที่เล่นงานจ้าวเพลิงนรกโดยไม่รู้จักยั้งคิด
แต่เย่ว์หยางไม่ได้เตือนฮุยไท่หลางและปล่อยให้ฮุยไท่หลางทำตามที่มันพอใจ
เพราะที่สำคัญที่สุด การต่อสู้ครั้งนี้ คือกระบวนการเติบโตและเป็นโอกาสให้มันได้เรียนรู้
****************
(อาทิตย์นี้จะโพสค่อนข้างดึกหน่อยนะครับ ตั้งแต่พรุ่งนี้)