ตอนที่ 1924 หยุดไม่ได้
จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์, ฮุสตัน, รุยจิน, หงเหลียน, เฮยยู่และขั้นเทพคนอื่น ๆ จากแคว้นตงอันยืนอยู่ข้างหลังเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยืนถือกระบี่อยู่ข้างหน้าพวกเขาด้วยลำตัวที่ค่อนข้างผอมเพรียว ไม่ว่าระลอกคลื่นจะรุนแรงเพียงใด พวกมันก็ไม่สามารถขยับเขาได้เลย
ในขณะนั้น เขาดูเหมือนบึกบึนเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยเลือด แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะปิดบังความอยู่ยงคงกระพันของเขา พลังไร้ซึ่งความหวาดกลัว
เขาเปลี่ยนเป็นลำแสงและสกัดกั้นค่ายกลหมื่นคนโดยตรงจากลัทธิปิศาจชั้นฟ้าด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของเขา
กลิ่นอายปีศาจระเบิดขึ้นทันทีจากค่ายกลเมื่อพวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินพุ่งเข้ามาหาด้วยตัวเอง พลังของทหารหลอมรวมเป็นหนึ่งขณะที่พวกเขาทั้งหมดถ่ายเทพลังงานของพวกเขาเข้าไปในค่ายกล หลังจากการขยายและแปลงพลังงานจนกลายเป็นลำแสงสีดำที่หนามาก
บูม !
ปราณกระบี่บนกระบี่สายรุ้งดูเหมือนจะระเบิดและปะทะเข้ากับลำแสงสีดำ การจู่โจมของเจี้ยนเฉินทำให้ลำแสงแตกกระจายกลายเป็นพลังงานที่น่ากลัวซึ่งทำให้เกิดความหายนะในบริเวณโดยรอบ
เจี้ยนเฉินยังคงเป็นเหมือนภูเขาภายในพายุพลังงาน พลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากรับมือกับการโจมตี
ตอนนี้ เขาเป็นสัตว์ร้ายที่บาดเจ็บ ทำให้เขาน่ากลัวเป็นพิเศษ ยิ่งเขาต่อสู้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้น
ในความเป็นจริงเขาเพิ่งปล่อยพลังของเขาอย่างช้า ๆ
ค่ายกลขนาดใหญ่ตรงหน้าเขาสั่นอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่พวกมันจะหยุดชะงัก แต่พวกมันก็กลับกลายเป็นคลื่นกระแทกอันทรงพลังกระแทกเข้ากับค่ายกลอย่างหนัก
เจี้ยนเฉินเดินผ่านอากาศ เคลื่อนตัวต้านกระแสของพลังงานที่มีความรุนแรง เขาแทงออกไปตรง ๆ ทำให้กระบี่ของเขาเปล่งประกายและแผ่ปราณกระบี่ออกมา กระบี่จะตัดผ่านพลังงานตรง ๆ จู่โจมเข้ากับค่ายกลโดยไม่มีการลดทอนพลังลงเลย
พลังโจมตีของมันรุนแรงมากพอที่จะทำให้ขั้นเหนือเทพจำนวนนับไม่ถ้วนหน้าซีด ดูเหมือนว่ามันจะเกินกว่าขั้นเหนือเทพและไปถึงขั้นที่สูงขึ้นไป
ทันใดนั้น ค่ายกลหมื่นคนก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงหลังจากรับการโจมตีของเจี้ยนเฉิน ม้วนภาพค่ายกลที่พวกเขาควบคุมร่วมกันเริ่มสั่นไหว
ผู้คนกว่าครึ่งในค่ายกลนั้นกระอักออกมาเป็นเลือดและได้รับบาดเจ็บสาหัส
เจี้ยนเฉินได้ทำให้คนหลายพันคนได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยตรงจากด้วยการโจมตีครั้งนั้น มันทรงพลังมากจนขั้นเหนือเทพจำนวนมากในสนามรบอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจอย่างลับ ๆ
“ผู้นำตระกูลเทียนหยวนเป็นคนที่น่ากลัวมาก ? เรื่องนี้เกินความแข็งแกร่งของลั่วหยุนเฟยอย่างสิ้นเชิง”
“เขาทนการโจมตีจากยันต์ระดับราชาเทพก่อนหน้านี้ มองไปที่เขาซึ่งปกคลุมไปด้วยเลือด เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างมาก ตะ- แต่ทำไมเขาถึงยังทรงพลังเช่นนี้ ? ”
“ผู้นำตระกูลเทียนหยวนเป็นขั้นเหนือเทพหรือราชาเทพ ? ”
ในขณะนี้ขั้นเหนือเทพบนท้องฟ้าเริ่มสังเกตเจี้ยนเฉินไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ฝ่ายใด
ขั้นเหนือเทพที่อยู่ฝ่ายลัทธิปิศาจชั้นฟ้าตื่นตระหนกอย่างลับ ๆ ก่อนการต่อสู้ ผู้บัญชาการของพวกเขาได้เตือนพวกเขาโดยเฉพาะเรื่องการป้องกันค่ายกล เมื่อขั้นเหนือเทพจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนพยายามโจมตีค่ายกล พวกเขาจะต้องหยุดอีกฝ่าย
นี่เป็นเพราะเมื่อค่ายกลถูกทำลาย พลังของกองทัพก็จะดิ่งลง ในท้ายที่สุด มันจะนำไปสู่ความตายจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นว่าเจี้ยนเฉินทรงพลังเพียงใด พวกเขาทั้งหมดก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าพอที่จะหยุดยั้งเจี้ยนเฉิน
การส่งอัจฉริยะหนึ่งหรือสองคนที่มีพลังเท่ากับลั่วหยุนเฟย จะเท่ากับส่งพวกเขาไปตายและพวกเขาก็ไม่สามารถส่งผู้คนได้มากกว่านี้ในทันที
บูม !
เจี้ยนเฉินแทงค่ายกลหมื่นคนอีกครั้ง ทันใดนั้น ค่ายกลก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทหารทุกคนที่อยู่ในค่ายกลก็พากันกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่องและยิ่งไปกว่านั้นครึ่งหนึ่งของพวกเขากลายเป็นหน้าซีดเซียว
เจี้ยนเฉินมีพลังมากเกินไป ทหารหนึ่งหมื่นคนส่วนใหญ่เป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างน้อยมีเพียงไม่กี่คนที่เป็นขั้นเทพ แต่พวกเขาก็พยายามดิ้นรนที่จะอดทนต่อการโจมตีของเจี้ยนเฉิน
“โอ้ ไม่ กองทัพที่หกกำลังตกอยู่ในอันตราย เราจำเป็นต้องสนับสนุนพวกเขาทันที ! ”
เมื่อรับรู้ถึงอันตราย บางส่วนของค่ายกลใกล้เคียงรวมตัวกันไปยังพื้นที่นั้น กลิ่นอายปีศาจปั่นป่วนขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าใส่อย่างอุกอาจ
เจี้ยนเฉินไม่ได้ให้เวลากับพวกเขาในการสูดลมหายใจ อย่าว่าแต่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสช่วยพวกนั้น กระบี่สายรุ้งส่องสว่างและสร้างลำแสงยาวสามร้อยเมตรสามลำแทงเข้าไปในค่ายกล
การโจมตีทั้งสามนั้นติดตามกันมาเกือบจะสมบูรณ์แบบ
การโจมตีครั้งแรกทำให้ค่ายกลจมลงสู่พื้นโดยตรง ค่ายกลสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเกือบจะใกล้ถึงขีดจำกัดของค่ายกลที่จะทนได้
การโจมตีครั้งที่สองทำให้ค่ายกลส่งสัญญาณของการแตกสลาย มันกลายเป็นรูพรุนที่เต็มไปด้วยรอยร้าว ในขณะที่ปราณกระบี่ที่เหลืออยู่พุ่งผ่านไป มันตัดผ่านอากาศอย่างกับสายฝนโดยเอาชีวิตของคนนับพัน
การโจมตีครั้งที่สาม ในที่สุดก็ทำลายค่ายกลให้แตกกระจาย ทหารกว่าครึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลนี้เสียชีวิต เนื่องจากการโจมตีของเจี้ยนเฉินทำให้มีเพียงสองหรือสามพันคนที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บอย่างหนักโดยไม่มีข้อยกเว้น
บนท้องฟ้า ขั้นเหนือเทพทั้งหมดตกตะลึง เจี้ยนเฉินบุกทะลวงค่ายกลได้ในเพียงไม่กี่กระบวนท่าด้วยความเร็วดุจสายฟ้าและเขาก็สังหารผู้คนกว่าครึ่งหนึ่งที่นั่น ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นยอดเยี่ยมมากจนทำให้พวกเขาตกใจอย่างมาก
หลังจากค่ายกลแตกตัว ม้วนค่ายกลในจุดศูนย์กลางจริง ๆ ก็ลอยขึ้นด้วยตัวของมันเอง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นภาพพร่ามัวและบินออกไปในระยะที่ห่างไกลด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ มันหายไปในเสี้ยววินาที
เจี้ยนเฉินตกตะลึงเพราะเขากำลังจะไปเก็บรวบรวมม้วนภาพ เขาจ้องมองไปในทิศทางที่มันบินออกไปในขณะที่เขาพูดไม่ออก
มันน่าประหลาดใจมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าม้วนภาพค่ายกลจะหนีไปด้วยตัวเองและด้วยความเร็วสูง
“นี่ควรจะเป็นมาตรการการป้องกันที่ของลัทธิปิศาจชั้นฟ้าสร้างไว้บนม้วนภาพค่ายกล” เจี้ยนเฉินคิด แสงในดวงตาของเขาสั่นไหว จากนั้นเขาพุ่งไปหาค่ายกลที่สอง
ตอนนี้ กองทัพทั้งสามของลัทธิปิศาจชั้นฟ้าเข้าใจถึงพลังของเจี้ยนเฉินแล้ว พวกเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาตามลำพัง สามค่ายกลทำงานร่วมกันโดยล้อมรอบเจี้ยนเฉินในรูปแบบสามเหลี่ยมในทันที พวกเขาใช้พลังทั้งหมดในค่ายกลเพื่อโจมตีเจี้ยนเฉิน
อย่างไรก็ตาม พลังของเจี้ยนเฉินได้มาถึงระดับใหม่แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ แต่ค่ายกลทั้งสามก็ไม่สามารถรับมือกับเขาได้
ตามความเป็นจริง แม้เพียงแค่พัวพันเขาไว้ซักพักก็ยังยาก
ในช่วงเวลาไม่กี่กระบวนท่าก็มีเสียงอันดังและเจี้ยนเฉินได้ทำลายค่ายกลที่สอง ขั้นศักดิ์สิทธิ์หลายพันคนถึงแก่ความตายเพราะเขา ในขณะที่ม้วนภาพค่ายกลก็พุ่งออกไปด้วยตัวเองอีกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินได้เตรียมตัวในครั้งนี้ ทันทีที่ม้วนภาพค่ายกลต้องการบินออกไป เขาก็ผนึกตราด้วยมือของเขาและใช้อสนีบาต เขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและไล่ตาม
ค่ายกลหลังนั้นไม่ธรรมดา พวกมันสามารถปลดปล่อยพลังสูงสุดของขั้นเหนือเทพช่วงสูงสุด เมื่อขั้นศักดิ์สิทธิ์ถ่ายเทความแข็งแกร่งของพวกเขาเข้าไป พวกเขาสามารถทั้งป้องกันและโจมตีได้
หากเขาสามารถยึดหนึ่งในม้วนภาพค่ายกลเหล่านี้ได้ก็จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตระกูลเทียนหยวน มันอาจกลายเป็นสมบัติตระกูล
