เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 420 – จดหมายลับสุดยอด

ตอนที่ 420 จดหมายลับสุดยอด

นางพญากระหายเลือดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากนางเริ่มจูบกับเย่ว์หยาง

นางไม่เอาแต่อยู่ในปราสาทเมฆลอยฟ้าอีกต่อไป แต่นางเหาะมาช่วยงานหญิงงามอู๋เหิน นางจะกระตือรือร้นช่วยงานทุกอย่าง แม้แต่เมื่อหญิงงามอู๋เหินศึกษาอักษรรูน นางจะช่วยดูแลเย่ว์ซวงให้ หญิงงามอู๋เหินคาดการณ์เรื่องเช่นนี้มานานแล้ว นางยิ้มนุ่มนวล ขณะที่นางแนะนำงานบ้านทุกอย่างให้กับนางพญากระหายเลือด ทำให้นางพญากระหายเลือดมีความสุขและวุ่นวายอยู่กับงานทุกอย่าง

เมื่อเย่ว์หยางเห็นเช่นนั้น ถึงหัวเราะร่วนเป็นเวลานาน

เขาจะไปนอนยามรู้สึกไร้กังวล ขณะที่เขาสู้กับพี่สาวในฝันเพื่อแยกแยะประสบการณ์ เขาได้รับประโยชน์จากการต่อสู้กับจักรพรรดิชื่อตี้

พี่สาวในฝันสามารถลอกเลียนแบบการโจมตีของจักรพรรดิชื่อตี้, ชื่อเฟย, ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำได้ และยังทำได้เหมือนสมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อผิดพลาด เย่ว์หยางถูกนางเล่นงานย่ำแย่อย่างหนัก แต่หลังจากผ่านไปสองสามรอบ เย่ว์หยางก็ตระหนักได้ว่าเขาค่อยๆ ใช้จังหวะต่อสู้ที่น่ากลัวได้แล้วในตอนนี้

ถ้าเขาได้พบกับซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำและคนอื่นๆ อีก เขาคงไม่เจ็บตัวย่ำแย่เหมือนแต่ก่อน

แน่นอนว่าเขาไม่แน่ใจมากนัก ถ้าเป็นกรณีที่เขาพบกับจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟยอีกครั้ง

เพราะทันทีที่พวกเขาหายดีและอยู่ในสภาพนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า คงไม่มีใครรับมือพวกเขาได้ ยกเว้นจื้อจุน

โชคดีที่การโจมตีครั้งที่สองของเย่ว์หยาง ทำร้ายจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟยจนบาดเจ็บหนัก ที่สำคัญที่สุด เสี่ยวเหวินหลีและสาวกิเลนลอบทำร้ายพวกเขาได้สำเร็จเช่นกัน จนทำให้จักรพรรดิชื่อตี้เกือบเสียชีวิต แม้ว่าเขาจะหลบหนีได้ แต่เขาและชื่อเฟยจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยปีครึ่งกว่าจะฟื้นฟูอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำ, ประมุขนิกายพันปีศาจ,ขุนพลเทพจักรพรรดิอวี้, จ้าวปีศาจฮาซิน, จอมปีศาจบารุธ, ซิวคงและจิ่วเซียวซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ เย่ว์หยางมีศัตรูนับไม่ถ้วน

อย่างที่กล่าวไว้ว่าเมื่อท่านพบกับแมลงกวนใจ ท่านจะไม่รู้สึกรำคาญเชียวหรือ เย่ว์หยางรู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องสมเหตุผล เขามีศัตรูมากพอแล้ว ตอนนี้ยังเพิ่มขึ้นมาใหม่อีกสองคนคือ จักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟย

เย่ว์หยางกำลังฝึกฝนอยู่ในหอทงเทียนชั้นหกอย่างสงบ

เย่คง, เจ้าอ้วนไห่, เป่าเอ๋อ, แอนนาและลีนเพิ่งกลับมาจากการฝึก ขณะที่พวกเขาแวะพักในโรงเตี๊ยมนักรบ

ทุกคนอยู่ที่นั่น

บางคนก็ดื่ม บางคนกำลังนับเงิน บางคนก็หยอกเอิญกับพนักงานหญิงของร้าน

เจ้าอ้วนไห่ใช้ชีวิตอย่างปราศจากความกังวลในช่วงไม่กี่วันมานี้ เพราะหลังจากออกมาจากวังเบญจธาตุ พลังโดยรวมของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยที่สุดความกล้าบ้าบิ่นของพวกเขาเพิ่มขึ้น เทียบกับเงื่อนไขโหดหินอำมหิตในวังเบญจธาตุแล้ว สถานที่อื่นๆ แม้จะเป็นพื้นที่มีระดับคำเตือนสีแดง พวกเขารู้สึกว่าพื้นที่เหล่านั้นไม่เป็นที่ท้าทายอีกต่อไป ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเพิ่มพูนขวัญกำลังใจให้พวกเขามหาศาล

“ขอถามถึงสองท่านหน่อย ใครคือเย่คงและไห่ต้าฟู่?” คนส่งข้อความลับจากสมาคมนักรบหยิบแผนที่ติดตามและทบทวนดูอีกครั้งก่อนยื่นให้คู่หูทั้งสอง

“ใช่แล้ว เป็นข้าเอง, มีอะไรหรือเปล่า? อยากจะซ้อมมือกับข้าเหรอ?” เจ้าอ้วนไห่คิดว่าเป็นคนจากสมาคมนักล่าค่าหัวต้องการมาหาเรื่องเขา

พอถูกท้าทายต่อสู้ จากนั้นเขาก็จะสู้และแกล้งทำเป็นอ่อนแอ จากนั้นค่อยปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของเขาแล้วค่อยเล่นคู่ต่อสู้ของเขาจนยับเยิน

เจ้าอ้วนไห่ชอบใช้ชีวิตอย่างนี้มาก

ปกติหลังจากจบการต่อสู้แล้ว เขาจะบอกกลุ่มอื่นๆ ด้วยความหยิ่งผยอง “ข้าต้องบอกพวกเจ้าไหมว่า ข้ามีแรดเหล็ก อสูรทองแดงระดับสองตัวหนึ่ง? ข้าเป็นแค่คนธรรมดาไม่มีอะไรเด่นเลย!”

ในหอทงเทียนชั้นที่หก แม้ว่าพลังของเขาจะไม่เป็นที่ดึงดูดใจทุกคน แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งพอสู้กับนักผจญภัยธรรมดาได้

ความจริง แม้คำแนะนำพิเศษของเย่ว์หยางและภายใต้การเพิ่มพลังจากผลึกเวทจำนวนมาก แรดเหล็กของเจ้าอ้วนไห่ไม่ใช่อสูรที่ไร้ประโยชน์เหมือนในอดีตอีกต่อไป มันค่อยๆ วิวัฒนาการจากอสูรทองแดงระดับสองไปเป็นแรดเงิน อสูรเงินระดับสี่ และจากนั้น หลังเพิ่มพลังแบบก้าวกระโดดด้วยยาเพิ่มพลังวิญญาณอสูรและเม็ดพลังปีศาจ มันจึงกลายเป็นแรดทอง อสูรทองระดับห้า ไม่เพียงแต่มีอนาคตที่สดใสเท่านั้น มันยังช่วยเจ้าของได้อย่างมากอีกด้วย อย่าว่าแต่อสูรสามัญเลย แม้แต่แมมม็อธทองที่ทำสัญญากับเจ้าอ้วนไห่ก็ต้องเรียกมันว่าเป็นเจ้านายเขาอย่างเป็นธรรมชาติ… น่าเสียดายก็แต่ว่าแรดทองไม่สามารถเป็นคนได้ และด้วยพลังที่เพิ่มขึ้น น้ำหนักของมันก็เพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน

เย่คงยังเคยล้อเลียนว่าถ้าแรดทองกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ มันจะกลายเป็นหญิงงามคนหนึ่ง

ด้วยแรดทองและแมมม็อธทอง บวกกับฮิปโปที่ฉลาดและแม้แต่นางนวลสายลมที่ฉลาดกว่า คงเป็นเรื่องยากจะทำให้เจ้าอ้วนไห่เจียมเนื้อเจียมตัว

แม้ว่าเขาเพิ่งมาถึงหอทงเทียนชั้นหก เขาก็เอาชนะยอดฝีมือต่างเผ่าพันธุ์ได้มากมาย

อย่าว่าแต่ในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย เจ้าอ้วนไห่ได้รับฉายาตนเองว่า ‘ปีศาจอ้วนหน้าด้าน’ ในพื้นที่รอบๆ หอทงเทียน เป็นการทำลายสถิติเรื่องเวลาที่ยอดฝีมือได้รับฉายาเมื่อเข้าสู่ทวีปมังกรทะยาน

แค่เพียงฉายานี้ก็ทำให้ผู้คนชักพูดไม่ออก

“ท่านสุ่ยตงหลิวใช้วิธีลับสุดยอดส่งจดหมายให้ท่านทั้งสองคน ท่านทั้งสองจะต้องพิสูจน์สถานะที่แท้จริงเสียก่อน รวมทั้งลายเซ็นในอดีตของผู้แนะนำ ไม่เช่นนั้นเรามีอำนาจปฏิเสธให้จดหมายพวกท่าน” บุรุษที่อยู่ต่อหน้าพวกเขามีหมอกแปลกๆ ล้อมรอบตัวเห็นแต่เพียงดวงตาของเขา จากนั้นเขาเตือนเจ้าอ้วนไห่ไม่ให้ทำอะไรห่ามๆ จนเกินไป เพราะเขาเมา ถ้าไม่อย่างนั้นการสนทนาจะหยุดชะงักลง

เจ้าอ้วนไห่รู้สึกหมดสนุกหลังจากได้ยินเช่นนี้

จากนั้นเขาก็หัวเราะเป็นเชิงประจบ “ยกโทษให้ข้าด้วย ข้าดื่มไปมากกว่าสองแก้ว สุ่ยตงหลิวคือครูของข้า เขาคงมีเรื่องสำคัญมาถ่ายทอดแน่นอน นี่คือบัตรทองแดงของข้า แล้วก็ เจ้าลิงบ้า เร็วสิ เอาบัตรของเรามาไว้ที่นี่ โปรดตรวจสอบด้วย ใช่แล้ว ข้าคือไห่ต้าฟู่และเขาคือเย่คง…”

คนส่งสารที่อยู่ในควันหนาทึบยื่นมือส่งของให้พวกเขา

เป็นข้อความที่เป็นความลับ

แต่สิ่งที่แปลกก็คือข้อความลับบรรจุอยู่ในกล่องโปร่งใสที่มีวงเวทอักษรรูนอยู่บนนั้น

นี่คือการปกป้องข้อความลับของสมาคมนักรบ เล่าลือกันว่าต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ไม่อาจทำลายได้ ใครก็ตามที่ต้องการทำลายกล่องปกป้องก็จะกระทบสัญญาณเตือนที่สมาคมนักรบ จากนั้นสมาคมนักรบก็จะทุ่มกำลังตามข้อความนั้นกลับมา แม้ว่าค่าธรรมเนียมพันเหรียญทองจะนับว่าแพง แต่ข้อความจดหมายจะได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีไม่มีโจรผู้ใดคิดจะขโมยแย่งชิงเอาไปได้

“เจ้ามั่นใจว่ามีความสามารถพอจะรับและปกป้องจดหมายนี้ได้ไหม?” นี่เป็นเรื่องแรกที่ผู้ส่งข้อความถาม

“ใช่แล้ว เรามั่นใจ” เจ้าอ้วนไห่ให้ความมั่นใจเขาทันที

“รอบๆ นี้ ปลอดภัยดีไหม?” ผู้ส่งสารถามต่อไป

“อ่า.. ข้าคิดว่าปลอดภัย” เจ้าอ้วนไห่มองไปรอบๆ โรงเตี๊ยมนักรบ นอกจากคนเมาและพนักงานร้านไม่กี่คน ที่เหลือก็เป็นสหายของเขาทุกคน

“ข้าขอถามว่า ท่านพกศิลาหรือม้วนเวทเทเลพอร์ตด้วยหรือเปล่า? จะได้เอาข้อความลับไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ?” นี่เป็นเรื่องที่สามที่คนส่งสารถาม

“มีสิ” เจ้าอ้วนไห่รีบล้วงศิลาเทเลพอร์ตออกมาแสดงให้เขาดู

อย่างน้อยที่สุด หลังจากผู้ส่งสารถามย้ำยืนยันความสามารถของเจ้าอ้วนไห่แล้ว ในที่สุดเขาก็มอบให้และจากไปโดยเร็ว ท่าทีที่จริงจังต่อเนื่องของคนส่งสารทำให้ทุกคนงงงัน ข้อความใดกันแน่ที่ถูกเขียนไว้ในจดหมาย ถึงกับทำให้เย่ว์หยางส่งข้อความลับอย่างนี้

ทุกคนรุมล้อมเข้ามาขณะที่พวกเขาต้องการดูข้อความนั้น แต่พวกเขายังคงมีมารยาทและเบือนหน้าไปทางอื่น แม้ว่าพวกเขาสงสัยในข้อความนั้นก็ตาม

มีเพียงเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ต่างก็โน้มตัวมาดูข้อความนั้นใกล้ๆ

เพราะจดหมายนั้นสุ่ยตงหลิวระบุเจาะจงถึงสองคน… หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที ทุกคนตระหนักว่าเจ้าอ้วนไห่เหงื่อออกพร่างพรูและเย่คงก็ทำนองเดียวกันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ไม่เพียงแต่ลีนและแอนนาที่เฝ้าสังเกตเท่านั้น แม้แต่ฟ่านหลุนเถี่ยที่ไม่สนอะไรและเป่าเอ๋อที่งงงวยก็ยังรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางต่างสบตากัน เหมือนกับพวกเขาตระหนักว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในทวีปมังกรทะยาน

เจ้าอ้วนไห่ดูท่าทางเหมือนกับพยายามฝืนยิ้มอย่างหนักซึ่งดูย่ำแย่กว่าร้องไห้เสียอีก ขณะที่เขากวักมือเรียกเสวี่ยทันหลาง

เสวี่ยทันหลางเข้ามาคว้าจดหมาย

เมื่อเขาเห็นข้อความ ก็รู้สึกหัวหมุนด้วยความตกใจ

องค์ชายเทียนหลัวตามเข้ามาทันที เขาเหลือบมองดูจดหมาย แล้วรวบหมัดแน่นทันที

“เจ้าอ้วน, เกิดอะไรขึ้น?” เลโอทอเรนหัวหน้ากลุ่มพูดออกมาอย่างยากเย็น โดยปกติเขาเป็นหัวหน้าผู้เข้มงวดคนหนึ่งที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไรภายนอก เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า, ไม่มีอะไร, ก็แค่ว่าแม่หมูแก่ที่บ้านข้าตกลูกยากเล็กน้อย ดังนั้นข้าตัดสินใจกลับไปดูว่าข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเป็นหมูตัวโปรดของข้าเสียด้วย” เจ้าอ้วนไห่คว้าจดหมายกลับคืนมาและยัดเข้าปากจากนั้นจึงเคี้ยวจดหมายนั้น ลีนและแอนนามองสถานการณ์ในแง่ร้ายกว่าเดิม พวกเขาไม่ยอมให้คนอื่นที่เหลือได้เห็นจดหมาย นั่นคงหมายความว่าปัญหาต้องหนักหนาสาหัส ดังนั้นคงไม่ใช่ปัญหาที่แม่หมูของเขาคลอดลูกยากแน่นอน

“เรื่องนี้จริงหรือ?” ฟ่านหลุนเถี่ยไม่เชื่อ เป็นไปได้อย่างไร แค่แม่หมูคลอดลูกยาก ถึงกับต้องส่งจดหมายลับสุดยอดเชียวหรือ?

“โห, ข้าไม่รู้เลยว่าสถานะของหมูในทวีปมังกรทะยานช่างสูงส่งนัก…” สี่สาวคิวบัวร์ดีใจมากและพูดด้วยความอิจฉา “ไม่ว่าเราจะไปถึงที่ใดก็ตาม สถานะของหมูมักต่ำต้อยเสมอ”

“ต้องเป็นหมูที่มีค่าและหายากแน่ ดูสิ ข้าบอกว่ามีหมูในตำนานบางพวกที่นำโชคมาให้คน” เป่าเอ๋อไม่เคยออกไปชมดูโลกภายนอก ดังนั้นนางจึงเชื่อที่เจ้าอ้วนไห่พูดได้ง่าย

“ใช่แล้ว มันหาได้ยากแน่นอน เราตัดสินใจกลับไปดูว่าจะช่วยอะไรได้บ้างเช่นกัน” เย่คงกระแอมและผงกศีรษะ

“ไปกันเถอะ” เสวี่ยทันหลางหมุนตัวและเตรียมจากไป

“ข้าสงสัยว่าเราสามารถไปดูหมูมีค่าหายากที่ทวีปมังกรทะยานด้วยบ้างได้ไหม? ข้าเป็นนักรบประเภทพลังบำบัดคนหนึ่ง ดังนั้นข้าอาจจะช่วยได้บ้าง” แอนนาพยายามออกความเห็น

“เพราะทุกทวีปมีกฎเกณฑ์ของพวกเขาเอง เราไม่สามารถนำพวกเจ้าทุกคนกลับไปโดยมิได้รับอนุญาตจากอาจารย์ที่ปรึกษาของเรา เอาอย่างนี้เป็นไง เราจะกลับไปก่อนและหาทางขออนุญาต ดูแลตัวเองนะทุกคน บางทีคงอีกไม่นานเราจะพบกันอีกในทวีปมังกรทะยาน” องค์ชายเทียนหลัวยังฉลาดในการอำลามากกว่า

เสวี่ยทันหลาง, เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ทุกคนพุ่งออกไปราวสายฟ้า และรีบไปที่พื้นที่เทเลพอร์ตของหอทงเทียนชั้นที่หก

สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยแผดเสียงลั่น “หยุดนะ พวกเจ้าทุกคนหยุดนะ!”

แม้แต่ลีนที่มักอารมณ์ดีเสมอถึงกับโกรธเช่นกัน เขามองตาขององค์ชายเทียนหลัว “แม้ว่าเราเพิ่งจะรู้จักกัน แต่เราก็เป็นมิตรที่ดีต่อกัน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายร่วมกัน ระหว่างต่อสู้ พวกเจ้าทุกคนก็ช่วยชีวิตข้าไว้หลายครั้ง ดังนั้นพวกเจ้าจะจากไปเผชิญปัญหากันเองหรือ? บอกปัญหาพวกเจ้าให้เราทราบบ้าง เราจะเผชิญหน้าร่วมกัน…”

แอนนาพยักหน้าเช่นกัน “ข้าไม่รู้ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาบอกอะไรพวกเจ้า แต่นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาแน่นอน เราเป็นเพื่อนและเป็นสหายร่วมรบของพวกเจ้า เรามีสิทธิ์รู้ความจริง แค่เพียงประโยคเดียวก็ได้”

องค์ชายเทียนหลัวสูดลมหายใจลึก เขาชำเลืองตามองดูและพูดสิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึง “จากวันนี้เป็นต้นไป เราไม่ใช่สหายต่อไปแล้ว”

“อะไรนะ?” เลโอ ทอเรนหัวหน้ากลุ่มคว้าคอเสื้อองค์ชายเทียนหลัวใช้ตาวัวจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าเพิ่งพูดอะไรออกมา?”

“อย่าเสียเวลาเลย ไปกันเถอะ”

เย่คงตะโกนมาจากที่ไกล

องค์ชายเทียนหลัวขยับตัวเบาๆ ก็หลุดจากมือของเลโอ และพุ่งหนีจากไป

ฟ่านหลุนเถี่ยตาแดงคำรามลั่นขณะที่นางพังผนังโรงเตี๊ยมไล่ตามพวกเขาไป

นางยื่นมือขนาดยักษ์ออกไปพยายามคว้าเย่คง แต่เย่คงกระโดดขึ้นไปในอากาศหลบนางได้ ฟ่านหลุนเถี่ยยิ่งโกรธและหันไปคว้าเจ้าอ้วนไห่แทน “ถ้าเจ้าไม่อธิบายให้ชัดเจน อย่าคิดว่าจะจากไปได้เลย”

เจ้าอ้วนไห่เหวี่ยงหมัดใส่ฟ่านหลุนเถี่ยทำให้นางกระเด็นไปในอากาศ จากนั้นพูดอย่างห่างเหินว่า “ยัยวัวบ้า, ข้าไม่รู้จักเจ้า”

เสวี่ยทันหลางไวที่สุด เพราะเขาเทเลพอร์ตจากไปแล้ว

พี่น้องตระกูลหลี่วิ่งเข้าไปในวงแหวนเทเลพอร์ต ขณะที่พวกเขาเตรียมตัวเทเลพอร์ต…

“พวกเจ้าทุกคนจะจากไปอย่างนั้นจริงๆ หรือ? เชื่อข้าสิ พวกเจ้าแค่บอกออกมาสักคำ ไม่ว่าปัญหาจะคืออะไรก็ตาม” ลีนเคลื่อนเข้ามาราวประกายไฟ ยับยั้งเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ก่อนที่พวกเขาจะเทเลพอร์ตจากไป

