ตอนที่ 239 จุดสิ้นสุดของบ่วงมายาโลหิต
ท่ามกลางบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาดอย่างไร้ที่เปรียบ ยิ่งไปกว่านั้นสีหน้าของหลิงเหยียนในตอนนี้ก็ได้ปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน เขาเพียงแค่ออกความคิดเห็น ความจริงแล้วคิดที่จะพึ่งพาฝีมือของตัวเองเช่นนี้ จนรวบรวมกลับมาให้หมด นำหยกโลหิตทั้งหมดมาไว้ในครอบครองของตัวเอง แต่ว่าแม้แต่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึง ว่าในตอนนี้ ไม่ทราบว่าโหยวเหลียนที่แท้จะถึงกับมีฝีมือที่ร้ายกาจเช่นนี้ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ในมือก็ได้มีหยกโลหิตทั้งหมดสี่ชิ้นแล้ว
โหยวเหลียนหันหน้ามาอย่างช้าๆ กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มจ้องมองไปยังร่างของหลิงเหยียน หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ได้หัวเราะออกมาแล้วกล่าว “ ท่านผู้นี้คาดว่าคงจะเป็นท่านหลิงเหวียนแห่งรัฐจิน(ทองคำ)กระมั่ง ? ข้าคิดว่า หากว่าเป็นวัตถุโดยทั่วไป คิดที่จะใช้มันมาแลกกับหยกโลหิตบนมือท่าน สมควรจะยากเย็นยิ่ง ทว่าในตอนนี้ข้ามีสิ่งของอยู่ชิ้นหนึ่ง หวังว่าท่านจะมีความชมชอบอยู่หลายส่วน “
กล่าวจบ โหยวเหลียนก็ได้นำหอกศึกที่หักออกมา โยนให้แก่หลิงเหลียน
หลิงเหลียนรับวัตถุชิ้นนี้มาไว้ในมือ ร่างกายก็ได้สั่นเทาขึ้นมา หลังจากนั้น ดวงตาของเขาก็ได้ปรากฏยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็นออกมาได้
“ เจ้าได้รับวัตถุชิ้นนี้มาจากที่ใดกัน “ หลิงเหยียนถามด้วยน้ำเสียงอ้ำอึ้ง
“ ก่อนหน้าที่จะเข้ามายังสมรภูมิฮวงกู่ได้บังเอิญพบเจอ หากว่าท่านชื่นชอบ ก็ขอใช้สิ่งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกับหยกโลหิตในมือของท่านดีหรือไม่ ? “ โหยวเหลียนราวกับหัวเราะออกมาเบาๆ
หลิงเหลียนเงียบงัน หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ได้กรีดนิ้วออกคราหนึ่ง หยกโลหิตที่ถือไว้อยู่ได้ลอยออกไป ตกลงไปยังบริเวณเบื้องหน้าของโหยวเหลียน จากนั้นก็ได้เก็บเข้าไป
ในตอนนี้ ท่ามกลางสนามประกายตาของผู้คนทั้งหมดในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นแปลกใจขึ้นมาหลายส่วน ตอนนี้ก็หลงเหลือเพียงโหยวเหลียนและเยี่ยจงเท่านั้นที่ครอบครองเอาไว้
นั้นก็เพราะว่า คัมภีร์เซียนโลหิตนี้ต้องใช้ทั้งหกชิ้นรวมเข้าด้วยกัน หากว่าน้อยไปส่วนหนึ่ง มีเพียงแค่ห้าชิ้นก็มิอาจที่จะใช้ทำอะไรได้ ดังนั้นเมื่อมองจากความคิดเห็นเช่นนี้ ในตอนนี้สถานะของเยี่ยจงและโหยวเหลียนทั้งสองคนต่างก็ถือได้ว่าเสมอภาคกัน
“ เช่นนั้น ก็ถึงเวลาที่เจ้าข้าจะได้เวลาร่วมมือกันแล้ว “ โหยวเหลียนคล้ายดั่งดวงดาวยามค่ำคืนจ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงก็มิปาน ภายในดวงตาได้เผยออกมาให้เห็นถึงสีสันของความลี้ลับอยู่หลายส่วน นางเมื่อได้มองไปที่เยี่ยจงเช่นนี้ ทั้งยังสาดประกายความต้องกรขึ้นมาหลายส่วน
หากว่าเป็นหญิงสาวผู้นี้ แน่นอนว่าถือได้ว่ารอบรู้จนเกินไป นางไม่อาจที่จะยอมรับชายหนุ่มทุกผู้คนได้ อีกทั้งความรอบรู้เช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตื่นตกใจได้แล้ว
หลังจากที่ได้มองไปที่โหยวเหลียนอยู่สักพัก เยี่ยจงก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหันแล้วตอบ “ ถึงแม้จะเป็นการร่วมมือกัน พวกเราก็สมควรที่จะได้รับประโยชน์บ้างละ คุณหนูใหญ่โหยวเหลียนท่านเมื่อได้รับคัมภีร์เซียนโลหิตครบแล้ว ก็มีแต่ข้าที่ยังไม่ได้อะไรแล้วละก็ เช่นนี้ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้นหรอกกระมั่ง ? “
“ ที่เจ้าบอกออกมาแน่นอนว่ามีเหตุผลอยู่หลายส่วน “ โหยวเหลียนจ้องมองเยี่ยจงอย่างลึกซึ้ง หลังจากนั้นก็ได้สูดลมหายใจอยู่สักพัก ตอบ “ก่อนหน้าที่ข้าได้พบกับม้วนทักษะยุทธ์อันลี้ลับชิ้นหนึ่ง ทว่าทักษะนี้เรียกได้ว่าเหมาะกับผู้ที่มีธาตุหยาง ไม่เหมาะที่จะให้หญิงสาวฝึกปรือ หากว่าให้เจ้าฝึกปรือ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย “
กล่าวจบโหยวเหลียนได้นำม้วนคัมภีร์โบราณม้วนหนึ่งออกมา ส่งให้แก่เยี่ยจง
ม้วนคัมภีร์ได้เข้าสู่มือ เยี่ยจงเงียบงันเล็กน้อย ทว่าเขาก็มิได้เปิดมันขึ้นมา เพียงแต่หัวเราะไปมา เพียงแต่สะบัดมือออกคราหนึ่ง ก็ได้นำหยกโลหิตที่เหลืออีกชิ้นโยนออกไป ตกลงสู่ใจกลางฝ่ามือของโหยวเหลียน
ในขณะนั้นเอง หยกโลหิตทั้งหกชิ้นได้รวมตัวกัน คัมภีร์เซียนโลหิตก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
“ ซวบ “
ในขณะนั้นเอง ทันใดนั้น ก็ได้มีเงาร่างพุ่งเข้าสังหารมาจากสถานที่ห่างไกล พลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวได้มุ่งหน้าหมุนวนไปยังบริเวณที่ร่างของโหยวเหลียนอยู่เข้าไป นี้คือยอดฝีมือที่มาจากรัฐกู่กวอและไท่กู่หลิงซาน พวกเขาได้รอคอยจนถึงตอนนี้มานานแล้ว ทันทีที่รวบรวมคัมภีร์เซียนโลหิตได้แล้ว ก็สะกดความโลภเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
“ เคร่ง “
โหยวเหลียนกรีดนิ้วใช้ออกด้วยพลังดัชนี ประกายแสงดำทมิฬได้พุ่งออกไป ต้านรับการโจมตีที่อยู่ในระยะใกล้ที่สุดของนาง อีกทั้งร่างกายของนางยังเวียนว่ายไปมา ราวกับม้วนภาพก็ลอยไปอีกทงด้านหนึ่งก็มิปาน
“ ตูมตูมตูม “
พลังโจมตีอันน่ากลัวหลายสายได้ทอดมายังพื้นที่ที่นางยืนอยู่ ทันใดนั้นก็ได้เกิดรอยแตกขนาดใหญ่ที่พื้นดิน
ยังไม่ทันครบหนึ่งกระบวนท่า เหล่าผู้ที่มีพรสวรรค์แต่ละคนที่ได้ลงมือต่างก็ได้ชักสมบัติปราณขึ้นมา วินาทีนั้นก็ได้เหมือนทหารนับหมื่นกวาดทุกสิ่ง อีกยังก่อสายลมอันบ้าคลั่งออกมาสายหนึ่ง มุ่งหน้าเข้าสังหารไปบริเวณที่โหยวเหลียนอยู่เข้าไป
เมื่อเป็นเช่นนั้น โหยวเหลียนเมื่อได้รวบรวมคัมภีร์เซียนโลหิตจนสำเร็จ คิดจะจากไปเช่นนี้คงไม่ง่ายเลย
และในเวลาเดียวกัน เหล่าสิ่งมีชีวิตของทะเลมายาโลหิตที่ทำการแลกเปลี่ยนกับโหยวเหลียนก่อนหน้าก็ได้ขยับกายกะทันหัน พุ่งเข้าสังหารออกไป
ส่วนองค์ชายสิบสาม หมิงหยี่และพวกที่อยู่ด้านข้างก็ได้แสดงสีหน้าเคร่งเครียด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็คิดอยากจะลงมือ แต่ว่าไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้กล้ำกลืนมันเอาไว้
“ ตูม “
ทันใดนั้นเอง โหยวเหลียนที่กำลังทำการหลบหนีจากที่แห่งนี้ ระหว่างนั้นเองก็ได้มีประกายอัสนีบาตรทอดลงมาจากท้องฟ้า มุ่งหน้าเข้าไปยังเหนือศีรษะของยอดฝีมือทะเลมายาโลหิต เขายังไม่ทันจะได้ถอยหลบ ร่างกายก็ได้ถูกเผาไหม้ไปทั่วทั้งสรรพร่าง
สิ่งมีชีวิตของทะเลมายาโลหิตในตอนนี้สีหน้าก็ได้เปลี่ยนไป ทันใดนั้นก็คิดจะหนีจากไป เห็นได้ชัดว่า เขาได้ตรวจสอบความแข็งแกร่งของโหยวเหลียนแล้ว
“ โครม “
ร่างของโหยวเหลียนในตอนนี้เป็นเหมือนดั่งเทพเซียนที่ลอยอยู่กลางอากาศ ใช้มืออันเรียวงามจับไปที่คอเพียงเบาๆ ก็พบว่ายอดฝีมือแห่งทะเลมายาโลหิตผู้นี้ยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงร้องออกมา ศีรษะก็ได้ตกห้อยไปทางด้านข้างในทันที
“ ตึง “
เยี่ยจงและองค์ชายสิบสามและพวกวินาทีนั้นก็ต้องสูดลมหายใจเข้าออก สีหน้าปรากฏยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น ทุกคนต่างก็เป็นชนชั้นที่เลือกเดินในแนวทางสายนี้ เกี่ยวกับเส้นทางสายนี้มีเพียงแค่ทางเดียว แน่นอนว่าย่อมที่จะทราบกันดีอยู่แล้ว
เพียงแค่มองดูเมื่อครู่ที่โหยวเหลียนใช้เพียงกระบวนท่าเดียวในการสังหารยอดฝีมือที่มีระดับอย่างน้อยในขั้นซานกวานเทียนทงขอบเขตปราณ เช่นนั้นก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่า นางอย่างน้อยก็ต้องมีพลังฝีมืออยู่ในระดับซานกวานเทียนทงขอบเขตฟ้าแล้ว อีกอย่าง คงจะใกล้เข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่เก้าขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายแล้ว นางอีกเพียงแค่ก้าวเดียวก็เข้าสู่ด่านนี้ได้แล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกได้ว่าทำให้ผู้คนตื่นตกใจยิ่ง คาดว่าหากมิใช่ว่านางเกรงกลัวการโจมตีเข้ามาของทั้งกลุ่มแล้วละก็ กับคนเฉกเช่นนาง ไม่แน่ว่าอาจจะจัดการกับผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดก็เป็นได้
“ ปีศาจสาวผู้นี้มาจากที่ใดกัน ถึงกับแข็งแกร่งจนน่าตกใจ นอกเสียจากจะสำเร็จขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย ไม่เช่นนั้นคิดจะเข้าไปแย่งชิงคงจะยาก “ เยี่ยจงสูดลมหายใจเบาๆ ภายในดวงตาได้เต็มไปด้วยความหนักแน่น เขาเคยคาดเดาเอาไว้ว่านางเป็นผู้ที่มาจากเหวิ่นซื่อเซินเจรียว(ลัทธิเหวินแดนเทพ) หากว่าเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นสถานะภายในลัทธิคงจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เพียงกระบวนท่าเดียวก็ได้ปลิดชีวิตสิ่งมีชีวิตทะเลมายาโลหิตได้ จนทำให้ทั่วทั้งสนามเกิดความตึงเครียด ยอดฝีมือจากรัฐกู่กวอไท่กู่หลิงซานเหล่านี้ที่กำลังจะลงมีนั้น ในตอนนี้แต่ละคนก็ได้แต่ขยายรูม่านตาจ้องมองไปด้วยความตื่นตระหนก ในเวลานี้กลับมิมีความกล้าที่จะพุ่งออกไปแล้ว
“ ทุกท่าน เชิญ “
โหยวเหลียนยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ได้จ้องมองไปยังผู้คนมากมาย ร่างกายของนางได้หายวาบไป แล้วก็ได้ทอดไปยังค่ายกลจัดส่ง จากนั้นก็พบเห็นนางขยับทั้งสองมือ ค่ายกลจัดส่งก็ได้สาดประกายเล็กน้อย เงาร่างก็ได้หายสาบสูญไปในทันที
ผู้คนมากมายที่ได้เหม่อมองอยู่ต่างก็อยู่ในอาการนิ่งอึ้ง ก็เริ่มที่จะมีปฏิกิริยากลับมา ไม่มีผู้ใดคาดคิดได้ว่า การแย่งชิงในบ่วงมายาโลหิตท้ายที่สุดจะจบลงในลักษณะนี้ได้
“ ตูม “
ในช่วงเวลาทันใดนั้นเอง เกาะที่เป็นที่ตั้งของบ่วงมายาโลหิตก็ได้แตกออกเป็นสองซีก บริเวณทั้งหมดที่เป็นบ่วงมายาโลหิตอีกครึ่งนั้น ทันใดนั้นก็ได้ค่อยๆที่จะจมลง บ่วงมายาโลหิตก็ได้จมลงสู่ภายใต้ทะเลมายาโลหิต จนทำให้เหล่าซากศพที่อยู่ภายในบ่วงมายาโลหิต ค่อยๆจมลงสู่ใจกลางของท้องทะเล
หลังจากนั้นเอง เกรงว่านอกเสียจากสิ่งมีชีวิตที่เกิดภายในทะเลมายาโลหิตแล้ว บุคคลภายนอกหากคิดที่จะเข้าสู่ท่ามกลางบ่วงมายาโลหิต คงจะยากเสียยิ่งกว่ายากแล้ว
ไม่นานนัก สิ่งมีชีวิตของทะเลมายาโลหิตจำนวนมากก็ได้ถอยออกไป พวกเขาได้เข้าสู่ท้องทะเล ร่างกายหายสาบสูญไป อีกทั้งยอดฝีมือของแต่ละขุมกำลังอย่างรัฐกู่กวอ สิ่งมีชีวิตจากไท่กู่หลิงซานก็ได้รวมตัวเข้าด้วยกัน ใช้ด้วยวิธีที่ตนเองมีเพื่อที่จะจากไป
เห็นได้ชัดว่า เรื่องราวก็ได้เกิดขึ้นมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ทุกคนต่างก็เข้าใจกันดี เรื่องที่ได้เกิดขึ้นภายในทะเลมายาโลหิต เพียงแต่การสู้ต่อภายในสมรภูมิฮวงกู่นั้นยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด ผู้คนมากมายต่างก็ไม่อาจที่จะเสียเวลาต่อไปได้
“ เยี่ยจง “ ไม่ไกลนัก องค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาตระกูลถังก็ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจง ภายในดวงตาได้ทอประกายสงสัย “ ในครั้งนี้ก็แล้วกันไปเถอะ หากว่าพบกันคราวหน้า ข้าจะต้องสังหารเจ้าให้ได้ “
เยี่ยจงก็ได้ยิ้มอย่างเย็นชา ตอบเสียงดังกังวาน “ องค์ชายสิบสาม กับสภาพในตอนนี้ของท่าน ยังจะกล่าววาจาใหญ่โตเช่นนี้อีกงั้นหรือ ? “
องค์ชายสิบสามยิ้มอย่างเย็นชา ไม่ได้กล่าวอันใดมากมาย เพียงแต่โบกมือนำเรือรบสีทองออกมา แล้วก็ได้นำพายอดฝีมือกลุ่มใหญ่จากไป ทว่าการสูญเสียของหุบเขาตระกูลถังในครั้งนี้ถือได้ว่าใหญ่หลวง ลูกน้องผู้คุ้มกันหลงเหลือไม่ถีงครึ่ง
“ พี่เยี่ย หวังว่าเราท่านวันหน้าจะได้มีโอกาสร่วมมือกัน “ หมิงหยี่แห่งหุบเขาหยินหยางก็ได้จากไปอีกทางด้านหนึ่ง พยักหน้าให้แก่เยี่ยจง จากนั้นก็ได้ชักสมบัติเซียนออกมาเช่นนี้ แล้วก็ได้พบว่าได้มีประกายมึนงงปกคลุมไปทั่วร่าง จนทำให้ยอดฝีมือที่มากจากหุบเขาหยินหยางและคนอื่นๆ ต่างก็ได้กระจายหายสาบสูญไป
หลิงเหลียนและพวกอีกทางด้านแต่ละคนก็ได้มองไปที่เยี่ยจงจากที่ห่างไกล หลังจากที่ยกมือคารวะแล้ว ต่างก็ได้จากไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร การแย่งชิงอันยาวนานของสมรภูมิฮวงกู่ก็ถึงจุดสิ้นสุด ต่อจากนี้เป็นต้นไปผู้คนมากมายไม่แน่ว่าอาจจะได้พบเจอกัน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีความสัมพันธ์ที่ผูกพันกันมากในช่วงเวลาเช่นนี้
ในตอนที่เหล่ายอดฝีมือผู้มีพรสวรรค์ได้ถอยไปแล้ว ไม่นานนัก ยอดฝีมือที่หลงเหลือก็ได้ถอยไปทีละคน จนทำให้ทั่วทั้งบ่วงมายาโลหิต กลายเป็นไร้ผู้คนในทันที
ไม่นานนัก เงาร่างทั้งสี่สายก็ได้ปรากฏขึ้นมาจากที่ใดไม่ทราบ ในคณะได้ร่วมไปด้วยองค์หญิงหกด้วย ในตอนท้ายของการแย่งชิง พวกเขาก็ทราบดีอยู่แก่ใจ ทราบว่าหากเข้าไปร่วมด้วย แน่นอนว่าจะต้องตายอย่างไรที่กลบฝังอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เข้าสู่อารามเก่าแก่ภายในบ่วงมายาโลหิต เพื่อที่จะได้ปกป้องชีวิตของตนเองเอาไว้
ในตอนนี้ ก็พบว่าเยี่ยจงได้ยืนอยู่ท่ามกลางสนาม พวกเขาแต่ละคนก็ได้ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมาหลายส่วน ถึงแม้ว่าก่อนหน้าที่อยู่ที่รัฐต้าโจว พวกเขาก็เคยพบเห็นพลังฝีมือของเยี่ยจงมาก่อน แต่ว่าพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่า ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับองค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาตระกูลถัง หมิงหยี่แห่งหุบเขาหยินหยาง หลิงเหยียนแห่งรัฐจินและเหล่าผู้มีพรสวรรค์มากมายในรุ่นเดียวกันภายในดินแดนซีฮวง เยี่ยจงก็ยังถือได้ว่าไม่เป็นรองเลย
เพียงแค่ข้อนี้ก็ถือได้ว่าอยู่เหนือความคาดเดาของทุกผู้คนแล้ว
“ เยี่ยจง ต่อจากนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี ? จะออกไปยังไง ? “ เหร่ยทิงเหอจ้องมองไปที่เยี่ยจง ภายในดวงตาได้ปรากฏแววตาสงสัยสาดแสงขึ้นมา
“ พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ “ หลังจากที่เยี่ยจงครุ่นคิด ก็ได้ตอบกลับเสียงแผ่วเบา “ ค่ายกลจัดส่งนี้สมควรที่จะสามารถที่จะส่งตัวพวกเจ้าไปยังสถานที่ปลอดภัยได้ หากว่าจากไปแล้ว จงรีบเสาะหาคนของรัฐต้าโจว ทุกคนรวมตัวกันเอาไว้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีชีวิตรอด และคาดว่าข้าเองนั้นในตอนนี้ยังตอนการเวลาช่วงหนึ่ง เพื่อที่จะฝึกปรือ กระนั้นพลังฝีมือของข้ายังถือได้ว่าอ่อนหัดจนเกินไป “
หลังจากที่เงียบงัน องค์หญิงหกและพรรคพวกต่างก็ไร้คำจะกล่าว พลังฝีมือของเยี่ยจงผู้นี้ในตอนนี้อย่างน้อยก็อยู่ในระดับซานกวานเทียนทงขอบเขตพสุธาแล้ว มีพลังฝีมือเช่นนี้ด้วยวัยเพียงแค่นี้ ไม่เรียกว่าปีศาจแล้วจะเรียกว่าอะไร แต่ว่าเขาในเมื่อรู้สึกว่าพลังฝีมือของตนเองยังอ่อนแออยู่ เช่นนี้จะให้พวกเขากลุ่มนี้ตอบกลับไปอย่างไรดี ?
หลังจากที่เงียบงันอยู่สักพัก ลั่วเฉิงและพวกต่างก็ถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าไปมา พวกเขาในเมื่อยังถึงกับถอนหายใจ แต่ว่าก็ทราบกันดี หากว่าพวกเขายังคงหลงเหลืออยู่ข้างกายเยี่ยจงต่อไป ไม่แน่ว่าคงจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางที่เยี่ยจงเลือกเดิน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ถือได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์กลุ่มหนึ่ง ย่อมไม่อาจที่จะทำให้เยี่ยจงคอยเป็นห่วงอยู่ตลอด ในครั้งนี้ หลังจากที่ได้ยกมือคารวะแล้ว ทั้งคณะก็ได้จากไปอย่างช้าๆ
.
.
.
.