ตอนที่ 1405: กลับไปยังอาณาจักรฉินหวง
ตระกูลเทียนฉินครองตำแหน่งสูงสุดในเมืองหว่าลู่เหริน ทั้งเมืองอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา และคนนับไม่ถ้วนรู้สึกเป็นเกียรติหากได้เป็นบ่าวรับใช้ของตระกูล
ในวันอื่น ๆ ตระกูลเทียนฉินจะปรากฏเหมือนสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่หลับใหลเงียบ ๆ แต่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรี อย่างไรก็ตามตระกูลเทียนฉินก็มีความสุขในวันนี้ แม้จะอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร เสียงยินดีก็ดังสะท้อนมาจากตระกูล
เหตุผลก็เพราะตระกูลได้ต้อนรับแขกที่น่าประทับใจอย่างมาก การมาถึงของแขกได้ทำให้สมาชิกอาวุโสหลายคนของตระกูลถึงกับคุกเข่า ทำให้พวกเขาตัวสั่น ตระกูลใช้ทุกสิ่งที่พวกเขามีต้อนรับเขา ปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพและความเคารพ
ไม่น่าแปลกใจเลยเพราะแขกผู้มาเยือนคือเจี้ยนเฉิน เขามาที่ตระกูลเทียนฉินเพื่อพบกับฉินเซียว
สมาชิกอาวุโสทุกคนในตระกูลต่างตกใจกับการมาถึงของเจี้ยนเฉิน แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเคยเข้ามาในตระกูลของพวกเขามากกว่าหนึ่งครั้งในอดีต แต่สถานะของเขาก็ต่างกับสถานะในอดีตอย่างมาก ดังนั้นการมาถึงของเขาจึงเป็นเหมือนความฝันของทุกคนในตระกูล พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงด้วยความสุข
เมื่อเจี้ยนเฉินพบกับฉินเซียวอีกครั้ง ฉินเซียวก็กลายเป็นคนที่มีความคิดกว้างไกลและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เขาแต่งงานแล้วและกลายเป็นพ่อ ภรรยาของเขาเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรซูย่าและให้กำเนิดบุตรชายเมื่อครึ่งปีที่แล้ว
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายเมื่อเขาเห็นคู่สามีภรรยาแบกลูกชายทารกของพวกเขา เพราะเขาก็คิดถึงลูกของตัวเอง ซ่างกวนเอ๋อเจี้ยน
เจี้ยนเฉินและฉินเซียวคุยกันในศาลาภายในสวน แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ปีที่ผ่านมาตั้งแต่พวกเขาได้เจอกันครั้งสุดท้าย แต่ก็มีหลายสิ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาทั้งสองทำตัวเหมือนพี่น้องที่เพิ่งรวมตัวอีกครั้งหลังจากถูกแยกจากกันเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นพวกเขาจึงมีเรื่องที่ต้องหารือกันมากมาย พวกเขาจึงคุยกันหลายชั่วยาม
“เจี้ยนเฉิน ย้อนกลับไปเมื่อข้าพบเจ้าครั้งแรก ความแข็งแกร่งของเราเท่าเทียมกัน แต่ตอนนี้เจ้ากลายเป็นราชันของทวีปแล้ว ข้าเคยได้ยินข่าวลือว่าเจ้าคือโมเทียนหยุนตั้งแต่สมัยโบราณ ข้ารู้สึกดีใจมากและข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่มีสหายอย่างเจ้า …”
“เจี้ยนเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าเคยทรมานอย่างมากในอดีต ศัตรูหลายคนตามล่าเจ้า และในขณะที่ข้าต้องการช่วยเหลือเจ้า ข้าก็ทำไม่ได้ ข้าช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี พลังของข้าไม่ถึงหนึ่งในหมื่นของเจ้า เหตุผลอีกข้อคือศัตรูของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ พ่อของข้าเป็นห่วงว่าข้าจะจบลงด้วยการก่อให้เกิดหายนะที่จะสิ้นสุดตระกูล ดังนั้นเขาจึงกักบริเวณข้าไว้ในบ้านเมื่อคราวก่อน ข้าอยากจะออกไปมากแต่ก็ทำไม่ได้…. ”
น้ำเสียงของฉินเซียวเต็มไปด้วยการตำหนิตนเองและความรู้สึกผิด ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาได้เข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างกับเจี้ยนเฉินที่เมืองทหารรับจ้าง เจี้ยนเฉินช่วยเขาให้พ้นจากอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า ดึงเขาออกมาจากปากเหวแห่งความตาย อย่างไรก็ตาม เขาเองไม่สามารถทำอะไรได้เลยในตอนที่เจี้ยนเฉินตกอยู่ในอันตราย เขาถูกขังไว้ในบ้านเพื่อรอข่าวของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินตบไหล่ของฉินเซียวเพื่อปลอบโยนเขา เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องเหล่านี้เลย ศัตรูที่เข้ามีทั้งตระกูลสันโดษ, ตระกูลโบราณ, หรือตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบของทวีป ไม่ว่ากลุ่มใดก็สามารถทำลายล้างตระกูลเทียนฉินได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สะบัดนิ้ว สิ่งที่พ่อของฉินเซียวซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลทำลงไปก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เขาหยุดฉินเซียวไม่ให้มีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านี้ มิฉะนั้นเมื่อศัตรูมาตามหาและจัดการกับตระกูลเทียนฉิน ชื่อของตระกูลอาจจะถูกลบหายไปจากเมืองนี้
ท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่เมืองอัคนีก็เปลี่ยนเจ้าของในอดีต ซึ่งถูกพันธมิตรพิชิตอัคนียึดครองมาระยะหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเซียนราชาแห่งตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางได้ปรากฏตัวในตอนท้ายและนำผู้คนที่สำคัญต่อเจี้ยนเฉินไป ผลลัพธ์ที่ออกมาคงไม่มีใครรู้ได้
เจี้ยนเฉินอุ้มทารกจากภรรยาของฉินเซียว เด็กทารกคนนั้นขาวและอ้วน ทำให้เขาดูน่ารักมาก ๆ เขานอนอยู่ในมือของเจี้ยนเฉินและจ้องมอง เจี้ยนเฉินด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและสดใส
เจี้ยนเฉินแตะใบหน้าของเด็กก่อนที่จะดึงน้ำศักดิ์สิทธิ์ของโลกขนาดหนึ่งกำปั้นขึ้นมาจากวงแหวนมิติของเขา เขาป้อนน้ำให้กับเด็กเพื่อชำระร่างกาย
ผลลัพธ์ของน้ำศักดิ์สิทธิ์มีพลังมาก น้ำเปลี่ยนร่างกายของผู้คนและช่วยให้คนพิการกลายเป็นอัจฉริยะด้านการบ่มเพาะ แต่มันก็เป็นประโยชน์อย่างมากต่อจิตวิญญาณเช่นกัน
ในขณะที่ลูกของฉินเซียวกำลังดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายของเขาก็ถูกชำระล้าง พรสวรรค์ของเขาจะน่าประทับใจอย่างยิ่งเมื่อเขาโตขึ้น และเขาจะกลายเป็นคนที่โดดเด่นในทวีป
หลังจากส่งเด็กกลับคืนสู่ภรรยาของฉินเซียว เขาก็บินออกจากตระกูลพร้อมกับฉินเซียว
ไม่นานหลังจากที่เจี้ยนเฉินจากไป ข่าวที่ว่าจอมยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปได้ไปเยือนตระกูลเทียนฉินก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งอาณาจักร ข่าวดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป นอกเหนือจากขอบเขตของอาณาจักรโดยไม่ชะลอตัวลงเลย ทำให้ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนตกตะลึงและดึงดูดความสนใจจากคนอื่น ๆ อีกมากมาย
การที่เจี้ยนเฉินมาเยี่ยมตระกูลเทียนฉินได้เพิ่มสถานะของพวกเขาอย่างมากโดยไม่รู้ตัว แม้แต่ราชวงศ์ของอาณาจักรซูย่าก็เริ่มชื่นชอบตระกูล
หลายวันต่อมา ทันใดนั้นเมฆสายรุ้งเจ็ดสีก็ลงมาปกคลุม มันล้อมรอบรัศมีหนึ่งล้านกิโลเมตร ทำให้เซียนผู้คุมกฎหลายคนอิจฉา อย่างไรก็ตาม เมฆรุ้งเหล่านี้ก็ปรากฏขึ้นบ่อยเกินไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นมันจึงเป็นภาพคุ้นเคยที่เห็นได้ทั่วไป เป็นผลให้มีเพียงไม่กี่คนที่ไปดูว่าใครได้กลายเป็นเซียนราชา แต่คนส่วนใหญ่ไม่อยากรู้อยากเห็นเหมือนในอดีต
ฉินเซียวยืนอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาหลายหมื่นกิโลเมตร พลังแห่งการมีอยู่อันน่าเกรงขามของเขาแทรกซึมไปทั่วหน้าผาที่มีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ เขาค่อนข้างงงแต่ก็ตื่นเต้นไปด้วย
เขาพบว่ามันยากที่จะเชื่อว่าจริง ๆ แล้วเจี้ยนเฉินช่วยให้เขากลายเป็นเซียนราชาในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทำให้เขายืนอยู่ที่จุดสูงสุดของทวีป
ฉินเซียวรู้ว่าตระกูลเทียนฉินจะปลาบปลื้มมากแค่ไหนในตอนนี้เนื่องจากเขาได้กลายเป็นเซียนราชา มันมีความสำคัญอย่างมากต่อตระกูลเทียนฉิน
ตระกูลเทียนฉินได้กลายเป็นกลุ่มผู้นำของห้ากลุ่มที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรซูย่า แต่พวกเขามีเซียนสวรรค์เพียง 5 คนเท่านั้น พวกเขาไม่มีเซียนผู้คุมกฎแต่ตอนนี้พวกเขามีเซียนราชา
หลังจากประสบความสำเร็จในการช่วยให้ฉินเซียวกลายเป็นเซียนราชา เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้กลับไปที่ตระกูลเทียนฉิน เขาพูดบางสิ่งกับฉินเซียวก่อนออกจากภูเขา
สถานที่ต่อไปของเขาคืออาณาจักรฉินหวง ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในทวีป เจี้ยนเฉินซาบซึ้งสำหรับความช่วยเหลือที่อาณาจักรมอบให้เสมอมา หากเขาไม่ได้กลายเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักร ซึ่งอนุญาตให้เขานำกองทหารชั้นสูงผ่านประตูมิติเพื่อรักษาอาณาจักรเกอซุน อาณาจักร เกอซุนอาจจะถูกพันธมิตรของทั้งสี่อาณาจักรถอนรากถอนโคนไปนานแล้ว ถึงตอนนั้นเขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตระกูลเจียงหยางจะยังคงอยู่หรือไม่
แม้ว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรทั้งสี่ได้ยกเว้นเจี้ยนเฉินและอนุญาตให้เขาเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิคนที่ห้าเพราะความสามารถของเขา พวกเขาพยายามดึงให้เจี้ยนเฉินอยู่ฝ่ายเดียวกัน เจี้ยนเฉินไม่สามารถลืมความช่วยเหลือของอาณาจักรได้ เขาได้ช่วยผู้พิทักษ์จักรพรรดิทุกคนให้กลายเป็นเซียนราชาและได้ตอบแทนบุญคุณทั้งหมดแล้ว แต่เขายังมีเพื่อนที่สำคัญอีกคนหนึ่งในอาณาจักร องค์ชายสามฉินจี๋
นอกเหนือจากฉินจี๋แล้วยังมีผู้นำของกองทัพเทพดาบตะวันออก ฉินหวู่เจี้ยนและลูกชายสองคนของเขา พร้อมด้วยตงยี่จุนป่าย, ฉิงเส้าฟาน, และที่ปรึกษาจักรพรรดิคนอื่น ๆ ที่ติดตามเขาไปยังอาณาจักรเกอซุน