เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 362 ล้มเหลว

ตอนที่ 362 ล้มเหลว

 

 

 

“ความหมายของสหายทั้งสองท่านก็คือ ……”อันหงเจินขมวดคิ้ว จากนั้นก็ได้กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาอยู่หลายส่วน

 

ผู้อาวุโสหลิวและผู้อาวุโสหยางสบตามองกัน หลังจากที่ได้สบตามองกันแล้ว ก็ค่อยได้เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงราบเรียบ “ท่านเจ้าลัทธิอัน เราท่านสองสำนัก ถึงแม้จะได้ชื่อว่ามาจากสำนักเดียวกัน ไม่ว่าเมื่อก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวเราก็ไม่อาจที่จะเอาแต่มองดูลัทธิแห่งดวงดาวมอญมลายไปได้อย่างแน่นอน นี้ก็คือเป้าหมายการมาของพวกเราในครั้งนี้”

 

“ถ้างั้น ท่านทั้งสองที่ได้เตรียมการกำลังคนมามากมายก็พร้อมจะถอยออกไปแล้วอย่างงั้นหรือ ?”อันหงเจินยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ทอดตามองไปด้วยความแปลกใจอยู่หลายส่วน

 

“ในข้อนี้ อย่าว่าแต่พวกเรา ต่อให้เป็นท่านเจ้าตำหนักผู้ชราออกหน้า อย่างน้อยก็คงไม่อาจที่จะทำอะไรได้ นั้นก็เพราะว่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่สมรภูมิฮวงกู่ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบลึกล้ำอย่างมาก ท่ามกลางแดนลับแลไม่น้อย ก็ได้มียอดฝีมืออันดับหนึ่งตายตกไป พวกเขาคงจะไม่อยู่อย่างนิ่งดูดายเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน”ผู้อาวุโสหยางถอนหายใจออกมา

 

“กล่าวอย่างง่ายๆก็คือ พวกเขาได้นำเอาการตายของผู้คนทั้งหมด ต่างก็เตรียมที่จะกล่าวโทษมาที่ตัวของข้าเพียงคนเดียวเช่นนัเนอย่างงั้นหรอกหรือ ?”บนใบหน้าของเยี่ยจงได้เผยความเย้ยหยันออกมาอย่างเย็นชาออกมา “ในเมื่อหาญกล้าเข้ามายังสมรภูมิฮวงกู่เพื่อเสาะหาวาสนา ก็เหมือนกับเอาชีวิตเขเอาไปเดิมพัน ในตอนนี้กลับคิดจะออกหน้าแทนเจ้าพวกไร้ประโยชน์เหล่านั้น ดูเหมือนว่า แดนลับแลทั้งหมดที่อยู่ภายในดินแดนซีฮวงแห่งนี้ ก็ทำได้เพียงแค่นี้เองเช่นนั้นเองหรือ”

 

หลังจากที่เงียบงัน ผู้อาวุโสหยางและผู้อาวุโสหลิวต่างก็ไร้คำพูดจะกล่าวกันเป็นสาย แน่นอนว่าต้องเป็นดั่งเช่นที่เยี่ยจงกล่าวออกมาทั้งหมด ที่แดนลับแลเหล่านี้ในตอนนี้มาหาเรื่องถึงที่ อีกทั้งทั้งหมดยังไม่มีเหตุผลใดพอที่จะกล่าวอ้างได้ เพียงแต่ว่า ดินแดนซีฮวงแห่งนี้ก็คือเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ขอเพียงเจ้ามีพลังฝีมือที่เพียงพอ เช่นนั้นทีเจ้ากล่าวออกมาทั้งหมดทั้งมวล ก็คือเหตุผลของฟ้า ไม่มีคนที่หาญกล้าเป็นปรปักษ์ได้

 

หลังจากที่ได้เงียบงันจ้องมองไปที่เยี่ยจงแล้ว ผู้อาวุโสหยางก็ได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เรื่องราวในครั้งนี้ถือได้ว่ายุ่งยากจนเกินไปแล้ว ต่อให้เป็นลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวข้า ความจริงก็มิได้มีความคิดที่จะสอดมือเข้ายุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าหญิงศักดิ์สิทธิ์ลัทธิเราต้องการที่จะยื่นมือเข้าช่วยให้ได้ พวกข้าจึงไม่อาจที่จะไม่มาได้……เยี่ยจง เรื่องราวเมื่อมาจนถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราก็ไม่อาจทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นได้ หากว่าเจ้าสามารถยอมนับข้อเสนอของปราชญ์แห่งดวงดาวเราได้ เช่นนั้นลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวเราก็จะออกหน้า ปกป้องทั่วทั้งลัทธิแห่งดวงดาว แต่ว่าถ้าเกิดเจ้าไม่ยอมรับเงื่อนไขแล้วละก็ ทางลัทธิข้าองก็คงจะได้แต่เพียงจากไป ต่อจากนี้เป็นต้นไปลัทธิเราท่านทั้งสองสำนัก จะมิมีความเกี่ยวข้องกันอีก”

 

“เงื่อนไขอันใดกัน ?”เยี่ยจงเกิดความสงสัย จากนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้นมองไปทางด้านของผู้อาวุโสหยางคราหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่เย็นชา

 

“ท่านเยี่ยจง เงื่อนไขของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวเรา นั้นง่ายดายมาก ขอเพียงท่านเข้าร่วมกับลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวเรา กลายมาเป็นหนึ่งในสี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวเรา นับจากนี้เป็นต้นไปจะต้องกลายมาเป็นผู้คุ้มกันของเรา ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าคิดว่าการที่ข้าช่วยออกหน้าในข้อนี้ น่าจะพอที่จะสามารถทำให้ขุมกำลังโดยส่วนใหญ่สามารถถอยออกไปได้ รวมไปจนถึงพวกที่ยังหลงเหลืออีกส่วนหนึ่ง หากว่าไม่เกินบ่ากว่าแรง พวกเราลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวก็จะทำเหมือนดั่งไม่เคยมีมาก่อนก็ยังได้”เสียงอันทรงเสน่ห์ดั่งขึ้นมา ดุจดั่งนกยวนยางออกมาจากหุบเขา จากนั้นก็ได้พบเห็นเงาร่างสีขาวสายหนึ่งย่างกรายเข้ามายังห้องโถงใหญ่ เพียงแค่ชั่วไม่กี่ลมหายใจ ก็ได้ขยับกายเข้ามาจนถึงบริเวณใจกลางของห้องโถงใหญ่

 

“ขอเข้าพบหญิงศักดิ์สิทธิ์”ผู้ที่มาแท้จริงแล้วก็คือหญิงศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวนั้นเอง เมื่อพบว่านางได้ปรากฏตัวขึ้นมา ผู้อาวุโสหยางและผู้อาวุโสหลิวต่างก็ได้ลุกขึ้นมาในเวลาเดียวกัน สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใส เห็นได้ชัดว่า ม่อมู่ซื่อมีศักดิ์ฐานะที่สูงล้ำที่อยู่ภายในลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นเหล่าผู้อาวุโสก็ยังคงต้องให้เกียรติต่อนางอย่างไร้ที่เปรียบ

 

“เป็นไรไป เยี่ยจง ข้อเสนอที่ข้ายื่นมา ถือได้ว่าไม่เกินเลยไปใช่หรือไม่ ?”ม่อมู่ซื่อมองไปที่เยี่ยจง ด้วยใบหน้าที่งดงามทั้งยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ลึกล้ำอยู่ชนิดหนึ่ง

 

“หนึ่งในสี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว?หนึ่งในสี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในนั้นก็คือหญิงศักดิ์สิทธิ์ม่อมู่ซื่อผู้ปกครองผู้คน ……”เยี่ยจงกล่าวขึ้นมา “กล่าวอย่างง่ายดายก็คือ ก็คือให้ข้ากลายเป็นกองกำลังของเจ้า เป็นเบี้ยล่างของเจ้า เพื่อแลกเปลี่ยนกับความปลอดภัยของลัทธิแห่งดวงดาว ข้าคงไม่ได้เข้าใจอะไรผิดสินะ ?”

 

“ไม่ ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ผู้สอนสั่ง และกองกำลัง หรือเบี้ยล่างนั้นไม่เหมือนกัน นับแต่นี้เป็นต้นไปเราท่านก็จะเป็นศิษย์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวเช่นเดียวกัน มีความสัมพันธ์ฉันศิษย์พี่น้อง เพียงแต่ว่า เจ้าก็ผู้คุ้มกันของข้า เพียงแค่ทำการปกป้องข้าชั่วชีวิตก็เท่านั้นเอง”ม่อมู่ซื่อส่ายหน้า นางสายตาของนาง นี้ถือได้ว่าเป็นเกียรติยศชนิดหนึ่ง ในหมู่ท่ามกลางศิษย์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวมากมายไม่รู้เท่าไหร่ที่คิดที่จ้กลายเป็นผู้คุ้มกันของม่อมู่ซื่อ แต่ว่ากลับต่างก็ล้มเหลวทั้งสิ้น และเยี่ยจงในตอนนี้ ถือได้ว่าในหลายปีมานี้ ยากที่จะพบเจอคนหนึ่ง

 

“เป็นเช่นนี้เอง …… กล่าวไปแท้จริงแล้วมีสถานะที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง แต่ว่า ข้ายังคงเป็นกำลังให้กับเจ้าอยู่ดี เพียงแต่ว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าเล็กน้อย ใช่หรือไม่ ?”เยี่ยจงพยักหน้า ทอสีหน้าประหลาดออกมา

 

“เจ้าสามารถที่จะเข้าใจเช่นนั้นได้ แต่ว่าเจ้ายังคงต้องเข้าใจเช่นเดียวกันว่า เช่นนี้แล้วละก็ เจ้าจะสามารถปกป้องคุ้มครองผู้คนทั้งหมดได้ รวมไปถึงศิษย์พี่หญิงที่อบอุ่นผู้นั้นของเจ้า อีกทัง้ยังมีน้องสาวผู้น่ารักน่าชัง นับแต่นี้ไปก็จะอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของลัทธิเรา ภายในดินแดนซีฮวงนี้ คงไม่มีใครทำร้ายได้”ม่อมู่ซื่อตอบ

 

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าถือได้ว่าเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย ข้าในตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตอบตกลง …… เพียงแต่ว่า เจ้าสมควรที่จะยังมีสิ่งอื่นที่ยังมิได้กล่าวอยู่ใช่หรือไม่ ? ยังคงกล่าวออกมาโดยตรงเถอะ ยังมีข้อเสนออื่นใดอีก ใช่หรือไม่ ?”เยี่ยจงยิ้มขึ้นเล็กน้อย ภายในรอยยิ้มก็ได้แฝงไว้ด้วยความเยาะเย้ยอย่างเย็นชาชนิดหนึ่ง

 

หากกล่าวไปว่าม่อมู่ซื่อให้ความสำคัญกับตนเองที่เป็นถึงสุดยอดรุ่นเยาว์ในคุณสมบัตินี้ ดังนั้นในตอนนี้ก็คงจะเป็นเหมือนดั่งการลิขิตรของสวรรค์ เขาจำเป็นที่จะต้องช่วยลัทธิแห่งดวงดาวทั้งหมดเอาไว้ เช่นนั้นเยี่ยจงก็คงจะไม่อาจไม่เชื่อได้ว่า ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวอันยิ่งใหญ่ ขอเพียงเขายินยอม จะสามารถเลี้ยงดูอัจฉริยะที่แท้จริงขึ้นมาได้อีกหลายคน ทั้งหมดก็ย่อมไม่เป็นปัญหาอันใด

 

“ถึงกับพูดมาจนถึงขั้นนี้แล้ว แน่นอนว่าคงจะไม่กล่าวออกมาเปล่าๆแน่นอน ……”ม่อมู่ซื่อกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “หากว่าเจ้ากลายเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เรา นับจากนี้เป็นต้นไปก็จะสามารถฝึกฝนวิชาในระดับตำนานภายในลัทธิข้าได้ทั้งหมด แต่ว่าในฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว ก็จำเป็นที่จะต้องลงแรงออกมาให้แก่ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวอีกเล็กน้อย อย่างเช่น สิ่งที่เจ้าได้รับมาจากสมรภูมิฮวงกู่เป็นต้น เพื่อให้ทางลัทธิเราช่วยเก็บรักษาเอาไว้ เช่นนี้ก็กล่าวได้ว่าจะยิ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่เจ้าได้ ในเวลาเดียวกัน ทักษะเซียน มนต์ตราเทพ ที่เจ้าได้รับมาหลายอย่างนั้น ก็แสดงออกมาให้กับเหล่าผู้อาวุโสของลัทธิเราสักรอบเพื่อทำความเข้าใจ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกองกำลังของเราได้”

 

“เยี่ยจง ……”ม่อมู่ซื่อก้าวออกมาทางด้านหน้า สายตาที่คล้ายดั่งดวงดาวได้จ้องมองมายังใบหน้าของเขา ดุจดั่งประกายแสงจันทร์ที่ทอสว่างมาจากฟากฟ้าก็มิปาน “ในดินแดนแห่งนี้มิได้มีอันใดที่ได้มาอย่างง่ายดาย เจ้าคิดที่จะต้องการสิ่งใด ก็ควรที่จะจ่ายค่าชดเชยออกมาเท่านั้น …… นี้ก็คือทั้งหมด ก็เพื่อที่จะส่งผลดีให้แก่เจ้า ……”

 

เยี่ยจงคลายรอยยิ้มลง ข้อต่อลองเช่นนี้ ได้อยู่ในความคาดหมายของเขาตั้งแต่แรกแล้ว หากว่าลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวไม่เอ่ยขึ้นมาเองเขาก็ยังคงไม่เชื่อ

 

สายตาได้ทอดมองไปยังบนร่างกายของอันหงเจิน เหล่าเจ้าตำหนักและผู้อาวุโสต่างก็ทอสีหน้าในแต่ละแบบออกมา พวกเขาโดยส่วนมากแล้วต่างก็ไม่ทราบว่า เยี่ยจงได้รับสิ่งใดมาจากสมรภูมิฮวงกู่กันแน่ แต่ว่าการที่จะสามารถทำให้ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวให้ความสำคัญได้ถึงเพียงนี้ การจ่ายค่าตอบแทนที่มากมายเช่นนี้ออกมาได้ คิดว่าคงต้องเป็นสิ่งของที่มีความสำคัญอย่างแน่นอน และทักษะยุทธ์ มนต์ตราเทพจำพวกเหล่านี้แล้ว ยิ่งทำให้ดวงตาของพวกเขายิ่งแปรเปลี่ยนอย่างประหลาดขึ้นมา

 

เห็นได้ชัดว่า การเข้าไปยังสมรภูมิฮวงกู่ของเยี่ยจงในครั้งนี้คงจะได้รับประโยชน์ไปมากมาย แต่ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้รับประโยชน์มาได้มากมายถึงเพียงนี้ นี้ยังคงถือได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ยังคงค้างคาอยู่

 

“เยี่ยจง …… ที่ข้าได้กล่าวออกมาทั้งหมดนี้ เจ้าต้องจำเอาไว้ ไม่ว่าจะเลือกเช่นไร ก็อยู่ที่เจ้าทั้งหมดแล้ว”อันหงเจินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขามิได้คิดที่จะเลือกให้แก่เยี่ยจง เพียงแต่ปล่อยให้การเลือกอยู่ในกำมือของเยี่ยจงเอง

 

“ขอบคุณท่านเจ้าลัทธิมากแล้ว”เยี่ยจงพยักหน้า จากนั้นสายตาของเขาก็ได้ขยับเคลื่อนไหว จนทอดตามองเข้าไปยังบนร่างกายของม่อมู่ซื่อที่ในตอนนี้กำลังอยู่ในสีหน้าที่ซับซ้อนอยู่

 

หลังจากที่ได้ครุ่นคิดใคร่ครวญ เยี่ยจงจึงได้ยกมือคารวะไปทางด้านของม่อมู่ซื่อ ตอบกลับไปด้วนเสียงที่แผ่วเบา “คำเชิญของหญิงศักดิ์สิทธิ์ ความจริงแล้วไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ เพียงแต่ว่า ข้าเยี่ยจงนั้นทั้งชีวิตมานี้มาอยู่เพื่อการต่อสู้ การที่จะอยู่อย่างเงียบเหงาเช่นนั้น รวมไปจนถึงไม่อาจที่จะออกไปสู่โลกภายนอกได้ ข้าก็มีวิธีพอที่จะจัดการเรื่องของตนเองได้ จึงมิจำเป็นที่จะต้องให้หญิงศักดิ์สิทธิ์ต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรง”

 

ภายในดวงตาของม่อมู่ซื่อก็ได้ปรากฏอาการตกใจขึ้นมา ในขณะนั้นเอง นางก็ได้ตอบกลับาเสียงเย็นชา “เจ้าสมควรที่จะทราบ ทางที่เจ้าได้เลือก เป็นเหมือนดั่งทางเลือกสู่การสิ้นชื่อของลัทธิแห่งดวงดาว”

 

“แต่ว่าทางเลือกอื่นของข้า ก็อาจจะทำให้ คงจะทำให้ลัทธิแห่งดวงดาวสิ้นชื่อลงได้ในตอนนี้ก็จริง ……”เยี่ยจงหัวเราะเสียงเบา “ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาหรือไม่ดับสูญงั้นหรือ ? ตระกูลถัง แดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ลัทธิเทพแดนลี้ลับ ตำหนักอัสนีลี้ลับ หมู่ตึกไร้คำนึง สำนักร้อยยุทธ์ แล้วยังมีเผ่าปีก เผ่าซือ หุบเขาจิตจันทร์ครึ่งเสี้ยว หุบเขาเทพชิงหวินเ …… ขุมกำลังเหล่านี้ไม่ว่าขุมกำลังใด ต่างก็คิดที่จะสังหารข้าลงไปไม่ช้าก็เร็ว …… หากว่าข้าเข้าร่วมกับลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว หญิงศักดิ์สิทธิ์จะมีความสำเร็จซักกี่ขั้นกัน ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวเพียงพอที่จะต้านทานการร่วมมือของขุมกำลังเหล่านี้ได้งั้นหรือ ?”

 

เมื่อได้ยินเยี่ยจงเอ่ยนามของแต่ละขุมกำลังออกมา ไม่เพียงแต่แค่เบื้องสูงของลัทธิแห่งดวงดาว แม้แต่ผู้อาวุโสหยาง ผู้อาวุโสหลิวและม่อมู่ซื่อต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เหล่าขุมกำลังที่เยี่ยจงได้เอ่ยขึ้นมาทั้งหมด ต่างก็เป็นมาจากแดนลับแลโดยทั้งสิ้น หากว่าพวกเขาร่วมมือกันแล้วละก็ แน่นอนว่าต้องเป็นดุจดั่งที่เยี่ยจงกล่าวมาทั้งหมด โดยเฉพาะลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวย่อมมิใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน

 

“ลัทธิแห่งดวงดาว ถึงแม้จะมิใช่ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สูญสลายเช่นนี้ หญิงศักดิ์สิทธิ์ท่านสามารถรับปากได้หรือไม่ ว่าลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวจะสามารถคุ้มครองลัทธิแห่งดวงดาวได้จริง ?”บนใบหน้าของเยี่ยจงได้แสดงออกถึงความเย้ยยันออกมาเป็นสาย “ดังนั้น ในเมื่อหลังจากที่ได้ขายชีวิตให้กับพวกเจ้าไปก็ตาม ก็ยังคงเหมือนไม่มีความหวังอยู่แล้วตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรอกหรือ …… ยิ่งไปกว่านั้น คิดที่จะลงมือต่อข้า คิดที่จะลงมือต่อลัทธิแห่งดวงดาว ข้ายังหวังว่าขุมกำลังเหล่านี้ย่อมต้องทราบเป็นอย่างดีว่า ! การที่ข้าเยี่ยจงสามารถเป็นผู้ที่ไร้ผู้ต้านในแดนเทพได้ ก็เพียงพอที่จะสามารถกระทำเรื่องราวเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นที่รัฐต้าโจวได้เช่นเดียวกัน !”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง ก็ได้มีรังสีฆ่าฟันแผ่กระจายออกมาจากภายในร่างกายของเยี่ยจงพุ่งสูงขึ้นไปยังฟากฟ้า ดุจดั่งกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็มิปาน

 

ม่อมู่ซื่อในที่สุดก็ได้แปรเปลี่ยนใบหน้าขึ้น นางสัมผัสได้ถึง เยี่ยจงสามารถมองออกได้ถึงเรื่องราวที่มากมายได้ แล้วก็เป็นอย่างที่เยี่ยจงกล่าวออกมาทั้งหมด ยิ่งถ้าเขาเข้าร่วมอยู่ภายใต้ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว ในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะเช่นนี้ เขาก็ยังสามารถแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้และการรับมือออกมาได้ทั้งหมด

 

“วิทยายุทธ์ ฝึกฝนมาก็เป็นของตัวข้าเอง”เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงเย็นชา แต่ว่ากลับสงบอย่างไร้ที่เปรียบ

 

ม่อมู่ซื่อจ้องมองเยี่ยจงอยู่นาน ในที่สุดนางก็ได้ส่ายหน้าไปมา ไม่สนใจอีก เพียงแต่หันกายหมายจากไป

 

ในครั้งนี้ นางมิได้กลับไปยังหอชมดารา เพียงแต่จากไปในทันที เหล่าศิษย์ที่ปรากฏตัวขึ้นมาในระหว่างการประลองแลกเปลี่ยนรกับลัทธิแห่งดวงดาวทั้งหมดนั้น ก็ได้ติดตามนางออกมาจากตำหนักหลักของลัทธิแห่งดวงดาว

 

และในเวลาเดียวกันเช่นนี้ ก็ได้ก่อเกิดพลังความน่าหวาดกลัวและเย็นเยียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งลัทธิแห่งดวงดาว ศิษย์ทั้งหมดต่างก็ได้รับข่าวสารของการดับสูญของราชวงศ์ต้าโจวหวังเฉาในเวลาเดียวกัน เป้าหมายของเหล่าแดนลับแลมีเพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น นั้นก็คือลัทธิแห่งดวงดาว ……

 

ทั่วทั้งลัทธิแห่งดวงดาว ก็ได้ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันกดดันขึ้นมาชนิดหนึ่งอยู่ทั่วทั้งลัทธิ โดยเฉพาะเหล่าศิษย์สายนอกเหลานั้น ไม่มีผู้ใดที่ทราบว่า เพราเหตุใดแดนลับแลเหล่านั้นถึงได้มุ่งเป้ามาที่ลัทธิแห่งดวงดาว คงจะมีแต่เพียงเหล่าผู้ที่เคยพบเจอกับเรื่องที่เหนือความคาดหมายมาถึงจะพบได้ว่า เหล่าแดนลับเหล่านั้น ทั้งหมดต่างก็ได้มุ่งเป้าหมายมายังเยี่ยจงนั้นเอง

 

ภายในห้องโถงใหญ่ตำหนักหลัก เยี่ยจงก็ได้ยืนมือไพล่หลังอยู่ท่ามกลางห้องโถง อันหงเจินและคนอื่นๆต่างก็นั่งอยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างเงียบเชียบ ในตอนนี้ทุกผู้คนต่างก็เผยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอยู่หลายส่วน

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่นพิเศษ เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8/9/10/11 ราคา 500

VIP4 https://goo.gl/ESwaou

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset