เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 298 จะเป็นเทพหรือมาร

ตอนที่ 298 จะเป็นเทพหรือมาร

 

 

“ ตูม “

 

ท่ามกลางเสียงที่ดังสนั่น เตาหลอมได้ถูกเยี่ยจงโยนออกไปราวกับดาวตกลูกหนึ่งก็มิปาน ทั้งยังมีประกายแสงสีทองแห่งเซียนรวมอยู่ด้วย เข้ากับอสรพิษเขียวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ในขณะนั้น เตาหลอมใหญ่โบราณนี้ก็ได้เปร่งประกายแสงสีทองดุจดั่งดวงอาทิตย์ก็มิปาน กระแทกเข้าปะทะไปยังอสรพิษเขียวเข้าด้วยกันอย่างหนัก

 

“ โอ “

 

เสียงร้องของความเจ็บปวดดังออกมา อสรพิษเขียวที่เมื่อครู่ยังเหิมเกริมอยู่ตนนี้ ร่างกายก็ได้ถูกตัดจนขาดเป็นท่อนๆ กลายเป็นฝนโลหิตลอยออกมา ตายจนไม่รู้จะตายยังไงได้อีก

 

“ อะไรกัน ? เยี่ยจงต่อให้ฟื้นคืนพลังถึงระดับสูงสุด พลังการต่อสู้อย่างมากก็เสมอกับอสรพิษเขียวนั้นเท่านั้น จะแข็งแกร่งกว่าได้อย่างไรกัน “

 

ยอดฝีมือรอบข้างต่างก็อยู่ในอาการตกตะลึง เยี่ยจงก็แค่เพียงขว้างเตาหลอมขนาดใหญ่ไปอย่างสบายๆเท่านั้น ถึงกับสามารถจัดการอสรพิษเขียวตนนี้ได้เลย ฉากเบื้องหน้าทำให้เกิดความตกใจและหวาดกลัว

 

“ เหยียนหยี่ นับจากตั้งแต่ทะเลมายาโลหิต เจ้าคงคิดที่จะสังหารข้าอยู่แล้วสินะ ? แต่ว่าในตอนที่อยู่ที่บ่วงมายาโลหิตเจ้าก็ได้รับการสั่งสอนไปไม่พองั้นหรือ ? ยังจะรีบมาหาที่ตายอีกหรือยังไง ? “ เยี่ยจงหันกลับไป ใช้สายตามองไปอย่างดุดันบนร่างของชายหนุ่มผมทองเหยียนหยี่ สีหน้าเย็นชาอย่างมาก

 

“ เจ้า ……. นี้คือ พลังขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า ? ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายงั้นหรือ ? “

 

ชายหนุ่มผมทองเหยียนหยี่หรี่ตามอง ทันใดนั้นก็เกิดอาการขนลุกไปทั่วทั้งสรรพร่าง เยี่ยจงสามารถจัดการกับนายน้อยแห่งเขาเหร่ยหงส์หลิงซานได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั้นก็คือเขาในตอนนี้ได้ทะลวงสำเร็จ เข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย

 

แต่ว่า สิ่งนี้กับข่าวสารที่เขาได้รับมาไม่สอดคล้องกัน เยี่ยจงน่าจะเหมือนตะเกียงไร้น้ำมันแล้ว เข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายอย่างล้มเหลวมิใช่หรือ ? ทำไมอยู่ๆถึงเปลี่ยนจนแข็งแกร่งได้อย่างน่ากลัวเช่นนี้กัน ?

 

“ ถอย “

 

เหยียนหยี่ก็ได้มีปฏิกิริยากลับมาในทันที เขาโบกมือขวาคราหนึ่ง ลงมือออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันร่างกายก็ได้ปะทุถอยออกไป เหยียนหยี่ในตอนนี้ก็เข้าใจเต็มสิบส่วน หากว่าสิ่งที่ตนเองคาดเดาเป็นความจริงแล้วละก็ เช่นนั้นการที่ตนเองจะอยู่ต่อหน้าเยี่ยจงก็เรียกได้ว่าไม่มีความเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย

 

เยี่ยจงส่งเสียงดังชิอย่างเย็นชา กล่าวเสียงดังกังวาน “ ความจริงอยากที่จะฆ่าเจ้าเลย แต่ว่าในเมื่อเจ้ามาหาที่ตายเอง ก็อย่าได้โทษข้าก็แล้วกัน “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ใช้มือขวาบีบไปที่ทักษะกระบี่ มุ่งหน้าไปทางด้านหน้า แล้วก็ได้ยินเสียง”ชิ”ดังขึ้นมา ในตอนที่ชายหนุ่มผมทองเหยียนหยี่กำลังถอยไปอย่างรวดเร็วร่างกายในตอนนี้ก็ได้ขาดสะบันออก ร่วงลงสู่พื้นดิน บนร่างกายของเขาก็ได้มีโลหิตไหลออกมา ทันใดนั้นชายหนุ่มผมเงินที่อยู่ทางด้านข้าง ก็ได้เต็มไปด้วยคราบเลือดของชายหนุ่มเหยียนหยี่เต็มร่าง

 

อัจฉริยะเหล่านี้ ในตอนนี้ต่างก็อ้าปากตาค้างมองไปยังฉากเบื้องหน้า สีหน้าแข็งทื่อขึ้นมาในทันที เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็คิดไม่ถึง เหยียนหยี่ถึงกับตายได้อย่างหมดจดเช่นนี้ได้ ถึงกับไม่มีโอกาสที่จะสวนกลับแต่อย่างไร

 

สายทางอันดุดันก็ได้กวาดเข้าไปยังหลายคนนี้ เยี่ยจงกลับยังมิได้ลงมือแต่อย่างไร เพียงแต่โบกมือแล้วกล่าว “ พวกเจ้าหลายคนก่อนที่จะถูกข้าเก็บกวาดไป ก็ส่งมอบสมบัติเซียนบนร่างกายทั้งหมดออกมา “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้ขยับร่างกาย พลิกทั้งสองมือเริ่มที่จะใช้ออกด้วยพลังกระบี่ตราประทับ ไม่นานนัก ก็ซ้อนทับขึ้นไปจนถึงขั้นที่ยี่สิบเจ็ดปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน จนกลายเป็นเหมือนดั่งกระบี่ยาวมุ่งหน้าฆ่าสังหารออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

 

ชายหนุ่มผมเงินและพวกนั้นถือได้ว่ามีความสัมพันธ์ การมาในครั้งนี้ก็มิได้กล่าวอันใดออกมา ดังนั้นก็เหมือนดั่งเห็นแก่หน้าของพวกเขา มิได้ลงมือสังหารพวกเขา

 

แต่ว่ากับคนอื่นๆแล้วละก็ เห็นได้ชัดว่าต่างก็มาเพื่อที่จะสังหารเยี่ยจง เขาจะเกรงใจไปได้อย่างไร ?

 

“ ซวบซวบซวบ “

 

ราวกับว่าผ่านไปเพียงช่วงพริบตาเดียว กระบี่ในมือของเยี่ยจงก็ได้กวาดออกไป วินาทีนั้น เยี่ยจงก็เป็นเหมือนดั่งพยัคฆ์ที่เข้าไปยังกลุ่มของหมาป่าก็มิปาน ฆ่าสังหารจนโลหิตพุ่งขึ้นสู่ฟ้าเป็นประกาย

 

ยอดฝีมือเหล่านี้ความจริงแล้วก็มีความเชื่อมั่นในตนเองมาตั้งแต่แรก ตอนนี้กลับต้องสลายหายไป เริ่มที่จะหลบลี้หนีตาย น่าเสียดายที่ในตอนนี้เยี่ยจงมีใจที่จะลงมือ แก้แค้นการไล่ล่าก่อนหน้านี้ ทว่าในขณะนั้น ก็ได้ฆ่าสังหารยอดฝีมือเหล่านี้จะหนีหัวซุกหัวซุน ศพกองเป็นภูเขาเลากา

 

“ ให้เจ้า “

 

ชายหนุ่มผมเงิน ชายหนุ่มเผ่าปีกและพวกต่างก็หลั่งเหงื่อออกมาเต็มร่าง ราวกับได้ตัดสินใจที่จะนำสมบัติเซียนที่อยู่บนร่างกายออกมาทั้งหมด จากนั้นเยี่ยจงมองก็ไม่แม้แต่มองพวกเขา เพียงแต่ก้าวเดินผ่านข้างกายของพวกเขาออกไป ยังคงใช้ออกมาด้วยพลังกระบี่ตราประทับสังหารต่อไป

 

“ มารร้าย นี้คือมารร้าย เยี่ยจงผู้นี้แท้จริงแล้วก็คือมารร้ายนี้เอง “

 

มีคนร่ำร้องออกมา แต่ว่าเสียงยังไม่ทันจะดังขึ้นมา ก็ได้ถูกเยี่ยจงใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที ทำให้คนผู้นี้เป็นเหมือนดังลูกหนังกลมๆจนแตกกกระจายออก เหล่ายอดฝีมือที่ยังไม่ถูกฆ่านั้น ในตอนนี้ก็ได้ขนลุกขึ้นมาทั่วทั้งร่างกาย ความห้าวหาญในใจก็แตกสลายไป พวกเขาถอยหนีไปทางด้านหลังอย่างบ้าคลั่ง คิดที่จะหลบหนีไปจากที่แห่งนี้ให้ได้ในทันที

 

กล่าวไปก็ช่างน่าตลก ในวินาทีก่อนหน้านี้ พวกเขามายังสถานที่แห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง หมายที่จะฆ่าสังหารเยี่ยจง ได้รับผลประโยชน์ แต่ว่าในตอนนี้กลับต้องมาถอยหนีอย่างบ้าคลั่ง นั้นก็เพราะว่าถ้าหากช้าไปแม้เพียงครึ่งก้าวแล้วละก็ พวกเขาทั้งหมดนี้ ก็มีแต่ตายเพียงถ่ายเดียวเท่านั้น

 

เยี่ยจงก้าวขาออกไปอย่างไม่รีบและไม่ช้าจนเกินไป พลิกทั้งสองมือตบออกไป ทุกกระบวนท่าที่ทอดลง ต่างก็ได้ทำให้ยอดฝีมือทั้งหลายร่างแตกกระจายออกไปเป็นเพียงก้อนเนื้อ และจากความสามารถของเขาในตอนนี้ คนเหล่านี้ที่อยู่เบื้องหน้าสายตาก็เป็นเหมือนหมูไก่ก็มิปาน แทบจะไม่มีความหมายอะไร ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มีความหาญกล้าเหล่านี้ ก็ยังต้องตายลงจนกลายเป็นเพียงควันกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แม้มีโอกาสที่แม้แต่จะใช้พลังหรือชักกระบี่ ก็ได้แตกสลายลง กลายเป็นเพียงก้อนเนื้อแหลกเหลว ตายอย่างไม่เหลือซาก

 

การไล่ล่าสังหารของสถานที่แห่งนี้ ก็เหมือนแดนมิสัญญีแห่งหนึ่ง เพียงแต่ว่าระดับขอบเขตของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างมากก็เท่านั้น

 

นี่เป็นเรื่องน่าขันมาก ก่อนหน้านี้ ยอดฝีมืออัจฉริยะกลุ่มนี้ พลิกฟ้าพลิกดินตามหาเยี่ยจง แต่ว่าในตอนนี้กลับถูกเยี่ยจงสังหารเป็นทาง ทั้งยังล้มเหลวไม่เป็นท่า

 

คนเหล่านี้มีอยู่มากมายที่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียง รัฐกู่กวอ ผู้มีพรสวรรค์จากไทกู่หลิงซาน ปกติจะห้าวหาญอย่างถึงที่สุด คิดว่าตนไร้ผู้ต้าน ในช่วงที่ไล่ล่าเยี่ยจงอยู่ ไม่ทราบว่าได้เคยคิดถึงวิธีการที่จะลงมือต่อเยี่ยจงไม่ทราบมีมากมายกี่ชนิด เหมือนกับว่าพวกเขากำลังเล่นสนุกอยู่ก็มิปาน

 

แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้กลับตาลปัตร ไม่ใช่การละเล่นอีกต่อไปแล้ว ผู้คนทั้งหมดต่างก็หลบหนีอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็มีผู้คนร่างกายขาดเป็นสองท่อนอยู่ไม่หยุด อีกทั้งยังมีแตกกระจายไป ไม่หลงเหลือสิ่งใดเอาไว้

 

ในขณะนี้เอง ทุกผู้คนต่างก็นำไพ่ตายที่ตนเองมีใช้ออกมาเพื่อหลบหนี มีทั้งใช้ออกด้วยสมบัติเซียน ใช้ออกด้วยวิชาอันลี้ลับ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร

 

ไม่ว่าพวกเขาจะหลบหนีอย่างไร เยี่ยจงที่อยู่ด้านหลังของพวกเขาก็เหมือนดั่งกำลังเดินอยู่ในส่วนดอกไม้อย่างช้าๆก็มิปาน ก้าวออกไปทีละก้าวอย่างช้าๆ แต่ว่าในทุกย่างก้าว ก็ต้องมียอดฝีมือร่างแตกกระจายออกท่ามกลางอากาศนับไม่ถ้วน

 

ในขณะนี้เอง ผืนป่าเขาสายนี้ในสมรภูมิฮวงกู่เรียกได้ว่าเป็นเขตที่อันตรายอย่างถึงที่สุดแล้ว ในช่วงที่ชี้นิ้วออกไปทางด้านนั้นในทุกๆครั้ง ก็จะมียอดฝีมือล้มลงไปเป็นสาย ความเร็วเช่นนี้เป็นที่น่าตื่นตกลึงเป็นอย่างยิ่ง

 

“ ของข้า ของข้า เป็นของข้าทั้งหมด “

 

ท่ามกลางความชุลมุนไร้ที่เปรียบนี้ ก็ได้มีเสียงดังสะท้อนขึ้นมาท่ามกลางอากาศ เสี่ยวหลุนในตอนนี้ก็ราวกับเกิดความบ้าคลั่งขึ้นมา เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่สมควรตาย มันก็ได้สาดประกายสีขาวออกมา หยุดยั้งความเคลื่อนไหวไม่ให้คนกลุ่มนี้จากไป หยุดพวกเขาเอาไว้ได้อย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน มันกลืนกินสมบัติเซียนลงไปไม่หยุด ช่วงเวลาสั่นๆเพียงหนึ่งถ้วยน้ำชาเดือด มันก็ได้กลืนกินสมบัติเซียนไปแล้วนับร้อยเกือบพันชิ้นไปแล้ว เรียกได้ว่าทำให้ผู้คนเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาจับใจได้

 

แต่ว่าเยี่ยจงกลับเหมือนมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ ในขณะนี้ ธารโลหิตก็ได้ทะลักออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ สมบัติเซียนมิอาจที่จะใช้ออกมาได้ ตามความเคลื่อนไหวของเยี่ยจงทุกอย่าง ทุกๆการย่างก้าว เขายังคงอยู่ในสภาพที่นิ่งเฉยและเย็นเยียบ

 

เขาเผยความดุดันออกมา พลิกพลังดัชนีขึ้น ฆ่าสังหารไปอีกไม่น้อย ฆ่าจนผู้คนหนีตายเป็นพัลวัน

 

“ แลกกับไอ้บัดซบนี้ หรือว่ายังจะต้องเกรงกลัวเขากัน “ มีอยู่หลายตนที่มาจากเขาเหร่ยหงส์หลิงซาน ที่เป็นสิ่งมีชีวิตอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ พวกเขาไม่เชื่อว่าจะต้องถูกฆ่าสังหารเยี่ยงนี้ ในเมื่อยังไม่มีความกล้าที่แม้แต่จะลงมือ ก็ต้องถูกฆ่าทิ้ง เช่นนี้มิใช่เรื่องที่น่าขายหน้าจนเกินไปงั้นหรือ

 

“ ตูม “

 

วินาทีนั้นเอง ก็ได้มีสิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งกลับคืนสู่ร่างเดิม มีทั้งวิหคมาร มังกรอสรพิษ มีทั้งสัตว์ป่า แล้วก็ได้ใช้ออกมาด้วยทักษะยุทธ์อันแข็งแกร่งออกมา คิดที่จะสังหารเยี่ยจง

 

เยี่ยจงมองไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างเย็นชา พลิกมือไปมา แล้วก็ได้พบว่ามีมังกรสีรุ้งปรากฏขึ้นมาบริเวณด้านหลัง จนกลายเป็นประกายเจ็ดสีเซียน มุ่งหน้าไปบดขยี้ออกไปทางด้านหน้า

 

สิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้อยู่ห่างจากเยี่ยจงไม่ถึงสิบจัง ก็ได้ยินเสียง”ตูม”ดังขึ้น แตกกระจายจนกลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลว ไม่หลงเหลือสิ่งใด ตายจนไม่สามารถตายได้อีก

 

ยอดฝีมือมากมายต่างก็ขนลุกขึ้นมา เผ่ามนุษย์สามารถที่จะมีพลังอันมหาศาลออกมาได้ขนาดนี้เชียวงั้นหรือ ? เพียงแค่เผ่าพันธุ์มนุษย์ ทำไมถึงได้น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้กัน ? หรือว่า นี้จะเป็นพลังทำลายของขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย ?

 

กล่าวได้ว่า ท่ามกลางสมรภูมิฮวงกู่ในตอนนี้ เยี่ยจงก็เหมือนดั่งได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดไปแล้ว เขาที่เป็นดั่งเทพ เป็นดั่งมาร ในตอนนี้คิดที่จะสังหารไล่ล่าผู้คน เช่นนั้นคนเหล่านี้ไม่ว่าผู้ใดก็คงไม่สรรเสริญอย่างแน่นอน

 

“ นี้เป็นมารร้ายเยาว์ เรียกได้ว่ามิใช่พลังที่มนุษย์จะมีได้แล้ว “

 

“ ไปไปไป ลงมือไม่ได้ ถ้าลงมือจะยิ่งตายเร็วกว่าเดิมนะ “

 

คนกลุ่มนี้ที่ต่างก็กำลังหนีเอาชีวิต แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะกล่าวถึงเรื่องอื่น ในกลุ่มพวกเขายังมีผู้คนไม่น้อยที่ตั้งใจนำสมบัติเซียนออกมา นั้นก็เพราะว่าในทุกๆเวลา เสี่ยวหลุนที่มีความยินดีในการกลืนกินสมบัติเซียนก็ได้ช่วยเหลือ เพียงแค่กระทบกับประกายแสง แม้จะอ่อนแอลงไปหลายส่วน แต่ก็สามารถทำให้พวกเขามีความเร็วในการหนีที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยได้

 

ยอดฝีมือไม่น้อยเหมือนดั่งพบเห็นโอกาสรอดก็มิปาน ก็ได้นำสมบัติเซียนโยนออกไปไม่หยุด อีกทั้งยอดฝีมือเหล่านี้ต่างก็มีสีหน้าปั้นยากอย่างถึงที่สุด เรื่องเช่นนี้เมื่อมองโดยพวกเขา ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียที่ใหญ่ยิ่ง ถูกไล่ล่าจากฟ้าสู่ดินก็แล้ว แต่ยังต้องฝืนใจเพื่อนำสมบัติเซียนออกมาเพื่อแลกกับการมีชีวิต เรียกได้ว่าไม่น่าดูเอาเสียเลย

 

ตลอดรายทางของการหลบหนีเช่นนี้ เยี่ยจงก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างไร สังหารเป็นพลางๆ แต่ว่าก็ไม่ได้หยุดพักหรือนิ่งเฉยแต่อย่างไร ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ฝ่ายตรงข้ามที่มียอดฝีมือมากมายก็เหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน ยอดฝีมือที่หลงเหลือ ต่างก็มีสีหน้าปั้นยากอย่างถึงที่สุด

 

“ เยี่ยจง เจ้าสังหารผู้คนในสมรภูมิฮวงกู่มากมายถึงเพียงนี้ หลังจากที่ผ่านพ้นสภาพนี้ไปแล้ว เจ้าไม่เกรงว่าจะมีคนกลับมาล้างแค้นเจ้าอย่างงั้นหรือ ? “ มีคนที่เริ่มจะไม่มีเรี่ยวแรง ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา

 

“ พวกเจ้าคิดว่า ถ้าหากออกไปทางด้านนอกบอกกล่าวต่อคนเหล่านั้น พวกเจ้าผู้คนนับพันนับหมื่น ต่างก็ถูกข้าเพียงคนเดียวฆ่าสังหาร พวกเขาจะเชื่อหรือไม่ ? “ เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมาอย่างยากลำบาก แสยะยิ้มออกมา

 

หลังจากที่เงียบงัน ยอดฝีมือเหล่านั้นก็ได้หลั่งเหงื่อเต็มกาย สีหน้ายิ่งทวีความขาวซีด เป็นดั่งที่เยี่ยจงบอกกล่าวมา เรื่องเช่นนี้ถ้าถูกบอกกล่าวออกไปก็เป็นเหมือนดั่งเรียกตลกขบขัน จะมีใครบ้างที่เชื่อกัน เยี่ยจงมองออกในความข้อนี้ได้ตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาในตอนนี้จึงได้ทำการล้างแค้น ทั้งยังไม่เกิดความเกรงกลัวอีกด้วย

 

“ ขอบคุณมากที่เตือนสติข้า จะให้เจ้าได้ตายอย่างสบายก็แล้วกันนะ “ เยี่ยจงอมยิ้ม ชี้นิ้วออกไปคราหนึ่ง แล้วก็ได้ยินเสียง”ฉึก”ดังขึ้นมา ยอดฝีมือที่เอ่ยปากขึ้นมาคนนั้นก็ระเบิดจะกลายเป็นเพียงโลหิตแหลกเหลว

 

“ หนี “

 

ยอดฝีมือที่หลงเหลือต่างก็กัดฟัน หันกายหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ความกล้าที่จะลงมือก็ยังไม่มี

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8 ราคา 450
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690 ล่าสุด654 Update 13/06/18

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset