เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 427 สังหารราชาปีศาจอีกครั้ง

ตอนที่ 427 สังหารราชาปีศาจอีกครั้ง

 

“โครมโครมโครม——”

 

เยี่ยจงก็ได้หรี่ตาลงอย่างช้าๆ พริบตานั้นเอง ทั้งสองมือก็ได้แผ่กระจายประกายสีทองขึ้นมา ฟาดออกไปอย่างไม่หยุด ทุกๆ การโจมตีที่ทอดลง ต่างก็ประดุจทองเหลืองเหล็กกล้ากระแทกลงไปก็มิปาน จนก่อเกิดเสียงดังโครมครามเสียดแก้วหูขึ้นมา

 

ในขณะนี้เอง เยี่ยจงลงมือติดต่อกัน ต้านทานการโจมตีที่เข้ามาในระลอกแรกของราชาปีศาจเหล่านั้น

 

“ตายซะ ! ดูว่าเขาจะสามารถต้านทานได้อยู่นานแค่ไหนกัน ! ” ราชาปีศาจกลุ่มนี้ก็ได้ตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวดเพิ่มพลังในการลงมืออีกครั้ง คิดที่จะฆ่าเยี่ยจงให้ตายในการลงมือเพียงครั้งเดียว

 

นอกจากสถานที่แห่งนี้ บุตรมารอัสนี ชิงยี่เป็นต้นตอนนี้ต่างก็ได้ฆ่าสังหารออกไปเช่นเดียวกัน พลังการโมตีอันน่าหวาดกลัวก็ได้หมุนวนออกมา หมายมั่นที่จะสังหารเยี่ยจงลงไปในทันที เพื่อที่จะชิงวาสนานี้จากเขา

 

ในขณะนี้เอง ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้น หากมิใช่ว่าเยี่ยจงมีพลังกายเนื้ออันแข็งแกร่งอย่างน่ากลัวอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังมุ่งหน้าเพื่อที่จะสำเร็จกายาทองไม่สูญสลายแล้วละก็ เช่นนั้นเกรงว่าต่อให้เขามีเพียงพลังกายเนื้อไม่สูญสลาย อย่างน้อยก็คงจะต้องได้รับบาดเจ็บหนัก

 

“บรึม——”

 

บริเวณทางด้านหลังเยี่ยจง เงาร่างของลิงยักษ์ก็ได้ปรากฏขึ้นมา จนพวยพุ่งพลังสายฟ้ากระจายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านออกไป เพื่อที่จะต้านทานทักษะยุทธ์ ทักษะเซียนต่างๆ นานา เอาไว้ วินาทีนั้น ก็ได้เกิดควันไฟจากแรงระเบิดขึ้นมานับไม่ถ้วน จนทำให้ทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา

 

ในขณะนี้เอง นอกจากเยี่ยจงจะสามารถลงมือออกมาได้อย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัวแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็จำเป็นที่จะต้องลงมือออกไปอย่างรอบคอบ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ไม่เพียงแต่ไม่อาจที่จะทำร้ายจนเยี่ยจงบาดเจ็บ อาจจะกลายเป็นทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นราชาปีศาจหรือว่าปีศาจฟ้า ยอดฝีมือทุกผู้คนราวกับต่างก็หดหู่จนแทบจะกระอักเลือดเก่าที่ค้างเอาไว้ออกมา

 

เยี่ยจงพลิกรอยตราทั้งสองมือเปลี่ยนไปมา จนก่อเกิดพลังอักขระจูเชวียนพวยพุ่งออกมาเป็นสาย ดึงดูดพลังลมปราณแห่งฟ้าดินที่ความเคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางที่รวมเอาไว้ จนกระทั่งพลังปราณเหล่านี้ทอประกายขึ้นมาเล็กน้อย วินาทีนั้น ก็ได้เกิดพลังอักขระอันน่าหวาดกลัวนับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน จนต้านทานทักษะยุทธ์ทั้งหมดที่เข้ามาแหวกออก

 

“ให้ตายเถอะ ! วิชาจูเชวียน ! ”

 

มีคนตะโกนออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ดุร้ายอย่างถึงที่สุด ภายในดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ยังไงก็ถือได้ว่าเป็นภายในของศิลาตะวันบริสุทธิ์ผืนนี้ ระหว่างฟ้าดินนั้นเองก็ได้มีพลังแห่งเพลิงไฟในระดับที่เข้มข้นอย่างถึงที่สุด ตอนนี้เยี่ยจงได้ใช้ออกมาด้วยวิชาจูเชวียน อีกทั้งยังดูดพลังความเคลื่อนไหวอันแข็งแกร่งของฟ้าดินมา นี้จึงถือได้ว่าเป็นพลังฝีมืออันน่าหวาดที่สุดชนิดหนึ่งก็ว่าได้ จนทำให้ทุกผู้คนต่างก็เหมือนกับเผชิญหน้ากับขุนศึกใหญ่

 

“โครมโครมโครม——”

 

ท่ามกลางสนามในขณะนี้เองก็ได้ปะทุความวุ่นวายขึ้นมา ผู้คนทั้งหมดต่างก็พยายามป้องกันตนเอง ต่างก็ไม่อาจที่จะลงมือโดยใช้พลังทั้งหมดลงมือได้ โดยทั้งพลังเพื่อคุ้มครองร่างกายจากการโจมตีอันน่าหวาดกลัว ไม่คิดที่จะถูกเยี่ยจงได้โอกาสได้เปรียบครั้งใหญ่ได้

 

“เคร้ง——”

 

มีคนได้ใช้ชักสมบัติเซียนออกมาพร้อมกัน วินาทีนั้นก็ได้เกิดดอกไม้เพลิงลอยไปทั่วทั้งสี่ด้าน จนทำให้ผู้คนไม่น้อยต้องกระอักโลหิตถอยออกไป

 

“ซิง ! เจ้าคนบัดซบ ! ” มีคนตะโกนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าได้ถูกตนเองทำให้ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เขาได้มีความดุร้ายอย่างถึงที่สุด ลงมือออกไปอย่างไม่ออมแรง ไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บหนัก อีกทั้งแม้แต่ปลายเส้นผมของซิงก็ยังไม่อาจที่จะแตะต้องโดนแม้แต่เส้นเดียว ความรู้สึกเช่นนี้ถือได้ว่าไม่ดีอย่างยิ่ง ราวกับสามารถที่จะทำให้เขากระอักโลหิตออกมาได้

 

กลิ่นคาวโลหิตก็ได้แผ่กระจายออกมา เสียงของการร่ำร้องฆ่าสังหารก็ได้อ่อนโทรมลง เห็นได้ชัดว่าทุกผู้คนต่างก็เริ่มที่จะยอมรับได้แล้ว ภายใต้ความวุ่นวายท่ามกลางสนามแห่งนี้ หากว่ายังปล่อยให้ดำเนินต่อไปเช่นนี้อีกแล้วละก็ เกรงว่าท้ายที่สุดผู้คนทั้งหมดจะต้องตายตกจนหมดสิ้นแน่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้เยี่ยจงใช้ออกมาด้วยวิชาจูเชวียนได้

 

ขณะนั้น ยอดฝีมือทั้งหมดก็ได้มุ่งหน้าถอยออกไปทางด้านหลังในเวลาเดียวกัน เพื่อที่จะหลบเลี่ยงประกายไฟที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งเขตแดนผืนนี้ นั้นก็เพราะว่าการลงมือภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็เหมือนกับการงมเข็มท่ามกลางความมืด ทำให้ผู้คนไม่อาจรู้สึกปลอดภัยได้

 

“ผู้เยาว์ เจ้าหนีไม่รอดแล้ว เจ้าคิดว่าจะมีวิชาฝ่ามือเพลิงไฟของเพียงคนเดียวอย่างงั้นหรือ ? ” ราชาวิหคตะวันทองคำในขณะนี้เองก็ทั้งไม่รุกไม่ถอย ภายในดวงตาของมันทอเป็นประกายเจิดจ้า มุ่งหน้าเข้าสังหารไปยังทางด้านของเยี่ยจงในตอนนี้อย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่า พวกมันถือได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่สืบเชื้อสายมาจากวิหคทองมาอย่างแท้จริง พลังวิชาฝ่ามือแห่งมรรคไฟ นี้มิอาจที่จะได้ทำให้มันตกอยู่ในความวุ่นวายได้โดยทั้งสิ้น ยังคงสามารถที่จะปรากฏตัวขึ้นบริเวณทางด้านของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ในขณะนี้เอง ทางด้านหลังของเขาก็ได้ปรากฏสภาวะดั่งดวงจันทร์ทอแสง

แสงจันทราส่องลงมาจากที่สูง ประดุจพลังสภาวะแห่งเทวะทอดลงมา จนทำให้พลังก็ต่อสู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้นภายในพริบตา

 

“ตูม——”

 

พริบตานั้นเอง เยี่ยจงก็ได้ผสานมือไขว้ไว้ด้วยกัน พลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวก็ได้พวยพุ่งออกมา เขาไม่เกรงกลัวที่จะต้องใช้ออกมาด้วยพลังตราผนึกนภาอีก หมายมั่นที่จะสังหารวิหคตะวันทองคำด้วยพลังฝีมือนี้ลง

 

“นี้มันอะไรกัน ! เป็นไปได้อย่างไรกัน ! เจ้า——” ราชาวิหคตะวันทองคำพึ่งจะชะเง้อหน้าขึ้นมา ยังไม่ทันจะลงมือออกมาได้ทัน ทันใดนั้นเส้นขนทั่วทั้งร่างกายก็ได้ตั้งชูชันขึ้นมา ประดุจพบเจอกับเรื่องที่จะสะพรึงกลัวผ่านเข้ามาภายในจิตใจ มันมีปฏิกิริยากลับมาได้อย่างรวดเร็วอย่างยิ่ง พริบตานั้นก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่าในตอนนี้แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นมาได้ในทันที

 

ในชั่วพริบตานั้นเอง ราชาวิหคตะวันทองคำก็ได้พยายามแข็งขืนเพื่อที่จะหลบหนีออกไป แต่ว่าร่างกายของมันนั้นกลับถูกตรึงเอาไว้อยู่ท่ามกลางอากาศ ไม่อาจที่จะเคลื่อนไหวได้

 

“กร๊อบ——”

 

“กร๊อบ——”

 

สมบัติปราณที่คุ้มครองร่างกายก็ได้แหลกจนเป็นผงไปทีละชิ้น ทั่วทั้งร่างราชาวิหคตะวันทองคำก็ได้เริ่มที่จะแตกออก จนปรากฏให้เห็นหยาดโลหิตกระจายออกมาเป็นสาย ราวกับว่าเขาในพริบตานั้น ได้ถูกพลังบางอย่างบดขยี้ร่างเนื้อจนแทบแหลกลาญ

 

“โหดเหี้ยมนัก นี้คือพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะ……” ราชาวิหคตะวันทองคำตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด แต่ว่าท้ายที่สุดก็ยังไม่ทันที่จะกล่าวตัวอักษรสุดท้ายออกมาได้ทัน สุ่มเสียงนั้นก็ได้หยุดลงไปในทันที เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นเพียงเศษเนื้อชิ้นเล็กๆ ร่วงหล่นลงบนพื้นดิน

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเคร่งเครียด พริบตานั้นก็ได้กลับสภาวะที่อยู่ทางด้านหลังกลับไปในทันที จนหยุดลงไปในที่สุด เมื่อครู่อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั้นก็เพราะว่าเขาเกือบที่จะถูกราชาวิหคตะวันทองคำเปิดเผยไพ่ตายสุดท้ายออกมา

 

แต่ว่า ในขณะนี้เองเขาก็ได้กลับคืนสู่พลังสภาวะพลังฝีมือแต่เดิมของตนเองอีกครั้ง ขอเพียงการแปรเปลี่ยนของสภาวะพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะไม่ถูกเปิดออกไป ตลอดทั่วทั้งร่างก็ได้ควบคุมออกไปด้วยหนึ่งในพลังโบราณมนต์ตราเทพตราผนึกฟ้า พลังฝีมือของตนเองอย่างน้อยในตอนนี้ก็เรียกได้ว่าปะทุเพิ่มขึ้นมาอย่างน้อยก็สิบเท่าเป็นอย่างน้อยแล้ว เพียงแต่น่าเสียดาย พลังฝีมือเช่นนี้ยังมิใช่เวลาที่จะใช้ออกมาในเวลาเช่นนี้ ไม่อาจที่จะใช้ออกได้โดยเด็ดขาด นั้นก็เพราะว่า พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะห่างถูกเปิดเผย คงจะทำให้ตนเองกลายเป็นศัตรูของทั่วทั้งดินแดนก็ว่าได้

 

“พลังฝีมือยังถือว่าไม่เพียงพอ หากว่าขาสามารถที่จะฝึกปรือกายาทองไม่สูญสลายได้ บวกกับพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะ ก็จะกลายเป็นสุดยอดอันดับหนึ่งรุ่นเยาว์แห่งยุคสมัยได้แล้ว สมควรที่จะไม่มีผู้ใดที่จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้ ” เยี่ยจงกล่าวกับตนเอง หากมองในข้อนี้ เขาพึ่งจะช่วงชิงน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์นั้นถือได้ว่าเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างชัดเจน นั้นก็เพราะว่าสิ่งของเหล่านี้เรียกได้ว่ามีความสำคัญเหนือกว่าสิ่งอื่นใด

 

ประกายเพลิงไฟก็เริ่มที่จะมอดลง ทั่วทั้งสีด้านก็เริ่มที่จะเปลี่ยนจนสามารถพบเห็นได้ขึ้นมา ทันใดนั้นร่างกายราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ก็ได้พุ่งเข้าสังหารเข้ามาจากทางด้านข้าง มันใช้พลังฝ่ามืออันใหญ่โตแผ่กระจายประกายสีทองออกมา คิดที่จะกวาดออกไปบริเวณทางด้านที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยรังสีสังหารออกมาอย่างเข้มข้น

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ขยับร่างกายไปทางด้านข้าง หลบหลีกกระบวนท่าสังหารนี้ ในเวลาเดียวกันก็ได้ยื่นมือซ้ายออกไป บนฝ่ามือก็ได้พุ่งเข้าไปยังบริเวณหว่างเอวของราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่

 

ในขณะนั้น เปลวเพลิงจากทั่วทั้งสี่ทิศก็ได้มอดดับลง หากว่าใช้ออกมาด้วยพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะติดต่อกัน อย่างน้อยก็คงจะต้องถูกผู้คนมองออกในข้อนี้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเยี่ยจงในตอนนี้จึงได้แต่พึ่งพาพลังกายเนื้อเพื่อใช้เข้าปะทะกับราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่

 

การใช้พลังกายเนื้อเข้าปะทะกันเช่นนี้ เผ่าพันธุ์ควาฟู่ที่ถือได้ว่ามีพลังกายเนื้อที่แข็งแกร่งน่าหวาดกลัว ถือได้ว่าเข้าใกล้พลังไม่สูญสลายอยู่หลายส่วน มีความแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด เพียงแต่เยี่ยจงได้กระทำตนเองจากพลังร่างกายสูงสุดคืนสู่สามัญมานับร้อยครั้ง สำเร็จสู่การฝึกปรือในระดับที่จำเป็นที่จะต้องฝึกปรือกายเนื้อไม่สูญสลายใหม่ในระดับนับร้อยนับพันครั้ง แทบจะมิใช่พลังกายเนื้อไม่สูญสลายของบุคคลปกติธรรมดาจะสามารถเทียบเคียงได้

 

ในขณะนี้เอง ฝ่ามือของทั้งสองฝ่ายก็ได้เข้าปะทะกันอย่างไม่ขาดสาย แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนต่างก็เกิดอาการตกใจขึ้นมาก็คือ ฝ่ามือของเยี่ยจงและฝ่ามือของราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่เมื่อได้ปะทะกันขึ้นมาแล้ว ก็อ่อนโทรมลงไปหลายเท่า แต่ว่าในทุกๆ การโจมตีในครั้งนี้กลับไม่มีผู้ใดเป็นรองผู้ใดแต่อย่างไร และพลังทำลายของราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ก็เรียกได้ว่าไร้ผู้ต้านก็ว่าได้

 

ควรทราบว่า นี้ถือได้ว่าเป็นราชาปีศาจเป็นอย่างแท้จริง มีพลังการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัว เยี่ยจงพึ่งพาแต่เพียงพลังอันมหาศาลของกายเนื้อก็เพียงพอที่จะต้านทานได้ เพียงแค่ในข้อนี้ก็ทราบได้ว่ามีความเชื่อมั่นมากถึงเพียงใดแล้ว

 

“พอแล้ว ! ”

 

ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้ส่งเสียงร้องขึ้นมาเบาๆ บริเวณใจกลางฝ่ามือ ก็ได้มีพลังอักขระฉางโยว (ลิงยักษ์) และพลังอักขระจูเชวียนปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน ฟาดพลังฝ่ามือออกไปบริเวณทางด้านหน้า รวมไปจนถึงใช้ออกมาด้วยพลังกายเนื้อบนร่างกาย จึงมีพลังอันน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ

 

“ปุ——”

 

ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ก็ได้ฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ แต่ว่าร่างกายของมันก็ได้สั่นไหวขึ้นมาในทันที ซวนเซถอยหลังออกไปนับสิบก้าว กระอักโลหิตสีทองออกมาคำหนึ่ง

 

และในเวลาเดียวกันนี้ ประกายเพลิงที่ได้มอดดับลงไปอย่างสะเปะสะปะ ร่างกายของยอดฝีมือทั้งหมดก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เยี่ยจงยังคงยืนอยู่ในจุดเดิมไม่เคลื่อนไหว ทอสีหน้าเย็นชาอย่างมาก

 

“นั้นมัน——”

 

ทันใดนั้น ก็ได้มีคนทอดสายตามองเข้าไปยังเศษเนื้อที่กองอยู่บนพื้นดิน ทางด้านบนของเศษเนื้อนั้นยังคงทอประกายแสงสีทองเส้นขนสีทองระยิบระยับ หลงเหลือพลังวังวนแห่งวิหคตะวันทองคำเอาไว้อยู่

 

เพียงแค่มองไปยังฉากนี้ก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี พริบตานั้นเอง ยอดฝีมือไม่น้อยก็ได้เกิดอาการแตกตื่นขึ้นมา สีหน้าทอแววเปลี่ยนแปลงจนประหลาดใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

ภายใต้สถานการณ์อันวุ่นวายนี้ เยี่ยจงถึงกับยังสามารถสังหารราชาปีศาจตนหนึ่งลงไปได้ แล้วก็ทำร้ายจนราชาปีศาจตนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ พลังฝีมือเช่นนี้ เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวเหนือธรรมดาสามัญจนเกินไปแล้ว

 

ควรทราบว่า ภายในบนดินแดนแห่งนี้ กล่าวไว้ว่าผู้แข็งแกร่งย่อมกลืนกินอยู่อ่อนแอ ผู้แข็งแกร่งคือที่สุด ตอนนี้เยี่ยจงได้แสดงออกมาให้เห็นถึงพลังฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอย่างเพียงพอแล้ว พริบตานั้นก็ได้ทำให้ราชาปีศาจและเหล่าปีศาจฟ้าต่างก็เกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมาได้หลายส่วน จนตัดสินใจไม่กล้าที่จะลงมืออีกต่อไป

 

“น่าเสียดาย ที่หนูน้อยคนปรุงอาหารของข้านั้นไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นคงจะได้กินเนื้อวิหคไปแล้วสินะ ” เยี่ยจงกล่าวกับตนเอง ทอสีหน้าตั้งใจอย่างถึงที่สุด ควรทราบว่าภายในร่างกายของเผ่าพันธุ์วิหคตะวันทองคำถือได้ว่าได้รวมพลังอันมหาศาลของมรรคไฟเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้น นี้ยังถึงกับเป็นถึงราชาปีศาจตนหนึ่ง หากว่าสามารถที่จะกัดกินลงไปได้แล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

ในขณะนี้เอง แม้แต่เยี่ยจงก็เกิดความสับสนขึ้นมาหลายส่วน ว่าที่แท้จะเก็บเศษเนื้อนี้ขึ้นมา เพื่อที่เมื่อจะได้นำมากินในยามว่างอีกครั้ง

 

กลุ่มผู้คนต่างก็ไม่ทราบจะกล่าวอันใดออกมา โดยเฉพาะเหล่าปีศาจฟ้า ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้พวกเขาได้อยู่ในธาราเพลิง ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่า “ซิง” จะนำเอาเหล่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มาปิ้งย่างได้ ตอนนี้ถือได้ว่าพวกเขาได้เชื่อแล้ว ว่าเด็กน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้เรียกได้ว่าไม่ถือกาลเทศะอย่างถึงที่สุด

 

“ช่างไม่เกรงกลัวอะไรเลยนะ ! ” บุตรมารอัสนีหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง ความบ้าคลั่งของเยี่ยจงผู้นี้ถึงแม้ว่าจะปรากฏสู่สายตาของเขามาก่อนก็ตามที แต่ว่าคนผู้นี้ก็ช่างมีความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของกระดูกตนเองอย่างไม่มีผู้ใดจะเทียบเปรียบได้จริงๆ หากมองในภาพรวมเช่นนี้แล้วละก็ ก็ยิ่งกลับเป็นความบ้าที่ยิ่งกว่าอีกชนิดหนึ่ง

 

“สุดยอดอันดับหนึ่ง ชื่อเสียงย่อมไม่ถือว่าแปลกปลอม แท้จริงแล้วยังถึงกลับมีพลังฝีมือในตนเองถึงเพียงนี้ ” องค์หญิงจื่อหวินรู้สึกใจหาย หวนกลับไปคิดถึงภาพเมื่อคราก่อนที่ “ซิง” ได้ใช้พลังกดดันเจดีย์เฮ่าเทียน ภายในดวงตาก็ได้ทอประกายความสงสัยขึ้นมาติดต่อกัน

 

“มีความร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ ? ในดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ยังพอทำเนาที่ไม่ถือกฎเกณฑ์ ราชาปีศาจเหล่านี้มีความสามารถที่ร้ายกาจถึงเพียงไหนกัน ? พวกมันอย่างน้อยแม้แต่พลังเทวะก็ยังคงไม่อาจที่จะเข้าถึงได้หรอกกระมั่ง อย่างมากที่สุดก็คงอยู่ได้แค่เพียงระดับราชันเท่านั้น……ลงมือพร้อมกัน ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสแล้ว ” มีคนหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา บนใบหน้าของเขาก็ได้แฝงความเอาประกายสีเงินเอาไว้ ตอนนี้จ้องมองไปยังเยี่ยจง ทอสีหน้าเย็นชาอย่างมาก

 

เพียงแต่ว่า เขาเอ่ยขึ้นมา กลับไม่มีผู้ใดตอบรับเขาแม้แต่คนเดียว ชิงหญิง โหยวเหลียน เหลียนหลิงหลง องค์หญิงจื่อหวิน บุตรมารอัสนี ชิงยี่ จินเฉิง จินยี่ เยว่จิ่ง ซูม่อหยงรวมไปถึงหยินหลิงจื่อเป็นต้นที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ ตอนนี้แต่ละคนต่างก็ยังคงยืนอยู่ในบริเวณที่ห่างไกล ทอสีหน้าเคร่งเครียดจ้องมองไปที่เยี่ยจง เกี่ยวกับการเชื้อเชิญเพื่อร่วมมือกันเช่นนี้ กลับไม่มีผู้ใดตอบรับเลยอย่างงั้นหรือ

 

และที่เหลืออยู่อย่าง ราชามดทองคำ ราชาม้าเขาเดียว ราชาไก่ฟ้าโบราณกาล ราชานกกระจอกจูโร ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ มนุษย์ผิวเขียวเป็นต้นที่เป็นราชาปีศาจพื้นเพของดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ สีหน้าของแต่ละคนก็ได้ปั้นยากขึ้นมาอย่างมาก ประดุจดั่งเช่นที่คนผู้นั้นกล่าวออกมาก็มิปาน พวกมันนั้นถือได้ว่ามีพลังฝีมือจัดได้ว่าอยู่แค่เพียงระดับราชันเท่านั้น แต่ว่าแน่นอนว่าตนเองถึงแม้จะยังมิได้ฝึกปรือจนถึงขั้นระดับเทวะ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาก็ได้เกิดความหวาดเกรงต่อเด็กหนุ่มผู้เยาว์เบื้องหน้าสายตาผู้นี้อย่างถึงที่สุด เริ่มที่จะคิดคำนึงขึ้นมา มิได้ลงมือต่อแต่อย่างไร นั้นก็เพราะว่าพวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดี ต่อให้ตอนนี้จัดการเยี่ยจงลงได้ ก็ไม่พ้นจากการได้รับบาดเจ็บหนัก ต้องจ่ายค่าชดเชยออกไปไม่น้อยเลยทีเดียว

 

ในเวลานี้ บรรยากาศท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็เริ่มที่จะแปรเปลี่ยนเป็นอัดอั้นขึ้นมาอยู่หลายส่วนอย่างช้าๆ ทุกผู้คนต่างก็ไม่เคลื่อนไหว ยังคงเงียบงันไม่กล่าววาจา

 

“หรือไม่ก็ เจ้าลงมือด้วยตนเองเป็นอย่างไร ? ” เยี่ยจงจ้องมองไปยังผู้ที่ใบหน้าสีเงิน ทอสีหน้าเย็นชาอย่างมาก

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-12 ราคา 600
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
#####Fanpage#####
Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset