ตอนที่ 1122: สะกดรอยตาม
” จือหยิง นั่นหมายความว่ามดทะยานฟ้าเหล่านี้สามารถพัฒนาไปเป็นสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีได้อย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความประหลาดใจ ถ้ามันเป็นเรื่องจริง จำนวนสัตว์เทวะก็น่ากลัวมาก
“นายท่าน นั่นเป็นเพียงความจริงเพียงผิวเผิน แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกมันทั้งหมดพัฒนาเป็นสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสี เพราะจำนวนของพวกมันมีน้อยมากในโลกที่กว้างใหญ่ โดยทั่วไปแล้วพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์,ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีมากเกินไป” จือหยิงกล่าว
” มันน่าเสียดายที่พวกมันมีเพียง 2 สีเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีที่แท้จริง หลังจากที่มันพัฒนาจนมี 7 สี มันก็จะกลายเป็นสัตว์เทวะที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม การวิวัฒนาการต้องการพลังงานจำนวนมหาศาล มันยากมากที่มันจะพัฒนาจนมี 2 สีในสถานที่ที่ขาดทรัพยากรมากมายเช่นนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาไปถึง 7 สี” เสียงของฉิงโซวดังขึ้นผ่านศีรษะของเจี้ยนเฉินเช่นกัน มันเต็มไปด้วยความสงสาร
” สิ่งเดียวที่สามารถพูดได้ก็คือสัตว์เทวะเกิดผิดที่ ถ้ามันอยู่ในโลกของเรา มันอาจจะพัฒนาเป็นเจ็ดสีในเวลาน้อยกว่าหนึ่งหมื่นปี” จือหยิงกล่าว เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความเสียใจ เขากำลังรู้สึกสงสารสัตว์เทวะ
” จือหยิง,ฉิงโซว หากสัตว์เทวะวิวัฒนาการอย่างเต็มที่แล้วระดับความแข็งแกร่งของมันจะเป็นอย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินถาม เขาอยากรู้อยากเห็นรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสี เนื่องจากจิตวิญญาณกระบี่ใจจดใจจ่ออย่างมากกับเรื่องนี้
นี่เป็นเพราะเขารู้ว่าจิตวิญญาณกระบี่มีภูมิหลังที่ยอดเยี่ยมมาก เรื่องธรรมดาไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกเขาเลย
” สำหรับสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสี แสง 7 สีนั้นเป็นลักษณะของสายเลือด มันเป็นตัวบ่งชี้ความสามารถ,ไม่ใช่การแสดงถึงความแข็งแกร่ง โดยการพัฒนาอย่างเต็มที่เท่านั้นมันถึงจะกลายเป็นสัตว์เทวะที่แท้จริง สัตว์สองสามตัวที่มีความสามารถอาจมีเจ็ดสีในช่วงเวลาพันปี แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันอาจไม่ได้อยู่ในระดับของเซียนจักรพรรดิของโลกนี้ ในขณะเดียวกันยังมีสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีที่มีเพียงหนึ่งหรือสองสีสามารถเข้าถึงจุดสูงสุดสูงสุดผ่านการบ่มเพาะที่ยากลำบาก จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของพวกมันก็คือความสามารถตามธรรมชาติของพวกมันเกือบมีพลังเทียบเท่ากับสัตว์เทวะที่แท้จริง” จือหยิงอธิบาย
เจี้ยนเฉินเข้าใจมากขึ้นด้วยคำอธิบายนั้น หากสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีสามารถพัฒนาเป็นสัตว์เทวะที่แท้จริงด้วยการมีเจ็ดสี มันก็จะเหมือนกับเสือขาวที่มีพละกำลังสูงเกินระดับการบ่มเพาะและความสามารถที่น่าทึ่งอื่น ๆ อย่างไรก็ตามถ้ามันต้องการที่จะมีพลังอย่างแท้จริง มันก็ยังคงต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
“สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีนั้นวิวัฒนาการมาจากแมลง มันไม่ได้มีสายพันธุ์เป็นของตัวเอง เมื่อมันยังเล็ก มันจะติดตามแมลงชนิดต่าง ๆ ผ่านรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่เมื่อมันวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วและกลายเป็นสัตว์เทวะแท้จริง รูปแบบสุดท้ายของมันก็เหมือนกัน”
“ย้อนกลับไปในโลกของเรามีแมลงหลายชนิด สัตว์อสูรหลายตัวในโลกนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของสายพันธุ์แมลงเหล่านี้ โลกของเรานั้นแตกต่างจากโลกที่นายท่านเคยอยู่อย่างมาก สายพันธุ์แมลงในโลกก่อนหน้านี้ของนายท่านอาจจะไม่ได้มีจำนวนถึงหนึ่งในพันของสายพันธุ์ทั้งหมดในโลกของเรา” จือหยิงกล่าว
“ราชาสัตว์อสูรบางตัวจะปรากฏในทุกสายพันธุ์อย่างแน่นอน และสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีนั้นเป็นหนึ่งในราชาแห่งแมลง” ฉิงโซวอธิบาย
เห็นได้ชัดว่ามดทะยานฟ้ามีอาณาเขตของตนเอง ตอนนี้เจี้ยนเฉินจากดินแดนของพวกเขามา ฝูงมดก็แยกย้ายกันไป
เจี้ยนเฉินมองดูสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีขนาดเท่ากำปั้นจากระยะไกล แสงแวบวาบส่องผ่านดวงตาของเขา
” จือหยิง,ฉิงโซว ข้าจะทำให้สัตว์อสูรเชื่องได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินถาม
จือหยิงและฉิงโซวไม่ได้ตอบกลับทันที พวกเขายังคงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เจ้าสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีนี้มีชีวิตอยู่มาเป็นเวลานานแล้ว ข้าสามารถรับรู้ได้ถึงจังหวะชีพจร มันมีสติปัญญาอยู่แล้ว ประกอบกับความจริงที่ว่าตอนนี้มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่านายท่าน เช่นเดียวกับความภาคภูมิใจตามธรรมชาติของมัน การทำให้มันเชื่องนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย”
เจี้ยนเฉินลอบถอนหายใจ สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีนั้นแตกต่างจากเสือขาว เสือขาวเริ่มติดตามเขาไม่นานหลังจากที่มันเกิด พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายมาด้วยกัน ดังนั้นความสัมพันธ์ที่ดีจึงเกิดขึ้นมานานแล้ว มันคงจะยากมากถ้าเขาต้องการให้สัตว์เทวะติดตามเขาไปง่าย ๆ เหมือนกับเสือขาว มันแทบเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
” แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว” ฉิงโซวกล่าวเสริม หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน นางพูดว่า ” ทรัพยากรที่นี่ขาดแคลนอย่างมาก มันจึงไม่สามารถพัฒนาเป็นเจ็ดสีได้ เราอาจใช้ข้อเท็จจริงนี้ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้ เราต้องรอจนกว่านายท่านจะมีความสามารถในการพิชิตอย่างสมบูรณ์ และจากนั้นเราจึงจะมีพอจะมีหวังที่จะประสบความสำเร็จ
” ความอ่อนแอเพียงอย่างเดียวของสัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีคือวิญญาณของพวกมัน หากท่านได้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ซึ่งเก่งกาจเรื่องการโจมตีวิญญาณมาร่วมด้วย โอกาสของท่านจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก” จือหยิงกล่าว
เจี้ยนเฉินรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะพยายามทำให้สัตว์อสูรกลืนสวรรค์เจ็ดสีเชื่อง เขาเดินทางมาไกลมากและอ้อมไปรอบ ๆ ดินแดนของมดทะยานฟ้า. หลังจากนั้นเขาก็พบสถานที่ที่ปลอดภัยที่จะปล่อยโชวชูหยุนและคนอื่นออกจากวัตถุเซียน
บาดแผลของพวกเขาทั้งหมดได้หายสนิทแล้ว เจี้ยนเฉินได้สั่งให้วัตถุจิตวิญญาณรักษาบาดแผลของพวกเขา พวกเขาทุกคนจึงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา โชวหลินและเซียนสวรรค์คนอื่น ๆ ยังคงรู้สึกใจสั่น พวกเขายังไม่ฟื้นตัวจากอาการตื่นตระหนก
โชวชูหยุนและลุยจุนต่างก็ขอบคุณเจี้ยนเฉิน พวกเขารู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของเจี้ยนเฉิน พวกเขาก็จะกลายเป็นซากศพแช่แข็ง
“ผู้อาวุโสหยางยู่เทียน ที่ที่เราอยู่ก่อนหน้านี้คืออะไร ? ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนมันเป็นอีกโลกหนึ่ง ? โลกนั้นเต็มไปด้วยพลังเซียนธาตุแสงบริสุทธิ์ซึ่งทำให้ข้าหายเป็นปกติภายในไม่กี่วินาที. มันช่างน่าอัศจรรย์” โชวหลินถามเจี้ยนเฉินขณะที่นางกอดแขนของเขา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้
“นั่นคือสมบัติ” เจี้ยนเฉินให้คำตอบง่าย ๆ และไม่ได้อธิบายถึงรายละเอียด หลังจากนั้นเขาก็ตามโชวชูหยุนซึ่งเขากำลังค้นหาน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลก
ทุกคนระมัดระวังตัวมากขึ้นหลังจากประสบการณ์การเผชิญหน้ากับมดทะยานฟ้า. พวกเขายังคงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา,ไม่มีใครประมาทเหมือนก่อน.
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ กลุ่มของเจี้ยนเฉินเดินทางอยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลา 7 วันแล้ว พวกเขาเจอกับอันตรายต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้น ไม่เพียงแต่มีสัตว์ดุร้ายเท่านั้น แต่ยังมีพลังแห่งธรรมชาติอีกด้วย
พลังแห่งธรรมชาติรวมไปถึงสายฝนที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและสายฟ้าแลบที่ทำร้ายวิญญาณ แม้กระทั่งลมกรดขนาดใหญ่ก็จะก่อตัวเป็นครั้งคราว หากถูกดูดเข้าไปในลม ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็จะถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือลมกรดจะส่งผลกระทบต่อวัตถุต่างถิ่นเท่านั้นและไม่สามารถทำลายสิ่งใดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ได้
ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา เจี้ยนเฉินไม่พบน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลก แต่เขาได้หินฟ้าสะเทือนมาสองสามชิ้น. เจี้ยนเฉินเก็บหินฟ้าสะเทือน 15 และ 16 ดาวไว้เท่านั้นและมอบส่วนที่เหลือให้แก่โชวชูหยุนและคนอื่น ๆ พวกเขามีความสุขมากจนแทบเก็บความดีใจไว้กับตัวเองไม่ได้
มีคนเพียงไม่กี่คนที่กล้าเดินทางลึกเข้าไปในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ในส่วนที่ลึกมาก ๆ แทบจะไม่ทีใครกล้าย่างเท้าเข้ามา กลุ่มของเจี้ยนเฉินเจอคนอื่นน้อยกว่าสิบคนขณะที่พวกเขาอยู่ที่นั่น
ในช่วงเวลานั้นเจี้ยนเฉินได้ถามโชวชูหยุนและคนอื่น ๆ เกี่ยวกับทะเลวิญญาณแต่เขาก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ทะเลวิญญาณเป็นที่ซึ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกปรากฏขึ้น การเจอทะเลวิญาณเปรียบเสมือนว่าได้เจอน้ำศักดิ์สิทธิ์
กลุ่มของเจี้ยนเฉินมาถึงอุโมงค์ที่อยู่ในส่วนลึก นักผจญภัยในพื้นที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตั้งแต่เซียนสวรรค์ไปจนถึงเซียนผู้คุมกฎ บางทีก็มีเซียนราชาหนึ่งหรือสองคนเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตามเกือบทั้งหมดมีรัศมีหนึ่งร้อยกิโลเมตร พวกเขาต้องการลองเสี่ยงโชค นอกจากเซียนราชาแล้วมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าที่จะเดินทางห่างออกไป
“ข้าเคยเข้าไปในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ชั้นลึกหลายครั้งแม้จะมีความยากลำบากในการค้นหาน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ข้าก็กลับมามือเปล่าเสมอ ข้าได้ยินมาว่ามีร่องรอยของมันปรากฏในส่วนลึกเข้าไป ข้าจึงหวังว่าตัวเองจะสามารถหามันเจอและรักษาอาการบาดเจ็บในจิตวิญญาณของข้าได้อย่างสมบูรณ์” ชายชราที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงบ่นกับตัวเองขณะที่เขาเดินไปรอบ ๆ
เจี้ยนเฉินหรี่ตาเมื่อเขาเห็นชายชรา เขาเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ที่แข็งแกร่ง เขาเพิ่งมี 16 ดาว
เจี้ยนเฉินติดตามโชวชูหยุนไปอย่างรวดเร็วขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังอุโมงค์ที่เชื่อมต่อทั้งสองภูมิภาค พวกเขาเจอคนมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้ยินบางคนพูดถึงเรื่องจอมยุทธ์ชั้นยอดที่เข้าไปในภูเขามังกรหลับใหล เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
” ข้าพบแล้ว ในที่สุดข้าก็พบมัน” ทันใดนั้นโชวชูหยุนที่อยู่ด้านหน้าก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น เขาพุ่งลงไปยังหลุมกว้างหนึ่งร้อยเมตรบนพื้นใกล้ ๆ
ดูเหมือนว่าหลุมจะถูกสร้างขึ้นโดยการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ แต่พื้นดินโดยรอบนั้นเป็นแนวราบเท่ากัน ราวกับว่าการต่อสู้ไม่เคยเกิดขึ้นที่นั่น ต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกปลูกไว้ที่กึ่งกลางของหลุม.
” นี่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ข้าทิ้งไว้ และข้ายังได้ปลูกต้นไม้พื้นเมืองในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ มันจึงง่ายต่อการจดจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนทำลายเครื่องหมายที่ข้าทิ้งไว้ ข้าจึงปลูกต้นไม้ไว้หลายแห่งและมันทั้งหมดก็ชี้ไปที่ที่ตั้งของน้ำศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์อื่น ๆ ควรอยู่ใกล้ ๆ เราควรรีบมองหามัน เราจะยังไม่พบตำแหน่งด้วยเครื่องหมายนี้เพียงอย่างเดียว” โชวชูหยุนอธิบายก่อนจะออกเดินทางเพื่อค้นหาสัญลักษณ์อื่น ๆ ทันที
ในไม่ช้าโชวชูหยุนก็พบสัญลักษณ์อื่นที่ยืนยันว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกอยู่ที่ไหน เขารีบออกไปพร้อมกับเจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ในทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น หลันโม่ก็เดินผ่านอุโมงค์ไปกับจอมยุทธ์ของเผ่าร้อยบาทา เขาใช้ทักษะลับเพื่อยืนยันที่อยู่ของนักผจญภัยฟ้าคราม ก่อนที่จะติดตามมา
หลังจากผู้คนในเผ่าร้อยบาทาออกไป จอมยุทธ์ของตระกูลฮวงเต่าก็ปรากฏตัวขึ้นในบริเวณใกล้เคียง พวกเขาค้นพบร่องรอยของเผ่าร้อยบาทาสักพักแล้ว พวกเขาแอบตามด้วยการลบรอยเท้าของพวกเขาเองอย่างมิดชิด
“ดูเหมือนว่าเราแค่ต้องติดตามคนจากเผ่าร้อยบาทาเพื่อค้นหาว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน เราไม่ต้องลำบากอะไรเลย ! ทุกคนซ่อนตัวให้ดีและอย่าเข้าใกล้เกินไป” ชายชราคนหนึ่งหัวเราะเยาะ พวกเขายังคงแอบติดตามเผ่าร้อยบาทาอย่างเงียบ ๆ จากด้านหลัง