เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 370 ลงมืออีกครั้ง

ตอนที่ 370 ลงมืออีกครั้ง

 

 

 

“ ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน พวกท่านพูดมากเกินไปแล้ว ” ชางเฟยปายถอนหายใจ ทั้งยังแสดงท่าทีเหยียดหยามออกมาในแบบหนึ่ง “ สิ่งที่พวกท่านสมควรกระทำในตอนนี้ ก็คือบอกต่อพวกข้ามาว่า เยี่ยจงที่แท้อยู่ที่ใด หรือไม่ก็บอกออกมาถึงทักษะเซียน มนต์ตราเทพเหล่านั้นเป็นอย่างไร เช่นนี้แล้วละก็ ข้าน่าจะสามารถอดกลั่นเอาไว้ได้ ที่จะไม่บีบคั้นคนในสำนักเดียวกัน อีกทั้งไม่แน่ว่ายังสามารถส่งท่านจากไปอีกระยะทางหนึ่ง ”

 

“ ไม่รู้ ! ถึงแม้จะรู้ก็ตามที เจ้ารู้สึกว่าพวกเราจะพูดออกมาอย่างงั้นหรือ ? ” ผู้อาวุโสผู้หนึ่งเย้ยหยันขึ้นมา เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา

 

“ เจ้าเด็กไม่รู้จักสัมมาคารวะ ไม่คิดถึงความสัมพันธ์เก่าก็ว่าแล้ว ยังถึงกับมีจิตสังหาร ข้าอับอายแทนพวกเจ้าลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวแล้วจริง ! ถุ้ย ! ” ผู้อาวุโสอีกทางด้านหนึ่งก็ได้บ้วนน้ำลายออกมา ทอสีหน้าไม่แยแสออกมา

 

“ งั้นก็ช่างน่าเสียดายเสียจริง ” ชางเฟยปายพยักหน้า จากนั้นเขาก็ได้โบกมือขึ้นเบาๆ “ ฆ่า—— ”

 

“ ตูม—— ”

 

บริเวณทางด้านหลัง กลุ่มยอดฝีมือผู้ที่มาจากลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวก็ได้มุ่งหน้าฆ่าสังหารออกไปทางด้านหน้า มุ่งหน้าเข้าไปยังวงล้อมของเหล่าศิษย์สาขานอกเหล่านั้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมิได้เข้าร่วมการฆ่าสังหารแต่แรก แต่ว่าในตอนนี้เพื่อเสาะหาเยี่ยจง เพื่อที่จะได้รับทักษะเซียนและมนต์ตราเทพ ก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว นั้นก็เพราะว่าทั้งทักษะเซียนและมนต์ตราเทพที่เยี่ยจงครอบครองอยู่นั้นมีความแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ จนถึงขั้นดึงดูดผู้คนมาได้

 

“ ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว ! ฆ่า ! ”

 

ผู้อาวุโสทั้งสองคนของลัทธิแห่งดวงดาวก็ได้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ฆ่าสังหารออกไปในเวลาเดียวกัน ทั้งสองคนก็ได้ใช้พลังฝีมือทั้งหมดขวางรั้งยอดฝีมือเหล่านี้เอาไว้ เพื่อที่จะเปิดช่องทางหลบหนีให้แก่เหล่าศิษย์คนอื่นๆ

 

“ ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว ! ”

 

นับตั้งแต่การปะทะปะทุขึ้นมา ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้พุ่งเข้าสังหารออกมาจากทางด้านหลัง กระบี่ดำภายในมือของเขาก็ได้แผ่พุ่งรังสีความโกรธแค้นขึ้นมา ในตอนนี้ก็ได้ฟาดฟันกระบี่ออกไป แล้วก็ได้ยินเสียง ” ซวบ ” ดังขึ้นมา ยอดฝีมือมากมายของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวก็ได้ตายตกลงไปในทันที

 

“ พวกเจ้ามิใช่ต้องการทักษะเซียนของข้ามากนักหรือไง ? เยี่ยมมาก ในวันนี้ข้าจะส่งมอบให้แก่พวกเจ้าเอง ! ”

 

เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา พลิกรอยตราจากทั้งสองมือขึ้น ในตอนนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยตราผนึกนภาขึ้น

 

“ เปรี้ยงเปรี้ยงเปรี้ยง—— ”

 

เหล่ายอดฝีมืลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน ทุกผู้คนก็ได้ถูกกดดันหยุดอยู่ท่ามกลางอากาศ มีส่วนหนึ่งที่พลังภายในใช้ออกมาไม่ทันก็ได้ร่างแตกกระจายไปในทันที กลายเป็นเพียงก้อนเนื้อแหลกเหลว

 

“ เยี่ยจง ! เจ้าออกมาได้อย่างไรกัน ! เจ้าไสหัวไป ! ”

 

ผู้อาวุโสทั้งสองคนลัทธิแห่งดวงดาวเมื่อพบเห็นเยี่ยจงฆ่าฟันออกมา ก็อดที่จะร้องขึ้นมามิได้ หากว่าเยี่ยจงตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่าย ที่ทำมาตลอดก็จะกลายเป็นสูญเปล่า

 

“ เจ้าก็คือเยี่ยจง ! ? ”

 

ชางเฟยปายหันหน้ากลับมาอย่างดุร้าย จ้องมองไปยังบนร่างกายของเยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวอย่างมากมาย

 

“ จับเป็นเขา อย่าได้ฆ่าไป แต่ว่ายังสามารถจัดการจนพิการได้อยู่ ! ” ชางเฟยปายหัวเราะอย่างเย็นชา เขาโบกมือขวาคราหนึ่ง ก็ได้นำกระจกเงินออกมา ขวางรั้งพลังทำลายของตราผนึกนภาของเยี่ยจงเอาไว้ ในเวลาเดียวกันก็ได้โบกมือขึ้น มุ่งหน้าเข้าสังหารไปในบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

“ ในที่แห่งนี้มอบให้แก่ข้าเอง ผู้อาวุโสพวกท่านหลบไปก่อน ข้าไม่เป็นไรหรอก ” ในตอนนี้เยี่ยจงก็ได้กวาดผู้อาวุโสทั้งสองของลัทธิแห่งดวงดาวลอยกระเด็นออกไปดุจดั่งสายฟ้าฟาดก็มิปาน สองไหล่สั่นไหวไปมา แขนกิเลนในตอนนี้ก็ได้ถูกใช้ขึ้นมา จากนั้นก็ได้กวาดกระบี่ออกไป

 

“ สำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่า ! ”

T/L : อร๊าย กระบวนท่าใหม่ LoL

“ ซูม—— ”

 

สำนึกกระบี่อันลึกล้ำสายหนึ่งก็ได้กวาดออกมา ในครั้งนี้ ก็ได้มุ่งหน้าเข้าสังหารกวาดเข้าไปยังเอวของเหล่าศิษย์ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวที่ได้พุ่งเข้ามาทางด้านหน้า แทบจะไม่อาจต้านทานพลังนี้เอาไว้ได้ ผนึกกระบี่สายนี้นั้นได้มีจากบรรพบุรุษเผ่าวิหคทองนั้นเอง มีความน่าหวาดกลัวอย่างเต็มเปี่ยม เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับพลังเทวะ ถือได้ว่าเป็นมนต์ตราเทพระดับสูงเลยก็ว่าได้ มีความแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ

 

“ เจ้า—— ” ชางเฟยปายร่างกายสั่นเทาขึ้นมา พลังต่อสู้ของเยี่ยจงนั้นถือได้ว่าน่าตกใจเป็นอย่างมาก ถึงกับมีความน่าหวาดกลัวได้จนถึงขั้นนี้ เขาในตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง หันกายวิ่งออกไป

 

“ พวกเจ้าไปก่อน ข้าจะไล่ตามเด็กน้อยเหล่านั้น ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว ! ” เยี่ยจงทิ้งคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้ ไล่ฆ่าสังหารออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้เปลี่ยนสถานะกลายเป็ผู้ล่าแทน แน่นอนว่าเยี่ยจงไม่อาจที่จะปล่อยให้คนเหล่านี้หลบหนีไปอย่างมีชีวิตได้ นั้นก็เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ สถานะของเขาคงจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน

 

