ตอนที่ 492 เขยเราเก่งขนาดไหน
เย่ว์หยางรู้สึกว่าพลังงานลึกลับจะระเบิดออกมาจากในใจของเขา เหมือนกับว่าเขากำลังจะรู้แจ้ง ความรู้ของมารดาสหายผู้น่าสงสารเหมือนกับถูกปลดผนึกอีกชั้น ได้หลั่งไหลถ่ายทอดมาที่เขา
เสี่ยวเหวินหลีกลายร่างเป็นแสงลอยกลับเข้าไปในร่างของเย่ว์หยาง
ทันใดนั้น ระดับความรู้แจ้งของเขาเพิ่มมากขึ้น ชัดเจนยิ่งขึ้น
สิ่งที่เย่ว์หยางรู้สึกไม่ใช่แค่เฉพาะความรู้ของมารดาสหายผู้น่าสงสารเท่านั้น เขายังรู้ความรู้ของเสี่ยวเหวินหลี รับตกทอดเศษเสี้ยวความทรงจำและความรู้ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
ขณะเดียวกันระหว่างที่อยู่ในสภาวะรู้แจ้งนี้… เมื่อเขาดื่มด่ำกับการรู้แจ้งครั้งใหม่นี้ หอลงทัณฑ์บ่อโลหิตก็เริ่มสั่นสะเทือน
ส่วนพื้นผิวเริ่มถล่มยุบลง ผนังกำแพงเต็มไปด้วยรอยร้าว
หอลงทัณฑ์บ่อโลหิตสามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ แม้แต่มิติทั้งหมดก็จะพังทลายไปด้วย
โคเงาอาหมันเป็นรายแรกที่รู้สึกตัวได้สติจากการยกระดับและวิ่งเข้าหาเย่ว์หยาง นางคว้าตัวเย่ว์หยางด้วยพลังของนางทั้งหมด
หงนางพญากระหายเลือดตามหลังมาติดๆ ขณะที่นางบินขึ้นฟ้า นางจะคอยปัดกันหินที่ตกลงมาใส่เย่ว์หยางและอาหมันต่อเนื่อง นางทำเช่นนี้เพื่อให้เจ้านายของนางที่ยังอยู่ในภวังค์สมาธิไม่ได้รับผลกระทบ ตั๊กแตนมัจจุราชกางปีกและบินขึ้นไป เมื่อมันมองลงมา มันรู้สึกว่ายังคงมีโซ่ล่ามเทพที่เย่ว์หยางไม่สามารถเก็บได้ทันเวลา ขณะที่มันคิดได้ ตั๊กแตนมัจจุราชก็บินโฉบลงมา แม้ว่าหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตสามารถพังถล่มได้ทุกเมื่อ แต่มันไม่ลืมเก็บสมบัติที่เจ้านายของมันได้มาด้วยความยากลำบาก อีกด้านหนึ่ง ภูตเพลิงปฐพีที่ได้ดูดซับสำนึกเทพไปส่วนหนึ่งไม่ได้รู้สึกตัวเช่นนั้น
ภูตเพลิงขยายขนาดใหญ่มากขึ้นและใกล้จะเป็นร่างมนุษย์หลังจากดูดซับสำนึกเทพ
ที่สำคัญที่สุด นางกำลังผสานเข้ากับสำนึกเทพ และยิ่งได้พลังสนับสนุนเช่นนี้ทำให้นางสามารถใช้พลังเพื่อยกระดับได้สมบูรณ์แบบ … นางบินอยู่ในหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตอย่างตื่นเต้น ขณะที่นางชนหินที่ร่วงลงมาจนกระเด็นและใช้ส่วนพลังควบคุมของสำนึกเทพรวบรวมก้อนหินที่ร่วงลงมาไว้ด้วยกันจากนั้นยิงออกไปอีกครั้ง
นางมัวแต่เพลิดเพลินกับการเล่นสนุกจนลืมเลือนอันตรายโดยรอบ
สำหรับนาง ไม่มีอันตรายจากการพังทลายของหอลงทัณฑ์บ่อโลหิต แน่นอนว่านางไม่รับรู้ไม่ทราบว่าเจ้านายของนางเป็นมนุษย์
เมดูซ่าศิลา, นางเงือกวายุ, นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งตามหลังเย่ว์หยางมาอย่างกระชั้นชิด พวกนางคอยคุ้มครองทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเขา
หนึ่งในผู้เบิกเส้นทางข้างหน้าคือเมดูซ่าศิลา นางหยุดโบกหางของนางเนื่องจากมีเสียงๆ หนึ่งอยู่ข้างหน้า
เป็นพญางูเหลือมโลหิต อสูรทองระดับแปด
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดพญางูเหลือมโลหิตถึงได้มีพลังชีวิตที่ทนทานนัก มันยังไม่ตาย มันร้องด้วยความเจ็บปวดขณะเลื้อยเข้าหาเย่ว์หยางและพวกที่เหลือ
ในตอนแรกเมดูซ่าศิลาคิดว่ามันกำลังพยายามโจมตีทำร้ายพวกนาง ขณะที่นางง้างธนูเตรียมจะยิง
พญางูเหลือมโลหิตรู้ตัวว่ามันกำลังจะตาย ขณะที่น้ำตาไหลออกจากตามัน
เมื่อเห็นมันร้องไห้ เมดูซ่าศิลาลดธนูลง… ปีศาจอสรพิษน้ำแข็งตะโกนบอกอย่างไม่พอใจ นางเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของพวกนาง จะไม่ยอมให้น้องๆ ของนางหวั่นไหวฟุ้งซ่านขณะปกป้องเจ้านายของพวกนาง ไม่เพียงแต่สูญเสียสมาธิเท่านั้น แต่การอยู่ในมิติที่กำลังล่มสลายพังทลายในไม่ช้าจะมัวแต่เห็นแก่พญางูเหลือมโลหิตเล็กน้อยเช่นนี้ได้ยังไง
“กี๊ซ กี๊ซ” พญางูเหลือมโลหิตดูเหมือนจะวิงวอนขอความช่วยเหลือจากเมดูซ่าศิลา เนื่องจากมันไม่สามารถออกจากหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตได้ด้วยอาการที่บาดเจ็บหนัก
ยิ่งกว่านั้น มันยังถูกจำกัดโดยรหัสคำสาปโบราณในหอลงทัณฑ์บ่อโลหิต ดังนั้นมันจึงไม่สามารถไปจากที่นี้ได้จริงๆ
เมื่อมันเห็นว่าเมดูซ่าศิลาจะทิ้งมันไว้เบื้องหลัง มันกู่ร้องใส่ท้องฟ้าอย่างเจ็บปวดเศร้าเสียใจ
เมดูซ่าศิลาหยุดและหันมามอง
พญางูเหลือมโลหิตพยายามเข้ามาหานาง แต่ก่อนที่มันจะเข้ามาถึง ปีศาจอสรพิษน้ำแข็งตะโกนสั่งเข้มงวด เมดูซ่าศิลาง้างธนูทันทีที่ได้ยิน
เนื่องจากมันไม่สามารถมาได้ทัน นางจะช่วยจบชีวิตให้มันแทน
แต่ก่อนที่ เมดูซ่าศิลาจะได้ยิงลูกศรทองออกไป พญางูเหลือมโลหิตกลิ้งไปรอบๆ ด้วยความเจ็บปวด
มีเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากปลายหางของมัน ขณะที่มีหัวน้อยๆ โผล่ออกมาจากช่องคลอดของมัน ชีวิตน้อยๆ ยังดิ้นรนอยู่ในถุงโปร่งใสเหมือนกับต้องการจะออกมาดูโลก เป็นเพราะเด็กที่คลอดก่อนกำหนดนี้เองทำให้เมดูซ่าศิลาเปลี่ยนใจไม่ฆ่าพญางูเหลือมโลหิต นางล้วงหินผลึกเขียวและหันมาหน้ามาทางพญางูเหลือมโลหิต.. ก่อนที่เมดูซ่าศิลาจะสามารถร่ายเวททำสัญญา พญางูเหลือมโลหิตก็รีบเปลี่ยนเป็นรัศมีสีทองและพุ่งเข้าหาหินผลึกเขียวพร้อมกับเลือดเนื้อเชื้อไขของมัน
เย่ว์หยางยังอยู่ในภวังค์สมาธิจึงไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้
แน่นอน แม้ว่าเขาเห็น เขาก็คงจะไม่ห้าม
มีแต่จะดีใจที่เมดูซ่าศิลาไม่ใช่เครื่องจักรสังหารที่โหดอำมหิตอีกต่อไป เนื่องจากนางเริ่มมีสติปัญญาและอารมณ์แบบมนุษย์ นี่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่
ยังไม่ทันถึงเจดีย์โบราณที่ทางเข้าหอลงทัณฑ์บ่อโลหิต เย่ว์หยางสะดุ้งตื่นเสียก่อน เมื่อเขาเห็นว่าหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตทั้งหมดกำลังจะล่มสลายและมิติทั้งหมดเริ่มทำลาย เขารีบล้วงศิลาเทเลพอร์ตที่ดีที่สุดออกมา นางพญากระหายเลือด, โคเงาอาหมัน, ตั๊กแตนมรณะ, เมดูซ่าศิลา, นางเงือกวายุ, นาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งกลับเข้าไปในคัมภีร์โลกทั้งหมด มีแต่ภูตเพลิงที่ยังมัวชักช้าทำให้เย่ว์หยางโมโหและเอ็ดตะโรใส่
ภูตเพลิงกลัวแต่นางก็ยังไม่เข้าใจเหตุผล นางจำได้แต่เพียงว่านางจะโดนดุด่าทุกครั้งที่เอาแต่เล่นเป็นเวลานานเกินไป ในที่สุดนางจะจำครั้งนี้ไว้
หลังจากเย่ว์หยางเรียกเก็บภูตเพลิงแล้ว ก็เก็บโซ่ล่ามเทพไว้ด้วย เขาทุบผลึกเทเลพอร์ตทันที ทั่วทั้งหอลงทัณฑ์บ่อโลหิตก็พังทลายในที่สุด
โลกสั่นสะเทือน
ทันทีที่เย่ว์หยางเทเลพอร์ตจากไป มิติทั้งหมดก็เริ่มทำลายตัวเองและบิดเบี้ยว เกิดแรงระเบิดรุนแรงทั่วทั้งหอลงทัณฑ์บ่อโลหิต
บึ้ม!
แม้ว่าจะเทเลพอร์ตได้สำเร็จ แต่คลื่นอัดกระแทกจากแรงระเบิดยังส่งผลให้เย่ว์หยางปลิวกระเด็น เมื่อเขามาถึงที่ลานฝึกฝีมือ จึงทำให้เสียหลักตอนลงกับพื้น พลังบิดเบือนของมิติส่งผลให้เย่ว์หยางปลิวเหมือนลูกกระสุนและกระแทกเข้ากับหอธงที่อยู่สนามฝึกฝีมือ หอพังทลายไปบางส่วน โชคดีที่ธงตระกูลเย่ว์และธงอาณาจักรต้าเซี่ยไม่เสียหาย ไม่เช่นนั้นอาจถูกมองว่าเป็นลางร้ายในสงครามก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นกำลังใจของทุกคนอาจถูกบั่นทอนก็เป็นได้
ฮุยไท่หลางไวที่สุด เนื่องจากมันมาถึงข้างตัวเย่ว์หยางก่อนที่ทุกคนจะทันรู้ตัวเสียอีก
มันกระดิกหางไปมาเพราะดีใจมาก
“เจ้าหาทางกลับมาทั้งที จะไม่เอิกเกริกไปหน่อยหรือเจ้าหนู?” จุนอู๋โหย่วเดินออกมาเมื่อเขาได้ยินเสียงเอะอะและพบว่าเป็นเย่ว์หยางที่มีฝุ่นเต็มตัวไปหมดกำลังลุกขึ้นยืนจากกองซากหักพัง เขามีความสุขมากและไม่ได้ตำหนิที่เขาทำหอคอยเสียหาย พวกเขาเริ่มหัวเราะอย่างยินดี
“เป็นหนุ่มเป็นแน่นควรรับงานหลายอย่างก็จริง แต่เจ้าจะรับผิดชอบต่อความประมาทของเจ้ายังไง?” แม้ว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่จะตำหนิเย่ว์หยาง แต่ความจริงท่านกำลังขอบคุณบรรพบุรุษอยู่ในใจ
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหลานชายผู้เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากผู้นี้ อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถทนมีชีวิตต่อไปได้อีกแน่นอน
ความหวังของทั่วทั้งตระกูลเย่ว์ เย่ว์หยางล้วนแบกไว้คนเดียว
ถ้าเขาไม่อาจกลับมาได้ ตระกูลเย่ว์คงถึงคราวล่มสลาย
โชคดีที่เจ้าเด็กน้อยที่ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงไม่สบายใจ ยังกลับมาได้ เขายังดูปลอดภัยดี ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักอย่างที่คาดกันไว้
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารีบเข้ามาไกล่เกลี่ยทันที เขาเหินตรงไปที่เย่ว์หยางที่ยังคงมึนงงเล็กน้อย และดึงเขาเข้ามาช่วยปัดเศษหินและฝุ่นบนร่างกายให้เขา “นับว่าดีแล้วที่เจ้ากลับมาถึงนี่ได้ อย่าพูดอะไรเลย พวกเราทุกคนเข้าใจ… เจ้าอ้วนไห่! เจ้าเป็นลูกพี่ประสาอะไร? รีบไปตักน้ำมาให้คุณชายสามล้างหน้าล้างตาเร็วเข้า, ลูกน้องของเจ้าเป็นอย่างนี้ เจ้ายังจะภูมิใจว่าเป็นลูกพี่อยู่อีกหรือ?”
เจ้าอ้วนไห่ที่ก่อนนี้หน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ปาดน้ำตาจากหน้าและเริ่มโม้อย่างภาคภูมิ “มั่นใจได้เลยว่าเจ้าไม่ต้องการข้า เพราะมีหลายคนกำลังทะเลาะแย่งทำหน้าที่นี้กัน หลิวเย่ แม้ว่าข้าจะเด่นในเรื่องจัดหาน้ำล้างหน้า แต่ในฐานะเป็นลูกพี่ของเจ้า ข้าตัดสินใจมอบโอกาสนี้ให้เจ้าทำ”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เย่คงก็ถีบเขาพ้นไปจากทางเสียแล้ว
เทียบกับเป่าเอ๋อที่วิ่งเข้ามากอดและร้องไห้ไม่มียั้ง หลิวเย่ได้แต่สงวนท่าทีไว้เหลือให้เห็นแต่เพียงหยาดน้ำตาเล็กๆ บนใบหน้านาง
อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เสวี่ยทันหลางที่ปกติจะอยู่ห่างๆ ก็ยังหันศีรษะไปทางอื่นเหมือนกับจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่กับพวกที่เหลือวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น เนื่องจากพวกเขาคลายความเจ็บปวดและความวิตกกังวลจากการรอคอยเย่ว์หยางเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน พวกสตรีอาจร้องไห้ตามที่ใจต้องการ แต่ในฐานะบุรุษพวกเขาอายที่จะทำอย่างนั้น ดังนั้นพวกเขาได้แต่โห่ร้องและจับเย่ว์หยางโยนขึ้นอากาศ
“ชู่ว, ชู่ว ไปอยู่ตรงนั้น ศิษย์ของข้ากับข้าไม่ได้เห็นกันมานานแล้ว ให้เราได้สนทนากัน” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารอจนพวกเขาเสร็จแล้ว ก่อนที่จะวางมือลงบนไหล่ของเย่ว์หยางและถามเขาด้วยความตื่นเต้น “เด็กน้อย, เจ้าได้สมบัติอะไรมาบ้าง เอาออกมาให้ข้าชมดู”
“ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ขยะกองหนึ่ง ครั้งนี้ ข้าได้โซ่ล่ามเทพสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่มันพังแล้ว” เย่ว์หยางจงใจทำเป็นถ่อมตัว
“พรวด, พรวด, พรวด…”
จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ตระหนักว่าพวกเขาไม่น่าซดชาตอนที่เย่ว์หยางอยู่ใกล้ๆ เลย
ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงสำลักน้ำตาย
ตอนแรกพวกเขาต้องการทำตัวเหมือนผู้อาวุโสและต้องการจะหยุดความอายของตนเองไว้ พวกเขาไม่ต้องการจะแยแสอะไรเหมือนกับเป็นผู้อาวุโสทั่วไป แต่พวกเขาไม่สามารถทนได้จนถึงที่สุด ในหมู่พวกเขาใครบ้างที่มีสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์? อย่าว่าแต่นับรบธรรมดาเลย แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดและองครักษ์พิทักษ์ฟ้าก็ยังไม่มีเป็นของตนเอง พวกเขาภูมิใจพอแล้ว หากพวกเขาได้เป็นเจ้าของสมบัติระดับแพลตตินัมได้สักชิ้น ตอนนี้ แค่การเดินทางเข้าไปในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพสบายๆก็ทำให้เย่ว์หยางได้โซ่ล่ามเทพสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์มาด้วย แล้วท่านจะทนวางมาดต่อไปได้ยังไง? แต่พอคิดดูอีกที เย่ว์หยางก็มีอาวุธวิเศษมากมายอยู่แล้ว ดาบวิเศษฮุยจินที่เขาสร้างเองก็ใกล้จะเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ดังนั้นโซ่ล่ามเทพสำหรับเขาแล้ว ถือว่าไม่มีอะไรเลย
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารู้ว่าเขาคงไม่แบ่งโซ่ล่ามเทพให้แน่ ดังนั้นจึงไม่แสดงความเห็นเพิ่มเติม
คงจะเปลืองพลังงานเปล่า มันเคยใช้ล่ามไตตันโบราณมาแล้ว ดังนั้นแม้ว่าต่อให้ยกให้เขา เขาก็คงไม่มีปัญญาใช้มันได้
เขายังคงตบไหล่เย่ว์หยางแสดงความยินดีกับเขา “เจ้ายังมีอะไรพอจะแบ่งให้เราได้บ้างไหม? เจ้าเก็บโซ่ล่ามเทพเอาไว้รับมือกับราชาเฮยอวี้ได้ แต่สมบัติชั้นแพลตตินัมหรือชั้นทองแบ่งให้เราได้ไหม? ข้าเป็นคนมักน้อยพอเพียงอยู่แล้ว ถ้าได้สักชิ้นสองชิ้นก็คงจะดี”
เฟิงเสี่ยวหวิน, เสวี่ยเวิ่นเต้า, เหยียนเชียนจ้งและผู้อาวุโสอื่นๆ แทบร่วงกับพื้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แล้วนี่คุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้รับการสอนสั่งให้กลายเป็นคนหน้าด้านจากตาแก่นี่หรือเปล่า?
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่อยากจะทุบจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นัก ในที่สุดมีผู้เยาว์อัจฉริยะในตระกูลเย่ว์อยู่คนเดียว และเจ้ากลับคาดหวังเสียมากมาย นี่เจ้ากำลังจะสอนวีรบุรุษให้กลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายเสียแล้ว แม้ว่าความหน้าด้านจะป้องกันเย่ว์หยางจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่มันก็ทำให้เขาเสียชื่อเสียงและเขาก็ไม่สามารถหาข้ออ้างชมเชยหลานชายของเขาได้
“ไม่มีสมบัติอย่างอื่น” เย่ว์หยางปฏิเสธเขา เนื่องจากสมบัตินั้นเขารวบรวมมาเอง แล้วทำไมจะต้องให้สมบัติกับคนอื่นง่ายๆ นักเล่า?
“ยักษ์ไตตันตายหรือยัง? ข้าไม่ถือสานะหากข้าจะได้รับเนื้อสักส่วนหนึ่ง เพราะข้าเพิ่งทำสัญญากับลูกมังกรเมื่อเร็วๆ นี้เอง ถ้าได้เนื้อไตตันสักหน่อย…เอ๋? ว่าไงนะ เจ้ามีจริงๆ เหรอ? โอว..พระเจ้าช่วย” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเห็นว่ามีวัตถุขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า
แขนขนาดยาวมากกว่าร้อยเมตรหล่นลงมาบนพื้น ทำให้ปราสาทตระกูลเย่ว์สั่นสะเทือนเล็กน้อย
สนามฝึกฝีมือพังยับอิฐแตกลอยกระจุยขึ้นมาเป็นล้านชิ้น
อย่าว่าแต่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าผู้ยืนอยู่ระหว่างร่องนิ้วของยักษ์ไตตันเลย แม้แต่จุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, ราชันย์ฟ้าบูรพาและเฟิงขวงที่ยืนอยู่ห่างๆ ยังตกตะลึงกลัวจนแก้วชาหลุดจากมือโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนแสดงท่าทางมึนงง ขณะที่พวกเขายังไม่สามารถฟื้นคืนจากอาการตกใจอยู่ชั่วขณะ
แค่เพียงนิ้วของไตตันนิ้วหนึ่งก็น่าจะมีขนาดยาวยี่สิบเมตรแล้ว ถ้ารวมกับแขนด้วยจะมีขนาดยาวมากกว่าร้อยเมตร
เหตุผลที่เย่ว์หยางทิ้งแขนไตตันให้ทุกคนก็เพื่อส่งเสริมให้กับทุกคน
ประการแรก เขาต้องการเพิ่มกำลังใจให้พวกเขา ประการที่สอง จะเป็นการยกระดับให้อสูรของพวกเขาด้วย ด้วยเลือดและเนื้อของไตตันโบราณ เขาเชื่อว่าระดับของอสูรทั้งหลายจะเพิ่มขึ้นได้อีกหลายระดับ
กระบี่แสงยาวถูกยิงออกมาจากกริชสังหารเทพ ขณะที่เย่ว์หยางตัดเนื้อจากแขนไตตันชิ้นแล้วชิ้นเล่า และใช้เป็นของขวัญให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและคนที่เหลือ.. เย่ว์หยางไม่ลืมเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพวกที่เหลือด้วยแน่นอน ส่วนฮุยไท่หลาง มันเริ่มแทะกินแล้ว มันไม่ต้องเกรงใจแม้แต่น้อย เนื่องจากมันรู้ว่าเย่ว์หยางเตรียมแขนทั้งหมดให้มัน ดังนั้นมันเริ่มกินโดยไม่สนใจอะไร
“เอาล่ะ เอาล่ะ, ข้าไม่ต้องการมากนักหรอก เจ้าควรเก็บแขนที่มีค่านี้ไว้ พวกเขาแก่กันหมดแล้ว จะเสียของซะเปล่าเพราะให้พวกเขาใช้ ให้กันคนละเล็กน้อยก็พอ” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารีบห้ามเย่ว์หยางไม่ให้แบ่งเนื้อต่อ เนื่องจากไม่มีประโยชน์ที่ให้อสูรของพวกเขายกระดับกันต่อไป จะเป็นเรื่องดีกว่าที่เก็บไว้ใช้ยกระดับให้อสูรของเย่ว์หยาง
“นั่นก็สมเหตุผลแล้ว” เซียนนักพรตเห็นด้วยแข็งขัน
“เขยคนดีของข้า เจ้าฆ่าไตตันด้วยตัวเองหรือนี่? ฮ่าฮ่าฮ่า น่าทึ่งมาก ข้าดีใจจริงๆ” ราชันย์ฟ้าบูรพาปลาบปลื้มดีใจมาก เขาคิดว่า “มีลูกชายจะมีประโยชน์อะไร ข้าไม่มีเลยสักคน? ยังดีนะที่ข้ามีลูกสาว ดูสิเขยข้าน่าประทับใจแค่ไหน? เฟิงเสี่ยวหวินและเหยียนเชียนจ้ง พวกเจ้ามีบุตรชายก็คงได้แต่แอบร้องไห้ในมุมลับตาแน่” แม้ว่าเขาจะไม่พูดออกมาดังๆ แต่ท่าทีภาคภูมิใจของเขาก็ทำให้เหยียนเชียนจ้งและผู้อาวุโสที่เหลือแทบคลั่ง
“อย่าโม้ต่อหน้าข้าเลย ใครกันไม่มีลูกสาว?” เพียงคนเดียวที่สามารถโต้ตอบราชันย์ฟ้าบูรพาได้ก็คงเป็นจุนอู๋โหย่วผู้ให้กำเนิดแม่เสือสาว
“ชิวเอ๋อ, ซานเอ๋อพยายามจนได้ผลสำเร็จแล้ว เจ้า เจ้าพักผ่อนอย่างสงบเถอะ..” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่หันไปลอบปาดน้ำตา
*************