เขตชิงซาน
พลังลมปราณก่อฟ้า คือกำลังภายในที่อยู่ในระดับที่สองต่อจากลมปราณขั้นก่อเกิดทั้งเก้าขั้น โดยส่วนมาก ขอเพียงสามารถฝึกฝนความแข็งแกร่งของลมปราณขั้นก่อเกิดถึงขั้นที่เจ็ดได้แล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ขั้นลมปราณก่อฟ้า
การเข้าสู่ลมปราณขั้นก่อฟ้า นอกจากจะต้องมีวาสนาแล้ว ยังต้องมีการฝึกจิตอีกด้วย โดยส่วนมาก ในระดับการฝึกจิตยิ่งสูงขึ้น โอกาสที่จะเข้าสู่ลมปราณขั้นก่อฟ้าก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งราชวงศ์โจวที่ล่ำลือกันมาหลายปีก่อน ว่ากันว่าขอเพียงได้เข้าสู่อารามก่อฟ้า ความสำเร็จที่จะฝึกฝนเข้าสู่ลมปราณขั้นก่อฟ้าก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะเหตุนี้ซูหยี่ถึงมีความสนใจต่อสิ่งนี้มากนัก
ทว่า ตำราอารามก่อฟ้านั้นเป็นสิ่งเล่าลือที่มีชื่อเสียงอย่างแพร่หลายในราชวงศ์โจวเป็นอันดับต้นๆ แม้จะมีผู้มีอำนาจจากราชวงศ์โจวส่วนหนึ่ง มุ่งเป้ามายังอารามก่อฟ้าแห่งนี้ ดังนั้น ต่อจากนี้อีกห้าวัน ในตอนที่เยี่ยจงและซูหยี่ทั้งสองคนปรากฏตัวที่เขตชิงซาน ความรู้สึกของเยี่ยจงยังถือว่าเป็นปกติธรรมดา แต่ว่าซูหยี่คงจะผิดหวังไม่น้อย
เขตปกครองชิงซาน ในเขตยังเป็นเหมือนดั่งเมืองน้อยใหญ่ทั่วไป เยี่ยจงและซูหยี่ทั้งสองคนยืนอยู่ไม่ไกลประตูมากนัก ต่างก็หรี่ตามองไปยังหุบเขาหินผาอันเขียวขจีที่ล้อมรอบเมืองเหมือนดั่งป้อมปราการ จากนั้น ในระหว่างที่กำลังเข้าเมืองอยู่นั้น พบเห็นชาวยุทธ์รวมกลุ่มกันประมาณสามถึงห้าคนเดินเข้าไป อีกทั้งหากเป็นกลุ่มใหญ่ผู้นำก็จะขี่ม้านำอีกด้วย หลังจากที่เข้ามายังเขตชิงซานแล้ว เมืองแห่งนี้เป็นหนึ่งในเขตของหนานเจียง เป็นจุดศูนย์รวมของผู้คนมากมาย
“ ดูเหมือนว่า ฝันหวานของพวกเราจะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วละ “ เยี่ยจงมองไปยังฉากเบื้องหน้า สูดลมหายใจลึกๆเข้าคำหนึ่ง ทว่าเขาก็ทำท่าราวกับได้เตรียมตัวเตรียมใจกับไว้อยู่แล้ว
ซูหยี่พลิกแผนที่แผนเก่าออกมาดู หลังจากกวาดตามอง ก็กัดฟันตอบ “ สุดท้ายแล้วข้าก็ถูกหลี่เหล่าหลอกจนได้ “
เยี่ยจงหัวเราะคิกออกมา นั้นก็เพราะว่าเขาพบว่าเหล่ากลุ่มคนที่เข้าไปในเขตชิงซาน ในมือต่างก็ถือแผนที่ที่ดูคล้ายกับของที่ซูหยี่ถืออยู่เช่นเดียวกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซูหยี่ได้ดูแลแผนที่ราวกับไข่ในหิน จนทำให้เขานั้นอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
เห็นอารมณ์คล้ายกับกำลังจะสติแตกของซูหยี่ เยี่ยจงก็ถอนหายใจคำหนึ่งตอบ “ ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ไม่แน่ว่าแผนที่อันนี้จะเป็นของปลอม ยังไงพวกเราก็ไปรับลมกันหน่อยดีไหม จากนั้นก็ค่อยไปหาที่พัก “
ซูหยี่ลังเลครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวเสียงเบาๆออกมา “ ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เจ้าว่าก่อนหน้า ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ถ้าเราใช้กลยุทธ์กวนน้ำจับปลาก็คงเป็นโอกาสที่ไม่เลว หากพวกเราจากไปตอนนี้แล้วละก็ ห้าหมื่นสะสมวิญญาณก็ต้องหลดลอยไปากพวกเราแล้ว อีกทั้ง การมาในครั้งนี้ยังดูเหมือนได้ดึงดูดผู้คนมามากมายอีกด้วย ในทั้งหมดนี้ยังอาจมีคนในสำนักเดียวกันกับพวกเราที่มาถึงก่อน หากเห็นว่าไม่ถูกต้องแล้วละก็ ก็คงต้องร่วมมือกันแล้วละ “
T/L *กลยุทธ์ กวนน้ำจับปลา คือ การแอบจับปลาที่สำคัญมากๆในขณะที่คนอื่นจับโดยไม่รู้ตัว
“ ขอเพียงสามารถรักษาผลประโยชน์ในส่วนของข้าได้ ถ้าอยากร่วมมือยังไงก็ได้ ข้าก็มิมีปัญหา “ เยี่ยจงหยักไหล่ตอบ
“ เอาอย่างนั้นก็ได้ งั้นก็เข้าไปกันเถอะ “ ซูหยี่ยื่นมือตบไปที่ไหล่ของเยี่ยจงทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินนำเข้าไปก่อน หลังจากเห็นการกระทำของซูหยี่ เยี่ยจงก็ทำได้เพียงถอนหายใจคำหนึ่ง เดินตามเข้าไปอย่างช้าๆ
หลังจากที่ทั้งสองได้มุ่งหน้าไปยังประตูทางเข้าเมือง พวกเขาสองคนก็เป็นเหมือนจุดสนใจของผู้คนมากมาย แน่นอนว่า เรื่องนี้นั้นมิได้เกี่ยวข้องกับเยี่ยจงเลย สายตาทั้งหมดต่างก็มองไปยังซูหยี่โดยทั้งสิ้น จากนั้นก็หลบสายตาด้วยอาการตกใจ มิอาจมิยอมรับ ว่าตัวของซูหยี่มีเสน่ห์ที่ยากต่อต้าน นอกจากเยี่ยจงแล้ว คงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถต้านทานมนต์สะกดนี้เอาไว้ได้
หลังจากเดินไปหลายก้าว ทั้งสองก็มาถึงบริเวณทางเข้าเมือง เพียงแต่ว่า ในระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าไป เยี่ยจงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ก็พบว่า มุมมืดในระหว่างประตูนั้นเอง มีคนประมาณเจ็ดคนยืนรออยู่ สายตาของพวกเขาต่างก็แสดงถึงความโลภมองมายังเหล่าผู้คนที่กำลังเข้ามายังเขตชิงซาน
“ หินวิญญาณขั้นต่ำห้าร้อยก้อน แลกกับการเข้าเขตชงซาน “ หลังจากเห็นว่ายังมีคนกำลังจะเข้าไปในเมืองอีก ชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
ในระหว่างนั้นเองหนึ่งในสามคนในกลุุ่มคนที่กำลังเข้าเมืองชิงซานอยู่ ผู้ที่เป็นผู้นำก็เกิดความลังเลครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะไม่อยากให้เกิดเรื่องยุ่งยากตั้งแต่เข้าเมือง แน่นอนว่าหลังจากจ่ายค่าผ่านทางไปแล้วก็ ได้เข้าไปยังเมืองโดยทันที
“ น่าจะเป็นคนในพื้นที่ ข้าว่าอย่าทำให้เกิดความยุ่งยากเลย “ ซูหยี่มองไปยังทางด้านหน้า ทว่าหากนับอุปนิสัยของเยี่ยจงที่นางเข้าใจในไม่กี่ส่วนนี้ จากนั้นก็กล่าวลดเสียงลง นางแท้จริงแล้วเกรงว่าอีกซักครู่เยี่ยจงจะไล่ตะเพิดคนกลุ่มนี้ไป
ทว่าในส่วนนี้ถือว่านางมองเยี่ยจงผิดไปแล้ว เยี่ยจงมิใช่คนที่คิดจะเอะอะก็ลงไม้ลงมือ หากไม่มีผู้ใดมาลงมือก่อกวนก่อนละก็ เขาก็ไม่ไปหาเรื่องคนอื่นก่อนอย่างแน่นอน แต่ว่า ถ้าหากมีคนมองไม่ออกแล้วละก็ งั้นก็มิอาจโทษเขาได้เช่นเดียวกัน
หลังจากมองสำรวจมองซูหยี่รอบหนึ่ง เยี่ยจงก็พยักหน้าหลายครา แต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจอะไร
ทั้งสองค่อยๆเดินเข้าไปในเมือง ไม่รีรอให้เหล่าชายหนุ่มเอ่ยปาก ซูหยี่ก็ได้ยืนมือออกไป พลันปรากฏสิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการออกมา จากนั้นนางก็พยายามพาเยี่ยจงเดินจากไป
“ ช้าก่อน “ ชายที่รับของอยู่เอ่ยออกมาหลังจากใช้สายตาสำรวจอยู่รอบหนึ่ง สายตาได้มองไปยังใบหน้าอันสวยงามและร่างกายอันอ้อนแอ่นของซูหยี่ จากนั้นนัยน์ตาก็ได้ปรากฏความร้อนวูบหนึ่ง
เยี่ยจงค่อยๆขมวดคิ้ว แต่ก็มิได้กล่าวอะไรออกมา
“ มีเรื่องอันใดหรือ ? สิ่งนี้น่าจะเป็นหินวิญญาณหนึ่งพันชิ้นนิ ? “ ซูหยี่หันศีรษะกลับไป ตะโกนถามออกไป
“ เหอะ เหอะ เหอะ พวกเราทราบว่าสิ่งนี้คือหินวิญญาณหนึ่งพันชิ้น “ ชายผู้หนึ่งที่สวมแหวนจักรวาลอยู่ค่อยๆลุกจากเก้าอี้ไม้ และยื่นใบหน้าเข้าใกล้ซูหยี่ จากนั้นก็ออกมากล่าวด้วยลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นที่สุรา “ ตอนนี้นายน้อยอย่างข้าเปลี่ยนใจแล้ว พวกเจ้าทั้งคู่ คนละห้าร้อยหินวิญญาณระดับกลาง จำไว้ เอาเพียงระดับกลาง …… แน่นอน ถ้าหากคุณหนูท่านนี้มาอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับพวกข้าสักวันแล้วละก็ ส่วนเรื่องค่าผ่านด่านนั้นก็ถือว่าไม่มีปัญหา “
หลังจากฟังคำกล่าวเหล่านี้จบ ใบหน้าของซูหยี่ก็คลุมด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ความงามที่ทำให้หัวใจวูบวาบ ทำเอาเหล่าชายหนุ่มต่างหัวใจละลาย
หลังจากยิ้มออกมา นางก็กล่าวไปว่า “ พวกท่านต่างเสนอหน้ากันเข้ามา ถ้าหากยังมุ่งเป้ามาที่พวกเราทั้งสองคนอีกละก็ เกรงว่าจะดูไม่ดีนะ “
“ ไม่ดีงั้นหรือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า —— “ ชายหนุ่มหัวเราะร่า เขากวาดตามองไปรอบด้าน จากนั้นมีคนไม่น้อยมองมาทางด้านนี้ แต่ก็เห็นได้ชัด คงนี้ก็ไม่มีใครอยากจะเข้ามามีเรื่องวุ่นวายในเวลานี้หรอก
“ เจ้าเด็กน้อย ไสหัวไปซะ ที่นี้ไม่เกี่ยวข้องเจ้า “ หลังหัวเราะจบ ชายหนุ่มก็มองไปทางเยี่ยจง กล่าวเสียงเย็นเยียบ
“ เจ้าแน่ใจนะว่า ขอเพียงให้ค่าผ่านทางอย่างเพียงพอก็สามารถผ่านไปได้ “ ถึงแม้เยี่ยจงก็มิได้สนใจคำพูดของชายหนุ่มผู้นี้ แต่ว่าเพียงตั้งใจรอซูหยี่เอ่ยออกมา
“ ดูเหมือนตอนนี้ ต่อให้จ่ายค่าผ่านทางไปก็ผ่านไม่ได้แล้วละ “ ใบหน้าซูหยี่แสดงสีหน้าไม่พอใจแล้วกล่าว ครั้งนี้หากตนไม่ทำอะไรซักอย่างแล้วละก็ ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องน่ารำคาญตามมาอีกไม่น้อย
“ งั้นก็แค่เดินเข้าไปตรงๆก็สิ้นเรื่อง “ เยี่ยจงตอบ จากนั้นก็หันกายมุ่งตรงไปยังทางเข้าสู่เมือง เป็นที่ชัดเจนว่าเขาไม่คิดที่จะสนใจกลุ่มคนที่ขวางทางอยู่ในสายตาเลย
“ น้องเยี่ยจง เจ้าต้องปกป้องพี่สาวนะ “ ซูหยี่จับที่ชายเสื้อเยี่ยจงกล่าวก็น้ำเสียงน่าสงสาร เป็นที่แน่นอนว่านางก็มองออกว่า เยี่ยจงเตรียมพร้อมที่จะให้นางแก้ปัญหาในส่วนนี้ของนางเอง ถึงแม้คนเหล่านี้จะมีพลังลมปราณอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สอง ต่อให้กุมรุมกันเข้ามา ก็ยังสู้ซูหยี่ไม่ได้
“ หนึ่งพันสะสมวิญญาณ “ เยี่ยจงหันหัวกลับ ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ ห้าร้อย “ ซูหยี่กัดฟันออกมา มองไปที่เด็กหนุ่มเบื้องหน้าด้วยความอาฆาตแค้น นางถึงแม้จะอยากลงมือด้วยตนเอง แต่ความสามารถในการจัดการได้อย่างเรียบร้อยยังคงสู้เยี่ยจงมิได้ ให้เยี่ยจงออกหน้าในสถานการณ์เช่นนี้ถึงจะเหมาะสมที่สุด ใยต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมากมาย
“ ตามนั้น “ เยี่ยจงพยักหน้า ความจริงคนเหล่านี้ก็รนหาที่ตาย เพียงแต่ว่าสิ่งที่พวกเขาทำ ยังเกินเลยความอดทนอดกลั้นของเยี่ยจง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสามารถแลกห้าร้อยสะสมวิญญาณกับขยะกลุ่มนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อย
“ เจ้าเด็กน้อย หากเจ้าไม่จากไปตอนนี้ละก็ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่ได้จากไปแล้วนะ “ ชายคนหนึ่งยิ้มออกมาด้วยเสียงเยียบเย็น ในมุมมองของเขา เยี่ยจงและแม่สาวเจ้าเสน่ห์ อย่างน้อยก็ดูเหมือนเหล่าคุณชายน้อยคุณหนูของเหล่าตระกูลเล็กตระกูลน้อยออกมาเที่ยว คนประเภทนี้เขาพบมาก็เยอะ ทุกคนมักจะ มองโลกภายนอกอย่างตรงไปตรงมา จากที่เขามอง ถ้าสองคนนี้อยู่ในโอวาทก็คงจะดี เพราะคืนนี้ก็จะสามารถหาความสุขต่อไปได้
“ เพี๊ยะ —— “
หลังเสียงดังออกมา ชายหนุ่มก็ถูกเยี่ยจงตบจนล้มลงไปกองเป็นที่เรียบร้อย
แต่ทว่าในระหว่างที่ฝ่ามือของเขาตบเข้าไป ขาขวาของเยี่ยจงกวาดออกไปด้วยความกราดเกรียว ราวกับมังกรสะบัดหางก็มิปาน พอดิบพอดีโดนใบหน้าอีกคนหนึ่งอย่างดุดัน
พอได้ยินเสียงดังขึ้น ร่างของชายผู้นี้ก็กระเด็นลอยออกไป ศีรษะกระแทกเข้าไปชนกับกำแพงเมือง หลังจากนั้นไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ ดังออกมา มีเพียงร่างขดงออยู่บนพื้น ในระหว่างที่คนอีกหลายคนทางด้านหลังของเขายังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองมา เยี่ยจงก็ก้าวเท้าออก ย่นระยะห่างของเขาและชายทั้งสองเข้ามาใกล้และเตะจนงงงวย
เยี่ยจงเพียงกระบวนท่าเดียวก็จัดการไปได้สามคน ล้มลงกองกับพื้นด้วยการเตะอีกหนึ่ง สองมือใช้ออกโดยพร้อมเพรียง ฝ่ามือพุ่งออกไปอย่างดุดันเข้าสู่คอหอยของชายหนุ่ม ทั้งสองร้องออกมาเสียงแปลกประหลาดออกมาในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ล้มลงไปกับพื้น
ที่เหลืออีกสองคนค่อยมีปฏิกิริยากลับมา แต่ว่าพวกเขาทั้งสองก็กล้าๆกลัวๆ ไม่มีใครลงมือก่อน จากนั้นก็วิ่งหนีมุ่งหน้าไปทางด้านในของเมือง
เยี่ยจงขมวดคิ้ว เท้าขวาเตะไปที่เก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่อย่างเต็มแรง หลังจากการเตะออกของเท้า เก้าอี้ไม้ก็แตกออกไปสองเสี่ยงลอยออกไป กระทบถูกใจกลางแผ่นหลังของชายที่กำลังหลบหนีทั้งสอง ทั้งสองหมุนคว้างรอบหนึ่งในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ลงไปกองกับพื้น โลหิตสีแดงสดไหลออกมา
“ ลงมือหนักเกินไปหรือนี้ “ ความจริงมีคนมากมายกำลังมองมาอยู่ เยี่ยจงก็มิได้ตั้งใจที่จะฆ่าฟัน ทว่าเขาก็คิดไม่ถึงว่า ชายที่หลบหนีทั้งสองมีพลังฝีมือเพียงแค่กำลังภายในระดับก่อเกิดขั้นที่หนึ่งเอง
หลังจากที่มองไปยังร่างทั้งสองรอบหนึ่ง มิเพียงไม่รีบหลบหนี เยี่ยจงยังพลิกมือคราหนึ่ง กระบี่ยาวสีเงินก็ออกมาอยู่บนมือ จากนั้นเขาก็สะบัดกระบี่อยู่ไปมาอยู่หลายครา ก็จัดการเหล่าคนที่ยังไม่ตายจนสิ้นลมหายใจ
หลังจากที่เก็บกระบี่แล้ว เยี่ยจงก็หันกลับไปมองซูหยี่ พบว่านางกำลังอ้าปากตาค้างอยู่ จากนั้นก็ค่อยนำสะสมวิญญาณออกมาเดินเข้าหา
หลังจากที่ซูหยี่นำห้าร้อยสะสมวิญญาณให้แก่เยี่ยจงด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก จากนั้นค่อยขมวดคิ้วกล่าว “ รีบไปกันเถอะ คนพวกนี้กล้ามาเก็บค่าผ่านทางในที่แห่งนี้ ก็คงจะมีความเป็นมาไม่ธรรมดา ครั้งนี้เจ้าก็ลงมือเกินเลยไปแล้ว “
เยี่ยจงหยักไหล่ไปมา ความจริงเขามิได้ตั้งใจที่จะลงมือฆ่า ทว่าทั้งสองคนก็ตายไปซะได้ แต่ก็ถือว่าจัดการไปเรียบร้อย
หลังจากนั้นทั้งสองก็ทะยานร่างจนลับตาผู้คนที่มองดูอยู่ทั้งในเมืองและนอกเมือง แต่ละคนก็ยังคงอ้าปากตาค้างตามๆกัน เด็กหนุ่มเมื่อครู่ก็ลงมือได้ดุดันอย่างยิ่ง ยอดฝีมือทั้งเจ็ดคน ไม่มีคนใดเลยที่สามารถรับมือเขาได้ซักกระบวนท่า