“ ตูม—— ”

 

บริเวณท่ามกลางสันเขาสูง เยี่ยจงก็ได้ฟาดฟันกระบี่ออกไป ติดตามอยู่บริเวณทางด้านยอดฝีมือที่รั้งท้ายอยู่ทางด้านหลังของชางเฟยปายตายตกไปหลายคน หลงเหลือไว้แต่เพียงชางเฟยปาย สีหน้าปั้นยากอยู่ถึงที่สุด

 

“ เยี่ยจง ยอดมาก เจ้ายอดมาก เจ้ายังเหนือกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ อีกทั้งยังแข็งแกร่งยิ่งเสียกว่าจนต่อกรได้ยากกว่าที่เล่าขานกันเสียอีก ” ชางเฟยปายจ้องเขม็งไปทางเยี่ยจง เขาทราบว่าตอนนี้ไม่อาจที่จะหนีไปได้อีกแล้ว เขาจึงมิได้ไปต่อ ในทางกลับกันก็ได้ค่อยๆขยับออกไปเล็กน้อย “ ถือได้ว่าเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยอัจฉริยภาพ ที่ท่านปราญช์หญิงหลงเหลืออีกหนึ่งตำแหน่งให้เจ้านั้นนับได้ว่ามิผิดเลย ขอเพียงเจ้าพยักหน้า นับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าก็คือหนึ่งในสี่บุตรแห่งปราญช์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวเราแล้ว วันหน้าสามารถสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งดินแดน นี้ถือเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเจ้าแล้ว อย่าได้หลงตัวเองไป ”

 

“ กลายเป็นตรแห่งปราญช์จะสามารถกลายเป็นคู่นอนของปราญช์หญิงได้เช่นนั้นหรือไร ? ” เยี่ยจงเอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำสียงเย้ยหยัน

 

“ บังอาจ ! ” ชางเฟยปายสีหน้าเปลี่ยนไป สีหน้าทอแววดุร้ายขึ้นมาอย่างมาก

 

“ ในเมื่อได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรแห่งปราชญ์ แม้แต่ความสุขเล็กน้อยๆเช่นนี้ก็ยังไม่ได้รับ ยังถึงกลับต้องขายชีวิตข้าให้กับลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวเจ้างั้นหรือ ? ถืออะไรกัน ? ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อวันนี้ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวได้ลงมือแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะขอจดจำเอาไว้ ” เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา อีกทั้งยังพูดออกมาอย่างลึกซึ้ง “ เพียงแต่ว่าเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป นั้นก็เพราะว่าเรื่องเหล่านี้มิได้เกี่ยวข้องใดๆกับเจ้าเลย ”

 

“ กำแหง บังอาจ คิดหรือว่าด้วยความสามารถอย่างเจ้าที่มีเพียงแค่นี้ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำสินะ ? ” ชางเฟยปายทอสีหน้าอย่างลึกล้ำ พริบตานั้นเอง เขาก็ได้ฟาดมือขวาออกไป แขนข้างหนึ่งที่คล้ายดั่งหยกโลหิตก็ได้ยื่นออกไป มุ่งหน้าฟาดเข้าไปยังบริเวณทางด้านที่เยี่ยจงอยู่

 

“ ฝ่ามือเงามังกร ! ” เยี่ยจงเผยรอยยิ้ม วันเวลาที่ผ่านมานี้เขาได้ศึกษาจากคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์มา เกี่ยวกับทักษะแนวทางยุทธ์ของแต่ละเผ่าสำนัก ทั้งมนต์ตราเทพ ทั้งทักษะเซียนเป็นต้นต่างก็ถูกจดจำเอาไว้ มองเพียงครั้งเดียวก็จดจำกระบวนท่าที่ชางเฟยปายใช้ออกมาว่ามีพลังความน่ากลัวอยู่ในระดับใด

 

แขนหยกโลหิตนี้ก็ได้กลับกลายเป็นมือปกติข้างหนึ่งในทันที แต่ว่าไม่นานนักก็ได้ได้กลายเป็นเท้าของมังกรสายหนึ่ง มุ่งหน้าฟาดออกมาทางด้านหน้า น่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุดจนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้า

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวที่แท้ก็ไม่ธรรมดา เมื่อก่อนหน้านี้ทั้งสองลัทธิได้ถูกแบ่งแยกออกจากัน พลังความน่ากลัวที่แท้จริงต่างก็ได้ตกไปอยู่ในมือของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่กล้าที่จะเรียกร้องขอแบ่งแยกลัทธิออกมาจากลัทธิแห่งดวงดาวหรอก ?

 

“ ตูม—— ”

 

พริบตานั้นเอง สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้เคร่งเครียดขึ้นมา ไม่ดูแคลนชางเฟยปายผู้นี้แม้แต่น้อยอีกต่อไป จากนั้นก็ได้พลิกรอยตราของมือข้างขวาแปรเปลี่ยนไป มุ่งหน้าฟาดออกไปทางด้านหน้า

 

“ โครม—— ”

 

พลังการโจมตีอันน่ากลัวทั้งสองสายได้เข้าปะทะกัน วินาทีนั้นประกายอันคมกล้าก็ได้สาดกระจายออกมา ก่อเกิดกลายเป็นความโกรธแค้น ประกายสีทองก็ได้หมุนวนไปมา แผ่กระจายความน่าหวาดกลัวออกมาจนถึงที่สุด

 

ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ขยับขึ้นเล็กน้อย มุ่งหน้าถอยหลังไปหลายก้าว ในตอนนี้เขาก็มิได้ใช้ออกแม้แต่ทักษะเซียน เพียงแต่ใช้เพียงกำลังกล้ามเนื้อของตนเองเข้าปะทะกับกระบวนท่านี้ของชางเฟยปาย แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ยังคงสามารถปรากฏพลังการต่อสู้ออกมาได้อย่างน่าหวาดกลัวได้

 

ถึงแม้พลังการฝึกปรือของชางเฟยปายจะสูงล้ำกว่าเยี่ยจงในหนึ่งขอบเขตเล็ก แต่ว่าร่างกายของเขากลับอ่อนแอมิได้แข็งแกร่งดั่งเช่นเยี่ยจง ในตอนนี้เขาก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป เกิดอาการหวาดผวาไม่หยุดนิ่ง คิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงถึงกับสามารถต้านทานการโจมตีอันแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ได้

 

“ ยอดมาก ! ”

 

พริบตานั้นเอง ชางเฟยปายก็ได้ฆ่าสังหารออกไปอีกครั้ง เขาที่ถือได้ว่าเป็นหนี่งในบุตรปราชญ์ของลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว ย่อมต้องมีความมั่นใจในตัวเอง ในตอนนี้ก็ได้พุ่งเข้าสังหารออกไปอย่างรวดเร็ว เท้าข้างหนึ่งย่างกรายเข้าไปดุจดั่งบาทามังกร มุ่งหน้าตวัดเข้าไปบริเวณทางด้านที่เยี่ยจงอยู่ อีกทั้งยังรุนแรงอย่างไร้ที่เปรียบ

 

กระบวนท่านี้ถือได้ว่ามีความน่าหวาดกลัวกว่ากระบวนท่าเมื่อครู่นี้ ความรุนแรงของกระบวนท่านี้ ได้รวมเอาไว้ด้วยรังสีสังหารมากมาย ทั้งแข็งแกร่งอย่างไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด

 

“ ชิ—— ”

 

เยี่ยจงร้องชิออกมาอย่างเย็นชา พริบตานั้นเอง เขาก็ได้กวาดมือขวาไปรอบหนึ่ง ประกายแสงสีรุ้งในตอนนี้ก็ได้ครอบคลุมอยู่ภายในใจกลางฝ่ามือของเขา เข้าสังหารออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

“ ตูม—— ”

 

พลังดัชนีนี้ได้ปะทะเข้ากับพลังฝ่าเท้า วินาทีนั้นเองก็ได้เกิดการระเบิดของประกายแสงคมกล้าขึ้น แผ่กระจายออกไปทั่วทั้งภูเขาในตอนนี้ พลังปราณแผ่กระจายออกมา จนทำให้พื้นดินเกิดร่องรอยของมังกรเอาไว้อยู่

 

ชางเฟยปายร่างกายสั่นเทาขึ้นมา แล้วก็ได้ถอยไปทางด้านหลังอีก ภายในดวงตาก็ได้สาดประกายความประหลาดใจขึ้น เขาทราบว่าในมือของเยี่ยจงนั้นมีทักษะเซียนและมนต์ตราเทพที่แข็งแกร่งอยู่หลายชนิด มีอยู่ส่วนหนึ่งที่เรียกได้ว่าเข้าใกล้ในระดับขั้นของตำนาน แต่ว่าเขาก็ยังคิดว่า เยี่ยจงก็เพียงแค่มีโชค พึ่งพาพลังการทำลายของทักษะเซียนมนต์ตราเทพ จึงค่อยสามารถเป็นที่สุดของรุ่นเดียวกันได้ ดุจดั่งเขาที่เป็นดั่งอัจฉริยะรุ่นเยาว์ก็มิปาน หรือก็คือไม่มีวันยอมรับนั้นเอง

 

แต่ว่าในตอนนี้เขาได้ลงมือไปด้วยพลังทั้งหมด ค่อยทราบได้ถึงความน่าหวาดกลัวของเยี่ยจงว่าอยู่ในบริเวณใด

 

“ เข้ามาอีก ! ”

 

ชางเฟยปายร้องชิอย่างเย็นชา พลังปราณภายในร่างกายก็ได้พวยพุ่งขึ้นมา ดุจดั่งกพลังถูกเผ่าผลาญก็มิปาน ในขณะนี้เอง พลังต่อสู้ของเขาก็ได้เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็เทียบเท่าได้กับระดับราชันได้แล้ว

 

เยี่ยจงพยักหน้า เกี่ยวกับพลังฝีมือของชางเฟยปายผู้นี้ยังถือได้ว่ามีความเข้าใจอยู่หลายส่วน เด็กน้อยผู้นี้ถือได้ว่าเป็นเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกัน พลังการต่อสู้ถือได้ว่ามากเกินกว่าภายในกลุ่ม เพียงพอที่จะเรียกขานได้ว่าเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ได้ ท่ามกลางหมู่ผู้คน ท่ามกลางจำพวกของเผ่าที่เรียกว่ามนุษย์ นับได้ว่ายากที่จะพบพานได้

 

ราชสีจับกระต่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้เก็บพลังฝีมือเอาไว้ภายในจิตสำนึก เพียงแต่พลิกรอบตราของทั้งสองมือเปลี่ยนแปลงไปมา ประกายแสงสีม่วงก็ได้เริ่มต้นปรากฏขึ้นมายังใจกลางของแขนทั้งสองข้าง ในช่วงเวลาคับขัน รอยยันต์ของแขนกิเลยก็ได้ปกคลุมไปทั่ว

 

“ ตูม—— ”

 

วินาทีนั้นเอง รังสีสังหารก็ได้พุ่งขึ้นมา ด้วยเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมดเพื่อควบคุมแขนกิเลน จนความน่ากลัวขีดสู่ขั้นสูงสุด หากว่ามิใช่ในตอนนี้อยู่ห่างออกไปจากเมืองหมื่นดาราแล้วละก็ เกรงว่าพริบตานั้นก็คงจะถูกสี่สุดยอดมหาราชันสัมผัสได้

 

แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ เวลาของเยี่ยจงก็เหลืออยู่อีกไม่มาก เขาทราบว่าตนเองเมื่อใช้ด้วยกระบวนท่านี้ ย่อมต้องมีพลังอัสนีพวยพุ่งออกมา ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ จะต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน จนดึงดูดกลุ่มคนเข้ามาไล่ฆ่าสังหารได้

 

ชางเฟยปายในตอนนี้ก็ได้มีใบหน้าที่ขาวซีด ถึงแม้ว่าพลังฝีมือจะเพิ่มสูงขึ้น ดั่งเช่นระดับราชัน แต่ว่าในตอนนี้ก็ยังคงมีโลหิตหลั่งไหลออกมาจากบริเวณมุมปาก ถอยหลังออกไปไม่หยุดยั้ง ทุกๆการก้าวเท้าลงพื้นของเขาก็ได้ก่อให้เกิดร่องรอยของรอยเท้าแตกกระจายขนาดใหญ่ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเขานั้นมีพลังความสามารถที่น่ากลัวอย่างแท้จริง

 

“ น่าเสียดายที่ยังไม่ใช่โอกาสที่ดี ไม่เช่นนั้นยังคงสามารถประลองแลกเปลี่ยนกับเจ้าได้อีกสักรอบ ! ”

 

เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา และพริบตานั้นเอง แขนกิเลนเขาก็ได้ปะทะเข้าสังหารออกไป มุ่งหน้ากดดันเข้าไปยังบริเวณทางด้านของชางเฟยปายเข้าไป

 

“ ตูม—— ”

 

ชางเฟยปายเร่งรีบควบคุมพลังทั้งหมดเพื่อที่จะใช้พลังทักษะยุทธ์เข้าสังหารออกไป แต่ว่าด้วยพลังทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้าเยี่ยจงนี้ เขากลับมิได้มีความกดดันแต่อย่างใด ราวกับอยู่ในระหว่างการปะทะกับเพียงชั่วพริบตาเท่านั้นเอง ร่างกายของเขาก็ได้ปะทะจนเกิดเสียงแตกกระจายขึ้นมา

 

ท่ามกลางอากาศที่เดิมทีไร้สายโลหิต มีแต่เพียงการไหลเวียนไปมาอย่างวุ่นวายของอักขระเท่านั้น จากนั้นก็ได้หวนกลับคืนไปจนสิ้น

 

“ มิใช่ร่างจริง แต่เป็นเพียงร่างแยก ? ” เยี่ยจงส่งเสียง “ เหอะ ” ออกมาเสียงหนึ่ง ทว่าไม่นานนักก็มีปฏิกิริยากลับคืนมา ลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาวยังไงซะก็ยังถือได้ว่าเป็นแดนลับแล บุตรแห่งปราชญ์ของพวกเขายังไงซะก็ยังถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะแห่งสำนักได้อย่างแท้จริง อีกทั้งด้วยพลังฝีมือความแข็งแกร่งในระดับของตนเอง คงจะไม่อาจที่จะฆ่าสังหารง่ายดายเช่นนั้น ?

 

“ ยอดมาก ครั้งต่อไปจะฟาดฟันเข้าไปที่ร่างกายของเจ้า ” เยี่ยจงกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา มุ่งหน้าถอยออกไปตามทางอย่างรวดเร็ว เขาไม่กล้าที่จะใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น ระดับความเร็วก็ยังถือได้ว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง

 

ในระยะทางตอนนี้ที่ห่างออกมาจากบริเวณยอดเขาได้เกือบร้อยลี้ อัจฉริยะกลุ่มหนึ่งก็ได้ยินอยู่ด้านบนยอดเขา เหม่อมองลงไปยังบริเวณทางด้านล่างที่เกิดการฆ่าสังหารอยู่ แต่ละคนต่างก็เกินกว่าจะคาดเอาไว้ได้ อีกทั้งยังเป็นเหมือนดั่งเทพเซียนก็มิปาน

 

ทันใดนั้น เด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มก็ได้ขยับกายคราหนึ่งเสียงของการกระอักโลหิตก็ได้ดัง “ พรวด ” ออกมา สีหน้าขาวซีดอย่างถึงที่สุด

 

“ เป็นอะไรไป ? ”

 

ทางด้านหน้าสุดที่เป็นหญิงสาวปราชญ์ลึกลับก็ได้พยักหน้าตอบรับ ภายในดวงตาทอแววสงสัยขึ้นมา

 

เด็กหนุ่มที่กระอักโลหิตออกมาในตอนนี้ก็ได้มีสีหน้าเย็นเยียบอย่างถึงที่สุด เขาเหม่อมองไปอีกทางด้านหนึ่ง เอ่ยขึ้นมาอย่างลึกซึ้ง “ เยี่ยจงปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ร่างแบ่งของข้าก็ได้ถูกเขาสังหารไปแล้ว ”

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่นพิเศษ เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8/9/10/11 ราคา 500 [โปรหมดเขต 15/04/19]

VIP4 https://goo.gl/ESwaou

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset