เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 158 ชิงหญิง

ตอนที่ 158 ชิงหญิง

 

ที่ยืนอยู่ตรงริมแม่น้ำมีเงาร่างสายหนึ่งยืนอยู่ บนร่างสวมไว้ด้วยชุดขาว ราวกับกำลังร่ายรำตามสายลม ราวกับมีปีกงอกออกมาราวกับนางฟ้าก็มิปาน

 

หญิงสาวคิ้วสวยดั่งภาพวาด ราวกับเหมือนดั่งนางฟ้าที่ออกมาจากภาพวาดก็มิปาน และเป็นดั่งความงามของดอกไม้ที่งดงามก็มิปาน ราวกับเผยให้เห็นถึงกระดูก ใบหน้ามีรูปลักษณะคล้ายไข่ห่าน ตอนนี้ได้มีความกังวลขึ้นมาอยู่หลายส่วน ขนคิ้วของนางก็บีบตัวเข้าหากันเบาๆ ภายในดวงตามีความเศร้าสร้อยชนิดหนึ่งของการสูญเสียที่ยากจะเข้าใจได้ นางในตอนนี้ ราวกับนางฟ้าเดินลงมาจากเมฆหมอกก็มิปาน อ่อนช้อยไร้ที่ติ ยาวไกลไร้ที่เปรียบ

 

นางจ้องมองไปทางทะเลสาบเบื้องหน้าด้วยท่าทีเศร้าสร้อย ราวกับลูกห่านที่พลัดพรากจากฝูงก็มิปาน ไร้ทิศทางที่จะไปต่อ

 

“ ซูเหวินชิง “

 

หญิงสาวที่กำลังเหม่อมองตนเองอย่างลึกซึ้งอยู่นี้เอง ภายในช่วงเวลานี้เยี่ยจงก็ได้ปรากฏความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นสายหนึ่ง แล้วก็ได้ตัดสินใจขึ้นมา เขาก้าวออกไปทางด้านหน้า กล่าวออกเสียงดัง “ เป็นไร ? น่าดูนักหรือ ? “

 

ซูเหวินชิงตัดสินใจที่จะหันศีรษะกลับมา ช่วงเวลาที่ได้จ้องมองไปยังร่างของเยี่ยจง ก็ค่อยนึกขึ้นได้อย่างกะทันหัน และจากนั้นในทันที นางก็ได้มองไปตามเสียงที่ดังออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น

 

เสียงอันอ่อนช้อยดังขึ้นมา ทำให้ทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้จ้องมองมายังบริเวณนี้ด้วยสายตาเดียวกัน เยี่ยจงหยักไหล่ไปมา กล่าวด้วยเสียงดังกังวาน “ คุณหนูใหญ่ซูร้ายกาจยิ่ง เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากมายถึงเพียงนี้ หรือจะกล่าวได้ว่า ข้าก็ช่างทำให้ผู้คนตื่นตกใจได้งั้นหรือ ?

 

“ เจ้ามาอยู่ที่แห่งนี้ได้อย่างไรกัน ? “ ใบหน้าของซูเหวินชิงได้แสดงออกถึงความตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็กลับมาสงบนิ่งดั่งเดิม แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ตาม ภายใต้เรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองน้อย ทั้งสองคนก็ได้เปลี่ยนไปเป็นคล้ายกับคนแปลกหน้าแล้ว

 

“ เจ้าสามารถมาที่แห่งนี้ได้ เหตุใดข้าจะไม่สามารถที่จะมาได้กัน ? “ เยี่ยจงกล่าวโดยที่ไม่ใส่ใจ “ ใช่แล้ว คราวที่แล้วได้เข้าไปขัดขวางเรื่องราวดีๆของเจ้า ยังคงต้องขออภัยไว้ด้วยแล้ว …….. ทว่า เช่นนี้ก็ดี เจ้าความจริงก็มิได้ชมชอบเยี่ยถิงฟงอยู่แล้ว มิใช่หรือ ? “

 

“ เยี่ยจง เจ้าอย่าได้เกินไป “ ซูเหวินชิงกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น

 

“ ระหว่างพวกเรา ยังมีบัญชีที่ต้องชำระ ทว่าข้ายังไงเสียก็ต้องไปเยี่ยมเยียนตระกูลซูอยู่แล้ว …….. เจ้าตั้งใจรอก็แล้วกัน “ เยี่ยจงจ้องเขม็งไปที่ซูเหวินชิง จากนั้นก็ได้ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา กับสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเยียจิงผู้นี้ เขาแทบจะไม่มีความรู้สึกดีด้วยแม้แต่น้อย อย่างน้อย เยี่ยจงน้อยในวันก่อนก็ได้ตายไปแล้ว นั้นก็เพราะฝีมือตระกูลซู บัญชีนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องจัดการให้ชัดเจนให้ได้

 

หลังจากที่ซูเหวินชิงจ้องเขม็งไปทางด้านเยี่ยจง แต่ก็มิได้กล่าวอันใดมากมาย เพียงแต่หันกายจากไป

 

ในขณะที่ยางได้จากไปแล้ว สายตานับไม่ถ้วนก็ได้มารวมตัวกันอยู่ร่างของนาง ไม่ว่าบุคคลพายนอกจะยอมรับหรือไม่ สาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเยียจิงที่มีนามว่าซูเหวินชิงก็ช่างมีชื่อเสียงยิ่งนัก ทำให้ผู้คนลุ่มหลงงมงาย

 

เงาร่างสายหนึ่งได้ย่างก้าวออกมาอย่างกะทันหัน เขาได้มาถึงบริเวณข้างกายของเยี่ยจง คนผู้นี้เป็นชายวัยกลางคน ร่างกายปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของโลหิตอย่างเต็มเปี่ยม แค่ดูก็ทราบได้ว่ามาจากตระกูลผู้มั่งมี เขายื่นมือออกมาวางไว้อยู่บนไหล่ของเยี่ยจง จดจ้องเยี่ยจงอย่างเย็นชา แล้วกล่าวเสียงดังกังวาน “ เจ้านายของข้าถามเจ้า เจ้ากับนางเซียนซูเหวินชิงที่แท้คบหากันมาก่อน ? หากว่าเจ้ากล้าที่จะล่วงเกินนางเซียนซูเหวินชิงแล้วละก็ เจ้านายของข้าก็จะเอาชีวิตของเจ้าเอง “

 

“ ข้าและยัยซูเหวินชิงกล่าวอันใด ต้องให้เจ้านายพวกเจ้ามีส่วนร่วมด้วยงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงกวาดสายตาไปยังคนผู้นี้ ไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย “ หยุดมือในตอนนี้ แล้วตัดไปที่ใบหูของตนเอง อย่าให้ข้าต้องลงมือ “

 

เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา เจ้านายของคนผู้นี้เห็นได้ชัดว่ามีความลุ่มหลงต่อซูเหวินชิงอยู่หลายส่วน ถึงแม้ว่าจำม่มีความเกี่ยวข้องอันใดต่อตนเอง แต่ว่ากลับมาหาเรื่องกับตนเอง ดูจะไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่

 

“ บังอาจ เจ้าทราบหรือไม่ว่าเจ้านายของพวกข้าเป็นผู้ใด ? เขาเป็นบุตรของขุนนางฝ่ายบู้ในตอนนี้เชียวนะ “ ชายวัยกลางยิ้มอย่างเย็นชา

 

“ งั้นหรือ ? “ เยี่ยจงยื่นมือขวาออกไป คว้าจับไปที่หัวไหล่ของชายวัยกลางคน ความเคลื่อนไหวของเขาทำให้ชายวันกลางคนหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างมาก ก็เพราะว่าชายวัยกลางคนตรวจสอบพบว่า ราวกับว่าตอนนี้มีกรงเล็บขนาดใหญ่ของสัตว์ประหลาดคว้าจับไปที่ตนเองก็มิปาน ทำให้ตนเองไร้เรี่ยวแรงที่จะเคลื่อนไหว

 

“ บรึม “

 

ทันทีที่ใล้มือป้องกัน จากนั้นก็ได้ปล่อยมือที่กำลังบีบไปทางด้านชายวัยกลางคน เยี่ยจงจึงกล่าวออกมาเสียงเย็นเยียบ “ มีเพียงแค่พลังฝีมือแค่ขั้นก่อเกิดระดับที่หก กลับเรียนรู้ที่จะแทงข้างหลังผู้อื่น ไม่รู้จักคำว่าตายเขียนยังไงงั้นหรือ หากว่าเจ้าเคยได้ยินชื่อเสียงของข้าแล้วละก็ เจ้าก็สมควรที่จะทราบว่า แม้แต่องค์ชายสามข้าก็ยังไม่ไว้หน้า แล้วจะกระไรกับแค่ลูกขุนนางแมวสุนัข “

 

“ เจ้ากล้าแตะต้องคนของข้างั้นหรือ ? “ ท่ามกลางผู้คนในกลุ่ม ก็ได้มีเด็กหนุ่มชุดสีเขียวเดินออกมาจากภายในกลุ่ม สีหน้าปั้นยากเต็มสิบส่วน ถึงกับมีคนที่ไม่เห็นแก่หน้าเขาเชียว อีกทั้งยังกล้าที่จะหักข้อมือของลูกน้องตนเอง ? หากว่าวันนี้ไม่สามารถดึงสถานะการณ์กลับมาได้แล้วละก็ เช่นนั้นหน้าของลูกขุนนางสายบู้ผู้นี้ก็คงต้องสูญเสียไปไม่น้อยแน่นอน

 

“ ข้ายังกล้าที่จะแตะต้องเจ้าด้วย “

 

เยี่ยจงเคลื่อนไหวคราหนึ่ง ร่างกายก็ได้พุ่งออกไปยังบริเวณทางด้านหน้าของเขาในทันที ทันใดนั้นในตอนนี้เขายังไม่มีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน ก็ได้พลิกฝ่ามือตบเข้าไปหนึ่งที จากนั้นเขาก็ตบตีอย่างต่อเนื่อง

 

“ เพียะเพียะเพียะ “

 

หลังตบไปหนึ่งทีแล้วยังรู้สึกไม่พอใจ เยี่ยจงยังคงตั้งมือตบไปอีกนับสิบครา ค่อยสะบัดมือไปมา ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “ ขยะนี้วิ่งออกมาจากที่ใด หนังหน้าช่างหนายิ่งนัก ตีจะมือข้าก็เจ็บไปด้วยแล้ว “

 

กลุ่มเด็กน้อยที่คอยตามอยู่ทางด้านหลังชายหนุ่มชุดเขียว ยังมีผู้คนอีกไม่น้อยที่ได้มองเข้ามา แต่ละคนได้แต่แสดงท่าทีอ้าปากตาค้าง ถึงกับมีคนที่กล้าทำเช่นนี้กับลูกขุนนางฝ่ายบู้ด้วยงั้นหรือ ? คงจะทำให้ลูกขุนนางเหล่านี้ไม่เห็นนรกก็คงไม่ได้แล้ว

 

“ เจ้า ………. เจ้าจบสิ้นแล้ว เจ้าถึงกับกล้าแตะต้องกับลูกขุนนางเช่นข้า บริเวณนี้เป็นถึงวังชั้นนอก ไม่ว่าเจ้าจะมาจากขุมกำลังใด เมื่อแตะต้องลูกขุนนางเช่นข้าแล้ว เจ้าก็ถือว่าได้จบสิ้นแล้ว “ หลังจากที่เด็กหนุ่มชุดเขียวมีการตอบสนองกลับมา เขาก็จ้องมองไปทางด้านเยี่ยจงอย่างดุร้าย เอ่ยวาจาอาฆาตแค้นออกมา

 

“ งั้นหรือ ? “ เยี่ยจงแสยะยิ้มคราหนึ่ง และในทันใดนั้นเอง เตะไปออกอีกทีหนึ่ง กวาดออกไปที่เท้าทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มชุดเขียว จากนั้นเขาก็ได้เหยียบไปหนึ่งครา ก็พบว่าบนหน้าท้องของชายหนุ่มชุดเขียวราวกับไร้เรี่ยวแรง พ่นเนื้อก้อนใหญ่ออกมาจากในทันที

 

“ เจ้าว่า ถ้าข้าเหยียบเจ้าตายไปแล้วละก็ ยังมีคนที่จะออกหน้าแทนเจ้าหรือไม่ ? หรือจะกล่าวว่า เจ้าที่เป็นเพียงแค่ลูกขุนนาง ตายไปแล้วจะตายเปล่าหรือไม่ ? “ เยี่ยจงจ้องเขม็งไปที่ลูกขุนนางที่กำลังอยู่ในใบหน้าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มกล่าวออกมา

 

ผู้คนทั่วทั้งสี่ด้านหลั่งเหงื่อเยียบเย็น กล้าที่จะทำเช่นนี้ต่อลูกขุนหน้า นอกเสียจากมีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งแล้ว ชายหนุ่มเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ ผู้หนุนหลังก็คงจะไม่ธรรมดาแน่นอน ความจริงมีอยู่หลายคนที่คิดจะออกหน้าให้แก่เด็กหนุ่มชุดเขียว แต่เมื่อพบเห็นลักษณะความบ้าบิ่นของเยี่ยจงในตอนนี้ ก็ได้มีผู้คนไม่น้อยที่จดจำออกว่าเขาเป็นผู้คนเดียวกันกับที่เมื่อวันก่อนมิเห็นแก่หน้าของแม้แต่องค์ชายสาม ตอนนี้ยิ่งไม่มีผู้ใดกล้าออกหน้า เขาไม่แม้แต่จะเห็นแก่หน้าหนึ่งในองค์ชายของประเทศด้วยซ้ำ สถานะภาพจะธรรมดาสามัญได้อย่างไรกัน

 

“ เดี๋ยว “

 

เสียงร้องดังออกมาเป็นสาย เสียงร้องนี้ราวกับแสดงถึงอารมณ์อันนับไม่ถ้วนก็มิปาน ทำให้เหล่ายอดฝีมือเหล่านี้ที่ความจริงเหงื่อออกไปทั้งศีรษะต้องเงียบลงไปในทันที

 

“ ท่านผู้นี้ เห็นแก่หน้าสาวน้อยเช่นข้าได้หรือไม่ เรื่องในคราวนี้ก็แล้วกันไปแค่นี้ดีหรือไม่ ? อีกทั้งนี้แห่งนี้ยังอยู่งานเลี้ยงในราชวัง หากเกิดการนองเลือด คงจะดูไม่ดีแล้ว “

 

เสียงราวกับนางฟ้าดังออกมา ผู้คนต่างหันกายไปมองในทันที ก็ได้ว่าเงาร่างที่สวมชุดสีขาวอยู่ริมทะเลสาบได้ล่องลอยลงมา ใบหน้าคลุมไว้ด้วยผ้าไหมสีขาว แต่ว่าก็มิอาจบดบังบรรยากาศที่คราวพบเจอกับเซียนได้ ทำให้ผู้คนลุ่มหลงหลงไหล

 

หากกล่าวถึงระดับชั้นแล้วละก็ นี้จึงพอเพียงที่จะเป็นนางเซียนประจำเมืองประจำประเทศได้ ต่อให้เป็นซูเหวินชิงที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองเยียจิง ก็ยังมิอาจที่จะมิชัยได้เกินกว่าสามส่วน แต่ว่าก็มิอาจเทียบได้กับในด้านบรรยากาศ

 

แม้แต่เยี่ยจงเองก็ยังต้องขมวดคิ้วไปมา เขานับตั้งแต่ได้เจอหญิงสาวมานั้น มีเพียงอาจารย์ปู้เหยียนและหลิงเยวี่ยที่สามารถเทียบเคียงกันได้

 

และเมื่อคิดถึงหลิงเยวี่ยและปู้เหยียน ภายในจิตใจของเยี่ยจงก็วุ่นวายขึ้นมา ใบหน้าของทั้งสองคนก็ได้ทับซ้อนกันขึ้นมา ทำให้เขาเบื่อหน่ายไร้ที่เปรียบ

 

หลังจากนั้น รังสีฆ่าฟันของเยี่ยจงก็ได้สลายลงไป เป็นเหมือนดั่งเห็นแก่หน้าของหญิงสาวผู้นั้น และเขาก็ไม่ต้องการที่สังหารผู้คนในตอนที่นึกถึงปู้เหยียนและหลิงเยวี่ย

 

จากนั้นก็ได้เขี่ยชายหนุ่มชุดเขียวออกไปเท้าหนึ่ง เยี่ยจงค่อยหันกายเดินจากไป

 

“ นายท่านผู้นี้ เราท่านทั้งสองเคยพบกันสองครั้งแล้ว ท่านกลับไม่มีแม้แต่ความสนใจที่จะพูดคุยกันแม้สักคำเลยงั้นหรือ ? “ เมื่อพบเห็นเยี่ยจงหมุนตัวเดิน ภายในท่ามกลางดวงตาของหญิงสาวชุดขาวได้ปรากฏความแปลกประหลาดขึ้นมา

 

ร่างกายของนางสูงใหญ่ ให้บรรยากาศและความงามที่สามารถล้มเมืองได้เลย ไม่เคยเลยที่ไม่มีชายหนุ่มผู้ใดที่ไม่เกิดความหลงใหลในใบหน้าของนาง และในตอนนี้ก็นับเยี่ยจงเป็นคนแรก

 

เยี่ยจงหันศีรษะกลับไปกวาดตามองนาง ภายในดวงตาปรากฏแววตาเย้ยหยัน เขาตัดสินใจแล้วว่า นางเซียนผู้นี้มีกว่าแปดส่วนมาเพื่อร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณในมือของตนเอง แต่ทว่าตนเองกลับไม่มีความสนใจที่จะเข้าไปยุ่งพัวพันด้วยกับนาง

 

“ เยี่ยจง เจ้าอย่าได้พึ่งได้ใจจนเกินไป นางเซียนชิงหญิงกำลังถามเจ้าอยู่ หากว่าเจ้ายังคงไม่ให้เกียรติ ก็อย่าได้โทษข้าที่ไม่เห็นแก่หน้าตระกูลเยี่ยพวกเจ้า “ มีเงาร่างร่างกายกำยำได้โผล่พุ่งออกมาสายหนึ่ง แน่นอนว่าต้องเป็นองค์ชายสาม ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาก็ได้กระจ่างแจ้งถึงนิสัยและอารมณ์ของเยี่ยจง ดังนั้นจึงได้จ้องมองไปที่เยี่ยจงด้วยแววตาที่สาดประกายอย่างเต็มเปี่ยม

 

“ อะไรกัน ? คนผู้นี้ก็คือเยี่ยจงงั้นหรือ ? “

 

“ คงไม่ใช่เยี่ยจงที่เลื่องลือกันว่าเป็นเจ้าขยะในที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบพันปีหรอกนะ ? “

 

“ ล้อเล่นแล้ว องค์ชายสามมีพลังฝีมือถึงขั้นก่อฟ้าในระดับความสำเร็จน้อยแล้วนะ คนผู้นี้ยังสามารถที่จะเผชิญกับองค์ชายสามอย่างไม่พลาดพลั้งเลยแม้แต่น้อย จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเป็นเจ้าขยะเยี่ยจงที่เล่าลือกันเล่า ? “

 

“ แต่ว่าตามที่ได้ยินมาหลายวันมานี้ เยี่ยจงนั้นไม่ใช่เจ้าขยะแล้ว กลับกันยังร้ายกาจราวกับปีศาจ เพื่อความเจริญของตระกูลเยี่ย จึงได้จงใจที่จะปล่อยข่าวลือนี้ออกไป “

 

“ หากเขาเป็นเยี่ยจงแล้วละก็ ก็พอที่จะทราบแล้วว่าเหตุใดสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเยียจิงซูเหวินชิงก็ปฏิบัติต่อเขาเช่นนั้น ที่แท้พวกเขาทั้งสองก็มีการหมั่นหมายกัน “

 

ในขณะที่องค์ชายสามได้เปิดเผยสถานะภาพของเยี่ยจง สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็เปลี่ยนเป็นทอประกายขึ้นมา หากว่าบุคคลผู้นี้เป็นเยี่ยจงที่ร่ำลือกันแล้วละก็ เช่นนั้นคาดว่าคงมีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนต้องตกใจจนหัวใจวายได้

 

เยี่ยจงจ้องมองไปที่องค์ชายสามอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร ภายในท่ามกลางดวงตาสาดประกายอย่างไม่หยุดยั้ง

 

“ เจ้าก็คือเจ้าขยะเยี่ยจงผู้นั้น ไม่ผิดหรอกนะ ? “ องค์ชายสามก้าวเดินเข้ามา กล่าวเสียงเย็นเยียบ

 

“ ข้าเป็นเยี่ยจง แล้วจะอย่างไรเล่า ? “ เยี่ยจงกล่าวเสียงดังกังวาน

 

“ ฮาฮาฮา เจ้าเยี่ยจงเยี่ยมมาก คราแรกถามอย่างดีๆให้เจ้าพูดคุยกับนางเซียนชิงหญิงดีๆ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ก็อย่าได้โทษว่าองค์ชายเช่นข้านับกองทหารไปเผาบ้านตระกูลเยี่ยของพวกเจ้า “ องค์ชายสามหัวเราะเสียงเย็นชา เสียงดังกังวาน แล้วก็ได้แผ่ไอพลังสังหารออกมาสายหนึ่งแผ่กระจายอย่างไม่หยุดยั้ง

 

“ เชิญ “ เยี่ยจงผายมืออกไปทำท่าท้าทาย “ หากว่าเจ้ามีความสามารถเช่นนั้นจริง ข้าจะมอบคัมภีร์ยุทธ์ที่ได้มีจากอารามก่อฟ้าให้แก่เจ้าหนึ่งชุดด้วยก็แล้วกัน “

 

ผู้คนมากมายต่างก็เงียบงันและกอรกตาไปมาด้วยความตกใจ คำเล่าลือก่อนหน้านี้ ที่ว่ากันว่าขยะตระกูลเยี่ยได้ครอบครองสมบัติอันมีค่าที่สุดแห่งอารามก่อฟ้า ภายในเมืองเยียจิงต่างไม่มีผู้ใดเชื่อ เป็นเหมือนเรื่องตลกบทหนึ่ง ดูเหมือนตอนนี้ เยี่ยจงแห่งตระกูลเยี่ยผู้นี้ ราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆต่อตระกูลเยี่ยเลยสักนิด

 

ทันใดนั้นเอง ผู้คนนับไม่ถ้วนก็สบตามองกัน

 

องค์ชายสามมองไปด้วยใบหน้าปั้นยาก เขาสืบเสาะที่มาที่ไปของเยี่ยจงอย่างกระจ่าง ในครั้งนี้ต้องเอาหน้ากลับมาให้ได้ แต่ว่าคิดไม่ถึงว่ากลับทำอันใดเยี่ยจงมิได้

.

.

.

.

 

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset