ตอนที่ 1334: ยาดริมปรากฏตัว
เคร้ง ! เคร้ง !
เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าโจมตีเข้าไปที่ร่างกายของบรรพชนอสรพิษ มีเพียงแต่เสียงกระทบของโลหะเท่านั้นที่ได้ยิน แม้ว่าร่างกายของบรรพชนอสรพิษจะถูกบีบอัดจากพลังงานโดยรอบของโลก แต่ร่างกายก็ยังคงครอบครองพลังก่อนหน้าที่ของตัวมันเองเนื่องจากมันประกอบไปด้วยวิญญาณของบรรพชนอสรพิษ มันแข็งแกร่งจนน่าตกใจ ทั้งเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าต่างก็ไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ กับมันได้เลย เหมือนกับว่าบรรพชนอสรพิษได้หวนกลับคืนมาจากยุคโบราณซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ๆ
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นเพียงทักษะลับเท่านั้น มันเพียงแค่สามารถแสดงระดับของความแข็งแกร่งของบรรพชนอสรพิษ แต่ไม่สามารถแสดงพลังได้ทั้งหมดของเขาเหมือนกับอดีต แม้ว่าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าจะล้มเหลวในการทำร้ายบรรพชนอสรพิษ แต่พวกเขาก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังงานมหาศาลภายในตัวมันกำลังถูกดูดกลืนอย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้ายังคงนิ่งในขณะที่พวกเขาเริ่มโจมตีบรรพชนอสรพิษอย่างต่อเนื่องให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้เพื่อให้มันกลืนกินพลังงานไปให้ได้มากที่สุด พวกเขาทั้งสองเข้าใจทักษะลับที่เจ้าศาลาได้ร่ายมาจะทำให้พลังงานหมดไปอย่างรวดเร็ว และต่อจากนั้นบรรพชนอสรพิษก็จะหายไป
เจ้าศาลาที่ตอนนี้อยู่ในส่วนหัวของบรรพชนอสรพิษรู้ความตั้งใจของเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้า เขายิ้มเยาะเย้ยและพูดขึ้นทันที “ทักษะลับเป็นสิ่งที่บรรพชนอสรพิษได้ทิ้งไว้ให้ มันเป็นสมบัติของศาลาเทพเจ้าอสรพิษของพวกเรา ข้าได้ใช้พลังกายอย่างมากในการร่ายทักษะลับนี้ ดังนั้นข้าจะให้พวกเจ้าทำลายมันง่าย ๆ ได้ยังไงกัน ? ” ร่างกายของบรรพชนอสรพิษบินขึ้นไปบนอากาศ บดบังอากาศราวกับว่าขนาดลำตัวของมันใหญ่มาก ๆ เมื่อมันเคลื่อนที่ มันทำให้อากาศรอบ ๆ โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงทันที บรรพชนอสรพิษเคลื่อนไหวได้เร็วมาจนทำให้อากาศโดยรอบเกิดไฟฟ้าสถิต
บรรพชนอสรพิษขึ้นไปสูง 30,000 เมตรในอากาศด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวซึ่งไม่ได้ห่างจากแนวป้องกันของอาณาจักรทะเลจนเกินไป หลังจากนั้นมันก็โจมตีออกไปด้วยกรงเล็บ ซึ่งคลอบคลุมความกว้างกว่าหลายร้อยเมตร มันล็อคตำแหน่งไปที่เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้า ในขณะที่พุ่งไปด้วยความเร็วแสง
เมื่อกรงเล็บตกลงมา พลังงานลึกลับก็พุ่งออกมาทำให้มิติรอบข้างสั่นสะเทือน สีหน้าของเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ติดกับ แต่พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าจมลงไปในกองโคลนซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างปกติ แม้แต่แสงปกป้องของเจี้ยนเฉินก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
กรงเล็บของบรรพชนอสรพิษพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการต่อต้านใด ๆ เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าไม่สามารถหลบได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องโจมตีกรงเล็บนั่นให้รุนแรงที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้เนื่องจากกรงเล็บเหล่านั้นพุ่งมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เสียงระเบิดดังขึ้น การโจมตีของเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าปะทะเข้ากับกรงเล็บ แต่พวกเขาไม่สามารถป้องกันมันได้จากการตกลงมาของมัน ในท้ายที่สุด กรงเล็บยังคงเคลื่อนผ่านพวกเขาและกระทบเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง สร้างการสั่นสะเทือนอย่างหนัก โลกสั่นไหวอย่างรุนแรงในขณะที่ภูเขาสั่นสะเทือนพร้อมกับรอยแตก ราวกับว่าเกิดแผ่นดินไหวและกระจายเป็นวงกว้างกว่าหลายแสนกิโลเมตร
รอยขนาดใหญ่ของกรงเล็บปรากฏอยู่บนพื้น มันมีขนาดลึกจนดูเหมือนกับว่ามันไม่มีก้นหลุมเลย เจี้ยนเฉิน และเถี่ยต้าหายไป ซึ่งพวกเขาลงไปพร้อมกับกรงเล็บข้างใต้หลุม เหลือเพียงบรรพชนอสรพิษเท่านั้นที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ
ลำแสงสีขาวทองกระพริบมาจากก้นหลุมขณะที่เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าบินออกมาพร้อมกัน พวกเขาถูกอาบด้วยลำแสงสีขาวทองซึ่งลำแสงนี้มีความสลัวมากกว่าแต่ก่อนและทั้งสองก็หน้าซีด เลือดมากมายไหลออกมาจากมุมปากของพวกเขา พวกเขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่จากการได้รับบาดเจ็บสาหัส
ความกดดันมหาศาลตกลงมาจากท้องฟ้า หางของอสรพิษหวดลงมาจากข้างบนด้วยความเร็วแสง เพียงแค่ความกดดันของอากาศก็เพียงพอที่จะทำแผ่นดินยุบตัวลง
ทุก ๆ การโจมตีจากบรรพชนอสรพิษรุนแรงอย่างมาก เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าแยกย้ายกันหลบหลีกการโจมตี
นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าพวกเขาสามารถที่จะล่าสัตว์อสูรหยานหวงระดับ 9 ในโลกจิ๋วหยานหวงด้วยตัวของพวกเขาเองได้อย่างง่ายดาย แต่เจ้าศาลาเป็นเซียนจักรพรรดิซึ่งมีความฉลาด ทักษะลับ และยังมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย เขาเป็นคนที่รับมือยากยิ่งกว่าสัตว์อสูรหยานหวงระดับ 9 เสียอีก
เจี้ยนเฉิน และ เถี่ยต้า ร่วมมือกัน ในขณะที่พวกเขาบินเข้าไปต่อสู้กับเจ้าศาลาในอากาศ การต่อสู้ของพวกเขารุนแรงอย่างมาก แรงสั่นสะเทือนจากการต่อสู้สร้างความเสียหายรอบๆไปกว่า 1 แสนกิโลเมตร พื้นดินยุบตัวซึ่งมันแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายครั้ง ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ 1 ใน พวกเขาได้ครอบครองร่างบรรพกาล ในขณะที่อีกคนเป็นเทพเจ้าสงคราม พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขาแข็งแกร่งอย่างมากซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงต่อสู้ได้มายาวนานขนาดนี้
พวกเขาทั้ง 3 คนต่อสู้มากว่าครึ่งวันโดยไม่หยุดพัก แม้แต่เจ้าศาลาก็ยังเหนื่อย เขาแทบจะไม่ได้ต่อสู้อีกเลยหลังจากที่เขากลายมาเป็นจักรพรรดิและมันนานมากแล้วที่เขาไม่ได้ต่อสู้อย่างดุเดือดแบบนี้ มันทำให้เขาโกรธเคืองเป็นอย่างมากและทำให้เขารู้สึกหมดหนทางเพราะว่าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าต่างก็แข็งแกร่งเช่นกัน พวกเขาดูเหมือนจะไม่สามารถเอาชนะกันได้อีกทั้งกำลังใจในการต่อสู้ที่ไม่มีวันหมด ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บมากมายแค่ไหน พวกเขาก็อดทนกับบาดแผลและพลังของพวกเขาก็ไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนี้ คนเพียงน้อยนิดได้รวมตัวกันรอบ ๆ การต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้ง 3 คนได้ทำให้อาณาจักรทะเลกว่าครึ่งตื่นตัว ไม่เพียงผู้เชี่ยวชาญจากศาลาเทพเจ้าอสรพิษเท่านั้นที่เดินทางไปดู แต่ยังมีผู้คนของศาลาวิญญาณสวรรค์และศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่เข้ามาดูเช่นกัน คนเหล่านั้นเป็นเซียนราชา พวกเขาทั้งหมดอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรและไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถทนกับแรงสั่นสะเทือนที่สงครามก่อขึ้นได้
สายตาส่วนใหญ่ที่กำลังจ้องมองสงครามอยู่มาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดที่เจี้ยนเฉินได้ทิ้งไว้ที่เผ่าเต่า เพราะว่าพวกเขากังวลถึงความปลอดภัยของเจี้ยนเฉิน ฉิงยี่หยวนและคนอื่น ๆ รีบมาที่นี่จากอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในโถงศักดิ์สิทธิ์
เซียนราชาที่รวมตัวกันที่โถงศักดิ์สิทธ์ได้จ้องดูจักรพรรดิทั้ง 3 ต่อสู้ พวกเขาทุก ๆ คนตะลึงเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าอาณาจักรทะเลมีจักรพรรดิ 3 คน ซึ่งเป็นผู้นำของทวีปแต่ละทวีปของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญสองคนนี้ที่ปรากฏตัวขึ้น สามารถต่อสู้กับเจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าอสรพิษได้ ไม่เพียงแต่มันทำให้ฉิงยี่หยวนและคนอื่น ๆ ตกใจเท่านั้น เซียนราชาทั้งหมดที่ต่างจ้องมองอยู่ก็รู้สึกเช่นกัน
เซียนระดับราชาขั้นสูงสุดไม่มีพลังความแข็งแกร่งนี้ สิ่งเดียวที่อธิบายได้นั่นคือพวกเขาทั้งสองเป็นจักรพรรดิ
ในตอนนี้ ทุกคนต่างก็คิดแบบนี้ แต่เพียงแค่อยากรู้ว่าจักรพรรดิแปลกหน้าทั้ง 2 นี้มาจากไหนกัน ?
“ทำไมข้ารู้สึกว่าจักรพรรดิกำลังส่องแสงสลัว ๆ แสงสีทองนี้คุ้นตามาก ๆ ราวกับข้าเคยเห็นเขามาก่อน ? ” ไทโตวจ้องมองไปที่เถี่ยต้าและถามคำถามออกไปอย่างสงสัย
“ข้าก็รู้สึกคุ้นตาเช่นกัน เขาเหมือนกับสหายที่มักจะอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน” ฉิงยี่หยวนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขณะที่สายตาของนางเปล่งประกายออกมาด้วยความสนใจราวกับว่านางต้องการเห็นพวกเขาทั้งสองคน
นี่เป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งสองคนห่อหุ้มไปด้วยลำแสงที่ทรงพลังซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่าพวกเขาเป็นใคร เป็นเพียงชั้นแสงที่เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าก็รู้สึกเช่นกัน ถ้านั่นเป็นสหายของเจี้ยนเฉินจริง ๆ ล่ะก็ งั้นเขาก็เป็นจักรพรรดิเช่นกัน” หลานจิงพูดขึ้น
” การกลับมาใหม่ของบรรพชนอสรพิษ ! สละวิญญาณ ! ” เจ้าศาลาคำรามขึ้นไปบนอากาศ เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถฆ่าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าได้ เขาจึงวางแผนที่จะใช้ไพ่ตายสุดท้าย เขาจะสละวิญญาณของบรรพชนอสรพิษเพื่อที่จะทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะสามารถฆ่าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่ถ้าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าไม่ตกตายในวันนี้
ทันใดนั้น พลังแห่งการมีอยู่ที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากบรรพชนอสรพิษ วิญญาณดูเหมือนจะกลายเป็นเปลวไฟ ในตอนนี้วิญญาณถูกสละออกไปและกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการถูกทำลาย
“ถึงเวลาสำหรับเจ้าที่ต้องหยุดแล้ว ! ” ในตอนนี้ มีเสียงดังออกมารอบ ๆ หลายกิโลเมตร ลำแสงสีฟ้าที่งดงามปรากฏออกมา
ภายในพริบตา นางเดินเข้ามาจากไกล ๆ และหยุดลงต่อหน้าเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้า นางจ้องมองอย่างสงบไปที่เจ้าศาลาและพูด “ในอดีต บรรพชนอสรพิษเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุด 4 เผ่าพันธุ์ ไม่มีใครที่เป็นศัตรูของเขา เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เขาเป็นที่รักใคร่และที่ชื่นชมจากทุก ๆ คน หลังจากที่เขาตายไป วิญญาณของเขายังคงอยู่และปกป้องศาลาเทพเจ้าอสรพิษอยู่เสมอ ซึ่งมันทำให้เขาเป็นที่ชื่นชมอย่างมาก เจ้ากำลังทำลายวิญญาณของบรรพชนอสรพิษด้วยความแค้นส่วนตัวของเจ้าเองงั้นเหรอ ? ”
“เจ้า ยาดริม เจ้าไม่มีสิทธิ์ในเรื่องนี้” เจ้าศาลาตอบอย่างเยือกเย็น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความตั้งใจที่จะหยุดใด ๆ เลย เขายังคงเดินหน้าต่อไป