ตอนที่ 169 อับอายขายหน้า
“ ซวบซวบซวบ “
พลังของทักษะยุทธ์ในตอนนี้ได้ส่งเสียงดังออกมา ลักษณะการโจมตีอันแข็งแกร่งได้พุ่งม้วนเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
จากนั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่าหวาดกลัว กระบี่คงหมิงในมือของเยี่ยจงก็ได้กวาดออกไป ประกายกระบี่สาดส่องกวาดออกไปในทันที ทำให้พลังทักษะยุทธ์นับหลายสายพุ่งหายไปท่ามกลางอากาศ แล้วก็แตกระเบิดออกมา
“ เจ้าบัดสบน้อยผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งนัก “ เหล่ารุ่นที่สามของตระกูลซูที่ได้ลงมือหลายคนต่างก่อทอแววตกใจ แต่ว่าพวกเข้าก็ไม่ได้หยุดที่จะก้าวเดิน
“ ตูม ตูม ตูม “
มีคนของตระกูลซูได้พลิกฝ่ามือนำเอาศาสตราวุธออกมาในเวลาเดียวกัน พลังฝีมือของเยี่ยจงยิ่งมาก็ยิ่งร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ หากว่ามิอาจที่ปลิดชีวิตของเขาได้แล้วละก็ คนของตระกูลซูหลายคนนี้ก็คงต้องถูกตนเองปลุกเพลิงโกรธแค้นจนแทบเป็นบ้าได้
เยี่ยจงจ้องมองเหล่ารุ่นที่สามของตระกูลซูที่กำลังพุ่งเข้ามาหาที่ตายอย่างเย็นชา นัยน์ตามีเพียงความเย็นเยียบ
ภายในดวงตาของเขา เหล่ารุ่นที่สามของตระกูลซูที่มิได้มีแม้แต่พลังขั้นก่อเกิดระดับเจ็ด แท้จริงแล้วแทบจะไม่อยู่ในสายตา หากว่าตระกูลซูยังคงส่งเหล่าปลาเล็กปลาน้อยมาต้านตนเองแล้วละก็ ก็มีแต่หาที่ตายดท่านั้น
ในตอนนี้ เยี่ยจงเองก็คร้านที่จะใช้ทักษะยุทธ์ไพ่ตายใดๆออกมา เพียงแต่กวาดแทงกระบี่ออกไปอีกครา
ในครั้งนี้ ประกายกระบี่ได้สาดลงไปที่พื้นดินแล้วก็ได้ถูกทำให้เกิดรอยแยกออกมาเป็นสายขนาดใหญ่ จากนั้นประกายกระบี่ก็ราวกับร่วงหล่นราวกับดาวตกก็ปาน ปะทะเข้ากับศาสตราวุธเหล่านั้น จากนั้นก็ได้กระแทกเข้ากับร่างกายคนของตระกูลซูหลายคน
“ บรึม “
คนของตระกูลซูได้ถูกซัดกระเด็นไปเช่นนี้ ร่างกายได้ล้มกระแทกลงกับพื้นดิน บริเวณหน้าอกได้ปรากฏให้เห็นบาดแผลจนเห็นกระดูก กระอักเลือดคำโตออกมาคำหนึ่งพร้อมกัน
ที่เบื้องหน้าเยี่ยจง พวกเขาความจริงแทบจะลงพร้อมกันไม่ได้เลย
“ เด็กน้อยผู้นี้แท้จริงแล้วแข็งแกร่งจนถึงระดับใดกันแน่ ? เห็นได้ชัดว่าเค้ามิได้ใช้พลังปรานออกมาเลยแม้แต่น้อย ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย “ คนของตระกูลซูต่างก็อยู่ในความตื่นกลัว เบิ่งตามองค้าง
เยี่ยจงมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา มิได้กล่าววาจาไร้สาระใดๆออกมา เพียงแต่ใช้กระบี่ตัดผ่าออกไป
“ บังอาจ เจ้ากล้า “ ภายในบ้านตระกูลซู ก็ได้มียอดฝีมือโผล่ขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว เมื่อพบว่าเยี่ยจงกำลังคิดจะสังหารยอดฝีมือเบื้องหน้าหลายคน พวกเขาต่างก็กัดฟันไปมาแล้วกล่าวออกมาด้วยความเจ็บแค้น
“ ซวบ “
จากนั้น ความเร็วของพวกเขาก็ลดน้อยถอยลงไป อย่างช้าๆหลายส่วน ในทันทีที่ร่างของพวกเขาล้มลงสู่พื้น เยี่ยจงก็ได้สาดประกายกระบี่ม้วนตัดไปที่ศีรษะหลายหัว ร่วงหล่นลงสู่พื้นดินโดยตรง คนของตระกูลซูเมื่อครู่นี้ยังแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา ตายทั้งทียังลืมตาค้าง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อยากเชื่อว่าเรื่องจะเกิดขึ้นเช่นนี้ได้
“ เยี่ยจง เจ้าทำเกินไปแล้ว ถึงกับกล้าสังหารคนของตระกูลซูข้า “ ยอดฝีมือหลายคนที่อยู่บนพื้นต่างก็หน้าดำคล่ำขึ้นมา แต่ละคนต่างก็โบกสะบัดศาสตราวุธในมือไปมา ใช้การโจมตีอันน่ากลัวเข้าใส่บริเวณที่เยี่ยจงยืนอยู่เข้าไปหมายสังหาร
แต่เยี่ยจงผู้นี้ก็ช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว ถึงกับมองไม่เห็นพวกเขาตระกูลซูอยู่ในสายตา ทั้งยังเข่นฆ่าคนของตระกูลซูเช่นนี้ ถึงแม้ ตระกูลซูความจริงก็มีความหวาดกลัวต่อเยี่ยจงอยู่แล้วหลายส่วน แต่ก็คิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงจะร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมาหาเรื่องถึงบ้านตระกูลซูอย่างเปิดเผยเช่นนี้อีกด้วย
“ ตูม “
บริเวณฝั่งตรงข้าม กระบี่คงหมิงในมือเยี่ยจงก็ได้ทอประกายออกมา อีกทั้งยังได้ใช้กระบี่ตัดผ่าศาสตราวุธของยอดฝีมือตระกูลซู จนเกิดเสียงดังลอดออกมา ศาสตราวุธชิ้นนั้นก็ได้ถูกทำลายลง
“ อะไรกัน ? เยี่ยจงผู้นี้ก็ช่างแข็งแกร่งได้ถึงเช่นนี้เลยหรือ “
ยอดฝีมือตระกูลซูหลายคนต่างก็แสดงสีหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทราบว่าเยี่ยจงแข็งแกร่งถึงที่สุด แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งเกินกว่ารุ่นเดียวกันได้ถึงเพียงนี้
“ เยี่ยจง เจ้าที่แท้คิดที่จะทำอันใดกันแน่ ? “ ยอดฝีมือหลายคนนี้ของตระกูลซูในตอนนี้ต่างก็แสดฃใบหน้าสงสัยออกมา พวกเขาได้เตรียมพร้อมอาวุธครบมือ แต่กลับมิได้ลงมือต่อ เพียงแต่เงียบสงบลงอย่างใจเย็น
“ มิต้องการทำอันใด พวกเจ้ามิใช่ให้คนของสำนักเสวียนหยินดักฆ่าข้ากลางทางหรอกหรือ ? ข้าก็แค่ต้องการที่จะบอกแค่นี้” เยี่ยจงยิ้มออกมา เอ่ยปากกล่าว
“ เจ้า —— คนของสำนักเวียนหวินไปหาเรื่องเจ้า มีอันใดเกี่ยวข้องกับตระกูลซูพวกเรากัน “ มีคนเอ่ยปากกล่าวราวกับร่ำร้องออกมา
“ เจ้ากล้าบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าเช่นนั้นหรือ ? “ เยี่ยจงอมยิ้ม “ พวกคนของสำนักเสวียนหวิน มิใช่เป็นเขยขวัญของพวกเจ้าหรอกหรือ ? ในเมื่อพวกเจ้าก็มีความสัมพันธ์กันแล้ว หาเรื่องพวกเจ้าก็เหมือนกับหาเรื่องสำนักเสวียนหวินหรอกหรือ บัญชีนี้ข้าคงมิได้คิดผิดไปหรอกนะ ? “
ยอดฝีมือตระกูลซูหลายคนเกือบที่ร่ำร้องออกมา นี้ใช่คนจริงหรือ มีการคิดบัญชีเช่นนี้ด้วยงั้นหรือ ? ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่าเรื่องของยอดฝีมือของสำนักเสวียนหวินได้ลงมือต่อเยี่ยจงนั้นมีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างมาก แต่ว่าในตอนนี้ก็ร้อนใจแทบจะบ้าตาย
อีกทั้งตระกูลซู ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไรได้ถูกทุกคนกดดันถึงที่เช่นนี้ ? หลังจากผ่านพ้นครั้งนี้เป็นต้นไป วันหน้าของหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ ก็คงไม่เหลือหน้าที่จะไปพบเจอผู้คนแล้ว
และตามเส้นทางตามถนน ในตอนนี้ก็ได้มีเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังออกมาเป็นสาย สายตาที่ทอประกายของเหล่ายอดฝีมือมือไม่น้อยได้เปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาดขึ้นมา หลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องคราวที่อยู่ภายในงานเลี้ยงแล้ว มีผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าตระกูลซูและสำนักเสวียนหวินมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ? อย่าว่าแต่เรื่องอื่นเลย กับสิ่งที่ได้กล่าวขึ้นมาที่งานเลี้ยง การที่เยี่ยจงมาหาถึงที่ ก็นับเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาอย่างยิ่ง
อีกทั้งตระกูลซูเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ตกอับเช่นนี้แล้ว จึงได้เอ่ยออกมาด้วยคำถามเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นที่อัพอายของตระกูลซูเป็นอย่างยิ่ง
“ ดูเหมือนตระกูลซูคงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ นับจากนี้เป็นต้นไป การจัดอันดับของห้าตระกูลใหญ่จะต้องเปลี่ยนไปแล้ว ไม่แน่ว่าตระกูลซูคงไม่ได้แม้แต่ขี้นอันดับอีกด้วย “
“ เยี่ยจงผู้นี้ไม่ธรรมดา เมื่อครู่ตอนที่เขาอยู่ที่งานเลี้ยง ก็ได้สร้างความบาดหมางกับผู้คนไม่น้อย มีผู้คนมากมายคิดว่าเขาหาที่ตายเอง หากว่าดูจากตอนนี้แล้วละก็ เขาที่ได้ลงมือแต่มิได้เอาชีวิตผู้คนเหล่านั้นก็นับว่าเกรงใจมากแล้ว “
“ ตระกูลซูก็ช่างดวงไม่ดีเลย ถึงกับต้องมาถูกเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวฆ่าล้าง ควรทราบว่า ก่อนหน้านี้เยี่ยจงก็ได้มีการหมั่นหมายกับตระกูลซูอยู่แล้ว ในเมื่อมีเด็กหนุ่มมากพรสวรรคเป็นถึงบุตรเขย ตระกูลซูก็เหมือนกับมีที่พักพิง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาถึงกับต้องตัดขาดกันจนถึงเพียงนี้ได้ นับได้ว่ามีตาหามีแววไม่ “
“ หากว่าตระกูลซูในวันนี้ต้องถูกเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวฆ่าล้างแล้วละก็ คงต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่โตแน่นอน “
ทัวร์ทั้งสี่ทิศมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงหัวเราะดังลอดออกมา จนทำให้เรายอดฝีมือของตระกูลซูใบหน้าเย็นเยียบขึ้นมา แต่ทว่าพวกเขาก็ยังอดกันไม่ลงมือแต่อย่างใด นั่นก็เพราะว่าพวกเขาทราบว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฮียตรง
“ ซวบซวบซวบ “
ไม่นานนัก บริเวณส่วนลึกของตระกูลซู ก็ได้มีเงาร่างของคนทะยานออกมามากมาย คนเหล่านี้ใบหน้าดำคล้ำจ้องมองไปที่ฉากเบื้องหน้า สีหน้าปรากฏความเยือกเย็นขึ้นหลายส่วน หลายปีมานี้ นับได้ว่าเป็นคนแรกที่ทำให้ตระกูลซูต้องแบกรับความอับอายจนถึงขั้นนี้
“ เยี่ยจง ไม่ว่าเจ้านั้นจะมีผู้ใดคนหนุนหลัง สนับสนุน ในวันนี้ที่เข้าได้ก่อเรื่องจนถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงเสียเจ้าก็ต้องตายสถานเดียว “ ชายชรารุ่นที่สองของตระกูลซูผู้หนึ่งได้ปรากฏตัว เขาเหม่อมองไปยังประตูใหญ่ที่ถูกทำลายและศพของเหล่าศิษย์ที่โดดเด่นของตระกูล โกรธโมโหจนเกือบที่กระดอนออกมา จากนั้นก็ได้โบกมือออกมาคราหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น
หากว่าไม่สามารถการเยี่ยจงได้ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ของตระกูลซูไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะฝืนทนเช่นนี้ต่อไปได้
“ ตูม โครม “
ผู้คนมากมายของตระกูลซู ร่างกายของทั้งสี่คนในตอนนี้ก็ได้โผล่ออกมา ร่างกายของพวกเขาได้แผ่พลังปราณออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อฟ้าอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีอายุเพียงแค่ประมาณสามสิบปี แต่กลับสามารถที่จะฝึกปรือได้จนถึงขอบเขตความสำเร็จเล็กได้ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นที่เชิดชูของตระกูลได้แล้ว
ในตอนนี้ ทั้งสี่คนก็ได้ลงมือพร้อมกันแล้ว เมื่อได้เริ่มเคลื่อนไหว ก็เหมือนกับได้เริ่มที่จะเดิมพันกันแล้ว ปิดล้อมเยี่ยจงเอาไว้ตรงใจกลาง
“ จัดการกับผู้เยาว์ที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดเพียงคนเดียว ถึงกับต้องใช้ยอดฝีมือขั้นก่อฟ้าถึงสี่คนในการลงมือ ตระกูลซูก็ช่างไม่ไหวเสียเหลือเกิน “ กลุ่มคนที่มองดูการปิดล้อม ก็ได้มีคนเอ่ยปากกล่าวออกมาโดยไม่เข้าข้างฝ่ายใด
วินาทีที่ได้ยินคำพูดนี้ก็ได้ทำให้คนของตระกูลซูต้องกัดฟันไปมา ไม่ว่าจะมองดูอย่างไร เรื่องราวในวันนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นยุ่งยากขึ้นมาแล้ว
“ อย่าได้คิดอย่างอื่น สังหารเขาซะ ไม่เช่นนั้นพวกเราตระกูลซูจะไม่เหลือแม้แต่หน้าแล้ว “ ยอดฝีมือผู้ชราอดกลั้นที่จะไม่กระอักโลหิตออกมา แล้วกล่าวเสียงเจ็บแค้น
“ ขอรับ “
หลังจากที่เงียบงัน คนทั้งสี่ของตระกูลซูก็ได้พยักหน้าพร้อมกัน มีหนึ่งคนในกลุ่มโบกมือขึ้นมา จะนั้นก็ขยับมือขวาไปมา ทันใดนั้น ก็ได้พบกับกระบี่กระดูกโปร่งใสปรากฏอยู่บนใจกลางฝ่ามือของทั้งสี่คน
ในมือกุมไว้ด้วยกระบี่ คนทั้งสี่ร้องเชอะอย่างพร้อมเพรียง ใช้ทั้งสองมือทำตราประทับขึ้น วินาทีนั้นก็ได้พบกับพลังกระบี่อัดแน่นจนคล้ายกับค่ายกล ล้อมรอบบริเวณทั้งสี่ทิศแปดด้านของเยี่ยจง
“ ตายซะ “
เสียงร้องดังเชอะออกมา ความน่าหวาดกลัวของประกายกระบี่ได้พุ่งเข้ามาราวกับคันศร
เมื่อได้เหม่อมองไปราวกับท้องนภากำลังประทับเข้าสู่ผืนดิน คมกระบี่ราวกับพายุฝนดาวตกก็มิปาน เยี่ยจงส่งเสียงดังเย็นชาขึ้นมา มือขวาของเขาโบกขึ้นท่ามกลางอากาศ วินาทีนั้น ก็พบเห็นเตาทองคำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาในทันที และเยี่ยจงก็ได้จับไปที่บริเวณขาของเตา จากนั้นก็ขว้างออกไป มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่มีประกายกระบี่จนเสียงดังสนั่นไปทั่วสี่ทิศแปดด้าน
“ พิ้ง พิ้ง พิ้ง “
เตาทองคำขนาดใหญ่ในตอนนี้ราวกับเป็นขวานขนาดใหญ่กวาดออกมาก็มิปาน และเมื่อเหล่าประกายกระบี่ได้กระทบกับเตาทองคำ วินาทีนั้นก็ได้ยินเสียงที่ดังราวกับเสียงระเบิดออกมาเป็นสาย ดังออกมาดังเปรี้ยงเปรี้ยง
แต่ว่า เมื่อได้เห็นความน่ากลัวของประกายกระบี่ของเยี่ยจงเหล่านี้ ในตอนนี้กลับกลับไม่อาจที่จะสามารถหากวิธีจัดการกับเตาทองคำนี้ได้ เพียงแต่ว่าในทันใดนั้น จู่จู่ก็มีเสียงของระเบิดดังขึ้นมา ผมเข้าปะทะกับอากาศกระบี่จำนวนมากเหล่านี้
“ ตูม “
กระบวนท่านี้เมื่อได้ชนกับค่ายกลกระบี่ เตาทองคำในมือของเยี่ยจงก็ได้ถูกขวางไปอีกครา มุ่งหน้าไปกวาดไปยังบริเวณของยอดฝีมือทั้งสี่อยู่
ทั้งสี่คนตื่นตกใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน กวาดกระบี่กระดูกในมือออกไป แต่ว่าเมื่อช่วงเวลาตอนที่ได้กระทบกับเตาทองคำนั้นเอง กระบี่กระดูกก็ได้แตกสลายไป จากนั้นเตามองคำก็ได้เข้ากระแทกกับบริเวณหน้าอกของคนทั้งสี่คนอย่างรุนแรง
“ บรึม “
ผู้คนทั้งสี่ของตระกูลซูในตอนนี้ต่างก็กระอักโลหิตออกมาตามๆไปกัน กระดูกหน้าอกร้าว ร่างกายกระเด็นออกไปในทันที ในช่วงเวลาที่ร่วงหล่นลงสู่พื้น แม้แต่พลังในคลานก็ยังไม่หลงเหลือ
ยอดฝีมือทั้งสี่คนนี้ของตระกูลซู นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือขั้นก่อฟ้าอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าในตอนที่ปะมือกันจะพ่ายแพ้ให้กับเยี่ยจงก็ตามที ผลลัพธ์เช่นนี้มีแต่ทำให้ผู้คนตื่นตกใจ
เยี่ยจงเพียงแค่คนเดียว ถึงกับมีความแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้ อีกทั้งท่าทีอันประหลาดพิกลนี้ มีแต่ทำให้ตระกูลซูขายขี้หน้าไปอีก
“ พลังทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับสูง ถึงกับเป็นทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับสูง “ จากนั้นก็ได้เหม่อมองไปที่พลังหมัดเตาทองคำของเยี่ยจง ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลซูปรากฏเค้าความยากที่จะเชื่อได้ เขาคิดไม่ถึงว่า เยี่ยจงจะสามารถครอบครองทักษะยุทธ์ระดับนี้ได้
หลังจากที่ได้เงียบงัน เหล่ายอดฝีมือมากมายของตระกูลซูแต่ละคนก็ต้องกรอกตาไปมา ทักษะยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลซูก็ยังมิอาจที่จะเทียบได้ เยี่ยจงผู้นี้ถึงกลับสามารถใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์ขั้นวิญญาณระดับกลาง ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าตระกูลซูยังไม่อาจที่จะสังหารเขาได้
หากว่าสามารถที่จะจับกุมเยี่ยจงทั้งเป็นได้ ต่อจากนั้นคงมิต้องกล่าวแล้ว …….
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ดวงตาของคนตระกูลซูไม่น้อยนั้น นอกเสียจากความหวาดกลัวแล้ว ก็ได้มีบรรกาศของความโลภออกมาอยู่เล็กน้อยเช่นเดียวกัน
.
.
.
.