ตอนที่ 1108: ความกังวลของเจี้ยนเฉิน
ไม่เพียงแต่การบุกรุกครั้งใหญ่ของงร้อยเผ่าพันธุ์จะสั่นไหวทั้งทวีปเทียนหยวน แม้แต่ทวีปสัตว์เทวะยังต้องเคลื่อนไหว การรุกรานทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่
ที่ศูนย์กลางของทวีปสัตว์เทวะ พื้นรัศมีหลายร้อยกิโลเมตรได้หายไปกลายเป็นคูใหญ่โดยที่มีหอคอยสัตว์เทวะเป็นศูนย์กลาง คลื่นเสียงได้ยินได้ลาง ๆ จากคูสีดำสนิท ในขณะที่หอคอยสัตว์เทวะลอยขึ้นตรงกลาง
มันเคยเป็นป่าโบราณที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ แต่มันได้กลายเป็นคูใหญ่ในระหว่างการต่อสู้ของหอคอยสัตว์เทวะและจอมยุทธของร้อยเผ่าพันธุ์ พื้นดินจมลงไป
ไคเซอร์ร่างกำยำยืงอยู่ในโถงเงียบ ๆ บนชั้นที่ 98 ด้วยท่าทางที่หมองม่น สายตาที่แหลมคมของเขามองออกไปไกล ในขณะที่เขาเต็มไปด้วยโทสะ
นั่นเป็นทิศทางของทวีปแห่งความสูญเปล่าที่เป็นที่อยู่ของร้อยเผ่าพันธุ์
“ร้อยเผ่าพันธุ์ พวกเจ้ากล้ามาขึ้นเรื่อย ๆ ที่มาทำอะไรอุกอาจกับหอคอยสัตว์เทวะของข้า ถ้าข้าไม่ได้รับบาดเจ็บจากพลังงานดั้งเดิมและเพิ่งฟื้นตัว แค่ข้าคนเดียวก็สามารถบดขยี้พวกเจ้าได้แล้ว” ไคเซอร์คำรามออกมาในขณะที่เสียงของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
จอมยุทธทั้งหมดของร้อยเผ่าพันธุ์กลับไปที่ทวีปแห่งความสูญเปล่า โถงเทพเจ้าสงครามลอยอยู่กลางอากาศและเปล่งรัศมีพลังแห่งการมีอยู่ที่สั่นสะเทือนออกมา มันเข้าสู่โหมดต่อสู้ และพร้อมที่จะป้องกันการโจมตีใหญ่จากทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะ
โถงศักดิ์สิทธิ์เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนร้อยเผ่าพันธุ์เช่นเดียวกันกับที่เป็นสมบัติของพวกเขา มันเป็นการรวมกันของการโจมตีและการป้องกัน และการป้องกันของมันนั้นน่าตกใจ มันถูกส่งต่อมาจากครั้งโบราณกาลและทรงพลังมากกว่าวัตถุต้องห้ามใดใด
ในเวลาเดียวกัน จอมยุทธทั้งหมดได้กลับไปที่เผ่าของพวกเขา สมบัติของพวกเขาทั้งหมดพร้อมในการใช้งาน พวกคนแคระได้เอาโล่สวรรค์ออกมา ในขณะที่พวกเอลฟ์ปลุกต้นไม้เทพเจ้าเอลฟ์ขึ้นมา เผ่าต่าง ๆ ทั้งหมดเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในการต่อต้านการโจมตีของทวีปสัตว์เทวะและทวีปเทียนหยวน
จอมยุทธของร้อยเผ่าพันธุ์ได้เตรียมการอย่างเหมาะสมก่อนการมาถึงของจอมยุทธของทั้งสองทวีป แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนทั้งสองฝ่าย แต่พวกเขาก็ยังมีสมบัติของพวกเขา พวกเขาไม่ได้กลัวการบุกรุกของทวีปทั้งสองในยุคที่เซียนจักรพรรดิทั้งหมดเกือบจะหายไปหมดแล้ว
โล่สวรรค์ของคนแคระเป็นที่รู้จักกันดีในครั้งโบราณกาล ในตอนนั้น เซียนราชาคนแคระเพียงคนเดียวต้านวงล้อมของคนหลายคนที่แข็งแกร่งเท่าเขามาได้เพียงเพราะโล่นี้ แม้แต่เซียนจักรพรรดิยังยากที่จะหลุดออกมาจากวงล้อมแบบนั้นได้เลย
ต้นไม้เทพเจ้าเอลฟ์นั้นมหัศจรรย์มากเช่นกัน มันมีความคิดเป็นของตัวเอง และมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล พลังชีวิตที่มหาศาลของมันเปลี่ยนดินแดนรกร้างให้อุดมสมบูรณ์ มันเป็นสัญลักษณ์ของพวกเอลฟ์มาโดยเสมอ และกิ่งก้านของมันก็อ่อนโค้งพอที่จะสามารถขังเซียนจักรพรรดิเอาไว้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีความสามารถในการโจมตี พลังชีวิตของมันนั้นมีไม่สิ้นสุด มันไม่สามารถถูกฆ่าหรือตัดได้ แม้ว่าจะทำลายมันเป็นชิ้น ๆ แต่มันก็จะงอกออกมาได้ในทันที แต่มันจะไม่สามารถย้ายออกจากที่ซึ่งรากของมันอยู่ได้
เผ่าพันธุ์อื่นก็มีสมบัติของพวกเขาเหมือนกันและไม่มีชิ้นใดที่สามารถดูถูกได้เลย
ในเวลาเดียวกัน โถงเทพเจ้าสงครามใช้ทุกที่พวกเขามีการค้นหาเทพเจ้าสงครามคนใหม่ไปทั่วทั้งทวีป สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ เทพเจ้าสงครามคนใหม่นั้นไม่ได้เกิดขึ้นที่ทวีปแห่งความสูญเปล่าแต่เกิดบนทวีปเทียนหยวน มีเพียงเทพเจ้าสงครามคนแรกเท่านั้นที่เกิดบนทวีปแห่งความสูญเปล่า ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดถึงสถานที่ที่เทพเจ้าสงครามคนใหม่เกิด พวกเขาเดาว่าเทพเจ้าสงครามคนใหม่จะเกิดที่ทวีปแห่งความสูญเปล่าเช่นเดียวกัน
เกาะมังกรนั้นตัดขาดออกจากโลกภายนอก ดังนั้นเรื่องของทวีปเทียนหยวนจึงมาไม่ถึงที่นี่ เจี้ยนเฉินและเฮยยู่อยู่ข้าง ๆ เถี่ยต้าโดยกำลังดูเขาและป้องกันไม่ให้ศพมาชีวิตเข้ามาวุ่นวาย
เถี่ยต้าถูกอาบไปด้วยแสงสีทองหนาแน่น เขาเหมือนพระอาทิตย์บนท้องฟ้าที่ส่องสว่างจ้า เขาย้อมทั่วบริเวณไปด้วยแสงสีทองในขณะที่จิตต่อสู้ที่มหาศาลของเขาก็กระจายไปทั่วทั้งเกาะ มันเหมือนมีน้ำหนักที่สุดยอด เหมือนว่ามันสามารถบนขยี้สิ่งรอบ ๆ ได้ ศพมีชีวิตเซียนผู้คุมกฎบางคนยังถูกกดลงไปกับพื้นจากพลังของจิตต่อสู้
เสียงที่เหมือนเสียงคำรามของสัตว์ป่าดังออกมาจากรอบ ๆ การพัฒนาการของเถี่ยต้าทำให้เกิดความปั่นป่วนใหญ่ และทำให้ศพมีชีวิตทุกตัวในเกาะรู้ตัว ศพมีชีวิตเซียนราชากลุ่มใหญ่บินเข้ามาจากทุกทิศทาง พวกมันไม่สามารถทนแรงกดดันจากจิตต่อสู้ของเถี่ยต้าได้
ควับ! ควับ!
เฮยยู่และเจี้ยนเฉินกลายเป็นภาพติดตาในขณะที่พวกเขาหายไป พวกเขาพุ่งไปที่ศพเซียนราชาเพื่อที่จะเข้าไปสังหารเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันเข้าใกล้เถี่ยต้า
เฮยยู่เป็นจระเข้เทวะกลายพันธุ์ เขานั้นทรงพลังกว่าสัตว์อสูรทั่วไปมาก และเขานั้นเทียบเท่ากับสัตว์ในตำนาน เขายังเป็นเซียนราชาขั้นสูงสุด ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขานั้นจึงน่ากลัวมาก ฝ่ามือของเขาโจมตีออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าและบดขยี้ศพเซียนราชาที่เขาโจมตีไปโดน
เจี้ยนเฉินไม่ได้ใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ พลังบรรพกาลพุ่งพวยอยู่ในร่างของเขาในขณะที่เขาใช้ประโยชน์ของร่างบรรพกาลให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เขาเตะ ต่อย และส่งให้ศพมีชีวิตลอยไปในระดับเหนือกว่าสิบเมตร เขาใช้อาคมที่ทรงพลังบนท้องฟ้าในการสังหารศพมีชีวิตเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ไม่เช่นนั้นความสามารถในการฟื้นฟูที่ไม่เหมือนคนปกติของศพมีชีวิตคงจะทำให้เจี้ยนเฉินลำบาก
เถี่ยต้าดูเหมือนจะกลายเป็นดวงอาทิตย์เล็ก ๆ ในขณะที่พลังแห่งการมีอยู่ของเขาค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ เขาได้เป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 แล้ว เขาได้รับประโยชน์จากเลือดของเทพเจ้าสงคราม และเขายังอยู่ในกระบวนการดูดซับต่อแม้แต่ในตอนนี้
ในอีกมุมหนึ่ง เจี้ยนเฉินและเฮยยู่ได้จัดการกับฝูงศพมีชีวิตเซียนราชาจบแล้ว พวกเขากลับมาตรงที่ที่พวกเขาอยู่ นี่เป็นฝูงที่สี่แล้ว
ทันใดนั้นเอง พลังแห่งการมีอยู่ของเถี่ยต้าก็เปลี่ยนไป มันแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าในทันที ในขณะที่จิตต่อสู้ของเขานั้นก็เข้มข้นขึ้นไปอีก
“เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 4 เขาเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 4 แล้วจริง ๆ ” เจี้ยนเฉินยืนอยู่ตรงนั้นและรู้สึกวุ่นวาย เขาดูเถี่ยต้าพัฒนาจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 ไปเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 4 การเพิ่มพลังนี้มากกว่าที่ร่างบรรพกาลให้ได้ในการเพิ่มระดับเป็นขั้นต่อไปเสียอีก
เฮยยู่ก็นิ่งอึ้งไปในขณะที่เขายืนอยู่อีกข้าง เขาคิดเกี่ยวกับการฝึกฝนของเขาในอดีต เขาได้ใช้เวลาหลายชั่วยามมากในการพัฒนาไปแต่ละขั้น แต่เถี่ยต้านั้นเทียบการฝึกฝนเป็นพันปีของเขาในเวลาอันสั้น เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาฝันไป
เสียงคำรามดังกึกก้องมาจากส่วนลึกของเกาะทำให้ให้เจี้ยนเฉินและเฮยยู่ประหลาดใจ พวกเขาทั้งคู่หันไปมองและเห็นประตูใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้า มันไม่ได้รับผลกระทบแม้อยู่ในระดับสูงกว่าสิบเมตรของเกาะ หัวมังกรหลายหัวที่ยาว 5 – 6 เมตรปรี่ออกมาจากประตูและมองไปที่ทิศทางของเถี่ยต้า ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความกังวลและความกลัว
“วิญญาณมังกรระดับ 9 ! ” เจี้ยนเฉินตกใจ พวกมันเป็นการมีอยู่ที่เทียบเท่ากับเซียนจักรพรรดิ บวกกับเรื่องที่มังกรเป็นราชาของสัตว์อสูร พลังการต่อสู้ของพวกมันนั้นยิ่งใหญ่ และทรงพลังมากกว่าเซียนจักรพรรดิมนุษย์ที่อยู่ในระดับเดียวกันหลายเท่า
โชคดีที่พวกมันไม่ได้พุ่งเข้ามา พวกมันแค่มองไปที่ทิศทางของเถี่ยต้าก่อนที่จะรีบหดหัวของพวกมันกลับไป พวกมันปิดประตูสุสาน พวกมันทั้งหมดกลัวมาก
เจี้ยนเฉินถอนหายใจโล่ง เขารู้ว่าวิญญาณมังกรนั้นเป็นร่างที่อยู่ในยุคเดียวกันกับเอ่อหยิน ในเมื่อเลือดของเอ่อหยินอยู่ที่นี่ แสดงว่าเขาต้องมาโจมตีที่เกาะมังกรในอดีตแน่ วิญญาณมังกรระดับ 9 ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำมือของเขาและอาจจะถูกเอ่อหยินสังหารไป ดังนั้น พวกมันจึงอ่อนไหวกับพลังแห่งการมีอยู่ของเถี่ยต้าที่เป็นเหมือนกับเทพเจ้าสงครามคนใหม่ และมันจึงกลัวมาก
ในที่สุด พลังแห่งการมีอยู่ของเถี่ยต้าก็ค่อย ๆ อ่อนลง แสงแสบตาที่ล้อมเขาอยู่ก็จางลงไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหายไป
เถี่ยต้าลืมตาขึ้นช้า ๆ แต่เขาไม่ได้ยินดีที่กำลังของเขาเพิ่มขึ้น เขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความเจ็บปวด ในขณะที่น้ำตาสองสายไหลลงมาที่แก้มของเขา
หยดเลือดนั้นมีความทรงจำบางอย่างของเอ่อหยินอยู่ด้วย เขาได้รู้เรื่องอดีตบางอย่างของเอ่อหยิน พวกเขาทั้งคู่เป็นเทพเจ้าสงคราม ดังนั้นเออหยินจึงเป็นเสมือนพ่อในสายตาของเถี่ยต้า เขารู้สึกเศร้าโศกและเจ็บปวดมาก เมื่เขารู้ว่าเอ่อหยินนั้นพ่ายแพ้ที่เกาะมังกรเมื่อหลายปีที่แล้ว และถูกพยัคฆ์ปีกเทวะสังหารไป
เจี้ยนเฉินและเฮยยู่เดินไป ในขณะที่พวกเขาสังเกตไปที่เถี่ยต้าด้วยความสนใจ ทั้งหมดที่พวกเขาพบคือเถี่ยต้านั้นค่อนข้างเหมือนกับที่เขาเป็นก่อนหน้านี้ ยกเว้นแต่สีของผิวหนังของเขานั้นเหมือนโลหะมากขึ้น มันมันวาวเหมือนว่ามันทำมาจากโลหะ ในขณะที่รอยที่อยู่ที่หว่างคิ้วของเถี่ยต้านั้นชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนเว้าของรอยนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามันยังไม่สมบูรณ์ เหมือนว่ามันขาดอะไรไป
“เถี่ยต้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? เจ้าสบายดีหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความห่วงใย ในขณะที่เขาจ้องไปที่ใบหน้าที่นองน้ำตาของเถี่ยต้า
เถี่ยต้าเช็ดน้ำตาและสลัดความรู้สึกออกไปอย่างรวดเร็ว เขาพูด “ข้าสบายดี ข้าแค่รู้สึกว่าชีวิตของลุงเอ่อหยินนั้นลำบากมากเกินไป เขาต่อสู้เพื่อโลกที่ดีกว่าของคนของเขา แต่ท้ายที่สุดเขาก็ตายในการต่อสู้” น้ำเสียงของเถี่ยต้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้ามาก
เจี้ยนเฉินถอนหายใจเบา ๆ เขาไม่รู้ว่าจะปลอบเถี่ยต้าอย่างไรในตอนนี้ เรื่องนี้มันเชื่อมโยงกันอย่างมาก ไม่เพียงแต่มันจะเกี่ยวกับความบาดหมางระหว่างร้อยเผ่าพันธุ์และสัตว์อสูรเท่านั้น มันยังรวมถึงความไม่ลงรอยระหว่างพยัคฆ์ปีกเทวะและเทพเจ้าสงครามอีก แต่ในปัจจุบันนี้ ทั้งคู่นั้นเป็นสหายของเขา เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เขากังวลเป็นที่สุดถึงความเป็นไปได้ที่ความบาดหมางจากคนรุ่นก่อนนั้นจะส่งมาถึงคนรุ่นปัจจุบัน
“ลุงเออหยินสู้เพื่อเผ่าของเขา แต่ความปรารถนาของเขาก็ไม่เป้นจริงในตอนท้าย ความปรารถนาสุดท้ายของเขาคือการให้คนของเขามีสถานที่ที่ดีอยู่ ข้าจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของลุงลุล่วง” เถี่ยต้าพูด ดวงตาของเขานั้นแน่วแน่ นี่เป็นสาบานที่เขาจะไม่ล้มเลิกถ้าเขาทำไม่สำเร็จ
เจี้ยนเฉินยิ่งกังวลมากขึ้นกับเรื่องคำสาบานที่เถี่ยต้าให้ไว้ ความยินดีของเขาที่พลังของเถี่ยต้านั้นเพิ่มขึ้นหายไปเป็นปลิดทิ้งเช่นเดียวกันกับที่เขาถามตัวเองในใจ “ถ้าเรื่องนี่ลุกลามไปถึงจุดที่เถี่ยต้าและเสี่ยวไป๋ต้องสู้กัน ข้าควรจะทำอย่างไรดี ? “
เถี่ยต้าต้องการที่จะหาสถานที่ที่ดีในประชาชนของเขาเพื่อที่จะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของเออหยินเป็นจริง นี่หมายความว่าเขาจะทำสงครามเหมือนเอ่อหยินเพื่อยึดดินแดนแน่ ในอีกมุมหนึ่ง เสือขาวนั้นเป็นเทพเจ้าของสัตว์อสูร แม้ว่าเซียนจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะจะเล็งเป้าไปที่มันมาก่อน แต่เจี้ยนเฉินก็รู้ดีว่าเสือขาวนั้นจะกลายเป็นเทพเจ้าสัตว์อสูรตนใหม่ไม่ช้าก็เร็ว ในอนาคต เถี่ยต้าอาจจะต้องขัดแย้งกับเสือขาว หรืออาจจะดึงทวีปเทียนหยวนเข้าไปร่วมด้วยในฐานะศัตรูก็เป็นได้
“เฮ้อ ข้าไม่คิดว่าหยดเลือดจะรวมเอาส่วนหนึ่งของความทรงจำของเอ่อหยินเอาไว้ด้วยเช่นกัน มันเป็นการตัดสินใจถูกหรือไม่ที่พาเถี่ยต้ามาที่นี่ ? ” เจี้ยนเฉินถามตัวเองในใจ เขารู้สึกเสียใจทันทีในตอนนี้
เฮยยู่ยังสงบนิ่งและเหมือนเดิม แม้ว่าเขาจะเป็นสัตว์อสูร แต่เขาก็ไม่ได้ยึดติดอะไรกับทวีปสัตว์เทวะ เขาไม่สนใจว่าอะไรเกิดขึ้นระหว่างทวีปสัตว์เทวะและร้อยเผ่าพันธุ์เลย ความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือไปกับรุยจินในการหาตระกูลของเขาที่หายไป