เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 453 พลังแห่งสำนึกเทวะ

ตอนที่ 453 พลังแห่งสำนึกเทวะ

“ก็แค่ระดับราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่ง ทว่าก็เป็นได้แค่นี้เท่านั้น” เยี่ยจงจ้องมองไปยังศีรษะที่หมุนกลิ้งไกลออกไปในตอนนี้ บนใบหน้าก็ได้ทอรอยยิ้มอันเย็นเยียบขึ้นมา วันนี้หากว่าเขาเห็นโอกาสได้เร็วกว่านี้ มีการเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ต้นแล้วละก็ ซากศพที่ไร้ศีรษะในตอนนี้ก็คงจะกลายเป็นเขาเสียเอง ย่อมมิอาจเป็นคนอื่นได้

ในขณะที่กำลังเตรียมความพร้อมที่จากไป ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความแปลกใจขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าเขากลับพบว่า ชิ้นส่วนเนื้อและกระดูกของร่างกายวานรในตอนนี้ได้เป็นเหมือนดั่งวานรทั่วไป ถึงกับยังสามารถที่จะดิ้นไปมาได้เบาๆ แฝงเอาด้วยพลังฝีมือสายหนึ่ง และศีรษะที่ถูกตัดไปนั้นก็ได้สั่นไหวไปมา

ศีรษะที่ได้ถูกตัดไปแล้ว แต่ว่าราชันปีศาจเผ่าวานรผู้นี้กลับยังคงมีชีวิตอยู่ได้ นี้ได้ทำให้เยี่ยจงตกใจขึ้นมาอย่างรุนแรง นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่แตกต่างจากราชันที่เขาเคยพบพานมา ราชันปีศาจเผ่าวานรผู้นี้ถึงกับมีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้เลยงั้นหรือ ? หากมิใช่ตนเองมีประสาทรับรู้ที่ว่องไวแล้วละก็ เรื่องในคราวนี้คงจะถูกเขาแพร่งพรายออกไปแล้วก็เป็นได้ ?

“ตูม——”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เยี่ยจงก็ได้กวาดมือออกไปคราหนึ่ง ตราแห่งราชาแดนมนุษย์ก็ได้ถูกผนึกลง กดทับเข้าไปยังบนกายเนื้อของราชันปีศาจเผ่าวานร แล้วก็ได้ยินเสียงดัง “กร๊อบ” ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย กายเนื้อของราชันปีศาจเผ่าวานรก็ได้ถูกบดบี้จนแหลกเหลว ประดุจดั่งเนื้อบดชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งก็มิปาน ไม่หลงเหลือสภาพการณ์คงอยู่ของชีวิตใดๆ อีก

“ชิ——”

ในเวลาเดียวกันนี้ เยี่ยจงก็ได้โบกมือขวาออก ก็ได้แทงกระบี่ออกไป มุ่งหน้าไปยังศีรษะของวานรตนนั้นกวาดเข้าไป ขอเพียงทำให้มันสลายไปได้ เยี่ยจงก็ไม่เชื่อว่า ยังไงก็ยังเป็นได้เพียงแค่พลังเทวะขั้นแรกของราชันปีศาจเท่านั้น ยังจะสามารถแสดงปาหี่อันใดออกมาได้อีก

“ผึ่ง——”

แต่ทว่า ต่อให้เป็นในเวลานี้ ในขณะที่กระบี่นี้กำลังทอดลงไปยังหว่างคิ้วของราชันปีศาจเผ่าวานรในพริบตานั้น ก็ได้มีประกายรุ้งสายหนึ่งปะทุขึ้นมาจากหว่างคิ้วปรากฏขึ้นมา จนต้านการกระบวนท่าสังหารเยี่ยจงเอาไว้

นี้ก็คือพลังของความแข็งแกร่งของคำนึงเทวะ ใช้พลังจากจิตสำนึกเพียงอย่างเดียว ก็สามารถที่จะก่อพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาได้ จนต้านทานกระบวนท่าของเยี่ยจงเอาไว้ได้

ตอนนี้ ประกายแสงสีทองก็ได้พวยพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของราชันปีศาจเผ่าวานร ให้ความรู้สึกถึงแรงกดดันในระดับมหาราชันชนิดหนึ่งขึ้นมา และในเวลาเดียวกันก็ได้แผ่กระจายพลังความลี้ลับอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา จนห่อหุ้มศีรษะของราชันปีศาจเผ่าวานรเอาไว้ภายใน

ประกายแสงสีทองที่เฉิดฉายออกมาก็ได้แผ่กระจายออกมา จนกลายเป็นเงาร่างสูงใหญ่สายหนึ่งขึ้นมา นี้ถือได้ว่าเป็นเงาร่างขนาดใหญ่สายหนึ่ง มีความสูงใหญ่ประดุจขุนเขา ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเห็นได้แต่เพียงแต่ส่วนหนึ่ง แต่ว่าก็ยังคงมีความน่าหวาดกลัวในระดับที่ยากจะคาดคิดเอาไว้ได้ มันมิได้สังเกตเห็นเยี่ยจง ขอแต่กวาดสายมองเข้ายังราชันปีศาจเผ่าวานรคราหนึ่ง กล่าว : “เกิดอะไรขึ้นกัน ? ”

“นี้คือ……สำนึกเทวะรูปแบบหนึ่งของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่ออย่างงั้นหรือ ? ” วินาทีนั้นเยี่ยจงก็เกิดอาการขนลุกขนพองขึ้นมา นี้ถือได้ว่าเป็นบรรยากาศสภาวะอันน่าหวาดกลัวของมหาราชันที่เคยสัมผัสได้ในช่วงที่เกิดศึกที่ลัทธิแห่งดวงดาวเมื่อคราก่อน ตอนนี้พริบตานั้นก็จดจำออก นี้ก็คือบรรยากาศของปีศาจบรรพกาลแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจปีศาจผู้ยิ่งใหญ่มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ ถึงแม้ว่าเขาตอนนี้คิดที่จะลงมือด้วยตนเอง เพื่อที่จะเด็ดศีรษะของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อลงมา แต่ว่าเขาก็ทราบเป็นอย่างดี ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายนั้นถือได้ว่าอยู่ห่างจนเกินไป ในสายตาของมหาราชันปีศาจตนนี้ ตนเองก็ไม่ต่างจากมดแมลงลงอย่างแท้จริงอย่างแน่นอน

“มหาราชันปีศาจ ถึงกับมากความสามารถถึงเพียงนี้ ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่ของเผ่ามนุษย์เรียกได้ว่าเกินกว่าที่จะคาดเดา เขาถึงกับสามารถที่จะ……” ศีรษะของราชันปีศาจเผ่าวานรในตอนนี้ก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่ว่ายังไม่ทันจะพูดออกมาได้จบ มันก็ได้สั่นเทาขึ้นมาอย่างรุนแรง เห็นได้ชัด ตอนนี้มันถึงแม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่ยากลำบากอย่างยิ่ง

“งั้นหรือ ? ” เงาร่างของลิ่วเอ่อก็ได้หันกายไปอย่างช้าๆ ดวงตาทั้งคู่ประดุจดวงอาทิตย์ก็มิปานกวาดเข้าไปอย่างเย็นชาบนร่างกายทางด้านหลังของเยี่ยจง กล่าวออกมาอย่างเย็นชา “เป็นถึงระดับราชันปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นราชัน ถึงกับยังไม่อาจที่จะจัดการกับยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่อยู่ในระดับเพียงแค่ครึ่งก้าวสู่ระดับราชันได้ ดูเหมือนว่าเจ้าหนูเยี่ยจง เจ้าจะอยู่ระดับที่เหนือความคาดหมายไปกว่าที่มหาราชันข้าคิดเอาไว้ไปแล้ว ”

คำพูดของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อกลับไม่มีที่ใดผิดแปลกแต่อย่างไร เยี่ยจงถึงแม้จะสามารถจัดการกับราชันปีศาจที่อยู่ในพลังเทวะขั้นที่หนึ่งได้เช่นนี้ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นเพียงเหมือนกับแมวที่วิ่งไล่จับหนูตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ยังเพียงพอที่จะทำให้ยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้

“งั้นหรือ ? ยังไงก็คงต้องขอขอบคุณในความหวังดีของท่านมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ แต่ก็ช่างเถอะ ข้าตอนนี้จะให้ท่านมหาราชันปีศาจเจ้าเห็นข้าสูงส่งกว่าสักหลายส่วนได้อย่างไรกัน ? ” เยี่ยจงค่อยๆ ที่จะผ่อนลมหายใจออกไป สงบจิตใจลงมาอย่างรวดเร็ว เขาตอนนี้ไม่แม้แต่จะกล่าววาจาไร้สาระออกมาแม้แต่น้อย เพียงแต่พลิกมือประดุจกระบี่เข้าสังหารเข้าไป สำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่าก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยความโหดเหี้ยมที่สะท้านไปทั่วฟ้าของกระบี่ดำเอาไว้ แล้วก็ได้แผ่ซ่านพลังมุ่งหน้าแทงออกไปทางด้านหน้า หมายจะจัดการกับสำนึกเทวะหนึ่งเดียวของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ เพราะว่า หากว่าหากปล่อยให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ต่อไปแล้วละก็ ราชันปีศาจเผ่าวานรมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะฟื้นคืนสภาวะกลับคืนมา เมื่อถึงเวลานั้นมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเกิดความยุ่งยากขึ้นมาอย่างมากมายแน่นอน

