ตอนที่ 1162: ผู้เชี่ยวชาญลึกลับ (1)
รุยจิน, หงเหลียนและเฮยยู่กลับมาอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินพร้อมกับใบหน้าที่หม่นหมอง การแสดงออกของพวกเขาค่อนข้างซีดเซียว แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการป้องกันจากเกราะพลังดั้งเดิม แต่โครงกระดูกโลหิตนั้นมีพลังมากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
โครงกระดูกนั้นมันแข็งแกร่งกว่าเซียนจักรพรรดิ แม้กระทั่งพวกเราสามคนก็ไม่อาจหยุดมันได้ หากเราสู้กับมันนาน เราจะได้รับบาดเจ็บสาหัส รุยจินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักใจ
เซียนราชาทุกคนได้ยินสิ่งที่รุยจินพูดและทุกคนก็หวาดกลัวมาก พวกเขาทุกคนรู้ว่าทั้งสามคนเป็นเซียนราชาที่อยู่ในขั้นสูงสุด แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในขอบเขตเดียวกับเซียนจักรพรรดิ พวกเขาเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นหากพวกเขาไม่อาจจัดการกับโครงกระดูกได้ นั่นก็หมายความว่าไม่มีใครทำได้
เหนือกว่าเซียนจักรรดิ ในตำนานเล่าว่าความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดินั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความแตกต่างที่มีอยู่นั้นเกินกว่าที่เซียนจักรพรรดิจะเข้าใกล้ได้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปถึงระดับนั้น เพราะว่ามันเป็นระดับพลังที่แตกต่างกันอย่างมาก ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์พูดด้วยเสียงสั่น ๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตายและความสิ้นหวัง เซียนจักรพรรดิเป็นเหมือนกับมดเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่มีพลังเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ
ทางออกได้ถูกโครงกระดูกนี่ผนึกแล้ว พวกเราทุกคนจะตายที่นี่ในวันนี้…
ตระกูลของเข้ายังต้องมีข้าปกป้อง หากไม่มีพวกเรา ศัตรูของข้าจะไม่ปล่อยพวกเขาเอาไว้แน่นอน ดูเหมือนว่าตระกูลของข้าต้องประสบกับความหายนะเสียแล้ว…
มันไม่เป็นไรถ้าข้าจะตาย สิ่งสำคัญคือทวีปเทียนหยวนยังต้องการการปกป้องจากพวกเราหรือไม่ เราไม่มีพลังมากพอที่จะปกป้องการรุกรานของสัตว์อสูรและร้อยเผ่าพันธุ์…
ทุกคนถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง หลายคนเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจที่จะตายที่นี่
ในช่วงเวลานี้เจี้ยนเฉินก็ปล่อยเสือขาวออกมา แต่เขาก็ตกใจมาก เพราะความสามารถของเสือขาวคือค่ายกลป้องกันหรือม่านป้องกันไม่อาจขวางมันได้ มันไม่อาจทะลวงผ่านไปได้เหมือนเมื่อก่อน
ในเวลานั้นเจี้ยนเฉินคิดถึงสิ่งที่เถี่ยต้าเคยบอกเอาไว้ ความลึกลับของสงครามสามารถทะลวงข้อจำกัดด้านมิติได้ เพราะงั้นเขาจึงลังเลที่จะลองใช้วิธีของเถี่ยต้าหรือไม่ก็ลองดูว่าความลึกลับของสงครามของเขาจะสามารถพาพวกเขาออกไปได้หรือไม่
เมื่อเจี้ยนเฉินปลดปล่อยเถี่ยต้า ภายในรังมรณะสั่นอย่างรุนแรง เกิดเสียงระเบิดรอบ ๆ พร้อมกับค่ายกลขนาดใหญ่ได้ก่อตัวในชั้นที่สามของรังมรณะขณะที่พื้นที่สั่นสะเทือนอย่างแรง
หลังจากเสียงระเบิดครั้งที่สองและครั้งที่สามที่ดังติด ๆ กัน ค่ายกลก็สั่นไหวอย่างรุนแรงมากขึ้น จากนั้นมันก็กลายเป็นรูทำให้ทุกคนไม่อยากจะเชื่อ รอยแยกที่กว้าง 10 เมตรปรากฏขึ้น
ในเวลานั้นพลังหยินชั่วร้ายอยู่ห่างจากพวกเขาไปไม่ถึง 1,000 เมตร หากพวกเขาถูกล้อมโดยหมอกโลหิตนั่นแม้ว่าจะเป็นเซียนราชา พวกเขาก็ไม่อาจเอาชีวิตรอดได้ เพราะมันน่ากลัวว่าตอนที่ฮุสตันควบคุมเสียอีก
วิ่ง !
บางคนตะโกนกลางผู้คนและเซียนราชาส่วนใหญ่ต่างก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเท่าที่พวกเขาจะทำได้ ในขณะนี้สิ่งเดียวที่พวกเขาทั้งหมดคิดคือ วิ่งให้เร็ว พวกเขาแทบไม่คิดเลยว่าอะไรทำให้เกิดรอยแยกขึ้นมา
โครงกระดูกโลหิตเริ่มโกรธและคำรามอย่างกราดเกรี้ยว มันพุ่งเข้าหาฝูงชนอย่างรวดเร็วขณะที่มันวิ่งมามันก็ฟาดกระบองกระดูก ทันทีที่กระบองกระแทกพื้นก็ก่อให้เกิดรอยร้าวยาวกว่า 1,000 เมตร เพราะการทุบกระบองทำให้เซียนราชาที่อยู่ข้างหลังกลายเป็นชิ้น ๆ แม้กระทั่งวิญญาณของพวกเขาก็ไม่อาจหลบหนีไปได้ มันสั่นอยู่พักหนึ่งก่อนที่กลายเป็นเศษเสี้ยวอณูวิญญาณ
โครงกระดูกเริ่มฟาดกระบองอีกครั้งและคราวนี้มันถูกปกคลุมไปด้วยพลังหยินชั่วร้ายที่หนาแน่นและฟาดลงมาด้วยความเร็วสูง ผลปรากฏคือเซียนราชาหลายสิบคนตาย
ทันใดนั้นแสงสว่างโรจน์ก็ปรากฏขึ้น มันส่องสว่างไปทั่วทั้งพื้นที่และเต็มไปด้วยปราณหยินอย่างไม่สิ้นสุดพร้อมกับความแค้นของผู้ที่ตายในรังมรณะ มันพุ่งออกมาด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
มันเป็นดั่งดาบแสงที่เหมือนกับรูปจันทร์เสี้ยว มันส่องแสงออกมาซึ่งมันดูเหมือนจะไม่สนใจข้อจำกัดของมิติ มันยังอยู่ห่างไกลมาแต่ในวินาทีต่อมามันมันก็พุ่งผ่านเหนือหัวเซียนราชาทั้งหมด ไปปะทะกับกระบองกระดูกอย่างรุนแรง
บูม !
ในเวลานั้นดาบแสงก็ปะทะกับกระบองกระดูกด้วยเสียงดังกึกก้อง คลื่นพลังแผ่ออกมาสร้างความเสียหายให้กับรังมรณะรอบ ๆ ดั่งพายุ เซียนราชาทั้งหมดต้องสะดุดและไม่อาจทรงตัวได้
กระบองกระดูกป้องกันใบมีดแสง มันช่วยชีวิตเซียนราชามากกว่าสิบคน โครงกระดูกหยุดชะงักและก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว เกิดรอยร้าวที่น่ากลัวปรากฏอยู่บนกระบองกระดูกขนาดใหญ่ในมือของมัน
เซียนราชาทั้งหมดได้ออกจากชั้นที่สามแล้ว พวกเขามาถึงชั้นที่สอง แต่ก็ไม่มีใครเดินต่อไป พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปจ้องมองโครงกระดูกและใบมีดแสงด้วยความตกใจ
ใครเป็นคนลอบโจมตี ? เขาสามารถรับมือกับการโจมตีที่ทรงพลังของโครงกระดูกได้…
หากข้าดูไม่ผิด แสงสีขาวก่อนหน้านี้นั้นคือใบมีดขนาดใหญ่ ใครเป็นคนทำมัน…
นี่มันเป็นพลังที่เกินกว่าเซียนจักรพรรดิ ผู้อาวุโสที่ส่งดาบแสงนั้นออกมา เขาอาจจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่สูงที่สุด…
มันเป็นไปได้ ! นั่นหมายความว่ามีผู้เชี่ยวชาญแบบนั้นในหมู่มนุษย์ ? นั่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน มันอาจจะเป็นสุดยอดจอมยุทธทั้งสี่ในสมัยโบราณ แต่คนที่ 5 ไม่เคยปรากฏในทวีปของเรา…
งะ-งั้นมันอาจจะเป็นคนจากศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติกที่แอบช่วยเราอย่างลับ ๆ…
ใช่ มันต้องเป็นคนจากศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอันลึกลับ พวกเขาอาจไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของทวีป แต่พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะเห็นผู้เชี่ยวชาญหลายคนของทวีปเทียนหยวนตายที่นี่…
ข้าไม่คิดว่ามันเป็นศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง พวกเขาไม่มีใครที่อยู่ในระดับเซียนจักรพรรดิ มันจะต้องเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ทำแบบนี้ เพราะนางเป็นคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่จากสี่สุดยอดจอมยุทธโบราณ…
..
เสียงดังระงมท่ามกลางผู้คน ใครบางคนที่เข้ามาช่วยเหลือนั้นเป็นเซียนจักรพรรดิให้รอดจากการโจมตีอย่างลับ ๆ นี่เป็นข้อมูลที่สร้างขวัญและกำลังใจของทุกคนให้เต็ม มันสร้างเส้นทางหลบหนีให้กับทุกคน ทำให้พวกเขามีความหวังใหม่อีกครั้ง
โครงกระดูกสีแดงเลือดยิ่งโกรธขึ้น พลังหยินชั่วร้ายเริ่มปั่นป่วนอย่างหนักและไหลท่วมพื้นดินอย่างไม่สิ้นสุด ทันใดนั้นก็ไม่อาจมองเห็นแสงจากพื้นดินได้ พวกเขาต้องฝ่ามันออกมาด้วยกัน จริง ๆ แล้วมันมีค่ายกลซ่อนอยู่ใต้ดินซึ่งถูกกระตุ้นโดยพลังหยินชั่วร้ายของโครงกระดูกทำให้มันปรากฏออกมา
ค่ายกลถูกเปิดใช้งานและพลังหยินชั่วร้ายจำนวนมากจากชั้นที่สามดูเหมือนจะได้รับผลกระทบ พวกมันกลายเป็นฟองลอยไปบนอากาศมากมายและภายใต้ความไม่อยากจะเชื่อของทุกคน ปราณหยินได้หลอมรวมกับความแค้นก่อนหน้าทำให้เกิดกลุ่มเมฆสีโลหิตจากพลังหยินชั่วร้าย
สุดท้ายข้าก็เข้าใจ พลังหยินชั่วร้ายถูกสร้างมาจากการหลอมรวมพลังงานที่ชั่วร้ายทั้งสอง…
ทุกอย่างเกิดขึ้นจากค่ายกลบนพื้นดิน พลังงานทั้งสองจะหลอมรวมเมื่อเปิดใช้ค่ายกล…
รังมรณะถูกสร้างโดยโมเทียนหยุนเมื่อหลายปีก่อน นั่นหมายความว่าเขาทิ้งค่ายกลไว้บนพื้นดินใช่หรือไม่ ? ทำไมเขาต้องทำอะไรแบบนั้น ?
หลายคนมาถึงข้อสรุป แต่ไม่นานพวกเขาก็สับสนมากขึ้น พวกเขาต่างก็อยากรู้ว่าทำไมโมเทียนหยุนจึงสร้างสถานที่แห่งนี้
ผลไม้เซียนแน่นอนว่ามันไม่ใช่เหตุผลหลัก บางทีมันอาจจะเป็นข้ออ้าง
พลังงานทั้งสองหลอมรวมเข้าด้วยกันและก่อให้เกิดพลังหยินชั่วร้ายมากขึ้น การหลอมรวมพลังชั่วร้ายทั้งหมดในชั้นที่สามโดยมีแค่เพียงหมอกโลหิตเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานพลังหยินชั่วร้ายก็ได้สร้างใบหน้าของผีร้ายขนาดใหญ่และน่ากลัวพุ่งเข้าหาเซียนราชาทุกคนพร้อมแยกเขี้ยว
พร้อมกับแสงแว่บที่ไม่ทันเห็น ใบมีดปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยพลังของความกดดันมาก มันบินมาจากส่วนแรกและโจมตีหมอกหนาที่เกิดจากพลังหยินชั่วร้าย
การปะทะของทั้งสองทำให้เกิดแรงกระแทกผลักเซียนราชาทุกคนออกมาอย่างรุนแรง ใบมีดแสงยังคงเดินทางทะลุหมอกและฟันไปยังโครงกระดูก
บูม !
พร้อมกับเสียงดัง ปรากฏความยาวหลายสิบเมตรที่โครงกระดูก กระดูกที่แข็งของมันบางส่วนถูกฟันออกเป็นสองเสี่ยง ขณะที่ตัวมันล้มหงายหลังลงไป ร่างกายขนาดใหญ่ของมันไม่อาจรักษาสมดุลได้หลังจากที่ถอยหลังไปหลายก้าว
เซียนราชาในส่วนที่สองทั้งหมดล้วนแต่ตกตะลึง มีเพียงใบดาบแสงเท่านั้นที่พอจะต้านทานโครงกระดูกที่อยู่เหนือกว่าระดับเซียนจักรพรรดิ คนผู้นี้ทรงพลังขนาดไหน ?
การคงอยู่ของเขามันเหนือจินตนาการของทุกคน บางคนถึงกับไม่ยอมรับที่จะเชื่อว่ามีคนที่ทรงพลังอย่างนี้ซ่อนตัวอยู่ในโลก
รุยจิน, หงเหลียนและเฮยยู่ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของใบมีดแสง แม้ว่าจะมีอาวุธพลังดั้งเดิม พวกเขาก็ไม่อาจรับมือกับการโจมตีระดับนั้นได้
เขาเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิแล้วจริง ๆ เขาเป็นใคร ? รุยจินพูดอย่างไม่พอใจ