ตอนที่ 1512: นักฆ่าจากอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์
ไคยะ ข้ามั่นใจว่าข้าได้ประมาทเจ้าเกินไป ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเติบโตในเวลาสั้น ๆ อย่างนี้ ไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถที่ดีเพียงใด ไม่ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมเพียงไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ว่าเจ้าจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะพบกับโชคที่น่าประทับใจในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ บรรพชนเผ่าไทท์พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก ในขณะที่เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก เขาเสียใจกับความจริงที่ว่าทั้งห้ากลุ่มต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่จะเชิญจอมยุทธมาคุ้มกันพวกเขาได้ หากเผ่าของเขามีเซียนราชาสักคน พวกเขาจะยังคงสามารถต่อสู้กับไคยะที่แข็งแกร่งคนนี้ได้
ทุกคนที่อยู่ในงานแต่งงานต่างหน้าซีดอยู่หลังม่านพลัง พวกเขาตกใจมาก หลายคนรู้เรื่องการล้างเผ่าพันธุ์คาเลอร์เมื่อหลายปีก่อน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียงในอาณาเขตทะเล พวกเขาก็ยังเป็นกลุ่มที่มีเซียนผู้คุมกฏมานาน พวกเขามีชื่อเสียงในรอบ ๆ ล้านกิโลเมตร ดังนั้นมันจึงเกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงเมื่อเผ่า ๆ หนึ่งล่มสลายไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่มีคนไม่มากที่เดาได้จากการบอกใบ้ของบรรพชนของเผ่าไทท์, เผ่ากระบี่ทอง,เผ่าเฮอมัน,ตระกูลดาการ์และตระกูลทิงเว่ย ที่มีส่วนร่วมกับความหายนะนี้ อย่างไรก็ตามไม่มีใครออกมายืนข้างเผ่าคาเลอร์เช่นกัน
สิ่งที่ทำให้เหล่าแขกเหรื่อตะลึงคือหญิงสาวของเผ่าคาเลอร์ ไคยะได้กลายเป็นเซียนราชาแล้ว นางมาเพื่อแก้แค้นเผ่าไทท์ รวมถึงทุกกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องหลังม่านพลัง สิ่งนี้ทำให้พวกเขาทุกคนหวาดกลัวและไม่มั่นใจว่าไคยะจะฆ่าพวกเขาด้วย
แม้ว่าเซียนผู้คุมกฏจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็ไม่อาจรับมือกับเซียนราชาได้ เดาว่าต้องมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเหลืออยู่เท่านั้น
เมื่อเห็นเซียนผู้คุมกฏของเผ่าไทท์ จิตสังหารของไคยะก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของนางแดงก่ำ นางไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่เซียนผู้คุมกฏคนนั้นได้โจมตีบิดาของนางพร้อมกับบรรพชนของอีกสี่เผ่า นางยังไม่ลืมว่าพวกเขาทั้งห้าคนไล่ล่านางไปอย่างไรและบังคับให้นางหนีเข้าไปยังส่วนลึกของอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์
เผ่าไทท์, เผ่ากระบี่ทอง, เผ่าเฮอมัน, ตระกูลดาการ์และตระกูลทิงเว่ย พวกเจ้าทั้งห้ากวาดล้างเผ่าของข้าเมื่อหลายปีก่อน ข้ากลับมาวันนี้และจะทำให้เจ้าจ่ายอย่างหนักสำหรับสิ่งที่เจ้าทำ ข้าจะเอาชีวิตของเผ่าของเจ้าเพื่อเผ่าคาเลอร์ ไคยะพูดอย่างขุ่นเคือง นางมองไปที่แขกที่ไม่ได้เกี่ยวกับทั้งห้ากลุ่มและพูดว่า ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคนทั้งห้ากลุ่มที่ข้าได้เอ่ยออกมาและไม่อยากตาย ให้ออกจากม่านพลังทันที ข้าจะฆ่าทุกคนที่เหลือในครึ่งนาทีหลังจากนี้
แขกผู้บริสุทธิ์ทั้งหมดดีใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของนาง โดยไม่ลังเลทุกคนหนีออกจากม่านพลังทันทีราวกับพวกเขากำลังหนีสุดชีวิตโดยไม่มีใครกล้าที่จะช้าเกินไป
มีคนจากเผ่าไทท์ไม่เยอะที่เข้าใจถึงหายนะในครั้งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงผสมปนเปกับฝูงชนที่หนีไป อย่างไรก็ตามทันทีที่พวกเขามาถึงม่านพลัง พวกเขาก็ถูกกระแทกกระเด็นกลับไปและไม่อาจผ่านได้เหมือนกับคนอื่น ๆ
พริบตาแขกทุกคนก็จากไป ไม่มีใครเต็มใจที่จะอยู่ช้ารวมถึงคนที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเผ่าไทท์อย่างมาก หากคู่ต่อสู้ของพวกเขาอยู่ในระดับที่ใกล้กันอาจจะมีบางคนรออยู่ อย่างไรก็ตามไม่มีใครยอมตายเพื่อเผ่าไทท์ เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับการสังหารจนถึงที่สุด
บรรพชนของเผ่าไทน์ไม่สนใจสถานการณ์ เขาจดจ่ออยู่กับไคยะเท่านั้น เมื่อใดที่ไคยะขยับ เขาได้กลายเป็นแสงเงาและพุ่งเข้าหาไคยะในพริบตา เขาฟาดฝ่ามือไปที่หน้าผากของนาง
เขารู้ถึงความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างเขากับเซียนราชา ทำให้เขาไม่ได้ออมมือใด ๆ ขณะที่โจมตี เขาเร่งความเร็วจนถึงขีดสุดและโจมตีไคยะให้ถึงตาย เขาไม่ได้หยิบอาวุธเพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะลอบโจมตีไคยะให้บาดเจ็บสาหัสและเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะมีชีวิตรอด
อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาเข้าใจไคยะพื้นที่รอบ ๆ ตัวของเขาก็แข็งทันที เขาหยุดชะงักและถูกตรึงเอาไว้อย่างแน่นหนา นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด แม้แต่การโจมตีก่อนหน้านี้ก็หยุดก่อนที่จะถึงไคยะ
ในเวลาเดียวกันสัตว์อสูรตัวน้อยที่อยู่บนไหล่ไคยะก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน มันจ้องมองไปที่บรรพชนเผ่าไทท์ราวกับว่าสิ่งที่มันมองไม่ใช่คน แต่เป็นอาหารอันโอชะ
ไคยะมองไปที่ศัตรูที่ถูกตรึงไว้ด้านหน้าของนางและพูดว่า ย้อนกลับไป ข้าไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า ดังนั้นข้าจึงทำได้แต่เพียงมองโดยไม่อาจช่วยบิดาของข้าที่ถูกเจ้าฆ่า แต่วันนี้เจ้าไม่อาจทำร้ายข้าอีกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะลอบโจมตีข้า ก็ยังไม่เพียงพอ ขณะที่นางพูดอย่างนั้น ไคยะก็ยกมือขึ้นและฟาดเข้าไปที่หน้าอกของบรรพชนอย่างแผ่วเบา
บรรพชนของเผ่าไทท์กระอักเลือดและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายทั้งหมดของเขาก็กระจายเต็มอากาศก่อนที่จะตกลงพื้น เขากลายเป็นบ่มเลือดและไม่อาจลุกขึ้นได้อีกต่อไป
เพียงแค่ถูกกระแทกฝ่ามือของนางก็ทำให้เขาบาดเจ็บอย่างหนัก อวัยวะของเขาถูกทำลายและกระดูกหัก เขาไม่อาจยืนขึ้นได้อีก
เมื่อเห็นว่าบรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขายังดูอ่อนแอเมื่อยู่ต่อหน้าของไคยะ ทุกคนของเผ่าไทท์ก็มีท่าทางน่าสงสาร ความสิ้นหวังที่วาบผ่านเต็มในดวงตาของพวกเขา
ย้อนกลับไป เผ่าของข้าถูกสังหารต่อหน้าข้าทีละคน วันนี้จ้าจะทำให้กระดูกเจ้าแตกหักก่อนที่จะต้องมองตระกูลของเจ้า ไคยะพูดผ่านไรฟัน หลังจากนั้นไม่นานนางก็ชี้นิ่วและรอยแตกบนอากาศก็ปรากฏขึ้นทันที พร้อมกับเสียงกระหึ่มของมดมีปีกที่ไหลออกมาราวกับน้ำหลาก มันจำนวนนับไม่ถ้วนและในไม่กี่วินาทีมดก็เต็มไปทั่วทุกที่ พวกมันล้อมม่านพลังที่อยู่ด้านใน
หละ-เหล่านี้เป็นมดทะยานฟ้าที่อาศัยอยู่ในส่วนลึกของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันในนามของนักฆ่าแห่งอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายของพวกมันแข็งราวกับเหล็กและพวกมันก็ชอบที่จะดูดกลืนพลังงาน พวกมันยังมีการป้องกันการโจมตีทางพลังงานและเอาชนะได้ด้วยจำนวน…
มดทะยานฟ้าที่อยู่ในส่วนลึกของอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ มันมาที่นี่ได้อย่างไร…
แขกที่ยังออกเดินทางไปไม่ไกลจากม่านพลัง เมื่อพวกเขาเห็นม่านพลังที่เต็มไปด้วยมด ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากและตะโกนออกมาอย่างไม่ยากเชื่อ
สัตว์ตัวน้อยของไคยะก็ยืนขึ้นเช่นกัน มันเพียงอยากจะเห็นว่ามดทะยานฟ้าเป็นเช่นไร มันมีขนาดเท่ากำปั้น แต่มันก็แผ่แรงกดดันออกมาเป็นจำนวนมาก
สัตว์ตัวน้อยส่งเสียงคำรามน้อย ๆ อยู่บนไหล่ของไคยะและมดทุกตัวที่บินอยู่รอบ ๆ ก็พุ่งเข้าหาเผ่าไทท์