เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 192 ร่วมมือ

ตอนที่ 192 ร่วมมือ
“ เจ้าคิดที่จะขึ้นเวที ก็รีบขึ้นเวทีขึ้นมา หากว่าไม่มีความกล้า ก็อย่าได้ลอกเลือนผู้อื่นเช่นนี้ “ เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา จ้องมองไปยังตึกจักรพรรดิทองคำ พูดออกไปด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์อยู่หลายส่วน อีกทั้งยังเป็นเหมือนการแดกดัน จนทำให้ผู้คนที่ได้ยินได้ฟังขนลุกขนพองไปทั้งตัว มีแต่เพียงเยี่ยจงเท่านั้นที่มีความกล้าเช่นนี้ ?
“ ซวบ “
หลังจากนั้นเอง ก็พบเห็นเงาร่างที่สวมไว้ด้วยชุดฝึกยุทธ์รัดรูปสีเขียวปรากฏตัวออกมายังภายนอกตึกจักรพรรดิโบราณ ร่างกายของเขาอยู่ภายใต้ประกายแสงสว่าง เมื่อมองดูแล้วให้ความรู้สึกลี้ลับไร้ที่เปรียบ
“ สหายน้อย เจ้าอายุยังน้อยกลับไม่รู้จักเรียนรู้ให้ดี กลับเรียนรู้ตีฝีปากเช่นนี้ คงมีอยู่หลายครั้งที่อาจจะทำให้ตายเพราะคำพูดได้ “ ชายหนุ่มชุดเขียวเอ่ยปากขึ้นมาอย่างดุดัน ให้ความรู้สึกที่ดูสูงส่ง ราวกับว่าเหนือชั้นกว่าเยี่ยจงเขาก็มิปาน
“ เป็นเขา ? เจ้าสำนักเสวียนหวิน จีเจ้า “
ผู้คนที่อยู่ในตึกจักรพรรดิทองคำได้ส่งเสียงร้องอย่างตกใจออกมา และก็ได้มีคนจดจำสถานะของคนผู้นี้ออก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็คาดไม่ถึง ว่าบุคคลระดับผู้นำชั้นแนวหน้า ถึงกลับปรากฏตัวออกมายังสถานที่เช่นนี้ เพียงเพื่อพบกับเยี่ยจงคนเดียว
“ อายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว ยังไม่อยู่บ้านอย่างสงบ กลับออกมาข่มขู่ผู้เยาว์ คงมีอยู่หลายคราที่แส่หาที่ตายละมั่ง “ เยี่ยจงจ้องมองไปทางด้านจีเจ้าอย่างเยือกเย็น เอ่ยปากตอบอย่างไม่ลดลาวาศอกแม้แต่น้อย
“ สหายน้อย เจ้าต้องการที่จะมีเรื่องไม่จบไม่สิ้นกับสำนักเสวียนหวินเราจริงงั้นหรือ ? “ จีเจ้าขมวดคิ้วขึ้นมา น้ำเสียงที่กล่าวออกมาราวกับเริ่มที่จะมีเพลิงโกรธาขึ้นมากลุ่มหนึ่ง
“ ผู้ใดคิดที่จะมีปัญหากับเจ้ากันแน่กัน ? เจ้าข้ารู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว เรื่องราวเช่นในตอนนี้ก็อย่าได้พลิกบัญชีเก่าออกมาแล้วงั้นหรือ ? ถ้าเจ้ามีความกล้าก็ลขึ้นมาเวที หากว่าเกิดความเกรงกลัว ข้าก็จะลงไปทุบตีกับเจ้าที่ด้านล่าง “ เยี่ยจงยิ้มเย็นชา ภายในดวงตาปรากฏรังสีฆ่าฟัน
“ สหายน้อย ในวันนี้ที่ข้าออกมาหน้ามิใช่เพราะต้องการที่จะมีปัญหากับเจ้า สหายน้อยมีความสามารถสูงยิ่ง อนาคตข้างหน้าจะต้องเป็นถึงวีรบุรุษอย่างแน่นอน สำนักเสวียนหวินข้าไม่คิดที่จะมีความแค้นกับสหายน้อยเช่นเจ้า อีกทั้งยังอยากขอให้สหายน้อยคืนตราประทับเสวียนหวินคืนมา ปลดปล่อยนายน้อยทั้งสองกลับมา บุญคุณความแค้นของสำนักเสวียนหวินและเจ้าก็ถือได้ว่าสิ้นสุดลงเพียงแค่นี้ ดีหรือไม่ ? “ จีเจ้าจ้องมองไปที่เยี่ยจง ยิ้มออกมาเบาๆ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังไร้ที่เปรียบ
“ ถ้าหากว่าข้าบอกว่าไม่ละ ? “ เยี่ยจงจู่ๆก็ยิ้มตอบกลับมา
“ เช่นนั้นข้าก็คงจะต้องหาวิธีจัดการกับเจ้าและต้นสังกัดของเจ้าเพื่อชำระความแค้นนี้แล้ว “ จีเจ้าเปิดเผยเป้าหมายออกมา “ อายุยังน้อย มายังเมืองเยียจิงก็มีเรื่องกับขุมกำลังมากมายนับไม่ถ้วน ที่แท้ทางสำนักเจ้าสั่งสอนเจ้ามาอย่างไรกัน สำนักข้าเพื่อให้แก่หน้าสำนักของเจ้าครั้งหนึ่ง ต่อให้อาจารย์ของเจ้าทราบ ก็คงจะสมควรที่จะกล่าวขอบคุณสำนักข้าแล้วละ “
“ งั้นหรือ ? “ เยี่ยจงยิ้มเย็นชา “ กล่าวพันคำตอบหมื่นคำ ท้ายที่สุดกลับมิใช่ก็ต้องลงมือ เจ้าขึ้นมาเถอะ ขึ้นมาตีกับข้างด้านบนดีกว่า “
เยี่ยจงในตอนนี้ได้ส่งเสียงร้องเชอะอย่างเย็นชาติดต่อกัน ท้าทายไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ากำลังดูถูกอยู่
ยอดฝีมือที่อยู่ภายในตึกจักรพรรดิทองคำมองไปทางด้านเยี่ยจงจนไม่อาจกล่าวอันใดออกมาได้ ในตอนนี้จะมีผู้ใดทราบได้ ต่อให้เยี่ยจงมีพลังฝีมือในระดับเดียวกัน ต่อให้จีเจ้าโง่เขลากว่านี้ ก็คงจะไม่ขึ้นไปยังบนเวทีเพื่อที่จะลงมือกับเขาแน่นอน
จีเจ้าครุ่นคิดชั่วครู่ เขาจ้องมองไปยังเยี่ยจง ในครั้งนี้กลับมิได้กล่าวอันใด เพียงแต่ส่ายศีรษะไปมา ถึงแม้ว่าร่างกายจะเข้าใกล้เข้าไปอยู่หลายส่วน แต่ว่าก็มิได้ขึ้นไปสู่เวทีเป็นตาย แต่ก็ยังคงมีแผ่พุ่งพลังอันสูงส่งออกมา
ยอดฝีมือมากมายต่างก็ไร้คำพูดจะกล่าว จีเจ้าผู้นี้แท้จริงแล้วเกรงกลัวเยี่ยจงแล้วงั้นหรือ ถึงกลับไม่กล้าที่จะขึ้นไปบนเวที เพื่อที่จะต่อสู้กับเขาในขอบเขตเดียวกัน
“ เหอะเหอะ สำนักเสวียนหวิน “ เยี่ยจงหัวเราะเบาๆ หลังจากนั้น เขาก็ได้กุมไปที่กระบี่คงหมิงหอกอัสนี ก้าวออกไปทางด้านหน้า แล้วก็ได้ก้าวเดินออกจาเวทีเป็นตายออกไป “ ในเมื่อเจ้าไม่กล้าที่จะขึ้นมาบนเวที ข้าก็จะลงไปตีกับเจ้าที่ด้านล่างก็แล้วกัน เพียงแต่ว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะสามารถทำอันใดข้าได้กัน ? “
เยี่ยจงขยับมือซ้ายคราหนึ่ง ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณก็ได้ปรากฏขึ้น แล้วเขาก็ได้บีบมือไปคราหนึ่ง เกราะสีโลหิตก็ได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขาอย่างรวดเร็ว และในตอนนี้ พลังฝีมือของเยี่ยจงก็ได้พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว จนกระโดดไปจนขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขั้นซานกวานเทียนทงขอบเขตชั้นฟ้าเป็นอย่างน้อย พลังฝีมือเช่นนี้ เรียกได้ว่าสามารถที่จะเข้าใกล้ระดับขอบเขตร่างกายอมตะในตำนานขอบเขตขั้นก่อเกิดระดับที่เก้าแล้ว อีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น พลังฝีมือก็เทียบเท่าได้กับขั้นก่อฟ้าขอบเขตปราณฟ้าแล้ว
สีหน้าของจี้เจ้าเปลี่ยนไป ทันใดนั้นสีหน้าก็ได้เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน เขาความจริงเพียงคิดจะข่มขู่เยี่ยจง แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะลงมาจากเวที อีกทั้งยังมีไพ่ตายอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ ถึงกลับสามารถที่จะทำให้พลังฝีมือของตนเองปะทุขึ้นมาอย่างทันทีทันใด จนถึงตอนนี้เขาพึ่งจะทราบแล้วว่า เพราะเหตุใดก่อนหน้านี้เยี่ยจงถึงได้ท้าทายหวินหลินอย่างไม่เกรงกลัว นั้นก็เพราะว่าต่อให้ไม่มีเวทีเป็นตายนี้คอยควบคุมระดับพลัง เขาก็ยังคงคิดที่จะต่อกรกับหวินหลินอยู่ดี
“ ฆ่า “
เยี่ยจงยิ้มเย็นชา ในตอนนี้เขาก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระกับจีเจ้าแม้เพียงครึ่งคำ เพียงแต่ชักหอกอัสนีกวาดออกไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังสนั่นขึ้นมา ประกายสายฟ้าสายหนึ่งก็ได้ทอแสงแวววาบตัดผ่าอากาศเป็นทางยาว มุ่งหน้ากดดันเข้าไปยังบริเวณที่จีเจ้าอยู่
“ โครม “
ในตอนนี้ หลังจากที่ได้สวมร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณแล้ว ภายใต้พลังฝีมือของเยี่ยจงที่ประทุขึ้น จนทำให้ดูเหมือนดั่งการใช้ออกด้วยหอกของเทพสายฟ้าก็มิปาน ต่อให้เป็นก่อนหน้านี้ที่ซูจื่อหวินใช้ออกด้วยหอกด้ามนี้ ก็ใช่ว่าจะสามารถใช้ออกมาเช่นนี้ได้
สีหน้าอันดุดันบนใบหน้าของจีเจ้าได้เลือนหายไป ในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะลงมือชักช้า อีกทั้งยังถอยกายไปอย่างรวดเร็ว หากกล่าวตามสถานะและพลังฝีมือที่เขามีแล้ว ก็ยังถือได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุดอย่างหนึ่งก็ว่าได้
ยอดฝีมือที่อยู่ภายในตึกจักรพรรดิโบราณต่างก็อ้างปากตาค้าง มีผู้คนไม่น้อยต่างก็คิดว่า หากว่าลงมาจากเวทีแล้วละก็ เยี่ยจงจะต้องถูกจีเจ้าจัดการอย่างแน่นอน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่กระบวนท่าเดียวนี้ เขายังถึงกับสามารถทำให้จีเจ้าถอยรนออกมาได้ เรื่องเช่นนี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือการคาดเดาเอาไว้มากแล้ว
“ ซวบ “
หลังจากหอกนี้ ประกายกระบี่ก็ได้ทอประกายสาดออกมา นำพาพลังสังหารที่เต็มไปด้วยปราณฟ้าดินชนิดหนึ่งแผ่ออกมา ในครั้งนี้ จีเจ้าก็ได้แปรเปลี่ยนสีหน้าขึ้นอีกครั้ง เขาก็ได้เข้าใจขึ้นมาอีกหลายส่วน เยี่ยจงผู้นี้มีพลังการต่อสู้ที่เรียกได้ว่ามากมายหลากหลาย ในตอนนี้ที่ได้รับมือไปแล้วสองกระบวนท่า หากว่าเขาถอยอีกแล้วละก็ แน่นอนว่าจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน อีกทั้งเขายังไร้หนทางถอยแล้ว
ทันใดนั้นต่อมา จี้เจ้าก็ได้ประกบทั้งสองมือเข้าหากัน ประกายแสงประหลาดก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่บริเวณรอบกายของเขา
“ ตัง “
ได้มีเสียงดังขึ้นมา เสียงที่ดังขึ้นมาในครั้งนี้ราวกับอัสนีบาตชั้นเก้าทอดลงมาก็มิปาน เสียงดังสุดเปรียบปาน ยังดีที่องค์ฮ่องเต้ได้ใช้พลังค่อยคุ้มกันไว้ตั้งแต่แรก ยอดีมือภายในตึกจักรพรรดิจึงไม่เป็นไร
เยี่ยจงได้ใช้ออกด้วยหนึ่งหอกหนึ่งกระบี่ทำลายประกายแสงนั้น ราวกับเมื่อเผยไพ่ใบหนึ่งออกมาใบนี้ มิอาจที่จะทำอันใดได้
แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ตาม ร่างกายของจีเจ้าก็ได้เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีพลังแสงอันน่าหวาดกลัวคอยครอบคลุมร่างเอาไว้อยู่ จนทำให้ร่างกายของเขาลอยออกไปนับร้อยจัง จนกระทั่งลงสู่พื้นในที่สุด
ควรทราบว่า หลังจากที่ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่แปด ทุกครั้งที่ได้ขึ้นสู่ขอบเขตระดับทุกระดับ พลังในร่างกายก็ถือได้ว่าพุ่งขึ้นสูงนับสิบเท่า หลังจากที่ในตอนนี้ได้ใช้ออกด้วยร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณแล้ว พลังของเยี่ยจงอย่างน้อยก็เพิ่มมากขึ้นอย่างน้อยก็นับร้อยเท่า ถึงแม้ว่าจะเป็นการใช้ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณในการกระตุ้นพลัง ที่เมื่อสิ้นสุดการใช้ก็จะหายไป แต่ว่า พลังที่เยี่ยจงมีทั้งหมดในตอนนี้ เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงยากที่จะคาดเดาเอาไว้ได้ ต่อให้เป็นตัวเขาเองเมื่อตอนที่อยู่ในดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย อีกทั้งยังมิใช่เลือกเดินในเส้นทางสายนี้ ดังนั้น ประสบการณ์เฉกเช่นในตอนนี้ ถือได้ว่ายังมิเคยได้พบเจอมาก่อน
“ ตูมตูมตูม “
ร่างกายของจีเจ้าลอยไป จนกระทบเข้ากับภูเขาเล็กๆลูกหนึ่ง หลงเหลือไว้แต่เพราะรูเล็กๆคล้ายถ้ำลึกลงไป ในตอนนี้เขาก็ได้กระอักโลหิตคำโต คืบคลานลุกขึ้นมา สีหน้าปั้นยาก อดไม่ได้ที่จะกล่าว “ ไม่ถูกต้องแล้ว นี้ไม่ถูกต้องแล้ว — เพราะแค่ผู้เยาว์เพียงคนเดียว เหตุใดจึงมีพลังถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้กัน ? “
“ ซวบ “
พลังบริสุทธิ์สายหนึ่งได้ปกคลุมไปทั่วอยู่เหนือตึกจักรพรรดิทองคำ จนกระทั่งนางเซียนชิงหญิงที่มิได้ปรากฏตัวออกมาตั้งแต่แรก ในตอนนี้นางกลับขยับเคลื่อนไหวราวดวงดาว จ้องมองไปด้วยสายตาอันประหลาดลี้ลับลึกซึ้ง นางจ้องเขม็งไปยังเกราะโลหิตบนร่างของเยี่ยจง ที่กำลังสะยายปีกที่อ่อนไปมา “ ที่แท้ก็เป็นของชิ้นนั้นเอง แต่ว่า เหตุใดเยี่ยจงถึงทราบวิธีในการควบคุมสมบัติชิ้นนี้ได้กัน ? “
ท่ามกลางอากาศ เยี่ยจงก็ได้ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ เขาจดจ้องมองไปอย่างดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบไปที่จีเจ้า หลังจากนั้นก็ได้ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาแล้วกล่าว “ เป็นสมบัติขั้นเซียนอีกแล้ว นับได้ว่าเป็นกำไรที่มีค่าเสียจริง “
“ เจ้าหนู เจ้ากลัวแล้วหรือยัง ? “ จีเจ้ากระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง แล้วร่างกายก็ได้ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางอากาศขึ้นมาอีกครั้ง ในมือของเขาในตอนนี้ก็ได้ปรากฏเพลิงสีแดงออกมาสายหนึ่ง เมื่อครู่นี้ก็เป็นเพราะวัตถุชิ้นนี้ถึงได้รักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้
“ แก้วเพลิงผลาญจี้ปิง หนึ่งในสามสมบัติประจำสำนักเสวียนหวิน “
ไม่ทราบว่าภายในห้องเก้ามังกร มีบุคคลใดที่เอ่ยปากกล่าวออกมา อีกทั้งยังเปิดเผยที่มาของวัตถุชิ้นนี้ออกมา “
“ ข้าไม่ทราบว่าเจ้านั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรกัน หากว่าเจ้าแน่จริงแล้วละก็ พึ่งพาสมบัติระดับเซียนชิ้นหนึ่งก็สามารถที่จะต่อกรกับข้าได้แล้วละก็ เช่นนั้นข้าก็บอกได้เพียงแค่ เจ้าช่างอ่อนหัดจนเกินไปแล้ว “ เยี่ยจงกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ในตอนนี้เขาก็ยังมิได้ใช้ออกชิ้นส่วนมายาที่เป็นสมบัติระดับเซียนชิ้น อีกทั้งยังมิได้ใช้ออกมาด้วยค่ายกลยันต์ปราณไร้นามที่ได้รับเมื่อวันก่อน ไพ่ตายที่มากมายเหล่านี้ ก็ถือได้ว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเอ่ยออกมาเช่นนี้
“ เจ้าหนู เจ้านั้นถือได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่มีความสามารถ อีกทั้งยังมีความกล้าหาญที่ไม่เลวเลย เพียงแต่ว่าหากว่ามีความกล้าหาญมากจนเกินไป ก็มีแต่เหยียบย้ำอยู่บนขวากหนาม ยกตัวอย่าง เช่นตอนนี้ …… “ จีเจ้าส่ายศีรษะไปมา จากนั้นก็กล่าวเสียงแผ่วเบา “ ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ทราบว่าเกราะโลหิตบนร่างของเจ้านั้นเป็นสิ่งใด ถึงกับสามารถทำให้ระดับพลังของเจ้าพุ่งสูงขึ้นมาจนถึงขั้นนี้ได้ เพียงแต่ว่าในเมื่อเจ้าพึ่งพาสิ่งของภายนอก ขอเพียงแค่พลังโดยส่วนมากของเจ้านั้นหายไป เช่นนั้นต่อไปเจ้าก็คงไม่เหลืออันใดแล้ว “
“ ก่อนหน้านี้ น่าจะฆ่าสังหารเจ้าไปด้วยก็ดี “ เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา
“ ข้ารู้สึกว่า หากว่าเจ้าต้องการที่จะทำเช่นนี้ เกรงว่าคงจะไม่ง่ายดายอย่างที่คิดแน่นอน “ ในช่วงเวลานี้ บริเวณอีกทางด้านหนึ่ง ก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งก้าวเดินออกมา เงาร่างสายนี้ก็ค่อยๆก้าวเดินออกมา บนร่างกายได้แผ่กระจายความน่าหวาดกลัวออกมาชนิดหนึ่ง พลังฝีมือของเขาเมื่อเทียบกับจีเจ้ายังถือได้ว่าด้อยกว่าหนึ่งระดับ แต่ว่าบนร่างกายกลับมีรังสีสังหารอย่างเข้มข้น น่าเกรงขามอย่างถึงที่สุด
“ เป็นเขา ? “ มียอดฝีมือไม่น้อยที่อยู่ภายในตึกจักรพรรดิทองคำก็จดจำเงาร่างที่ปรากฏกายออกมาออก จนอดไม่ได้ที่จะต้องส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ เป็นเจ้า ? “
เยี่ยจงทอดสายตามองไปยังเงาร่างที่ปรากฏกายขึ้นมา ทันใดนั้นก็จดจำสถานะของบุคคลผู้นี้ออก
ห้าตระกูลใหญ่ ผู้นำตระกูลซู ซูโม่
ผู้นำตระกูลซู กล่าวกันว่าเป็นเป็นถึงบุคคลยอดอัจฉริยะแห่งตระกูลเป็นลำดับที่สอง เพียงแต่ว่ากล่าวกันว่าคนผู้นี้ได้เก็บตัวฝึกฝนอยู่ในหุบเขาลึก น้อยครั้งที่จะออกมา
ปรากฏภายในตระกูล มีบางคนที่กำลังมองและวิเคราะห์สถานการณ์ หากว่าเป็นเยี่ยจงเมื่อวันก่อนที่ไปทำลายตระกูลซู แล้วผู้นำตระกูลซูผู้นี้อยู่แล้วละก็ ตระกูลซูก็คงจะไม่วอดวายเช่นนี้อย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่า เรื่องราวยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ในวันนี้เมื่อผู้นำตระกูลซูปรากฏตัว ร่วมมือกับเจ้าสำนักเสวียนหวินจีเจ้าฆ่าสังหารเยี่ยจง เช่นนั้นก็นับได้ว่าเกินกว่าที่ผู้คนจะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว
ฉากเบื้องหน้าที่มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผู้คนยากที่จะเชื่อได้
ในตอนนี้ ต่อให้เป็นองค์ฮ่องเต้เองคิดที่จะออกหน้าปกป้องเยี่ยจงต่อไปก็คงไม่ไหวแล้ว เมื่อซูโม่ออกหน้า ก็เหมือนกับบ่งบอกว่าในตอนนี้ได้มาด้วยเรื่องการฆ่าล้างตระกูลซูของพวกเขานั้นเอง ความแค้นอันลึกล้ำของทั้งสองฝ่ายเช่นนี้ เมื่อมีผู้คนเข้าไปยุ่งเกี่ยว ก็ถือได้ว่าเปลี่ยนไปปัญหาใหญ่หลวงได้
ดังนั้น ในขณะนั้นเอง ก็มีผู้คนไม่น้อยที่จ้องมองด้วยความแตกตื่นออกมา แล้วก็ไม่มีผู้ใดคาดคิดได้ว่า เรื่องราวในวันนี้จะเกิดผลลัพธ์ที่น่าตกใจจนถึงระดับเช่นนี้ได้
.
.
.
.

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset