ตอนที่ 361 หมอกควันที่มาพร้อมกับเรื่องราว
“ยังมีคนที่ยังต้องการที่จะแลกเปลี่ยนการประลองหรือไม่ ? พวกเจ้าวางใจ ข้าย่อมต้องระวังทุกระเบียดนิ้วอย่างแน่นอน ” เยี่ยจงเงยหน้ามองอย่างเย็นชา มองไปยังศิษย์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวจำนวนมากมายคราหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเย็นชา
“นี้…… ”
ศิษย์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวมากมายต่างก็ขนลุกขนพอง ศิษย์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวผู้นั้นที่ได้ลงมือเมื่อครู่นี้ ถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของพวกเขาแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่ายังไม่อาจที่จะรับมือเยี่ยจงได้ถึงสามกระบวนท่า อีกทั้ง เด็กน้อยผู้นี้ ถึงกับยังจะบอกว่าจะระวังทุกระเบียดนิ้วอย่างแน่นอนอย่างงั้นหรือ ? กำลังล้อเล่นอันใดกัน !
เป็นไปได้ว่า ท่ามกลางสนามที่มีศิษย์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวมากมาย นอกเสียจากม่อมู่ซื่อแล้ว ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่พอจะสามารถต้านเยี่ยจงได้ถึงสามกระบวนท่า
เพราะว่าตอนนี้ เยี่ยจงตอนนี้ก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา แทบจะไม่มีผู้ใดกล้าตอบคำ คนเหล่านี้มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง คาดว่าต่อให้ผู้คนทั้งกลุ่มร่วมมือกันขึ้นไปข้างหน้า อย่างไงซะก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยจง มีแต่จะยิ่งทำให้เสียหน้ายิ่งกว่าเดิม
“เจ้าไม่เลว ยอดมาก แน่นอนว่ามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว ” ม่อมู่ซื่อพยักหน้าเห็นพ้อง บนใบหน้าได้ปรากฏรอยยิ้มออกมาสายหนึ่ง “หรือไม่ก็ พวกเราสมควรที่จะต้องยิ่งเพิ่มเดิมพันเข้าไปอีกน่าจะดีเสียยิ่งกว่า ”
หลังจากที่สิ้นเสียง ในครั้งนี้ม่อมู่ซื่อก็ได้หันกายหมายจากไป มุ่งหน้าเดินเข้าไปทางด้านของหอชอบดารา
เมื่อพบเห็นความเคลื่อนไหวของม่อมู่ซื่อ ศิษย์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวมากมาย แต่ละคนต่างก็หันกายติดตามไป แต่ว่าก่อนที่จะจากไปนั้น พวกเขากลับมองไปที่เยี่ยจงอย่างลึกซึ้งคราหนึ่ง สีหน้าแปกลประหลาด
เยี่ยจงขมวดคิ้ว จ้องมองไปที่เงาร่างของม่อมู่ซื่อ เขาตอนนี้ราวกับสามารถยืนยันได้ว่า ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวได้มุ่งเป้ามาที่ตนเอง เพียงแต่ว่าพวกเขาที่แท้คิดจะทำอะไร ตอนนี้ยังคงไม่อาจที่จะทราบได้ก็เท่านั้นเอง
“เยี่ยจง ” หลิงเยว่เข้ามาใกล้ ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางก็มองออกในส่วนที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้ สีหน้าก็ได้ทอประกายเป็นห่วงอยู่หลายส่วน
“ช่วงเวลานี้ยังไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นห่วงพวกเขาไป ต่อให้ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวได้มุ่งเป้ามาที่ข้า แต่ว่ามีอยู่บางเรื่อง ที่พวกเขาต้องการจะทำก็จะได้สมความคาดหวังเช่นนั้น ” เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้ยิ้มขึ้นน้อยๆ “ศิษย์พี่หลิงเยว่ จะว่าไปแล้วก็เกือบสองปีมาแล้วที่ไม่ได้พบกัน ได้คิดถึงข้าบ้างหรือเปล่า ? ”
บนใบหน้าของหลิงเยว่ก็ได้ปรากฏความขวยเขินขึ้นมา นางจ้องไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง เอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วเบา “เจ้ากำลังกล่าววาจาวุ่นวายอันใด ? ”
เยี่ยจงยิ้มแล้วยิ้มอีก บนใบหน้าได้ปรากฏสีหน้าของความอบอุ่นขึ้นมา ในสองปีมานี้เขาที่อยู่ภายในสมรภูมิฮวงกู่จนสามารถกล่าวได้ว่าเป็นห่วงทุกๆย่างก้าว แต่ว่าเมื่อหลายวันก่อนได้กลับมายังลัทธิแห่งดวงดาวกลับมีความรู้สึกอบอุ่นที่ยากจะกล่าวออกมาได้ โดยเฉพาะการแสดงออกของหลิงเยว่ในตอนนี้ เมื่อเทียบกับเมื่อหลายปีก่อนยังถือได้ว่างดงามยิ่งกว่า จนเริ่มที่จะทำให้จิตสำนึกของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายส่วน
“พี่ พวกท่านคุยไปกันนะ พวกเราขอตัวกลับไปก่อน ” เยี่ยถงกรอกตากลมโตไปมา จากนั้นนางก็ได้ยื่นมือมาตบที่ไหล่ของเยี่ยจง แล้วก็นำพาคนในกลุ่มจากไป
“ศิษย์พี่หลิงเยว่ ท่านดูว่าน้องสาวผู้นี้ของข้าก็ช่างแสนรู้มากถึงเพียงนี้ เอาเช่นนี้ดีหรือไม่พวกเราไปหาสถานที่นั่งคุยกันก่อน ? ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆออกมา ยื่นมือไปจับที่มืออันขาวผ่องดั่งหยกของหลิงเยว่ มือข้างนั้นมีเนื้อหนังที่หุ้มจนไม่เห็นกระดูกนี้ ทำให้ผู้คนยิ่งรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาได้
ใบหน้าหลิงเยว่แดงระเรื่อขึ้นมา ทรวงอกเต้นไปมาถี่ขึ้น ใช้ประสายตาเหม่อมองไปทางด้านของเยี่ยจงด้วยความประหลาดใจอยู่หลายส่วน เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนที่อยู่ภายในถ้ำหงส์หยา เงาร่างสายนี้ที่เปรียบเสมือนภูเขาที่สูงลับ ปรากฏสู่เบื้องหน้าของนาง คอยกันลมกันฝน และวันนี้ ความรู้สึกคนึงหาเงาสายนี้ก็ได้ปรากฏออกมาอยู่ที่เบื้องหน้าแล้ว กลับยิ่งทวีความรู้สึกภายในใจของหลิงเยว่ให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น
“เยี่ยจง วันเวลาที่เจ้าได้จากไป ข้ามักจะครุ่นคิดถึงเจ้าอยู่เสมอ…… ” หลิงเยว่ถอนหายใจออกมาอย่างกะทันหัน ? ? ถอนหายใจออกมา สีหน้าแสดงอาการสับสนขึ้นมาหลายส่วย “อีกทั้ง หลายวันมานี้เกือบครึ่งปีที่ข้ามักจะฝันถึงเรื่องๆหนึ่ง ฝันว่าพวกเรานั้นรู้จักกันอยู่ในดินแดนอื่น ในที่แห่งนั้น เจ้ามิใช่ศิษย์น้องของข้า แต่กลับเป็นลูกศิษย์ของข้า พวกเราฝึกยุทธ์ร่วมกัน ถกปัญหาร่วมกัน รับมือศัตรูร่วมกัน……เยี่ยจง ข้า ใช่แปลกไปอย่างยิ่งแล้วหรือไม่ ? ”
เยี่ยจงร่างกายสั่นเทาขึ้นมา ภายในสมองเหมือนกับจะระเบิดขึ้นมา ต่อให้เขาที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง ตอนนี้ก็ยังต้องอ้าปากตาค้างมองไปทางด้านของหลิงเยว่ เขาไม่เคยคิดมาตลอดเลยว่า สิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้ ถึงกับเป็นจริงขึ้นมาได้ ?
ที่แท้ หลิงเยว่ก็คืออาจารย์ปู้เหยียนของตนเองจริงๆ
“อีกทั้ง ข้ายังมีความทรงจำบางอย่างอยู่อีก ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้มิใช่ความฝัน แต่ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ข้าพยายามที่จะคิดขึ้นมา แต่ว่าราวกับติดอยู่กับอะไรบางอย่าง ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ออก ” หลิงเยว่ขบริมฝีปากน้อยๆเอาไว้ ดูไปแล้วน่ารักอย่างยิ่ง ทั้งยังเหมือนมีคับแค้นใจน้อยๆอยู่อย่างหนึ่ง เห็นได้ชัดว่านางก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตนเองถึงได้คิดเช่นนี้ขึ้นมาได้
“งั้นก็ดูเหมือนว่าศิษย์พี่หลิงเยว่จะมีความคิดเดียวกันกับข้าแล้วละ ! ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ยื่นมือออกมาราวกับจะยกมือข้างนี้ของหลิงเยว่ขึ้นมา “เมื่อช่วงเวลาที่อยู่ที่สมรภูมิฮวงกู่ เขามักจะฝันอยู่เป็นประจำ ฝันว่าเจ้าคืออาจารย์ของข้า มิใช่ดินแดนนี้ของเรา……มีบางเวลาที่ข้าคิดว่า ถ้าหากสิ่งเหล่านี้มิใช่ความฝัน แต่เป็นพวกเราได้เข้าไป……เพียงแต่ว่า ในเวลานี้พวกเรายังคงคิดไม่ออก……แต่ว่าก็ไม่เป็นไร พวกเราก็ช่วยๆกันคิด ต้องมีสักวันที่นึกขึ้นมาได้ ”
หลิงเยว่พยักหน้าเห็นพ้อง จากนั้นนางก็เงยหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสับสนขึ้นมา มองไปที่เยี่ยจง เอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วเบา “เช่นนั้นเมื่อครั้งที่แล้วที่เจ้าช่วยข้า จนแทบจะทิ้งชีวิตไป ที่แท้เป็นเพราะว่า ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า หรือว่าเป็นเพระว่าข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้ากัน ? ”
เยี่ยจงถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง เอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วเบา “มีอันใดแตกต่างกันหรือ ? ”
“มี ” หลิงเยว่เอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วเบา
“นับตั้งแต่เริ่ม ข้าคิดว่าเป็นเพราะว่าเจ้ามีความคล้ายคลึงกับอาจารย์ของข้า แต่ว่าในภายหลังข้าพึ่งจะพบว่า ต่อให้เจ้าไม่ใช่อาจารย์ของข้า เป็นเพียงศิษย์พี่ของข้า ข้าก็ไม่อาจที่จะปล่อยไปอย่างไม่สนใจได้ จนท้ายที่สุด ตัวข้าเองก็ไม่ทราบว่าที่ลงมือไปเป็นเพราะอะไร……แต่ว่า ขอเพียงเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็วางใจแล้ว ” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา ทอสีหน้าสับสนขึ้น “ต่อจากนี้ เส้นทางต่อจากนี้ของพวกเราเกรงว่าคงจะยากเย็นยิ่งกว่าเดิม ทว่าเจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่าจะอย่างไร เจ้าและเยี่ยถงก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นแล้ว หากว่ามีผู้ใดคิดที่จะแตะต้องพวกเจ้า คงต้องข้ามศพข้าไปก่อนแล้วละ
หลิงเยว่ทอแววตาสีหน้าสับสน นางมองไปที่เยี่ยจง หลังจากนั้นก็ได้เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงาม จากนั้นก็ได้หันกายเดินจากไป
เมื่อได้มองไปที่เงาหลังของนาง เยี่ยจงมิได้รั้งเอาไว้ เขายังคงตกอยู่ในภวังค์ความคิด หากว่าหลิงเยว่เป็นปู้เหยียนแล้วละก็ เช่นนั้นเมื่อความทรงจำของนางฟื้นคืนกลับมา และเรื่องราวเหล่านี้ ตนเองก็ไม่อาจที่จะสอดมือเข้าไปยุ่งได้ ได้แต่เพียงดูว่าความทรงจำของนางจะฟื้นคืนกลับมาหรือไม่
“มีเรื่องอะไร ? ”
หลังจากนั้น เยี่ยจงก็ได้ละสายตากลับมา เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ศิษย์พี่เยี่ยจง ท่านเจ้าลัทธิขอเรียนเชิญ ”
เงาร่างสายหนึ่งก็ได้เดินออกมาจากมุมๆหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าได้มาถึงตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าเยี่ยจงได้กำลังพูดคุยกับหลิงเยว่อยู่ เขาจึงไม่กล้าเอ่ยปากออกมา ตอนนี้เมื่อหลิงเยว่จากไปแล้ว เขาจึงค่อยปรากฏตัวขึ้น
“ท่านเจ้าลัทธิขอเชิญงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้ว หลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว เขาก็ได้ค่อยๆพยักหน้าเห็นพ้อง ราวกับเป็นไปตามความคาดหมายของเขา
“นำทาง ”
…………
ตำหนักหลังนี้มีขนาดใหญ่ไพศาล นั้นก็คือตำหนักอภิปรายของสำนักแห่งดวงดาวนี้เอง ตอนนี้ เจ้าลัทธิแห่งลัทธิแห่งดวงดาวอันหงเจิน เยว่เฮ้าเจ้าตำหนักทักษะยุทธ์ เฮ่าตงเจ้าตำหนักกองทัพและคนในระดับสูงอื่นๆ ต่างก็นั่งเรียงราวอยู่ตามที่นั่งที่จัดวางเอาไว้อยู่
และในบริเวณปลายโต๊ะอีกทางด้านของพวกเขา ก็ได้มีชายวัยกลางคนสองคนกำลังนั่งอยู่ ชายวัยกลางคนทั้งสองคนนี้มีเปี่ยมไปด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับสุดยอดฝีมือชนชั้นราชันไปแล้ว น่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด ท่ามกลางภายในดวงตาของพวกเขาดุจดั่งแสงดาวตกก็มิปาน เป็นที่น่าประหลาดอย่างยิ่ง ที่กลับเพียงนั่งอยู่ในบริเวณนั้น บรรยากาศบนร่างถคงขั้นที่เรียกได้ว่าสามารถต่อกรกับเจ้าตำหนักและผู้อาวุโสของลัทธิแห่งดวงดาวทั้งหมดที่อยู่ภายในห้องได้เลย
“ขอเข้าพบท่านเจ้าลัทธิ ขอเข้าพบท่านเจ้าตำหนักทุกท่านและท่านผู้อาวุโส ” เยี่ยจงค่อยๆก้าวเดินเข้าไปยังภายในห้องที่เป็นเปรียบเสมือนดั่งห้องประชุม ทว่าเขาก็ยังโค้งกายลงเล็กน้อยอย่างมีมารยาท เดินขึ้นไปอยู่หลายก้าว ก็ได้ยืนมาจนถึงท่ามกลางภายในห้องโถงใหญ่
“เจ้าก็คือเยี่ยจงงั้นหรือ ? ” ผู้ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามของทั้งสองคนนั้น ทางด้านซ้ายก็กำลังจ้องมองเข้าไปยังภายในดวงตาของเยี่ยจง พยักหน้าเห็นพ้องอยู่เล็กน้อย
“ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย ถึงกับเป็นพลังไม่สูญสลายที่ไม่ธรรมดา ไม่แปลกใจเลยที่สามารถต่อกรกับทั่วทั้งสมรภูมิฮวงกู่ในระดับเดียวกันได้ทั้งหดม ” อีกทางด้านหนึ่งก็ได้มีเสียงเอ่ยขึ้นมาด้วยความชื่นชม สายตาจ้องมองเข้าไปด้วยความเลื่อมใสเยี่ยจงอยู่หลายส่วน
เยี่ยจงขมวดคิ้ว แต่ก็มิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่มองเข้าไปที่อันหงเจินคราหนึ่ง
หลังจากที่อันหงเจินมองไปที่เยี่ยจง ก็ได้พยักหน้าไปมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เยี่ยจง ทั้งสองท่านนี้เป็นผู้คุมกฎที่มาจากลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว เมื่อพันปีก่อน ลัทธิแห่งดวงดาวเราและลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวความจริงเป็นสำนักเดียวกัน เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นเพราะว่ามีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ต้องแบ่งแยกออกมา แต่ว่าพันปีที่ผ่านมานี้ ทุกคนก็ยังไปมาหาสู่กัน แล้วก็มิได้มีความแค้นอันใดต่อกันอีกด้วย ”
อันหงเจินกล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ กล่าวถึงที่มาที่ไปของทั้งสองคนนี้
เยี่ยจงพยักหน้าเห็นพ้อง แล้วก็ได้ยกมือคารวะต่อผู้คุมกฎทั้งสองคนของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว เอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วเบา “ศิษย์เยี่ยจง ขอเข้าพบท่านผู้คุมกฎทั้งสองท่าน ”
ผู้คุมกฎทั้งสองคนของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวก็ได้สบตามองกัน ภายในดวงตาของพวกเขาก็ได้สาดประกายคมกล้าด้วยสีหน้าประหลาดออกมา หลังจากนั้น คนทางด้านซ้ายก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผู้น้อยแซ่หลิว คนผู้นี้คือผู้อาวุโสหยาง วันนี้พวกเราทั้งสองได้มาเป็นเพื่อนกับหญิงศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเราเพื่อมายังลัทธิแห่งดวงดาว นอกจากเรื่องระหว่างการประลองแลกเปลี่ยนกันของเหล่าศิษย์แล้ว ยิ่งมีเรื่องที่ควรหารือยิ่งกว่า
อันหงเจินมองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่ทราบว่าพี่หลิวมีอันใดชี้แนะงั้นหรือ ? ”
“ชี้แนะนั้นไม่อาจเอื้อม เพียงแต่ว่าต้องกล่าวว่ามีเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น ” ผู้อาวุโสหลิวทอสีหน้าประหลาดมองไปยังภายในดวงตาของเยี่ยจงคราหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวต่อ ” หลายวันที่ผ่านมานี้ ทุกท่านได้ทำการปิดสำนักลง ไม่ทราบว่า ตอนนี้ทุกท่านเคยได้ยินตำนานไม่สูญสลายของดินแดนซีฮวงบ้างหรือไม่ ที่สำนักต่างๆต่างก็ส่งยอดฝีมือที่สุดของสำนักรวมตัวกันอยู่ ตอนนี้ทางราชวงศ์ต้าโจวก็ได้ถูกกดดันอยู่ บ่าวไพร่แห่งราชวงศ์ต้าโจวต่างก็หลบหนีหนีหน้าไป หลงเหลือแต่เพียงเหล่าเชื่อพระวงศ์ สามารถกล่าวได้ว่าถูกกางร่างแหล้อมเอาไว้แล้ว ! ”
“อะไรกัน ! ? ”
ตอนนี้ อย่าว่าแต่เยี่ยจง แม้แต่อันหงเจินเองก็ยังต้องร่างกายสั่นเทาขึ้นมา ภายในสายตาก็ได้เกิดความยากที่จะเชื่อได้ลงปรากฏขึ้นมา
ราชวงศ์ต้าโจวถึงแม้ว่าจะมิใช่ตระกูลที่เก่าแก่โบราณอันใด แต่ว่าก็ถือได้ว่าเป็นตระกูลที่ก่อตั้งรัฐๆหนึ่งขึ้นมา โดยส่วนมากแล้วถือได้ว่าแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบอยู่แล้ว และคนของรัฐต้าโจวก็ถือได้ว่ามีพลังฝีมือที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าบุคคลเช่นนี้ ถึงกับถูกบีบบังคับให้หลบหนีได้ สามารถคาดคิดได้ว่า ขุมพลังอันแข็งแกร่งกดดันรัฐต้าโจวในครั้งนี้ ที่แท้มีความแข็งแกร่งในระดับใดกันแน่
“ตอนนี้ ขุมกำลังเหล่านั้นต่างก็พยายามส่งสารขอความช่วยเหลือจากกลุ่มตนเอง เพื่อที่จะทำการบีบคั้นต้าโจวดังนั้น ในขณะนี้ย่อมไม่มีขุมกำลังใดที่เห็นลัทธิแห่งดวงดาวอยู่ในสายตาอยู่แล้ว……แต่ว่า พวกเราลองมาพูดกันอย่างเปิดอก ทุกท่านต่างก็ถือว่าเป็นคนที่ทรงภูมิ คิดที่จะทราบว่า ด้วยขุมกำลังดั่งรัฐต้าโจวหวังเฉา คงไม่อาจที่จะสามารถดึงดูดความสนใจของขุมกำลังใหญ่มากมายได้ถึงขนาดนั้น อีกทั้งเหตุผลเป็นเพราะอะไรนั้น ข้าคิดว่าพวกท่านคงจะกระจ่างมากกว่าข้า ใช่หรือไม่ ? ” ผู้อาวุโสหลิวยิ้มน้อยๆ กวาดตามองไปยังร่างกายของเยี่ยจง ด้วยที่หน้ายากที่อธิบายได้
เยี่ยจงขมวดคิ้ว จากนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นเยียบ ” ดูเหมือนว่า เด็กน้อยเหล่านี้ยังคงมิได้ลืมเลือนวาจาที่ข้าเคยกล่าวเมื่อวันก่อนไปหรอกนะ ”
ผู้อาวุโสหลิวกวาดสายตาอย่างเย็นเยียบมองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในเมื่อพอจะคาดเดาเหตุผลได้แล้ว ทุกท่านก็สมควรเข้าใจแล้ว ถ้าหากมีผู้ที่มีกายเนื้อไม่สูญสลายเพิ่มขึ้นอีกผู้หนึ่ง อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่ลัทธิแห่งดวงดาว หรือจะกล่าวได้ว่ามาเพื่อบุคคลเพียงคนเดียวก็ว่าได้ ต้นเหตุของตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากมาจากลัทธิแห่งดวงดาว พร้อมที่จะยืดเยื่อมาได้ตลอดเวลา หากว่าปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป คาดว่าคงจะต้องไม่จบไม่สิ้นแน่แล้ว ? ”
.
.
.
.
กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่นพิเศษ เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8/9/10/11 ราคา 500
VIP4 https://goo.gl/ESwaou
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/