ตอนที่ 1840 : ตระกูลธันเดอร์
“ น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสสูงยังเป็นแค่ขั้นเทพช่วงปลาย แผลที่วิญญาณของเขาเมื่อหลายสิบปีก่อนทำให้พลังชีวิตเขาเสียหาย แม้ว่าวิญญาณของเขาจะได้รับบัวดึงวิญญาณไปแต่เขาอาจจะขึ้นเป็นขั้นเหนือเทพไม่ได้ บรรพชนจะใช้ก้อนผลึกระดับสูงแค่ 3 ก้อนใหญ่กับเขาและเพราะผลงานที่เขาได้สร้างขึ้นมาในฐานะผู้อาวุโสสูงสุด หวังว่ามันจะมีคนไม่มากที่จะประมูลบัวดึงวิญญาณ แม้ว่าเหรียญผลึกระดับสูง 3 ล้านชิ้นนี้น่าจะพอสำหรับการซื้อมันแต่ข้าก็กังวลว่าราคามันจะสูงขึ้นหากมีผู้เข้าร่วมประมูลเยอะ” ชายวัยกลางคนคนที่สามได้พูดขึ้นมา เขากังวลเล็กน้อย
“ฮึ่ม เราต้องได้มันมา แม้ว่าจะมีคนอื่นซื้อมันไปได้ แต่มาดูกันว่าพวกนั้นมีพลังพอจะครอบครองมันไปได้รึไม่” ชายวัยกลางคนคนที่สี่พูดขึ้นมาด้วยความเย็นชา สายตาเขาแสดงความเยือกเย็นออกมา
ในเวลาเดียวกันคนจากตระกูลอื่นที่มีขั้นเหนือเทพในห้องส่วนตัวอื่นเองก็ต้องการบัวถึงวิญญาณนั่นเช่นกัน
แม้ว่าจะมีสมบัติสวรรค์มากมายที่สามารถรักวิญญาณได้ในโลกเซียนแต่ส่วนมากแล้วเป็นของธรรมดาไม่ได้มีประโยชน์มากนักสำหรับผู้บ่มเพาะที่มีขอบเขตที่สูง นอกจากนี้แล้วสมบัติสวรรค์รัดบสูงอย่างบัวดึงวิญญาณก็หายากอย่างมาก มันไม่สำคัญว่าพวกเขาต้องการมันหรือไม่ ถ้าพวกเขาซื้อมันไปได้ พวกเขาก็เก็บมันไว้ใช้ตอนที่ต้องการมันก็ได้
หลังจากที่ประมูไปไม่กี่ครั้ง ราคาของบัวก็เพิ่มสูงเป็น 1 ล้าน คนจากตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพเข้าใจคุณค่าของมัน ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าสู้การประมูลด้วย ไม่มีสักคนเลยที่คิดจะปล่อยโอกาสนี้ไป
“ 1.2 ล้าน…”
“ 1.3 ล้าน….”
…
“ 1.8 ล้าน…”
ชายวัยกลางคนคนที่สี่เริ่มหมดความอดทนเมื่อเห็นราคาที่สูงขึ้น หนึ่งในนั้นได้ลุกขึ้นยืนและป้องมือไปทางหน้าต่างห้องส่วนตัว “ทุกคน เรามาจากตระกูลธันเดอร์ของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เมฆหอม ผู้อาวุโสสูงสุดของเราได้รับบาดเจ็บทางวิญญาณอย่างหนักจนเป็นภัยถึงชีวิต เราต้องการบัวดึงวิญญาณนี่ ยิ่งกว่านั้นบรรพชนก็ได้สั่งการเรา ‘ พี่น้องธันเดอร์ ‘ ตอนที่เรามาที่นี่ในวันนี้ เขาสั่งเราว่าเราต้องได้บัวดึงวิญญาณไปเพื่อช่วยผู้อาวุโสสูงสุด ผลก็คือข้าหวังว่าทุกคนจะยอมแพ้และให้ตระกูลธันเดอร์ของเราได้บัวนี่ไป ตระกูลธันเดอร์ของเราจะจดจำเรื่องนี้ไว้หากเป็นเช่นนั้น เราจะประมูลด้วยเหรียญผลึกระดับสูง 2,500,000 ชิ้น ข้าเชื่อว่าราคานี่คู่ควรกับบัว”
“ตระกูลธันเดอร์จากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เมฆหอมเป็นตระกูลที่น่าประทับใจจริง ๆ บอกกันว่าราชาเทพได้ปรากฏตัวในตระกูลพวกเขาเมื่อแสนปีก่อน แต่หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป….”
“ข้าไม่คิดว่าพี่น้องธันเดอร์จะมาที่นี่ด้วยตัวเอง พวกเขาคือราชาสวรรค์ทั้งสี่ของตระกูลธันเดอร์และพวกเขาก็แข็งแกร่งกันอย่างมาก บอกกันว่าพวกเขาเข้าใจการร่วมมือกันโจมตี ซึ่งพวกเขาสามารถเอาชนะความต่างและขับไล่ขั้นเหนือเทพไปได้เมื่อร่วมมือกัน แข็งแกร่งจริง ๆ …”
….
การประมูลบัวดงวิญญาณถูกหยุดไว้ชั่วคราวหลังจากที่พี่น้องธันเดอร์พูดขึ้น ราคายังคงอยู่ที่ 2,500,000 ไม่มีใครประมูลต่อกันสักพัก
คนส่วนมากที่มาที่นี่นั้นมาจากอาณาจักรอื่น ด้วยพรหมแดนที่เป็นตัวกั้น อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้เกรงกลัวกันมากนักหากดูจากความแข็งแกร่งของตระกูลที่ทัดเทียมกัน
แต่ตระกูลธันเดอร์เป็นข้อยกเว้น พวกเขาแข็งแกร่งและผิดปกติอย่างมาก แม้ว่าจะมีพรหมแดนคอยกั้นแต่คนส่วนมากก็ไม่กล้าหาเรื่องตระกูลธันเดอร์
แม้แต่หนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนอย่างตระกูลหยางก็เกรงกลัวตระกูลธันเดอร์อย่างมาก
“ตระกูลธันเดอร์จากอาณาจักรสรวรรค์เมฆหอม ? ” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง เขาคิดถึงข้อมูลที่ได้รู้มาระหว่างที่พูดคุยกับซวนเตาเรื่องตระกูลธันเดอร์
แม้แต่ซวนเตาก็ยังกลัวตระกูลธันเดอร์นิด ๆ เพราะมันมีข่าวลือว่าพวกนั้นมีราชาเทพเมื่อแสนปีก่อน ข่าวลือนี้ยืนยันแล้วแต่เพราะบางเหตุผลนั้นราชาเทพได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ตั้งแต่นั้นมาก็ยังไม่มีข่าวคราวอีกเลย
แม้แต่จะมองข้ามการที่ราชาเทพหายตัวไปแต่พวกนั้นก็ยังแข็งแกร่งและน่ากลัวอยู่ดี
มีข่าวลือบอกว่าตระกูลธันเดอร์นั้นกำเนิดมาจากตระกูลราชวงศ์เก่าแก่และลึกลับ สายเลือดของพวกเขาพิเศษ ทำให้เข้ากับสายฟ้าได้ คนกว่าเก้าในสิบส่วนวของตระกูลกลายเป็นขั้นเทพด้วยการทำความเข้าใจกฎแห่งสายฟ้าซึ่งคือหนึ่งในกฎโจมตีที่ทรงพลังที่สุด มันทัดเทียมได้กับกฎแห่งกระบี่และกฎแห่งการทำลาย
ยิ่งกว่านั้นคนจากตระกูลธันเดอร์ก็เชี่ยวชาญกฎแห่งสายฟ้ามากกว่าผู้อื่น ทั้งตระกูลนั้นได้รับความช่วยเหลือจากสายฟ้า ดังนั้นจึงได้เปรียบเป็นธรรมดา
นอกจากเรื่องนี้แล้วมันก็มีอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญคือ พวกเขาเป็นตระกูลที่มีขั้นเหนือเทพถึง 2 คน !
“เนื่องจากตระกูลธันเดอร์ต้องการบัวดึงวิญญาณ ตระกูลชูของเราก็จะยอมแพ้….”
“ นิกายแยกเมฆของเราก็จะยอมแพ้กับบัวนี่…”
“ ศาลาจำแนกสวรรค์ก็จะยอมแพ้กับบัวดึงวิญญาณ…”
….
มีหลายกลุ่มที่มีขั้นเหนือเทพต่างก็ยอมแพ้กับบัวดึงวิญญาณ โดยพื้นฐานแล้วทุกคนประกาศชื่อของตัวเองออกมาโดยจริงใจเพราะไม่คิดจะคุกคามตระกูลธันเดอร์
พี่น้องทั้งสี่พากันยิ้มออกมา พวกเขาพากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ยิ้มอยู่นานนัก มันก็มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความใจเย็น
“ข้าจะจ่าย 3 ล้าน ข้าเองก็ต้องการบัวดึงวิญญาณนี่” เจี้ยนเฉินบอกราคาของตัวเองออกมา เขาต้องการบัวดึงวิญญาณเพราะมันคือกุญแจสำคัญในการปลุกไคยะ
ทั้งห้องเงียบไป พวกเขาต่างก็มองตามเสียงของเจี้ยนเฉินไป ก่อนจะมองไปยังหน้าต่างห้องเขา โชคร้ายที่ม่านปิดเอาไว้และมันมีค่ายกลที่กันไม่ให้การรับรู้วิญญาณเข้าถึง ผลก็คือนอกซะจากว่าคนในห้องเต็มใจ คนอื่นก็ไม่อาจจะส่งการรับรู้เข้าไปสังเกตในห้องได้
ซีหยูและโม่หยานซึ่งอยู่ในห้องส่วนตัวตะกี้ยังดูสบาย ๆ อยู่ พวกนางมองดูการต่อสู้ด้านราคาด้วยความสนใจ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเจี้ยนเฉิน สีหน้าของทั้งสองก็แน่นิ่งไป
“พี่ซีหยู ดะดูเหมือนนั่นจะเป็นหัวหน้าตระกูล เจี้ยนเฉิน ท่านคิดว่าเจี้ยนเฉินอยู่ที่นี่หรือไม่ ? ” ตาของโม่หยาน เบิกกว้างขณะมองไปที่ซีหยูด้วยความแปลกใจ แต่แววตาของนางดูเป็นประกายขึ้นมา
ซีหยูพยักหน้าและพูดขึ้นเบา ๆ “ใช่ นั่นคือเสียงของหัวหน้าตระกูล หัวหน้าตระกูลหายตัวไปหลายสิบปี ข่าวเพิ่งจะออกมาว่าเขาอยู่ในสุสานราชาเทพต้วนมู่ แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะมายังเมืองหลวงและเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ด้วย”