“ความเป็นหุ้นส่วนของพวกเราจบแล้ว นี่คือส่วนแบ่งของพวกท่าน” จากนั้นเย่คงโยนผนึกเวทและเหรียญทองในแขนเขาทั้งหมดลงพื้น จากนั้นเดินไปพร้อมกับเจ้าอ้วนไห่ พวกเขาเดินไปต่อหน้าลีนอย่างไม่ไยดี ม่านตาลีนขยายกว้าง เขากำหมัดแน่นพยายามบังคับตนเองอย่างหนักไม่ให้เคลื่อนไหว ขณะมองดูสองคู่หูเดินจากไป

“โง่จริงๆ ทำไมเจ้าต้องไปห้ามเขา? ไม่มีพวกเขานำทอง เราไม่สามารถไปทวีปมังกรทะยานหรือ!” ฟ่านหลุนเถี่ยมีเลือดออกจากปากขณะตะโกนใส่ลีนด้วยอารมณ์โกรธ

“ถ้าพวกเขาต้องการจากไป เราคงมิอาจรั้งพวกเขาให้อยู่ต่อได้” ลีนถอนหายใจ

เป่าเอ๋อว้าวุ่นใจร้องไห้จนน้ำตานองหน้า

แม้แต่แอนนาก็หลั่งน้ำตานองหน้าเช่นกัน… สหายที่มีมิตรภาพอันดีก่อนนี้ จู่ๆ ก็กลายเป็นเย็นชาและห่างเหิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

อาจารย์ของเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ สุ่ยตงหลิวบอกเล่าอะไรกับพวกเขากันแน่?

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นจดหมาย แต่พวกเขาก็เดาได้จากกิริยาที่ผิดปกติของเจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือ การแยกตัวจากมาอย่างไร้น้ำใจไม่ใช่เพราะพวกเขาใจดำจริงๆ แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการเป็นภาระกับทุกคน ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นในทวีปมังกรทะยานจนทำให้พวกเขากังวลและรีบร้อนออกเดินทางโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น

และสิ่งที่เกิดขึ้นต้องเป็นเรื่องยากลำบากแน่นอน

“ร้ายนัก, ข้าเกลียดคนแบบนี้ที่สุด ขี้ขลาด, บัดซบ พวกเขาทอดทิ้งสหายไปจริงๆ พวกเจ้าทุกคนคิดว่าพวกเจ้าเป็นคนชั้นสูงอย่างนั้นหรือ? ข้าว่าพวกเจ้าโง่กันทุกคน ข้าเกลียดคนอย่างพวกเจ้าทั้งหมด ที่คิดแต่ว่าตัวเองไม่ผิด” ฟ่านหลุนเถี่ยโวยวายลั่น แต่ขณะที่นางยังด่าต่อไป หยดน้ำตาก็ร่วงไหลมาตามแก้มนาง

“ตอนนี้จะเอายังไง?” เลโอหันไปมองลีน

แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้ากลุ่มก็ตาม แต่ช่วงเวลาที่สำคัญอย่างนี้ แต่เขายังต้องดูการตัดสินใจของลีนและแอนนา

ลีนและแอนนามองหน้ากันเองและก้มศีรษะครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ในที่สุดพวกเขาก็ต้องตัดสินใจ “เราจะไปสมาคมนักรบถามเรื่องที่เกิดขึ้นเสียก่อน”

เมื่อพวกเขามาถึงสมาคมนักรบ ก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไรได้ โอวเกินนักรบวัยกลางคนตะโกนมาทางพวกเขา “ในพวกเจ้าทุกคนน่ะ เย่คงและเจ้าอ้วนไห่อยู่ไหน? ไตตันน้อยส่งข้อความลับถึงพวกเขา รอให้พวกเขาตอบรับอยู่ แต่คนส่งสารหาพวกเขาไม่พบ…”

แอนนา, ลีนและที่เหลือตกตะลึง” ข้อความลับสองรายเชียวหรือ? ไตตันส่งให้พวกเขาด้วยเช่นกันหรือ?”

มีคนผู้หนึ่งออกมาจากข้างใน เป็นหัวหน้าแม็ทธิวกำลังหน้าตาบูดบึ้ง “มีสามข้อความ จักรพรรดิแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย จุนอู๋โหย่วก็ส่งข้อความด้วยเช่นกัน!”

 

******************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset