ตอนที่ 1622: ทำลายไม่ได้ (1)
เอเดรียนน่าบ่นในใจเพราะนางสนใจพี่น้องสี่คนมาก
“แต่บางทีข้าอาจผิด พวกเขาอาจไม่ใช่การกลับชาติมาเกิดของจอมยุทธระดับสูงบางคนจากโลกเซียน บางทีพวกเขาอาจใช้ความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ได้เพราะเหตุผลอื่น” ในขณะที่นางคิดอย่างนั้น ความสนใจของนางที่มีต่อพี่น้องทั้งสี่ลดลงทันที
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเด็กมนุษย์ที่ชื่อเจี้ยนเฉินจะเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอาจมาถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงต้นแล้ว ข้ารู้สึกได้ว่าเขามีความสำเร็จในการเข้าใจกฎเช่นกัน ในโลกเซียนนั้นมีจอมยุทธขอบเขตดั้งเดิมนับไม่ถ้วน ระดับแลกเปลี่ยนขั้นสูงสุดที่ไม่สามารถเข้าใจบัญญัติและก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทพได้ แม้แต่ในโลกเซียน ทุกคนที่สามารถเข้าใจกฎก่อนที่จะถึงจุดสูงสุดของขั้นแลกเปลี่ยนได้นั้นถือว่าเป็นอัจฉริยะ..”
“โดยทั่วไปทุกคนที่สามารถเข้าใจก่อนที่จะถึงจุดสูงสุดของขั้นแลกเปลี่ยนนั้นเป็นอัจฉริยะที่ได้รับการดูแลโดยตระกูลใหญ่หรือนิกาย เมื่อคนเช่นนั้นกลายเป็นราชาเทพ พวกเขาจะต้องลงเอยบนบัลลังก์ราชาเทพแน่นอนตราบใดที่ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ถ้าเจี้ยนเฉินไม่ตายซะก่อน ศักยภาพในอนาคตของเขาก็ไร้ขีดจำกัด ” เอเดรียนน่าถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ นางมีความคิดเห็นที่ดีเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินและชื่นชอบเขามาก
“และยังมีคนอื่นที่มีความพิเศษเช่นกันไม่น้อยกว่าเจี้ยนเฉิน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีสายเลือดของจิตวิญญาณปราชย์ จิตวิญญาณปราชน์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ในโลกเซียน ยกเว้นพวกเขา … เอเดรียนน่าถอนหายใจเบา ๆ.
“มีข่าวลือว่าการทำลายจิตมารนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกือบจะทำลายไม่ได้ มีการกล่าวกันว่าเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จิตมารก็แข็งแกร่งขึ้นถึงระดับที่ท้าทายสวรรค์ ซึ่งแม้กระทั่งอัครสูงสุดหลายคนซึ่งร่วมมือกันก็ไม่สามารถจัดการได้ ในท้ายที่สุด มันก็เตือนอัครสูงสุดอนัตตา แม้ว่าจิตมารยังเป็นคู่ต่อสู้ที่ยังเทียบระดับไม่ได้กับอัครสูงสุดอนัตตา แต่อัครสูงสุดอนัตตาก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะฆ่าจิตมารได้ในที่สุด ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะสามารถฆ่าจิตมารที่ปรากฏในโลกนี้ได้หรือไม่ มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่แม้ว่าข้าจะเป็นราชาเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากเผ่าเทพ ข้าก็ไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้เลยในสถานะปัจจุบัน โชคดีที่ซุยหยุนหลานกลับออกไปแล้ว ผนึกข้ามอุโมงค์ไปยังโลกเซียนจึงถูกถอดออกไป แม้ว่าข้าจะไม่สามารถกลับไปที่โลกเซียนผ่านอุโมงค์ได้นอกจากต้องจ่ายราคาสูง แต่ข้าจะต้องนำเทพเจ้าสงครามออกไปกับข้าแม้ว่าข้าจะต้องทนทุกข์ทรมานจากผลที่ตามมาหากในตอนนั้น พวกเขาไม่สามารถหยุดจิตมารได้”
ต้นไม้ของเอเดรียนน่าที่ปรากฏให้เห็นในชีวิตของนางตั้งอยู่บนพื้นดินต้องห้ามของพวกเอลฟ์ แม้ว่ามันจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ แต่มันก็ให้ความสนใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามรบ
อย่างไรก็ตามเมื่อวิญญาณของเอเดรียนน่ากวาดไปทั่วทวีปเทียนหยวน ทั้งเจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์ต่างสัมผัสได้ เจี้ยนเฉินไม่แปลกใจ ท้ายที่สุดเขารู้เรื่องตัวตนของนางมานานแล้ว แต่จิตวิญญาณราชันย์นั้นประหลาดใจ เขาจ้องมองไปในทิศทางของพวกเอลฟ์ในทวีปแห่งความสูญเปล่าด้วยสีหน้าตกตะลึง
เขารู้ดีว่าพลังวิญญาณที่พัดผ่านพวกเขานั้นทรงพลังแค่ไหน มันเป็นแค่วิญญาณ แต่มันทำให้เขารู้สึกเหมือนเขากำลังเผชิญหน้ากับจักรวาลทั้งหมด เขารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเหมือนมดต่อหน้าวิญญาณ
“เจี้ยนเฉิน เจ้าต้องสัมผัสได้เช่นกัน นั่นใคร ? ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีจอมยุทธที่น่ากลัวซ่อนอยู่ที่นี่” จิตวิญญาณราชันย์กล่าวกับเจี้ยนเฉินผ่านทักษะสื่อสาร เขาเคร่งเครียดมาก
“นั่นคือราชาเทพที่ลงมาจากโลกเซียน แต่นางได้รับบาดเจ็บสาหัสในอดีตและยังไม่หายดี เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจเกี่ยวกับนาง นางจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของโลกนี้ นางไม่มีพลังที่จะเข้าไปยุ่งกับปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้เพราะนางสูญเสียร่างกาย วิญญาณที่เหลืออยู่ของนางและพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่จากก่อนหน้านี้ได้แปรสภาพเป็นต้นไม้แห่งชีวิต” เจี้ยนเฉินกล่าว
“ราชาเทพ ! ” ใบหน้าของจิตวิญญาณราชันย์เปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขาก็รู้สึกคอแห้ง ราชาเทพเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตเทพ แม้ว่าเขาจะมีพลังในการต่อสู้ของขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงต้น แต่ระดับการบ่มเพาะของเขาเองก็ยังคงเป็นขั้นแลกเปลี่ยน ราชาเทพยังคงห่างไกลมากสำหรับเขา
“ข้าไม่เคยคิดว่าโลกของเจ้าซ่อนราชาเทพไว้ มันไม่น่าเชื่อเลย” จิตวิญญาณราชันย์ถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ
เจี้ยนเฉินยิ้มด้วยความหมายลึกซึ้งเมื่อเขาได้ยินคำเหล่านี้ เขากล่าวว่า “แต่เดิมเรามีราชาเทพ 2 คน ราชาเทพอีกคนนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาเทพที่เจ้าเพิ่งค้นพบซึ่งนางได้รับบาดเจ็บเพราะราชาอีกคนหนึ่ง ส่วนราชาเทพคนนั้นก็จากโลกนี้ไปแล้ว เขากลับไปสู่โลกเซียน
จิตวิญญาณราชันย์สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ. สิ่งที่เจี้ยนเฉินบอกเขานั้นช่างน่าทึ่งเหลือเกิน มันสะท้อนผ่านจิตใจของเขาเหมือนกับการระเบิด ทำให้หัวใจของเขาพุ่งพรวด
สำหรับเขาและเจี้ยนเฉิน ราชาเทพเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากจะเอาชนะได้,และแข็งแกร่งมาก แม้ว่าพวกเขาจะเหลือเพียงวิญญาณ แต่ก็ยังเพียงพอที่จะทำให้โลกตกใจ ไม่ต้องพูดถึงว่าเคยมีราชาเทพคนที่สองที่มีพลังยิ่งกว่าคนที่เขาเพิ่งค้นพบ ซึ่งทำให้จิตวิญญาณราชันย์ประหลาดใจอย่างมาก
เจ้าคือใคร ? พลังนี้คืออะไร ? ทำไมถึงช่างเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมาก ? ” เสียงพูดผ่านจิตอันน่าสะพรึงกลัวทะลุสิ่งรอบตัว ทุกคนสัมผัสมันได้และมันก็ดึงเจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์ออกจากความคิดของพวกเขา
จิตมารที่กลายเป็นวังวนได้ประสบกับความตกต่ำ พลังแห่งการมีอยู่ของมันลดลงอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้ามันก็ถูกลดลงไปเป็นขั้นแลกเปลี่ยนช่วงกลาง, ขั้นแลกเปลี่ยนช่วงต้น ก่อนที่จะตกลงมาต่ำกว่าขั้นแลกเปลี่ยน. มันไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้นเนื่องจากความแข็งแกร่งของมันยังคงลดลงตกไปถึงขั้นย้อนกลับช่วงปลาย, ขั้นย้อนกลับช่วงกลาง และในที่สุดก็เริ่มทรงตัวอยู่ที่ขั้นย้อนกลับช่วงต้น
แม้ว่าอาต้าและพี่น้องของเขาจะยังอยู่ในขั้นรับมอบช่วงต้น แต่ค่ายกลกระบี่จากทั้งสี่คนนั้นทรงพลังเกินไป มันส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแกร่งในขั้นแลกเปลี่ยนของจิตมารที่ตกดิ่งลงไปสู่ขั้นย้อนกลับ
แต่เดิมจิตมารนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง จนถึงจุดที่แม้แต่เจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์ก็ไม่สามารถต่อกรได้ถึงแม้ทั้งสองจะร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม จิตมารก็ได้รับบาดเจ็บหลังแล้วครั้งเล่าตั้งแต่การสู้รบเริ่มขึ้น ดังนั้นความแข็งแกร่งของมันจึงไม่เหมือนก่อน หมอกสีแดงเป็นร่างของมัน ดังนั้นทุกครั้งที่หมอกกระจัดกระจายไปจะส่งผลให้สูญเสียความแข็งแกร่ง พี่น้องสี่คนทำให้หมอกสีแดงกระจายไปส่วนใหญ่กับการโจมตีของพวกเขาก่อนหน้านี้ พวกเขาได้จัดการจิตมารอย่างดุดัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ความแข็งแรงของมันได้ลดลงอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม พี่น้องทั้งสี่กลับซีดเซียวอย่างมากหลังจากใช้ค่ายกลกระบี่อันยิ่งใหญ่ พวกเขาซีดเซียวและดูอ่อนแอมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องแลกมาด้วยราคามหาศาลในการใช้ค่ายกลกระบี่
“ข้าต้องการที่จะกลืนกินพวกเจ้าและฟื้นพลังที่หายไปของข้า ! ” จิตมารคำรามอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้มันรู้สึกทั้งตกใจและโมโห มันไม่เคยคิดเลยว่าแหล่งอาหารทั้งสี่ที่ไม่ได้มีพลังมากพอที่จะดึงดูดความสนใจได้จริง ๆ แล้วจะสามารถจัดการกับการโจมตีหนักในช่วงเวลาสำคัญ มันคงหนีไม่พ้นการไล่ล่าเจี้ยนเฉินและจิตวิญญาณราชันย์ในช่วงที่อ่อนแอเช่นนี้