ตอนที่ 101 คำอธิบาย
หลงเฉินเดินเข้าไปในพระราชวังพร้อมกับถามเส้นทางจากสาวใช้ไปตลอดทาง แม้ว่าจักมิมีผู้ใดกล้าหยุดยั้งเขา แต่เหล่าทหารต่างก็รีบไปรายงานให้องค์ราชินีล่วงรู้ถึงการมาของหลงเฉิน และแจ้งทิศทางที่เขาไปให้ทราบด้วย
“เขามาทำอะไรที่นี่กัน?”
ราชินีเมี่ยได้แต่เดินกลับไปกลับมา พร้อมกับครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด..
“ข้าควรต้องให้ทหารติดตามเขาไปด้วยหรือไม่ หรือข้าควรจะติดตามเขาด้วยตัวเองดี? แต่ไม่ดีกว่า! เขาอยากจะทำสิ่งใดก็ปล่อยไป ข้ามิต้องการให้เกิดภัยพิบัติกับจักรวรรดิของข้าอีกแล้ว”
ราชินีเมี่ยครุ่นคิดกลับไปกลับมา และท้ายที่สุดนางก็เปลี่ยนใจ หลังจากกลับไปนั่งอยู่บนบัลลังก์ตามเดิมแล้ว จึงได้สั่งสาวใช้และทหารว่า ปล่อยให้หลงเฉินทำตามใจที่ต้องการโดยมิให้ผู้ใดเข้าไปยุ่งวุ่นวาย
…..
หลงเฉินเคาะประตูห้องโถง และไม่นานประตูห้องก็เปิดออก..
“ทะ.. ท่านปรมาจารย์หลงเฉิน!!” สาวใช้ที่เปิดประตูกล่าวตะกุกตะกัก
“เวลานี้หัวหน้าเผ่าบารองอยู่ที่ใด?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“ท่านหัวหน้าเผ่าบารองกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องพัก ข้าจะรีบไปแจ้งให้เขาทราบเดี๋ยวนี้ว่าท่านต้องการพบ..”
สาวใช้เอ่ยจบก็รีบวิ่งออกไปตามหัวหน้าเผ่าบารองที่ห้องนอนทันที ส่วนหลงเฉินก็เดินเข้าไปรออยู่ที่ห้องโถง
“ท่านหัวหน้าเผ่าบารอง.. ท่านปรมาจารย์หลงเฉินต้องการพบท่าน!”
“อะ.. อะไรนะ!! ข้าจะรีบออกไปพบเดี๋ยวนี้” หัวหน้าเผ่าบารองรีบเอ่ยตอบทันที
ไม่ช้า.. บาล่าหัวหน้าเผ่าบารองก็ได้เดินออกมาจากห้องนอน และรีบตามสาวใช้ผู้นั้นไปโดยเร็ว
“เอ่อ.. ท่านปรมาจารย์เฉิน อภัยที่ทำให้ท่านต้องรอ เชิญนั่งก่อน..”
บาล่ารีบเดินออกมาพบหลงเฉินทันที แม้ว่าจะยังมีอาการบาดเจ็บที่ร่างกายอยู่
“ความจริงเจ้ามิต้องเดินออกมาถึงที่นี่ก็ได้ ข้าไปหาเจ้าเองได้ แต่เอาล่ะ.. ในเมื่อเจ้าออกมาแล้วก็ขอเชิญนั่งลงก่อน ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะถามเจ้า!”
หลงเฉินนั่งลง พร้อมกับเชื้อเชิญให้บาล่านั่งลงด้วย ในระหว่างนั้นสายตาก็เหลือบมองไปทางสาวใช้
“เอ่อ.. มัทซ์ เจ้าออกไปก่อน ท่านปรมาจารย์หลงเฉินต้องการที่จะสนทนากับข้าเป็นการส่วนตัว..” หัวหน้าเผ่าบาลังหันไปบอกสาวใช้ให้ออกไปจากห้องโถงก่อน
“ข้าคืนสิ่งนี้ให้กับเจ้า ขอบใจเจ้ามาก มันมีประโยชน์และช่วยข้าได้มากทีเดียว!” หลงเฉินเอ่ยบอกบาล่าพร้อมกับยื่นเข็มทิศคืนให้
“ทะ.. ท่านไปถึงเผ่าอสูรกายและกลับมาที่นี่อีกครั้งงั้นรึ? เหตุใดจึงรวดเร็วเช่นนี้? ท่านสังหารพวกมันตายหมดแล้วรึ?” หัวหน้าเผ่าบาล่าเอ่ยถามหลงเฉินด้วยสีหน้าท่าทางตกใจ
“นี่เจ้าเห็นข้าเป็นคนไร้เหตุผลถึงเพียงนั้นเชียวรึ? มีเหตุผลอันใดที่ข้าจักต้องทำลายล้างเผ่าพันธุ์อสูรกายด้วยเล่า?” หลงเฉินตอบกลับยิ้มๆ
“เอ่อ.. ไม่.. ไม่.. ข้าหาได้คิดเช่นนั้นไม่ ข้าถามเพียงเพราะความอยากรู้เท่านั้น” หัวหน้าเผ่าบาล่ารีบระล่ำระลักอธิบายให้หลงเฉินฟังทันที
“เข็มทิศของเจ้าช่วยข้าได้มากทีเดียว ข้ารู้ว่าจักรพรรดิอสูรกายตนนั้นจักต้องหนีกลับไปที่เผ่าของมันเป็นแน่ และเมื่อข้าเหาะไปตามทิศทางนั้นก็ได้พบกับมันเข้าจริงๆ แต่น่าเสียดายที่มันก็ต้องตายเสียก่อนที่จะทันได้กลับถึงเผ่าของตนเอง” หลงเฉินตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!!” หัวหน้าเผ่าบาล่าได้ยินเช่นนั้น ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจและตกตะลึง
“เอาล่ะ.. กลับเข้าเรื่องที่ข้าต้องการจะคุยกับเจ้าดีกว่า ข้ามิได้มาพบเจ้าเพื่อสนทนาเรื่องนี้ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะสอบถามเรื่องลูกแก้วที่เจ้ามอบให้กับราชินีเมี่ย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการคุ้มครองเผ่าบารอง” หลงเฉินเอ่ยบอก
“เอ่อ.. ไม่ทราบท่านต้องการรู้อะไรงั้นรึ?” หัวหน้าเผ่าบาล่าเอ่ยถามเสียงเบา และสีหน้าของเขาเริ่มมีอาการตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ข้ามั่นใจว่าลูกแก้วนั่นหาใช่ลูกเดียวกับที่เทียนเฉินศึกษาเป็นแน่ เหตุใดเจ้าจึงต้องโกหก และเวลานี้ลูกแก้วที่เทียนเฉินใช้อยู่ที่ใด?” หลงเฉินเอ่ยถามออกไปตามตรง
“เอ่อ.. เรื่องนี้.. ความจริงข้าเองก็หาได้ต้องการที่จะโกหกหลอกลวงองค์ราชินีไม่ เพียงแต่.. ข้าเองก็มิมีทางเลือกอื่น” หัวหน้าเผ่าบาล่าเอ่ยตอบหลงเฉินด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“เจ้าหมายความเช่นใดกัน? มีเหตุผลอันใดที่เจ้ามิอาจมอบลูกแก้วจริงให้กับนางได้?” หลงเฉินเอ่ยถามต่อ
“ใช่ว่าข้ามิต้องการมอบลูกแก้วจริงให้กับนาง แต่ความจริงข้าเองก็มิมีลูกแก้วที่ว่า หลังจากที่ท่านปรมาจารย์เทียนเฉินหายตัวไปจากโลกนี้ ลูกแก้วที่ว่านั่นก็ได้หายไปพร้อมกับเขาด้วย ในคัมภีร์ประวัติศาสตร์ของเผ่าบารองก็ได้บันทึกไว้ว่า เมื่อบรรพชนของเผ่าบารองเข้าไปที่อารามซึ่งเป็นสถานที่เก็บลูกแก้ว กลับพบเห็นเพียงแค่ความว่างเปล่า บรรพชนของพวกเราก็มิรู้ว่าลูกแก้วหายไปได้อย่างไร?” บาล่าเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ฉะนั้นเผ่าของเจ้าย่อมต้องมีลูกแก้วถึงสามลูก และลูกแก้วที่เทียนเฉินเคยใช้ศึกษาได้หายไปหลังจากที่เขากลับไปโลกจริงของตนเอง แล้วบรรพชนของเจ้าได้พบเห็นเศษลูกแก้วแตกกระจายอยู่ในอารามด้วยหรือไม่?”
หลงเฉินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด..
“ภายในอารามมิมีเศษลูกแก้วแตกเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความว่างเปล่าที่ปรากฏอยู่ อีกอย่าง.. เผ่าบารองของข้าหาได้มีลูกแก้วสามลูกไม่ ก่อนที่ท่านปรมาจารย์เทียนเฉินจะปรากฏตัวขึ้น พวกเราก็มีลูกแก้วอยู่เพียงแค่สองลูกเท่านั้น ส่วนลูกแก้วที่ข้ามอบให้กับราชินีเมี่ย ได้มาจากที่ใดนั้น เรื่องนี้ข้ามีคำอธิบายให้กับท่าน..”
“ลูกแก้วลูกนั้นถูกพบโดยหัวหน้าเผ่าคนก่อน วันหนึ่งจู่ๆเขาก็กลับมาที่เผ่าพร้อมกับลูกแก้วลูกนั้น..” บาล่าอธิบายความจริงให้หลงเฉินฟังทั้งหมด
“เอาล่ะ.. ขอบใจเจ้ามากที่บอกความจริงเรื่องนี้แก่ข้า ข้าต้องไปแล้ว..” หลงเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ท่านจักบอกเรื่องนี้ให้กับราชินีเมี่ยรู้หรือไม่?” บาล่าเอ่ยถามหลงเฉินด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ
“มิมีความจำเป็นอันใดที่ข้าจักต้องสนทนากับเด็กน้อยนั่นอีก!” หลงเฉินตอบยิ้มๆพร้อมกับก้าวเดินออกไป
ระหว่างที่เดินออกไปนั้น หลงเฉินก็ครุ่นคิดไปด้วย..
“โลกใบนี้ยังมีเรื่องลี้ลับอีกมากมาย น่าเสียดายที่ข้ามีเวลาเหลืออีกไม่นานนัก เวลานี้เรื่องการฝึกวรยุทบ่มเพาะต้องมาก่อนเรื่องอื่นใด..” หลงเฉินพึมพำกับตนเอง
‘หากข้ากลับเผ่าเอลเฟียคงต้องใช้เวลาในการเดินทาง เพราะในวันนั้นมิสามารถใช้การเดินทางผ่านห้วงมิติได้อีกแล้ว ข้านึกออกแล้ว! มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เหมาะสมแก่การฝึกวรยุทธบ่มเพาะยิ่ง..’
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลงเฉินก็เดินกลับไปที่พระราชวัง และตรงออกไปยังอารามด้านหลังซึ่งเป็นที่ที่เขาพบลูกแก้วกฏแห่งน้ำแข็ง และลูกแก้วกฏแห่งห้วงมิติทันที
“มิมีทหารอารักขาหรอกรึ? ตั้งแต่มิมีลูกแก้วอยู่แล้ว เมี่ยคงจักคิดว่าอารามแห่งนี้หาได้มีค่าควรแก่การอารักขาคุ้มกันอีกกระมัง อีกนานเพียงใดนางจึงจะตระหนักรู้ว่า ลูกแก้วของนางได้กลับมาที่อารามแห่งนี้แล้ว..” หลงเฉินพึมพำกับตัวเอง
หลงเฉินนั่งลงบนพื้นพร้อมกับนำไข่ออกมาจากแหวนบรรจุ แล้วเริ่มป้อนพลังชี่ให้กับมันเหมือนเช่นเคย หลังจากนั้นจึงเริ่มฝึกฝนวรยุทธบ่มเพาะต่อ