“เป็นเพียงแค่แมลงตัวหนึ่งเท่านั้น ถึงกับอาจหาญบ้าอาจลงมือต่อมหาราชันข้า นี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของมหาราชันข้าไปมากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะทราบตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเจ้านั้นไร้ความหวาดกลัว แต่ก็คิดไม่ถึงว่า จะถึงกับมีถึงขั้นนี้ ” สำนึกเทวะราชันปีศาจเผ่าวานรมิได้คิดที่จะหลบเลี่ยง ดวงตาของมันประดุจดวงอาทิตย์จ้องมองไปยังเยี่ยจง มองไปยังเงาร่างของมันที่แตกร้าวจากรอยของกระบี่ของเยี่ยจง แต่ว่าไม่นานนัก มันก็ได้รวมกลับคืนมาอีกครั้ง

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ สำนึกเทวะของเจ้านี้ก็อ่อนโทรมจนเกินไป มิได้มีประโยชน์อันใด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะจัดการเจ้าเอง ! ” เยี่ยจงหัวเราะออกมาเสียงเย็นชา พริบตานั้นก็ได้อยู่ในสภาวะคิดวิเคราะห์ จนพอที่จะคาดเดาขึ้นมาได้โดยรวม เขาก้าวออกมาก้าวหนึ่ง มือหนึ่งชี้ขึ้นท้องฟ้า มือหนึ่งชี้ลงพสุธา ตราผนึกนภาในตอนนี้ก็ได้ถูกใช้ออกมา มุ่งหน้ากดดันไปยังบริเวณทางด้านหน้า

ตราผนึกนภาถือได้ว่าเป็นระดับมนต์ตราเทพโบราณ ไม่อาจมีสิ่งใดไม่อาจไม่รับมันได้ ตอนนี้พลังความร้ายกาจของตราผนึกนภาก็ได้แผ่กระจายกันออกมา หมายที่จะจัดการสำนึกเทวะของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อไปในทันที

“เจ้า……ตราผนึกนภาที่เป็นหนึ่งในสิบมนต์ตราเทพโบราณ เจ้าถือได้ว่าเหนือความคาดหมายของข้าไปอย่างแท้จริง” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อมิได้หลบเลี่ยง เขามาจนถึงขั้นนี้ อีกทั้งยังไม่อาจที่จะหลบเลี่ยง ได้แต่เพียงจ้องมองไปยังตราผนึกนภาของเยี่ยจงที่มุ่งหน้าเข้าสังหารมาจากทางด้านหน้า

“ชิ——”

นี้ก็คือสำนึกอันน้อยนิดของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ เป็นเพียงพลังความสามารถอันน้อยนิดของมันที่สร้างขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะรวมเอาไว้ซึ่งบรรยากาศแห่งมหาราชันอยู่ แต่ว่าก็ยังถือได้ว่ามีเพียงแค่น้อยนิด ตอนนี้เยี่ยจงลงมือไปอย่างรุนแรง ร่างกายของมันก็ได้เกิดการระเบิดขึ้นมา จากนั้นก็แตกร้าวไปในเวลาเดียวกัน แต่ว่าต่อให้มาจนถึงขั้นนี้แล้ว สำนึกเทวะอันน้อยนิดของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อกลับยังคงมิได้หลบเลี่ยงจากการลงมือออกไปในครั้งนี้ มันยังคงเหม่อมองอย่างเย็นชาไปทางด้านของเยี่ยจง ทอสีหน้าเย็นเยียบออกมา

เยี่ยจงตัดสินที่จะไอออกมาครั้งหนึ่ง ในขณะนี้เอง เขาราวกับพบว่า ในระยะห่างที่ไม่ไกลจากมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อได้มีประกายแสงเกิดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน กำลังจดจ้องไปที่เขาอย่างเย็นชา ราวกับอยู่ในพลังที่ไร้สภาวะ จากนั้นตาข่ายมารฟ้าสยบดินก็ได้พุ่งขึ้นสูงท้องฟ้า ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างกายของเขาไว้ก็มิปาน

“ก็เป็นเพียงแค่สำนึกเทวะเท่านั้น ตอนนี้ข้ายังมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าได้ แต่ว่าเจ้าวางใจเถอะ อีกไม่นานข้าจะขึ้นเขาหมื่นปีศาจเข่นฆ่าสังหารเอง เพื่อที่จะนำพวกเจ้าเหล่าลิงกลายเป็นหม้อไฟเอง ! ” พริบตาที่เยี่ยจงมีปฏิกิริยากลับคืนมา มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อตอนนี้ก็ได้สร้างความหวาดกลัวขึ้นมาชนิดหนึ่งเข้าไปยังภายในจิตใจของเขา เผาผลาญจิตใจของเขา พริบตานั้นเขาก็ได้มีปฏิกิริยากลับมา ตนเองจะต้องมีสักวันที่จะต้องฆ่าสังหารเจ้าลิงตัวนี้ให้จงได้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็คงจะไม่อาจรักษาบาดแผลภายในใจนี้ของตนเองได้

“เจ้าลิงที่น่าตายเจ้ารอก่อนเถอะ รอจนวันที่ข้าเข้าสู่ระดับมหาราชัน เมื่อนั้นก็จะเป็นเวลาตายของเจ้า ! วันนี้ข้าขอจัดการกับสำนึกเทวะของเจ้าก่อน ทำเจ้าได้รู้ว่าการสูญเสียนั้นเป็นเช่นไร ! ” เยี่ยจงก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ผนึกตราผนึกนภาฟาดออกไป มุ่งหน้าเข้าไปยังเงาร่างของมหาราชันปีศาจเผ่าวานรจนแตกระเบิดออกไป

“ซูม——”

ในครั้งนี้ เงาร่างของมหาราชันปีศาจเผ่าวานรก็ประดุจดั่งมีน้ำมันราดเข้าไปก็มิปาน เริ่มต้นที่จะลุกโชนขึ้นมา ตราผนึกนภาของเยี่ยจงที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิบมนต์ตราเทพโบราณ มีความน่าหวาดกลัวเหนือคนา มีพลังทำลายอันลี้ลับ มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อในตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่สำนึกเทวะที่ภายในมีบรรยากาศของมหาราชันเท่านั้น ย่อมไม่อาจที่จะต้านทานเอาไว้ได้

“กึงกึงกึงกึง——”

เยี่ยจงลงมือติดต่อกัน เมื่อถึงตอนท้าย ก็ได้ผนึกเข้าไปยังใจกลางหน้าอกของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อไปในทันที ดวงตาของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อสาดเป็นประกาย ในที่สุดร่างกายของมันก็ได้ทอประกายแสงขึ้น หายวับไปภายใต้ท่ามกลางอากาศ

“เจ้าหนูเยี่ยจง อีกไม่นาน พวกเราก็จะได้เห็นดีกัน ! ” น้ำเสียงอันเย็นชาก็ได้ค่อยๆ หายออกไปท่ามกลางอากาศ นี้เป็นคำพูดที่มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อทิ้งเอาไว้

เยี่ยจงหัวเราะออกมาเสียงเย็นชา เขาไม่มามัวแต่เสียเวลาอีก เขาย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี ตอนนี้สภาวะภายใต้ร่างกายในระยะร้อยหมื่นลี้ของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อย่อมต้องสัมผัสได้ ไม่แน่ว่าเขาจะลงมือออกมา ในเวลาเดียวกัน ราชันปีศาจเผ่าวานรที่อยู่ในสภาพจะตายก็ไม่ตายในสถานที่แห่งนี้ เขาย่อมไม่คิดให้มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมาอีก

“ตูม——”

เยี่ยจงไม่ชักช้ารีรอ ในขณะนี้เองก็ได้กุมกระบี่ดำเอาไว้ สำนึกกระบี่ตัดความว่างเปล่าก็ได้ถูกกวาดออกไปอีกครา มุ่งหน้าเข้าสังหารเข้าไปยังบริเวณทางด้านของราชันปีศาจเผ่าวานร

ตอนนี้ ศีรษะของราชันปีศาจเผ่าวานรก็ได้ฟื้นฟูกลับคืนมาอยู่หลายส่วน มันมิได้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน เห็นได้ชัดว่า ในขณะที่มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อแผ่พุ่งพลังออกมาอยู่นั้น มันก็ได้สงบจิตใจเอาไว้ได้แล้ว ตอนนี้ ดวงตาก็ได้ทอประดุจคมดาบอันเย็นเยียบ จ้องมองไปที่เยี่ยจงอย่างเย็นชา แฝงเอาไว้ด้วยความแค้นอยู่ชนิดหนึ่ง

“หั้นเจ้าก่อนก็แล้วกัน เย็นนี้จะได้กินหม้อไฟหัวลิง ! ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา แล้วก็ได้เคลื่อนไหวไปมาในตอนนี้อย่างช้าๆ จากนั้นก็ได้เพิ่มระดับความเร็วสูงขึ้น

ราชันปีศาจเผ่าวานรทอประกายสายตาคมกล้า พริบตานั้น ส่วนศีรษะก็ได้ลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าหลบหลีกถอยไปบริเวณทางด้านหลัง

“ชิ——”

ในเวลาเดียวกันนี้เอง ในส่วนของร่างที่อยู่บริเวณทางด้านหลัง ส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่โตเท่ากำปั้น ก็ได้ปรากฏถ้ำที่ถูกขุดขึ้นมาอยู่ทางด้านหลังศีรษะราชันปีศาจเผ่าวานร ตอนนี้กลับทอเป็นประกายแสงเทวะออกมา

“นี้คือ พลังเทวะของเจ้างั้นหรือ ? ”

เยี่ยจงขมวดคิ้ว จ้องมองไปยังศีรษะของราชันปีศาจเผ่าวานรศีรษะจากนั้นก็พลังเทวะ จะว่าไป ราชันที่อยู่ในระดับเทวะทุกคนต่างก็มีความเข้าใจในสายตานี้แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีลักษณะเฉพาะที่ไม่ต่างกัน แต่ว่าพลังเทวะของราชันปีศาจเผ่าวานรเบื้องหน้าสายตาผู้นี้กลับกำลังสาดทออาการต่อต้านขึ้นมา เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

ทว่าหลังจากที่ดูอย่างละเอียดไปแล้ว ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้ร่างโอนเอนไปมา หัวเราะฮาฮาออกมาเสียงดัง

“เจ้าหนู เจ้าหัวเราะอะไรกัน ? ” ราชันปีศาจเผ่าวานรใบหน้าดำคล้ำ สีหน้าปั้นยากอย่างถึงที่สุด

“หากว่าข้าดูไม่ผิดแล้วละก็ สมควรที่จะนำไปทำเป็นซุปลิงนะ ? เป็นถึงระดับราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งกลับต้องมาซุปลิงตัวหนึ่งอย่างงั้นหรือ ? อุ——ฮาฮาฮา——” เยี่ยจงหัวเราะออกมาเสียงดัง มือกุมไปไว้ที่ท้อง ราวกับพบเห็นกับเรื่องที่ขบขันเป็นอย่างมากก็มิปาน “ยังไงลิงก็ยังเป็นลิง ถึงแม้จะเรียนรู้การศึกของมนุษย์ เรียนรู้ภาษา แต่ว่าก็ยังคงเป็นลิงอยู่ดี ซุปลิงในพลังเทวะ โอ๊ย ข้าไม่ไหวแล้ว ฮาฮาฮา——”

“ชิ——” ราชันปีศาจเผ่าวานรก็ได้หน้าดำคล้ำขึ้นมา ในขณะที่กำลังจะใจเย็นขึ้นมาได้พริบตานั้นก็ได้ปะทุความโกรธขึ้นมา ท่ามกลางพลังเทวะนั้นในพริบตานั้นเองก็ได้มีประกายสายฟ้าพวยพุ่งเข้าสังหารเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

“เปรี้ยง——”

เยี่ยจงถึงแม้จะกำลังหัวเราะยกใหญ่ แต่ว่าเป้าหมายของเขานั้นก็คือการยั่วยุโทสะของราชันปีศาจเผ่าวานร ตอนนี้เขาก็ได้ก้าวออกไปอีกก้าว ในระหว่างนั้นก็ได้หลบเลี่ยงพลังประกายสายฟ้าสายนี้ไป ในเวลาเดียวกันก็ได้พุ่งเข้าไปยังบริเวณด้านข้างของศีรษะของราชันปีศาจเผ่าวานร จากนั้นก็ได้ผนึกพลังหมัดกดทับลงไป

“เปรี้ยง——”

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ได้ดังขึ้นมา ในขณะนี้เอง ประกายสีทองบนร่างของเยี่ยจงก็ได้แผ่กระจายออกมา

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset