ตอนที่ 333 เข้าสู่อาราม
ในแท่นบันไดนับสิบสายด้านบนบันไดสัจธรรม ทุกๆสายแท่นบันไดก็ได้มีเสียงสวดธรรมะขึ้นมา อีกทั้งต่างก็จัดอยู่ในระดับที่เข้าใจได้ยากในอีกแขนงหนึ่ง
นับตั้งแต่เริ่มต้นทางด้านบนแท่นบันได,ผู้คนมากมายยังคงสามารถลงมือเช่นนี้ได้อยู่ อย่างน้อยก็มีหนึ่งในสามผู้ที่เข้ามายังแท่นถูกกดดันจนถอยรนออกไป แต่ว่าเมื่อผู้คนมากมายได้มาถึงยังช่วงเวลาครึ่งหลัง ราวกับไม่มีผู้คนสามารถลงมือได้ เพราะว่าทุกผู้คนต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมา จดจ่อกับเสียงที่ดังขึ้นมา
แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์,เสียงสวดธรรมะเหล่านี้มีความลึกซึ้งจนเกินไป อย่าว่าแต่ขอบเขตของผู้คนมากมายตอนนี้ยังเรียกได้ว่าไม่เพียงพอ ต่อให้มีศักดิ์ฐานะที่เป็นถึงสุดยอดฝีมือ ตอนนี้ต่างก็ยังไม่เข้าใจโดยทั้งสิ้น เพียงแค่สามารถพึ่งพาความทรงจำในการจดจำเสียงเหล่านี้เอาไว้ ท้ายที่สุดก็ได้แต่เพียงกัดฟันขึ้นไปยังแท่นบันได
เพราะว่าสิ่งของที่อยู่ภายในอารามหลัก แน่นอนว่าย่อมต้องมีความสำคัญอย่างถึงที่สุด ไม่มีผู้ใดคิดที่จะหยุดเท้าลงในสถานที่แห่งนี้
ท้ายที่สุด เยี่ยจงและโหยวเหลียนทั้งสองราวกับได้หลบออกมาจากบันไดสัจธรรมในเวลาเดียวกัน ขึ้นสู่ด้านบนของอารามหลัก ในที่สุดทั้งสองคนก็ได้มาจนถึงสถานที่แห่งนี้เป็นคนแรก เหนือฟ้ายังเรียกได้ว่ามีพลังอันประหลาดอยู่ชนิดหนึ่ง
ท่ามกลางอารามหลัก ทั่วทั้งสี่ด้านก็ได้ถูกเปิดขึ้น จนสามารถที่จะมองเห็นถึงแท่นศิลาที่อยู่ยอดอาราม แต่ว่าไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไรที่ได้หายสาบสูญไปทั่วทั้งอาราม ดูเหมือนว่าอารามหลักขนาดใหญ่กลับกลายเป็นศาลาแห่งหนึ่งเท่านั้น
และบริเวณใจกลางของอารามหลักนี้ ก็ได้มีบัลลังขนาดใหญ่อยู่ บัลลังราชาราวกับถูกแกะสลักมากจากระดูกของสิ่งมีชีวิตก็มิปาน ทั้งยังมีสีทอง แต่ว่ากลับทำให้กระดูกเหล่านี้มีประกายแสงสว่างชนิดหนึ่งขึ้นมา
ในเวลาเดียวกัน,ที่ด้านหน้าของบัลลังราชาก็ได้มีชั้นหนังสืออยู่ตัวหนึ่ง ด้านบนของชั้นหนังสือ ตอนนี้ก็ได้มีม้วนหนังสือหนังสือเงินอ่อนอยู่,มีสีสันแห่งความลี้ลับชนิดหนึ่งเอาไว้ และท่ามกลางความลึกลับนี้ยังมีตัวอักขระเคลื่อนไหวแผ่กระจายออกมา จนทำให้ผู้คนต่างก็เกิดความตกตะลึงภายในใจ
เยี่ยจงขมวดคิ้ว จ้องมองไปยังชั้นหนังสือเงินอ่อนนั้น ถึงแม้ว่าวัตถุนี้จะดูธรรมดาอย่างถึงที่สุด แต่ว่า แผ่นป้ายกระดูกลับมีปฏิกิริยาชนิดหนึ่งต่อมัน เห็นได้ชัดว่า มันแม้จะมิใช่มูลฐานแห่งธรรมะ หรือรากฐานแห่งวิทยายุทธ์อย่างแน่นอน
“ไม่ถูกต้อง น่าจะอยู่ข้างใต้ของมัน”พริบตานั้นเอง จิตใจของเยี่ยจงก็ได้หวั่นไหวไปมาอย่างช้าๆ เพราะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่ทราบที่มาอยู่มากมาย เห็นได้ชัดว่า ใต้ชั้นหนังสือเงินอ่อนนี้ได้กดทับสิ่งของบางอย่างเอาไว้อยู่ ถึงกับมีปฏิกิริยาต่อแผ่นป้ายเช่นนี้ เพียงแต่ว่า ชั้นหนังสือเงินอ่อนกลับไม่อาจที่จะเคลื่อนย้าย ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะทราบได้ว่าแผ่นป้ายกระดูกที่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งของนี้ว่าคือสิ่งใดกันแน่
“เริ่มที่จะยุ่งยากขึ้นแล้วสิ ”เยี่ยจงขมวดคิ้ว,โบกมือขึ้น,แล้วก็ได้พาโหยวเหลียนเดินขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ว่าข้างใต้ที่ชั้นหนังสือเงินอ่อนกดทับเอาไว้อยู่ที่แท้คืออันใดกัน แต่ว่าการมีอยู่ของมันกลับน่าโมโหยิ่งนัก คิดที่จะนำมันออกมาเกรงว่าคงจะไม่ง่ายนัก
“ ถี่ถี่ถี่ —— ”
ในขณะที่เยี่ยจงและโหยวเหลียนทั้งสองเข้าไปเรื่อยๆอีกหลายก้าว ก็ได้มีเงาร่างหลายสายเข้ามายังสถานที่แห่งนี้อีก จื่อจุนเทียน ชิงหญิง เสวียนเฮ่า ซื่อคงเกาก้านเสียนเป็นต้นต่างก็ปรากฏตัวขึ้นมา ไม่นานนัก ยังคงมีสุดยอดฝีมือส่วนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา กล่าวได้ว่า ผู้ที่มายังสถานที่แห่งนี้ในตอนนี้ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีพลังการต่อสู้ในระดับสูงสุดได้
ราวกับในเวลาเดียวกัน,สายตาของผู้คนทั้งหมดก็ได้ทอดมองไปยังด้านบนของบัลลังราชา เพราะว่านอกเสียจากบัลลังราชาแล้ว ภายในท่ามกลางอารามหลักก็ไม่มีวัตถุอื่นใดอีก และอีกทางด้านหนึ่งนั้นเอง ทุกผู้คนต่างก็จ้องมองไปยังชั้นหนังสือเงินอ่อนนั้น ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏแววตาร้อนฉานขึ้น
“เยี่ยมมาก,ลำบากลำบนมาจนถึงสถานที่แห่งนี้,ดูเหมือนจะคุ้มค่าเลยละ。”จื่อจุนเทียนหัวเราะออกมาเสียงดัง,แล้วก็ได้ก้าวออกมาบริเวณทางด้านหน้า
ชิงหญิงยังคงสีหน้าดั่งเดิมเริ่มขยับเคลื่อนไหว ประจวบกับขวางรั้งบนเส้นทางของจื่อจุนเทียนเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้เขาขึ้นมาด้านบน
เมื่อพบเห็นฉากที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ร่างกายของจื่อจุนเทียนก็ได้เปลี่ยนแปลงขยับเคลื่อนไหวขึ้นมาอยู่หลายส่วน เขาหรี่ตามองไปอย่างช้าๆ บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาน้อยๆ ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ใครจะลงมือเป็นคนแรก ใครก็จะได้หนังสือเงินเล่มนี้ ” เสวียนเฮ่ายิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา เขาพาดหอกสีฟ้าขึ้น มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าตนเองจะต้องสามารถครอบครองชั้นหนังสือเงินอ่อนอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้อยู่ในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาได้เตรียมที่จะใช้ออกมาด้วยพลังขั้นสูงสุดออกมา
“หากว่าเป็นดั่งเช่นที่กล่าวมา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คงจะไม่ถึงคราวของเจ้าแล้วละ ? “ เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นเยียบ ก้าวออกไปหนึ่งก้าว ไม่มีความรู้สึกที่ดีต่ออัจฉริยะที่มาจากตำหนักอัสนีลี้ลับ หากว่ามีโอกาสที่จะจัดการกับเขาได้ละก็ เขาย่อมต้องสังหารบุคคลผู้นี้อย่างไม่ลังเล
“เยี่ยจง เจ้ากำลังกล่าวกับข้าอยู่อย่างงั้นหรือ ? ”เสวียนเฮ่าหยิ่งผยองอย่างถึงที่สุด เขาชี้หอกไปทางด้านของเยี่ยจง บนใบหน้าไม่มีแม้ความลังเลอยู่ในความคิดแม้แต่น้อย ไม่เกรงกลัวว่าเยี่ยจงก่อนหน้านี้จะสังหารองค์ชายสิบสามอันแข็งแกน่งมาได้อย่างไร เขาก็ยังคงไม่เกรงกลัว
“เจ้าในตอนนี้ยังไงก็มีแต่จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ หากว่าเจ้าอยู่ในสภาวะสูงสุด ข้าก็คงจะหวาดกลัวเจ้าอย่างน้อยสามส่วน ทว่าในตอนนี้เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของข้า ” แล้วก็ได้กล่าวเรื่องที่เป็นจุดสำคัญขึ้นมาอย่างเย็นชา เสวียนเฮ่าแสดงอารมณ์อันหยิ่งผยองออกมา
“เจ้ายังไม่คู่ควร ” สีหน้าของเยี่ยจงมิได้เปลี่ยนไปมากมาย เขาเพียงแต่อยู่ในอาการที่กำลังเสนาะสนใจในเรื่องอื่นอยู่
หลังจากที่สิ้นเสียงลง เยี่ยจงเดินขึ้นไปอย่างช้าๆ เพื่อที่จะขวางรั้งเส้นทางเดินทั้งหมดของเสวียนเฮ่าเอาไว้
ฉากเบื้องหน้านี้ได้ทำให้ผู้คนไม่น้อยต้องขมวดคิ้วขึ้นมาช้าๆ จื่อจุนเทียนเผชิญหน้ากับชิงหญิง ผู้คนมากมายก็ได้มองเข้าไปในตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่อาจแบ่งความเลื่อมล้ำต่ำสูงได้ และตอนนี้เยี่ยจงกับเผชิญหน้ากับเสวียนเฮ่าแล้วอย่างงั้นหรือ ?
ถึงแม้ว่า บุญคุณความแค้นของทั้งสองฝ่ายจะเป็นเพราะเกิดมาจากการลงมือของสุดยอดฝีมือแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับก็ตามที่ แต่ว่ายังคงมีอีกเหตุผลอย่างหนึ่ง ที่ผู้คนมากมายต่างก็เข้าใจได้
เสวียนเฮ่ามีฉายานามว่าเป็นหนึ่งในสี่ราชันราชันอัสนี และเยี่ยจงก็มีฉายานามว่าราชันบ้าคลั่ง ที่ยังคงเป็นถึงหนึ่งในสี่ราชันแห่งเผ่ามนุษย์
ความจริงด้วยความสามารถที่สูสีของทั้งสองคน ที่ยากจะแสดงผลได้ แต่ว่านับจากที่เยี่ยจงได้เริ่มสังหารองค์ชายสิบสามไป เหล่าสี่ราชันก็กลายเป็นเพียงเรื่องที่น่าขบขัน กลับกลายเป็นมีเพียงแค่เยี่ยจงที่ได้รับชื่อเสียงอันเกรียงไกรเพียงผู้เดียว
ดังนั้น เสวียนเฮ่าในตอนนี้จึงได้คิดที่จะสังหารเยี่ยจง เพื่อเป็นที่ประจักว่าตนเองมิได้ด้อยไปกว่าเยี่ยจงแม้แต่น้อย ด้วยความคิดที่ลึกล้ำเช่นนี้ แม้แต่ตัวของเสวียนเฮ่าเองก็ยังสัมผัสมิได้ ในที่สุดเขาก็ได้กลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเผ่าพันธุ์ไปแล้ว ย่อมต้องมีจิตใจอันแข็งแกร่งเป็นของตนเอง ตนเองย่อมไม่อาจที่จะให้ผู้อื่นมาคอยขัดขวางการดำเนินการอย่างแน่นอน
เสวียนเฮ่าจ้องมองไปที่เยี่ยจงอย่างเย็นชา คำพูดของเยี่ยจงได้ทำให้ดวงตาของเขากลับกลายเป็นลึกซึ้งขึ้นมา เขายกหอกสีฟ้าขึ้นมาสาดเป็นประกายอัสนีพวยพุ่งขึ้นมาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
เยี่ยจงยกมุมปากขึ้นมา พลิกมือคราหนึ่งอย่างสบาย แล้วก็ชักกระบี่ดำออกมา ร่างกายก็ได้ขยับออกไปทางด้านหน้า แต่ว่าการก่อรวมพลังความแค้นและจิตสำนึกกระบี่ออกมารวมตัวกันจนพวยพุ่งออกมา วินาทีนั้น ก็ได้เกิดเสียงกรีดร้องของภูตผีขึ้นมาไม่ขาดสาย และในตอนนี้ก็ได้ดังลอดออกมา
ราวกับว่าสายตาของผู้คนทั้งหมดในสนามแห่งนี้ต่างก็ได้มองไปยังบนร่างของทั้งสองคน การต่อสู้ระหว่างราชันบ้าคลั่งและราชันอัสนีของสี่ราชันเผ่ามนุษย์ ถือได้ว่าเป็นฉากที่ตระการตาอย่างถึงที่สุด ย่อมไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้
“ที่แท้ก็คือพลังแห่งเส้นทางสายมารเท่านั้น ”เสวียนเฮ่าจ้องมองไปยังกระบี่ดำภายในมือของเยี่ยจง เอ่ยปากด้วยเสียงเยียบเย็น เห็นได้ชัดว่าไม่มีความหวั่นไหวแม้แต่น้อย
“ดูเหมือนว่า เฒ่าชราตายยากของพวกเจ้าแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับและกลุ่มเฒ่าชราตายยากอีกกลุ่มได้ล้อมกันโจมตีข้า ต่างก็ขึ้นสวรรค์ทางสายนี้เหมือนกันมิใช่หรือ ? “ เยี่ยจงยิ้มเยาะขึ้น ทั้งยังเอ่ยขึ้นมาอย่างดูถูกดูแคลน จนทำให้ผู้คนไม่น้อยไม่กล่าวอันใดออกมาไม่ได้ โดยเฉพาะสุดยอดฝีมือเหล่านั้น ในตอนนี้ต่างก็รู้สึกกระอักกระอวนอย่างถึงที่สุด พวกเขาลงมือกุมรุมกันสังหารเยี่ยจงก็ยังแล้วไป แต่กลับยังมิอาจที่จะทำได้สำเร็จ อีกทั้งยังถูกอีกฝ่ายยกเรื่องนี้ขึ้นมา ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าขาหน้ายิ่งนัก
“ข้าจะสังหารเจ้า,ให้เจ้าได้ขึ้นสวรรค์ไปตามๆกัน ”เสวียนเฮ่าไม่ได้ตอบกลับโดยตรง เพียงแต่ยิ้มขึ้นมุมปากอย่างเย็นเยียบแล้วตอบกลับ
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นฟ้า ตนเองคือเหตุผลงั้นหรือ ? ไร้เดียงสา …… รอจนหลังจากที่ข้าสังหารเจ้าไปแล้ว ตัวเจ้าจะไม่ใช่แม้แต่สิ่งใด “ เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นเยียบ ยกกระบี่ดำในมือขึ้นมา ชี้ไปทางด้านฝ่ายตรงข้าม
“ ซูม —— ”
สีหน้าของเสวียนเฮ่าไม่อาจที่จะคงความปกติไว้ได้อีก ท่าทีของสุดยอดฝีมือในตอนนี้ก็ได้หายไป เขาขยับข้อมือคราหนึ่ง หอกสีฟ้าในมือก็ได้กวาดออกจนกลายเป็นประกายแสง ดุจดั่งประกายสายฟ้าก็มิปาน มุ่งหน้าไปยังบริเวณทางด้านพลังที่เยี่ยจงใช้ออกมา
ชุดสีขาวที่เยี่ยจงสวมก็ได้พลิ้วไปตามแรงลม เส้นผมลอยพลิ้วออกมาเล็กน้อย ในตอนนี้ เขาก็แน่ชัดถึงการโจมตีนี้แล้ว พริบตานั้นเอง เขาก็ได้กวาดกระบี่ดำในมือออกไป จนก่อเกิดพลังคมกล้าสีดำพวยพุ่งออกมา
“ ตัง —— ”
การโจมตีของทั้งสองสายก็ได้ปะทะเข้าไปในทันที วินาทีนั้น ดุจดั่งสายอัสนีเข้าปะทะชนกันก็มิปาน ทั่วทั้งผืนฟ้าผืนดินก็ได้เกิดการสั่นไหวขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่ว่าสิ่งที่น่าประหลาดก็คือ ทั่วทั้งอารามหลักในตอนนี้กลับไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่รอยขีดขวนปรากฏขึ้นมา
“ ตังตังตัง —— ”
ทันใดนั้นทั้งสองฝ่ายก็ได้ประทะเข้าด้วยกัน หลังจากที่ผ่านไปได้ราวสิบกระบวนท่า ที่ยังไม่อาจแบ่งผลแพ้ชนะได้ การต่อสู้ในครั้งนี้ก็ได้ดึงดูดลูกตาของผู้คนจนต้องกรอกไปมา
สายตาของแต่ละคนต่างก็ได้จดจ่ออยู่กับการปะทะของทั้งสองคน คิดที่จะมองให้ออกถึงผลแพ้ชนะของทั้งสองคน แต่ว่าในเวลาเดียวกัน สมาธิของผู้คนทั้งหมดก็ได้อยู่ทางด้านบนของต้นไม้สีเงินอ่อนตนหนึ่ง นั้นก็เพราะว่าชั้นหนังสือเงินอ่อนไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ใช่สมบัติที่ธรรมดาสามัญ เอิ่มอิ่มไปด้วยวาสนาเย้ยฟ้าเอาไว้ ไม่มีผู้ใดที่คิดจะผิดพลาดไปได้
“ ถึงแม้ทั้งสองคนจะมีใจคิดต่อสู้ แต่ว่าในเมื่อถูกวัตถุภายนอกดึงดูดความสนใจ เพียงแค่ชั่วเวลาสั่นๆคงจะไม่อาจบ่งบอกผลแพ้ชนะได้แน่ ไร้ความหมายเสียจริง ” ในขณะที่จื่อจุนเทียนมองเข้าไป ก็ได้ส่ายหน้าไปมา และก็ได้หันกายออกไป เดินมุ่งหน้าไปยังทางด้านของบัลลังราชา คิดหมายที่จะชิงชั้นหนังสือเงินอ่อนนั้น
ในขณะที่โหยวเหลียนกำลังอยู่ในอาการครุ่นคิด ก็ได้ก้าวเดินออกมาหนึ่งก้าว มุ่งหน้าไปอีกทางด้านหนึ่งที่เป็นชั้นหนังสือเงินอ่อน
“ข้าจะขัดขวางเจ้า ! ”
นางเซียนชิงหญิงกล่าวออกมาเสียงเบาๆ ด้านบนกระบี่สั่นในมือก็ได้พวยพุ่งรังสีกระบี่คมกล้าออกมา มุ่งหน้าฆ่าสังหารออกไปบริเวณทางด้านหน้า ขวางกั้นเส้นทางจื่อจุนเทียน ต่อให้มีความแข็งแกร่งเยี่ยงจื่อจุนเทียน ตอนนี้ก็ยังไม่อาจที่จะรวมพลังยกมือขึ้นมา เพื่อนต้านทานพลังการโจมตีเอาไว้ได้
“ ตูมตูมตูม ——”
และช่วงเวลาเดียวกัน,ซื่อคงเกาก้านเสียนก็ได้ลงมือเข้ามา มุ่งหน้าเข้าสังหารมายังบริเวณที่จื่อจุนเทียนอยู่ ทางด้านหลังของเขาก็ได้ปรากฏสมบัติเซียนขึ้นนับสิบ ดุจดั่งดวงดาวที่พุ่งตกลงมาจากท่ามกลางท้องฟ้าก็มิปาน
“ โครม ——”
สุดยอดฝีมือผู้หนึ่งก็ได้เข้าสังหารจากอีกทางด้านหนึ่ง,มุ่งหน้าไปยังทางด้านที่อยู่ของชั้นหนังสือเงินอ่อนทั้งหมดออกไป,ด้วยระดับความเร็วสูงสุด。
ราวกับว่าในพริบตานั้นเอง ผู้คนทั้งหมดต่างก็ลงมือกันอย่างมากมาย เป้าหมายของผู้คนทั้งหมดต่างก็อยู่ทางด้านชั้นหนังสือเงินอ่อนทางด้านบนของบัลลังราชา ตอนนี้ สามารถกล่าวได้ว่าเริ่มต้นการการต่อสู้ขึ้นมาอย่างวุ่นวายขึ้นมาแล้ว และในสถานที่แห่งนี้ ทุกผู้คนต่างก็ได้เริ่มลงมือ ทุกผู้คนต่างก็มีความคิดเดียวกัน จึงได้ลงมือเข้าประหัตประหารบุคคลอื่นในเวลาเดียวกัน ทั้งยังจำเป็นที่จะต้องคุ้มครองร่างกายเอาไว้ ไม่เช่นนั้นคงจะต้องตายลงได้ทุกเวลา
วินาทีนั้น บริเวณท่ามกลางสนาม,จิตแห่งการต่อสู้ก็ได้ถูกก่อตัวขึ้นมา ผู้คนทั้งหมดต่างก็ในการต่อสู้,ไม่มีผู้ใดที่สู้เพียงคนเดียวและต่างก็จัดกลุ่มกันขึ้นมา
“พี่ใหญ่จื่อจุน,เราท่านร่วมมือกันชั่วคราว ดีหรือไม่ ? ”
โหยวเหลียนก็ได้หัวเราะอย่างมีเสน่ห์ขึ้นมา,มองไปทางด้านจื่อจุนเทียนแล้วเอ่ยปากขึ้นมา
“ความคิดที่ดี,ร่วมมือกันชั่วคราวแล้วจะอย่างไร ? ”จื่อจุนเทียนหัวเราออกมาเสียงดัง เขาขยับร่างากายคราหนึ่ง,และยืนเข้าร่วมแถวเดียวกันกับโหยวเหลียน,ทั้งสองร่วมมือกัน,วินาทีนั้น, ก็ได้ใช้ออกมาด้วยกระบวนท่าการโจมตีสังหารอย่างน่ากลัวออกไปในเวลาเดียวกัน,ขัดขวางเส้นทางถอยหนีของยอดฝีมือเอาไว้,มองดูแล้วก็ได้เข้าใกล้บัลลังราชาที่อยู่ใกล้ที่สุด
“ ซูม —— ”
พริบตานั้นเอง,ก็ได้มีประกายแสงสีขาวดำคู่หนึ่งพวยพุ่งออกมา เพื่อคั่นกลางหยุดยั้งร่างกายของทั้งสองเอาไว้
“เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ทุกท่านลืมเลือนข้าไปได้อย่างไรกัน ? ช่างไรความหมายเสียเหลือเกิน ! ”
ผู้ที่มาสวมไว้ด้วยชุดหยินหยาง โดดเด่นเป็นสง่า แท้จริงแล้วก็คือหมิงหยี่แห่งหุบเขาหยินหยาง เขาลงมือออกไปคราหนึ่ง จนทำให้จื่อจุนเทียนและพวกทั้งสองคนถอยออกไป สีหน้าไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่มากนัก
.
.
.
.
กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/9 ราคา 550
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610
กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690
กลุ่ม9 https://goo.gl/1jPZtn ตอนที่ 691-770 ล่าสุด745
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/