ตอนที่ 1076: กับดักในหอยามะ (1)
ในพริบตาเดียว เจ็ดวันก็ผ่านไปตั้งแต่ที่ตระกูลเมฆโลหิตถูกกำจัดไปในเมืองเฮลไฟร์ ในระหว่างเจ็ดวันนี้ ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็กระจายไปทั่วจักรวรรดิคาร์ลเหมือนพายุ เมื่อพวกเขารู้ว่าคนที่กวาดล้างพวกเขาโดยใช้เวลาน้อยกว่า 1 ก้านธูปเป็นคนของตระกูลไป๋ ข่าวนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ หลังจากนั้น ข่าวลือต่าง ๆ หลายข่าวเรื่องลูกหลานของตระกูลไป๋ก็ปรากฎขึ้นมาเช่นกัน ข่าวกระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งในจักรวรรดิคาร์ล
ราชวงศ์ของจักรวรรดิคาร์ลไม่ได้ทำอะไรเรื่องที่ตระกูลเมฆโลหิตถูกกำจัด ตั้งแต่ที่ผู้พิทักษ์จักรพรรดิโม่เจียนกลับมาเมื่อหลายวันก่อน พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไร ซึ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องของไป๋เต๋า ไป๋เต๋าเป็นคนของอาณาจักรคาร์ลและเขายังเป็นเซียนราชา เขาเป็นคนที่ราชวงศ์ต้องการที่จะดึงตัวเข้ามา ดังนั้นทำไมพวกเขาจะต้องไปโกรธเพียงเพราะแค่การตายของเซียนผู้คุมกฎล่ะ ?
ในระหว่างเจ็ดวันนี้ ไป๋เต๋ายืนอยู่อย่างไม่ไหวติงในซากปรักหักพังของตระกูลเมฆโลหิต เขาไปก้าวแม้แต่ก้าวเดียว ดาบสะเทือนสวรรค์ยังคงเสียบอยู่ที่พื้นข้าง ๆ เขา มันไม่มีความมันเงาแล้วและดูเหมือนดาบธรรมดา แต่มังยังคงมีแรงกดดันอยู่ มันกระจายออกไปรอบ ๆ อย่างช้า ๆ ทำให้มันดูไม่ธรรมดาอีกต่อไป
คนกลุ่มใหญ่ยังคงอยู่รอบ ๆ ซากปรักหักพังและเฝ้าดูอยู่แต่ไกล ในระกว่างสองสามวันนี้ มีผู้คนไปไปมามา ยังมีคนกลุ่มใหญ่ที่มาไกลหลายพันกิโลเมตรเพื่อที่จะมีดูความยิ่งใหญ่ของเซียนราชาด้วย
ในไม่ช้า ความมืดก็เข้าปกคุลมโลกอีกครั้ง เมืองที่คับคั่งค่อย ๆ สงบลง และคนที่อยู่รอบ ๆ ก็ค่อย ๆ กระจายตัวกันไป มีเพียงไป๋เต๋าเท่านั้นที่ยังอยู่ที่เดิมอย่างไม่เหนื่อยล้า
ไป๋เต๋าอดไม่ได้ที่จะคิดถึงทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ในตอนนี้ ใบหน้านับไม่ถ้วนของคนในตระกูลไป่ได้แว่บเข้ามาในหัวของเขาทีละคน และสายตาเย็นชาของเขาก็ปรากฎความอ่อนโยนขึ้นมาบ้าง
“หลายปีผ่านไปเหลือเกิน ข้าอยากรู้ว่าเซียงเทียนเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ เขาเป็นเพียงผู้สืบทอดตระกูลเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลไป๋ ข้าหวังว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่…”
“น้องสาวของข้า เมื่อข้าล้างแค้นเรื่องคนที่มาทำลายตระกูลแล้ว ข้าจะไปล่าคนที่ฆ่าเจ้า แม้ว่าข้าจะต้องหาไปจนสุดขอบโลก ข้าก็จะหาพวกมันให้เจอและใช้เลือดของพวกมันมาฉลองให้กับเจ้า น้องสาวของข้า พักผ่อนให้สบาย พี่คนนี้จะไม่ให้เจ้าตายเปล่า” ไป๋เต๋าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ในตอนที่ตระกูลไป่ถูกกวาดล้างไปเมื่อหลายปีก่อน มีเพียงเขาและน้องสาวเท่านั้นที่รอดมาได้ ในตอนนี้ไป๋หยุนเทียนก็ได้ตายไปแล้ว มีเพียงเขาเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ในครอบครัว
ทันใดนั้นเอง ความเหงาก็หลั่งไหลออกมาจากหัวใจของไป๋เต๋า เขารู้สึกโดดเดี่ยวในตอนนี้ เหมือนว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่จากตระกูลไป๋ที่รุ่งโรจน์เมื่อหลายปีก่อน
เขาอยู่ที่ภูเขาสงบวิญญาณในหลายปีที่ผ่านมาและเพิ่งจากมาได้ไม่กี่วัน เขาไม่รู้เรื่องราวอะไรที่เกิดขึ้นในทวีปเทียนหยวนเลย เขายังไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาถูกเจี้ยนเฉินชุบชีวิตขึ้นมา ไม่รู้ว่าหลานของเขาที่เป็นแต่เซียนผู้คุมกฎธรรมดาในตอนนั้น ได้กลายเป็นเซียนราชาที่ยิ่งใหญ่แล้วในตอนนี้
ทันใดนั้นเอง สายลมเย็นก็ไหลผ่านเขาไป เสียงรอบรอบดูเหมือนจะหายไปทันที และเมืองก็ดูเหมือนจะสถานที่หลอนที่เงียบสงัด
หัวของไป๋เต๋าว่างเปล่าทันที และเขาก็เลิกคิดไปเรื่อยเปื่อย เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และมองไปรอบ ๆ อย่างไร้อารมณ์ ร่างสิบร่างปรากฏขึ้นรอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ ในเวลาเดียวนี้ พวกเขาดูเหมือนจะกลมกลืนกับความมืด แม้ว่าพวกเขาจะยืนอยู่ในที่เปิดเผย แต่ก็ไม่ง่ายที่ผู้คนจะสัมผัสได้ถึงพวกเขา
ร่างทั้งสิบยืนอยู่เงียบ ๆ แบบนั้น ไม่มีใครพูดอะไร และไม่มีพลังแห่งการมีอยู่รั่วไหลออกมาเลย ทำให้บรรยากาศดูค่อนข้างแปลก
จิตสังหารรุนแรงปรากฏขึ้นที่ตาของไป๋เต๋าในตอนที่เขามองไปที่คนทั้งสิบที่อยู่รอบ ๆ เขา เขาจำได้ลาง ๆ ว่าคนที่ทำลายล้างตระกูลไป่เมื่อหลายสิบปีก่อนไปนั้น แต่งตัวคล้ายกับคนที่อยู่ในกลุ่มนี้
“ในที่สุดพวกเจ้าก็มา ข้ารอที่นี่มาหลายวันแล้ว” เสียงของไป๋เต๋าเย็นชามากในขณะที่จิตสังหารก็เปล่งประกายออกมาจากเขาไม่หยุด เขาชักดาบสะเทือนสวรรค์ออกมาจากพื้นอย่างช้า ๆ มันเพิ่มแรงกดดันมหาศาลให้กับจิตสังหารของเขา
คนทั้งสิบไม่ได้พูดอะไร แต่ความละโมบก็ปรากฏอยู่ในสายตาที่เย็นชาของพวกเขาเมื่อพวกเขาทอดสายตาไปเห็นดาบที่อยู่ในมือของไป๋เต๋า
“พูดมา พวกเจ้าเป็นใคร ? เจ้าเป็นคนขององค์กรไหน ? ” ไป๋เต๋าพูดต่อหลังจากที่ไม่ได้ยินคนพวกนั้นตอบ
ทั้งสิบคนยืนอยู่อย่างเงียบเงียบ เหมือนว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งกับความมืด ไม่มีใครตอบคำถามของไป๋เต๋า
“ไม่แปลกใจเลยที่พวกเราหาขนสัตว์อสูรไม่เจอตอนที่เราทำลายล้างตระกูลไป๋ในตอนนั้น มันถูกผู้รอดชีวิตของตระกูลไป่เอาไปน่ะเอง” ในตอนนี้ เสียงแหบก็ดังออกมา เสียงไม่รู้ว่ามาจากที่ใด
ตาข้างหนึ่งของไป๋เต๋าเป็นประกายอย่างรุนแรง เขาจ้องเขม็งไปที่มิติตรงหน้าเขา
ร่างสีดำค่อย ๆ ปรากฏตัวในความมืดมิดที่ว่างเปล่า มันดูแปลกมาก
“เจ้าเป็นใครกัน ? ” ไป๋เต๋าจ้องไปที่ร่างนั้น จากสัญชาติญาณของเขา เขาบอกได้เลยว่าคนตรงหน้าเขานั้นเป็นผู้นำของกลุ่มนี้
“ผู้รอดชีวิตของตระกูลไป๋ ส่งขนสัตว์อสูรมาถ้าเจ้าต้องการที่จะรู้ว่าข้าเป็นใคร” ร่างสีดำเหยียดออกมา
จิตสังหารพุ่งพวยอยู่ในตาของไป๋เต๋า เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้าต้องการขนสัตว์อสูร มาเอามันไปจากข้าเลย แต่พวกเจ้าทั้งสิบเอ็ดคนอาจจะไม่มีปัญญาก็ได้” หลังจากนั้น ดาบสะเทือนสวรรค์ในมือของไป๋เต๋าก็เริ่มเปล่งประกายสีเขียวแสบตาออกมา พิษรุนแรงผสานเข้ากันอย่างสมบูรณ์กับพลังงานที่น่ากลัวที่พุ่งพวยออกมาจากดาบ
ควับ ! ไป๋เต๋าแทงออกไปและพุ่งเป้าไปที่หัวของร่างผู้นำกลุ่ม
“เจ้าเป็นเซียนราชาจริง ๆ ” ชายชุดดำร้องออกมาด้วยเสียงแหบแห้งของเขาอย่างไม่รู้ตัว สายตาของเขาเคร่งเครียด และเขาก็พลิกมือแล้วมีดสีดำที่ดูหรูหราก็ปรากฏขึ้นมา มันมีขนาดเท่าฝ่ามือ แต่มันก็เปล่งแสงสีดำเข้มออกมา แสงเย็นชาเป็นประกายลางลางในแสงสีดำที่มันเปล่งออกมา
“รอยจูบแมงป่องพิษ ! ” ร่างนั้นตะโกนออกมาและมีดก็พุ่งออกไปเหมือนภาพลางลางทันที
เสียงระเบิดดังออกมา มีดปะทะเข้ากับดาบสะเทือนสวรรค์ เสียงที่เกิดขึ้นทำลายยามค่ำคืนและทำให้ทุกคนรู้ตัว คนนับไม่ถ้วนตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลและจุดเทียนขึ้นมา เมืองเต็มไปด้วยแสงไฟในไม่กี่วินาทีต่อมา
ไป๋เต๋าและชายคนนั้นเสมอกันในการปะทะ
“ผู้เหลือรอดจากตระกูลไป๋ เจ้าแข็งแกร่งมากจริง ๆ แต่เจ้าไม่สามารถรักษาขนสัตว์อสูรเอาไว้ได้หรอก ทำไมเจ้าไม่ส่งพวกมันมาดีดี แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่เช่นนั้น วันนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าจะเป็นวันที่จะมีคนไปเยี่ยมหลุมศพของเจ้า”
ไป๋เต๋าไม่ได้พูดอะไร เขาถือดาบสะเทือนสวรรค์เอาไว้ในมือข้างขวาของเขา ในขณะที่เสียงของดาบพิษที่เคารพก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
สายตาของไป๋เต๋าแปลกไปอีกครั้ง เขาสละการควบคุมร่างกายของเขาให้กับดาบพิษที่เคารพอีกครั้ง
ทันทีที่ดาบพิษควบคุมร่างของเขา พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลที่อธิบายไม่ถูกก็เริ่มเปล่งรัศมีออกมาจากเขา เขาดูเหมือนกลมกลืนกับรอบรอบ เหมือนว่าเขาได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติในตอนนี้
“เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 4 ธรรมดายังกล้าผยองถึงขนาดนี้เชียวหรือ ? ตายซะ ! ” ดาบพิษที่เคารพเหยียดออกมาในปราณหลังจากที่เขาควบคุมร่างแล้ว เขายกดาบสะเทือนสวรรค์ขึ้นมาอย่างช้า ๆ และแทงออกไป
ไม่เพียงแต่การโจมตีจะมีพลังงานมหาศาลและพิษรุนแรงเท่านั้น มันยังมีความลึกลับของโลกที่ลึกซึ้ง ไม่เพียงแต่การโจมตีของดาบพิษที่เคารพจะมีพลังงานมากกว่าการโจมตีของไป๋เต๋าเท่านั้น แต่ความยิ่งใหญ่ของมันก็มากกว่าหลายเท่า
“เงาเต้น ! ” สายตาของชายเคร่งเครียดกว่าเดิม เขาร้องออกมา แล้วมีดในมือของเขาก็เริ่มเต้นไปมา และกลายเป็นภาพติดตาหลายภาพที่เต็มตรงหน้าเขาไปหมด ภาพติดตาทั้งหมดพุ่งออกไป
อย่างไรก็ตาม ภาพติดตาที่ปะทะเข้ากับดาบสะเทือนสวรรค์ก็หายไปหลังจากเสียงระเบิด ดาบดูเหมือนไร้เทียมทานและพุ่งไปข้างหน้าต่ออย่างไม่หยุดยั้ง มันไปถึงตรงหน้าชายคนนั้นในทันทีและแทงเข้าไปที่หน้าอกของเขา
ชายคนนั้นคำรามออกมาและพุ่งถอยกลับไปทันที เขาดึงดาบออกมาแล้วคำราม “ผู้สังหารราชาทั้งสิบ ! “
สายตาของชายชุดดำทั้งสิบที่อยู่รอบรอบทั้งหมดเปลี่ยนไป พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลพุ่งออกมาจากทุกคน และพวกเขาก็รวมตัวกันอยู่กลางอากาศแล้วทำให้แรงกดดันยิ่งมากขึ้นไปอีก หลังจากนั้นทั้งสิบก็ชักเอาอาวุธเซียนออกมาพร้อมกัน และยิงปราณดาบที่ทรงพลังออกไปในอากาศพร้อม ๆ กัน
ปราณดาบธาตุมืดทั้งสิบเคลื่อนที่ไปพร้อมกันในอากาศ และกลายเป็นรูปหน้าของปีศาจอย่างรวดเร็ว มันพุ่งไปทางไป๋เต๋าที่อยู่ด้านล่างอย่างรวดเร็ว
ไป๋เต๋าอดไม่ได้ที่จะเหยียดออกมามากกว่าเดิม เขาเยาะเย้ย “การโจมตีลับจากการรวมกันของเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 สิบคนมีพลังรวมกันแค่เท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 2 เท่านั้น ทั้งหมดที่เจ้ามีมันแค่นี้อย่างนั้นหรือ ? ” ในขณะที่เขาพูด เขาก็แทงออกไปที่อากาศอย่างปกติและปราณดาบที่ทรงพลังก็พุ่งออกไปและทำลายหน้าปีศาจนั้น
“พวกเราไป ! ” ชายที่ถือมีดไม่ได้อยู่ต่อ เขากลายเป็นร่างสีดำแล้วพุ่งออกไปไกล เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ทั้งสิบคนก็ไม่ลังเลแล้วหนีไปไกลอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน
“พวกเจ้าคิดจะไปที่ไหนกัน ? มานี่ก่อน ! ” ไป๋เต๋ากลับมาควบคุมร่างกายของเขาและไล่ตามพวกนั้นไปด้วยตาที่แดงก่ำ เขาพบคนที่ทำลายล้างตระกูลไป๋เมื่อหลายปีก่อนเจอแล้วหลังจากที่พยายามมามาก แล้วเขาจะปล่อยให้คนพวกนี้หนีไปง่าย ๆ ได้อย่างไร