ตอนที่ 551 เจ้าเป็นของเจ้าหญิงผู้นี้แล้ว
“ฟัน!” จื้อจุนกวัดแกว่งกระบี่เทพร่างมนุษย์ จากนั้นฟันลงไปที่ร่างเงา พลังของกระบี่ฉีกท้องฟ้าผ่าพื้นปฐพี พื้นสมรภูมิรบโบราณที่แข็งแตกแยกออกอย่างไร้เสียง เป็นรอยลึกสิบเมตรและยาวหนึ่งกิโลเมตร จุดเริ่มต้นเริ่มจากจื้อจุนขยายลามไล่ไปที่ร่างเงา
ร่างเงานั้นต้องการหลบซ่อนแต่มันไม่สามารถทำได้
อาวุธเทพร่างมนุษย์ไม่เพียงแต่มีพลังไร้ผู้ต่อต้าน แต่ยังแฝงด้วยเจตนาฟันด้วยที่โกรธเกรี้ยวไม่เหมือนใคร
แรงฟันเพียงครั้งเดียวดูเหมือนสามารถตัดได้ทั้งมิติและเวลา หลังจากจื้อจุนฟาดฟันกระบี่ของนาง ร่างเงาสังเกตว่าร่างของเขาเหมือนกับถูกมุกหยุดร่างตรึงเอาไว้ เหมือนกับเมื่อชั่วครู่ที่ผ่านมา เว้นแต่สถานการณ์ของพวกเขากลับกัน ร่างเงาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยสักนิ้ว ได้แต่จ้องดูพลังตัดฟันที่ตรงเข้ามาที่ศีรษะของเขา
เหยียนจงปล่อยหมัดเพลิงส่งไปที่เหยียนจุน
เหยียนจุนที่รู้สึกกังวลห่วงใยเหมือนพี่น้องจึงได้ดึงร่างเงาออกมา…
เมื่อรังสีกระบี่หายไป เหลือแต่เพียงแขนสองข้างตกร่วงอยู่บนพื้น แขนข้างหนึ่งเป็นของร่างเงา และอีกข้างหนึ่งเป็นของเหยียนจุน
แม้ว่าร่างเงาจะได้รับการช่วยเหลือจากเหยียนจุน แต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บหนักและเกือบถูกปราณกระบี่ฟันใส่เกือบขาดเป็นสี่ท่อน ที่เหนืออื่นใด ไหล่ของร่างเงาที่เสียแขนไปในตอนนี้มีเลือดฉีดพุ่งออกมา อย่างไรก็ตามร่างเงานั้นอดกลั้นความเจ็บปวดอย่างเต็มที่ เขาไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย อีกด้านหนึ่งเหยียนจุนผู้มีเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์อยู่ด้วยจึงไม่รู้สึกเจ็บปวด ตราบใดที่เขาสามารถเก็บแขนของเขากลับมาได้ เขาจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้ทันที และเป็นเพราะเหตุนี้เองเขาจึงกล้าช่วยร่างเงา
จื้อจุนไม่ได้โจมตีซ้ำเติม อย่างไรก็ตามเหยียนจุนและพวกรู้ตัวแล้วว่าพวกเขาแพ้แล้ว
เหตุผลก็คือพวกเขาประเมินกำลังของคู่ต่อสู้ผิด ถ้าเย่ว์หยางไม่แสดงพลังกฎรหัสโบราณจากไพ่ทำนายชะตา การลอบทำร้ายโดยใช้ร่างเงาของมุกหยุดร่างอาจประสบความสำเร็จก็ได้ ตราบใดที่พวกเขาสามารถฆ่าจื้อจุนได้ จักรพรรดินีราตรีและจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่มีโอกาสตายอยู่ในซากสมรภูมิโบราณเป็นการกำจัดภัยคุกคามแดนสวรรค์ในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม การลอบทำร้ายของพวกเขาล้มเหลว เพราะจื้อจุนยังสามารถเคลื่อนไหวได้ภายใต้ผลกระทบจากมุกหยุดร่าง
ยิ่งกว่านั้นเจ้าเด็กคนนั้นยังมีพลังของกฎรหัสโบราณอีกด้วย
พลังของกฎรหัสโบราณเล่นงานพวกเขาจนบาดเจ็บหนัก พวกเขาจำต้องถอนกำลังอย่างช่วยไม่ได้ทั้งที่พวกเขาได้เปรียบในเรื่องระดับพลังและเวลา
สตรีทั้งสองของอีกฝ่ายหนึ่งไม่เพียงแต่มีพลังต่อสู้ได้เท่านั้น พวกนางยังมีอาวุธเทพร่างมนุษย์อีกด้วย
ทางฝ่ายของพวกเขาบาดเจ็บหนักสามคน พวกเขาสูญเสียพลังต่อสู้ไปอย่างมหาศาล เหลืออยู่แต่เพียงเจ้าขี้ขลาดชางเหยียนคนเดียวที่ไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ ก่อนนี้เขาสามารถขัดขวางสนามพลังดารานภากาศของจักรพรรดินีราตรีได้ แต่กลับยืนเฉยเหมือนกับเป็นตัวโง่งม หากรายงานของเขาถูกต้องชัดเจนมากขึ้น พวกเขาคงไม่ถูกเล่นงานสะบักสะบอมอย่างนี้ ตอนนี้พวกเขาได้ล่วงเกินนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและยังเสียหน้าถอนกำลังพ่ายแพ้
น่าอายนัก
ถ้าพวกเขากลับไปรายงานเรื่องนี้ พวกเขาจะต้องโดนตำหนิอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถรายงานเรื่องนี้ได้เท่านั้น พวกเขาต้องให้ชางเหยียนปิดปากให้สนิท ป้องกันไม่ให้หาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกเขา
“เราไปกันเถอะ ความอับอายในวันนี้ เราจะต้องชดใช้คืนเป็นร้อยเท่า” เหยียนจงรีบเหาะไปที่เหยียนจุนและร่างเงา เขาฉุดทั้สองและเปลี่ยนร่างเป็นทะเลเพลิงจากไปโดยไม่เหลือร่องรอย ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะหลบหนีไปแล้ว ชางเหยียนตกใจจนแข้งขาอ่อนไปหมด เขาใช้ความเร็วสูงสุดหนีไปจากซากสมรภูมิโบราณเช่นกัน ถ้าจื้อจุนฟันใส่เขาหนึ่งกระบี่ เขาไม่มั่นใจว่าจะป้องกันได้หรือไม่
จื้อจุนคลายมือปล่อยอาวุธเทพร่างมนุษย์และปล่อยให้มันกลับคืนสภาพเป็นนางฟ้าปีกโลหิตตามเดิม
ด้วยสภาพอ่อนเพลียเล็กน้อย นางประคองเย่ว์หยางและพยักหน้าให้จักรพรรดินีราตรี “โชคดีที่พวกที่มานี้เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับหก ถ้าพวกเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้สักเล็กน้อย อย่างนั้นข้าคงไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้ แม้จะมีพลังของเจ้าช่วยด้วยก็ตาม”
จักรพรรดินีราตรีถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
สิ่งที่นางถามก็คือจื้อจุนสามารถสะท้อนพลังกฎรหัสโบราณที่ปล่อยออกมาจากกฎรหัสโบราณและเรียกยักษ์ทองสตรีออกมาได้ยังไง
จื้อจุนไม่สามารถเข้าใจเรื่องนี้ ขณะที่นางตอบ “ถ้ามีโอกาสอื่น เจ้าก็ควรจะลองดู ด้วยระดับความรู้ของเจ้า เจ้าอาจจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีกว่าข้า”
เมื่อจักรพรรดินีราตรีได้ยินเช่นนี้ นางหัวเราะเสียงดังสดใสเหมือนระฆัง นางกลับอยู่ในสภาพพรางตัวอีกครั้ง “ช่างเถอะ มีอะไรแปลกๆ หลายอย่างเกิดขึ้นกับร่างของเจ้าเด็กนี่มากมายเหลือเกิน ข้ายังไม่สามารถเข้าใจได้หมด เนื่องจากเป็นเรื่องดีๆ ทั้งนั้น ปล่อยไว้อย่างนั้นจะดีกว่า”
เมื่อชางเหยียนหลบหนีไปไกลพอสมควร แสงทองสว่างเจิดจ้าสว่างวาบจากแท่นบูชาสงคราม รูปปั้นเทพเจ้าทั้งหมดโดยรอบมีลำแสงสีทองอยู่รอบ
ผู้แทรกแซงจากแดนสวรรค์ได้ยกเลิกการต่อสู้และยอมรับความพ่ายแพ้ ตามกฎรหัสโบราณ ฝ่ายของเย่ว์หยางได้รับชัยชนะ เนื่องจากเย่ว์หยางยังไม่ได้ฟื้นคืนสติ เขาจะไม่รู้ว่าได้รับรางวัลอะไรจากกฎรหัสโบราณ อย่างไรก็ตาม จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีเห็นแสงประหลาดพุ่งออกจากหลักจารึกเทพสี่ด้านเข้าไปในร่างที่ยังหลับไหลของเย่ว์หยาง… นั่นน่าจะเป็นสมบัติอย่างหนึ่ง แต่จะเป็นสมบัติแบบไหน จื้อจุนกับจักรพรรดินีราตรีไม่อาจรู้ได้
ร่างของจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีก็ยังเปล่งแสงสว่างด้วยเช่นกัน
แม้ว่าหลักจารึกเทพสี่ด้านจะไม่ได้ยิงแสงประหลาด แต่แท่นบูชาสงครามยังคงหลั่งไหลพลังงานที่บริสุทธิ์ไปให้พวกนาง
ส่วนคนอื่นๆ ก็ได้รับรางวัลต่างๆ กันไป แม้แต่พวกที่รออยู่เงียบๆ ภายในโลกคัมภีร์อย่างราชันย์ปีศาจใต้, ผู้เฒ่าหนานกง, จักรพรรดิใต้พิภพ เด็กสาวยักษ์ และแม้แต่นักรบโบราณต่างได้อาบแสงสีทองกันทั่วหน้า
เมื่อแสงสีทองซึมซาบเข้าไปในร่างของเหล่านักรบโบราณ มีหมอกควันสีดำลอยออกมาจากร่างพวกเขาและหายไป
พวกเขาตื่นเต้นดีใจกันมาก
หลังจากการศึกครั้งนี้ พวกเขาจะได้รับอิสรภาพในที่สุด พวกเขาจะเป็นอิสระพ้นจากการลงโทษที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้รับมา
ราชันย์ปีศาจใต้ได้ช่วยเหลือเย่ว์หยางฆ่าอสูรเพชฌฆาตโบราณได้ฆ่าปีศาจปลาสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกไปมากมาย นางยังเป็นคนนำเย่ว์หยางเข้าสังเวียนมรณะและติดตามตลอดจนได้รับชัยชนะ ระดับของนางเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ แม้ว่ายังห่างจากการเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดอยู่ช่วงหนึ่ง แต่นางไม่กังวลใจ เพราะการต่อสู้ครั้งนี้แสดงความจริงให้นางเห็นถึงวิธีกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งและระดับที่สูงขึ้น
ผู้เฒ่าหนานกงได้รับพลังเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ยังไม่พอยกระดับเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด
จักรพรรดิใต้พิภพก็คล้ายกับผู้เฒ่าหนานกง
มีขีดคั่นเบาบางเท่าแผ่นกระดาษขวางกั้นระหว่างการกลายเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดของพวกเขาเท่านั้น การเข้าถึงระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดอยู่เพียงแค่เอื้อม
ภายใต้แสงสีทอง เด็กสาวยักษ์ดูเหมือนจะโตขึ้นอีกเล็กน้อย ตามธรรมดาแม้ว่านางโตขึ้นและสูงขึ้น แต่นางก็ยังคงลักษณะเด็กสาวเหมือนเดิม เกราะไตตันบนร่างนางเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นขณะที่อักษรรูนเพิ่มรายละเอียดมากขึ้น ลวดลายอักษรรูนบนเกราะมีมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้คือรางวัล
ฮุยไท่หลางที่เพิ่งกลับเข้ามาในโลกคัมภีร์แหงนหน้าหอนขึ้นฟ้า คัมภีร์อัญเชิญของมันลอยออกมาและเปิดพลิกหน้าเองโดยอัตโนมัติ
เพราะมันช่วยเหลือเจ้านายต่อสู้เอาชนะนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าอย่างเฮยหู มันจึงได้รับรางวัลมาก นอกจากได้ยกระดับแล้ว มันยังได้รับทักษะใหม่เพิ่ม อย่างไรก็ตามมันแค่ต้องการทำให้เย่ว์หยางมีความสุข ดังนั้นฮุยไท่หลางจึงยังไม่อวดต่อหน้าทุกคนทันที ยิ่งกว่านั้นมันยังแสดงลักษณะเป็นสุนัขเฝ้ายามผู้ซื่อสัตย์อย่างเหลือเชื่อและคอยคุ้มกันเย่ว์หยางที่หลับอยู่อย่างเต็มที่
สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง นางพญากระหายเลือดหง โคเงาอาหมันและอสูรอื่นๆ ได้รับรางวัลด้วยการยกระดับ ถ้าไม่ข้ามขั้นนักสู้ ก็ยกระดับพลัง สำหรับภูตเพลิงดินที่ได้กินเพลิงฟ้าเมฆดำ ได้รับการยกระดับโดยตรงเป็นภูตเพลิงฟ้า ทั้งลักษณะและระดับเปลี่ยนไปสิ้นเชิง
ขณะที่ปีศาจอสรพิษน้อยเสี่ยวเหวินหลี เธอได้รับรางวัลใหญ่จากกฎรหัสโบราณเนื่องจากฝีมือที่โดดเด่นของเธอ
ภายใต้แสงเจิดจ้า ร่างของเธอโตขึ้นอีกเล็กน้อย
ระดับของเธอแต่เดิมเป็นอสูรเพชรระดับหก เพิ่มเป็นอสูรเพชรระดับเจ็ด ด้วยการยกระดับครั้งนี้พลังของเธอเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เมื่อเย่ว์หยางฟื้นขึ้น เขาพบว่าเขากำลังนอนหนุนตักนางเซียนหงส์ฟ้า ขณะที่ราชันย์ปีศาจใต้และสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงสนทนากันเบาๆ เพราะเกรงว่าเสียงของพวกนางจะไปรบกวนเย่ว์หยาง ในที่ห่างออกไป ผู้เฒ่าหนานกงและจักรพรรดิใต้พิภพกำลังเล่นหมากรุกกัน อีกด้านหนึ่ง ฮุยไท่หลางกำลังนอนอยู่ใกล้ๆ เขากำลังเพลิดเพลินอยู่กับเนื้อพะยูนนรกย่าง… จื้อจุนนั่งอยู่เงียบๆ อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดินีราตรี กำลังช่วยแนะนำองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียให้ปรับตัวเข้ากับพลังใหม่ที่ได้รับมาจากกฎรหัสโบราณ
เด็กสาวยักษ์กำลังหลับอยู่ด้านนอกตัวเหมือนกับภูเขาย่อมๆ นักรบโบราณที่เป็นสตรีกอดนางสนทนากัน
เพราะพวกเขาชนะคู่ต่อสู้ได้ กฎรหัสโบราณจึงได้ยกเลิกการลงโทษ ดังนั้นพวกเขาจึงดีใจสนทนากันอย่างร่าเริง
ทุกคนกำลังรอเย่ว์หยาง
นี่เป็นเพราะมีแต่เขาเท่านั้นที่สามารถกระตุ้นพลังของเข็มทิศสามดินแดน ขณะที่เย่ว์หยางยังหลับ พวกเขาได้แต่รั้งอยู่ในแดนสวรรค์ต่อ ไม่สามารถกลับหอทงเทียนได้
“ข้าหลับไปนานหรือเปล่า?” เย่ว์หยางยันตัวนั่ง นางเซียนหงส์ฟ้าใช้วงแขนที่อ่อนนุ่มของนางโอบกอดคอเขาไว้และจูบเขาอย่างหลงใหลต่อหน้าราชันย์ปีศาจใต้ “เจ้าหลับมาหนึ่งวันเต็ม แต่ข้าไม่เป็นไรหรอก เจ้าจะหลับต่อก็ได้นะ”
“เราจะกลับกันเลยหรือเปล่า?” ในใจส่วนลึกราชันย์ปีศาจใต้ไม่ค่อยเต็มใจกลับ การกลับหอทงเทียนก็หมายความว่า แยกจากกัน
แม้ว่านางจะรู้สึกหดหู่ใจเมื่อเห็นเย่ว์หยางนอนหนุนตักนางเซียนหงส์ฟ้า ภายในโลกคัมภีร์มีความสะดวกสบายทำให้นางลังเลใจที่จะแยกจากไป นางรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่นางยังคงหวังว่าจะได้อยู่ต่อนานอีกนิด ในที่นี้แม้ว่ามารกฎฟ้าจะแสดงออกเหมือนเป็นคู่แข่ง แต่องค์หญิงเชียนเชียนและเสวี่ยอู๋เสียกลับไม่ได้ตั้งป้อมกับนาง แม้แต่เจี้ยงอิงก็ยังยินดีต้อนรับนาง
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นเย่ว์หยางตื่นขึ้นแล้ว นางอดประหลาดใจไม่ได้และพุ่งเข้ามาหา
เย่ว์หยางอ้าแขนเตรียมกอดนาง
อย่างไรก็ตาม แม่เสือสาวดุร้ายกลับต่อยเขา “เจ้าทึ่ม ทำไมเจ้าต้องวิ่งเร่เข้าไปในที่อันตรายอย่างนั้น เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเจ้าทำให้องค์หญิงผู้นี้ต้องเสียน้ำตา”
“เจ้าร้องไห้จริงๆ เหรอ?” เย่ว์หยางยื้อยุดแม่เสือสาวที่รักไว้แน่นแล้วหยอกล้อนาง “องค์หญิง, เจ้ายังไม่ถังกับร้องไห้จนน้ำตาท่วมทวีปมังกรทะยานใช่ไหม ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าคงรู้สึกบาป เพื่อเป็นการขอโทษ มามะ, ให้ข้าจูบรับขวัญแสดงความจริงใจเถอะ…”
“ผู้ใดต้องการกันเล่า” ถ้าไม่มีคนอื่นๆ อยู่ใกล้ๆ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอาจจะยอมให้เขาจูบนาง อย่างไรก็ตามมีผู้อาวุโสอยู่ใกล้ๆ มากมาย นางรู้สึกอายจึงดิ้นรนจนหลุดออกมาจากเย่ว์หยาง นางถอยห่างเย่ว์หยางไปหนึ่งเมตรเพื่อกันไม่ให้เขาเข้ามาถึง “แค่ให้เจ้าจูบอู๋เสีย ถ้าไม่ใช่เพราะนางต้องการให้ข้ามาด้วยนะ ข้าไม่มีทางมาสังเวียนมรณะหรือแดนสวรรค์เพื่อต่อสู้แน่นอน”
“แม่เสือสาวอวดอ้างยกความภูมิใจของเขาอีกแล้ว” เสวี่ยอู๋เสียรับการกอดและจูบจากเย่ว์หยางอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้ว่าจะไม่ใช่จูบที่ดูดดื่ม แต่นิสัยของเสวี่ยอู๋เสียและสีหน้าท่าทางที่เป็นธรรมชาติ แล้วทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธ นางคิดว่านางเป็นฝ่ายแพ้
พวกเขาเป็นคู่หมั้นกันทั้งนั้น ทำไมเขาจะจูบนายไม่ได้เล่า?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเปลือกนอกทำเป็นไม่สนใจอะไร แต่ในใจนางต้องการกอดเย่ว์หยางอีกครั้งและจูบเขาอย่างร้อนแรง จากนั้นนางจะให้เขาจูบนางอย่างไม่เต็มใจนัก ทำอย่างนี้ก็จะเท่ากับทำเหมือนเสวี่ยอู๋เสีย และโดยคาดไม่ถึง เหมือนกับว่าเขารู้ความรู้สึกนาง เย่ว์หยางแตะไหล่นาง “แม่เสือสาว, ข้ารู้สึกว่าเจ้ารู้สึกอายเรื่องจูบ ดังนั้นข้าจะจูบเจ้านานเท่าที่เจ้า….”
นางเซียนหงส์ฟ้ารีบชิงเข้ามาก่อน นางกอดเย่ว์หยางและขโมยจูบจากเขา หลังจากนั้นนางเดินผ่านองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและยิ้มหวานให้นาง “ข้าได้รับแล้วนะ”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธจัด นางอยากใช้ดาบของนางฟันใส่มารกฎฟ้าอกโตนัก
นางฉุดเย่ว์หยางเข้าไปในห้องและกดตัวเขาลง
นางประทับริมฝีปากเขาอย่างแรง
กะอีแค่จูบ ใครจะไม่รู้วิธีจูบบ้างเล่า?
สิ่งที่ตามมาก็คือเขาจูบอยู่นานมาก ต่อให้โลกถล่มทลายก็ไม่มีทางแยกพวกเขาจากกันได้ ในที่สุดนางดึงตัวเย่ว์หยางออกและแสดงท่าทีหยิ่งออกมา “เสี่ยวซาน, รีบบอกไปเลยว่าเจ้าเป็นผู้ชายขององค์หญิงผู้นี้แล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างก็แยกย้ายกันแอบหัวเราะ
*******************