เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 535 พลาดจากความสำเร็จ

ตอนที่ 535 พลาดจากความสำเร็จ

 

 

 

ทั้งสองฝ่ายเมื่อได้เข้าต่อสู้มาจนถึงขั้นนี้ อีกฝ่ายคิดที่จะสังหารเขา เยี่ยจงก็ย่อมที่จะไม่เกิดความเกรงใจอย่างแม้แต่น้อยแน่นอน หากว่าสามารถที่จะสังหารอีกฝ่าย เขาย่อมต้องลงมืออย่างไม่ลังเลแน่นอน นั้นก็เพราะว่านี้ไม่ได้มีอันใดให้ต้องกล่าวอีก ในเมื่อเกิดการต่อสู้เช่นนี้ขึ้นมา ไม่ใช่เจ้าตายก็เป็นข้ารอด ที่แท้จริงแล้วยังสามารถที่จะลงมือไว้ไมตรีได้อีกอย่างงั้นหรือ?

 

ขณะนี้ ท่ามกลางอากาศก็ได้มีคมศรกว่าร้อยสายพวยพุ่งออกมา ประดุจดั่งดาวตกที่อยู่เต็มท้องฟ้า ก็มิปาน มุ่งหน้าไล่ล่าเข้ายังบริเวณทางด้านของกงยี่จวินต่อไป คมศรของแต่ละสายต่างก็ทอดเป็นแสงยาวเหยียดออกมา จนให้ความรู้สึกถึงความน่าหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุดอยู่ชนิดหนึ่ง

 

“ฉึกฉึกฉึก——”

 

กงยี่จวินทอสีหน้าจนตรอกขึ้นมาในที่สุด แม้ว่าเขาจะถอยไปทางด้านหลัง เจิ้งหลงโจ่งในมือก็ได้ปะทุขึ้นมาอยู่อีกหลายครั้ง แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาเองก็ไม่อาจที่จะทำลายคมศรไปได้ทั้งหมด คมศรเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นสายใดเพียงสายหนึ่งก็ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาได้แม้จะเพียงแค่น้อยนิด แต่ว่าเมื่อมีคมศรรวมตัวกันขึ้นมามากมายถึงเพียงนี้ ต่อให้เขาที่ถูกเรียกขานกันว่ามนุษย์มาร ที่ได้เปิดศึกกับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ต่างก็จะไม่อาจที่จะไม่ถอยไปได้ ในเวลาเดียวกันก็ได้ทอสีหน้าเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดขึ้นมา

 

ยอดฝีมือทางด้านหลังเมื่อได้มองเห็นฉากนี้ แต่ละคนต่างก็เกิดอาการตกตะลึงขึ้นมา หรือว่าสุดยอดแห่งแดนหนานฮวง ที่รบร้อยครั้งไม่เคยพ่ายแพ้แม้สักครั้งอย่างมนุษย์มารกงยี่จวิน วันนี้ถึงกับต้องมาทอดร่างในสภาพเช่นนี้อย่างงั้นหรือ? หากว่าเรื่องนี้กระทำสำเร็จจริงขึ้นมา เกรงว่าคงจะเป็นที่น่าแตกตื่นของผู้คนไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

“ตูม——”

 

ประกายแสงสีทองทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ปะทุเป็นประกายขึ้นมา เคล็ดวิชากระบี่หกสุสานยากนักที่จะถูกกระตุ้นขึ้นมาได้สักครั้ง ขณะนี้ คมศรภายในฝ่ามือของเขาก็ได้ปะทุขึ้นมาจนกลายเป็นประกายแสงคมกล้าอย่างถึงขีดสุด จากนั้น ก็ได้พบว่าคมศรที่ได้แฝงเอาไว้ด้วยพลังลมปราณเคลื่อนไหวประดุจดั่งมังกรเหิน คำรามออกไปไม่หยุด จนเกิดเสียงดังเซียดแก้วหูขึ้นมา

 

“ตึก——”

 

เงาอสรพิษก็ได้พวยพุ่งออกไป ทันใดนั้นก็ได้มีคมศรเพิ่มมากขึ้นกว่าร้อยสาย มุ่งหน้าเข้าไปกระทบยังบริเวณทางด้านของกงยี่จวิน แล้วก็ได้เป็นเหมือนดั่งมีเสียงของอสนีบาตพวยพุ่งขึ้นไปยังด้านบนท้องฟ้าก็มิปาน จนแสบไปทั้งแก้วหู เจิ้งหลงโจ่ในมือของกงยี่จวินก็ได้ถูกฟาดออกไป แม้ว่าความฝืนต้านรับกระบวนท่าการโจมตีของเยี่ยจงเอาไว้ได้ แต่ว่าร่างของเขานั้นก็ได้ถูกซัดจนลอยกระเด็นออกไปหลายร้อยเมตร จนกระทั่งกระแทกเข้าไปชนกับภูเขาลูกหนึ่ง

 

“ตูม——”

 

แล้วก็ได้มีเงามังกรสายหนึ่งพุ่งออกมา เยี่ยจงก็ได้ลงมือด้วยพลังทั้งหมดอีกครั้ง

 

“ตึก——”

 

เจิ้งหลงโจ่งในมือกงยี่จวินก็ได้ฟาดออกไปอีกครั้ง แต่ว่าในครั้งนี้เจิ้งหลงโจ่งกลับไม่อาจที่จะหยุดสภาวะเอาไว้ได้ เหมือนกับว่าพร้อมที่จะสลายหายไปได้ทุกเวลาก็มิปาน และบริเวณมุมปากของเขานั้นก็ได้มีโลหิตไหลรินออกมาเป็นสาย ระหว่างที่ได้เข้าปะทะต่อสู้เช่นนี้อยู่นาน เขาในที่สุดก็ได้รับบาดเจ็บ

 

ยอดฝีมือที่อยู่ทางด้านหลังทั้งหมดต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ถึงกับสามารถที่จะจัดการกดดันกงยี่จวินมาจนถึงขั้นนี้ได้เรื่องเช่นนี้ นับตั้งแต่เริ่มยังไม่เคยมีผู้ใดคาดคิดเอาไว้ได้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ?

 

“อา——”

 

กงยี่จวินที่มีความวิปริตล้นฟ้า ก็ได้ทอสีหน้าแฝงด้วยความบ้าคลั่งขึ้นมา เขาก็ได้หันกลับมาเข้าไปยังทางด้านของเยี่ยจงด้วยสายตาที่เย็นชาคราหนึ่ง ในครั้งนี้ได้ใช้ออกไปด้วยพลังทั้งหมด แม้แต่ศีรษะก็ยังไม่หันกลับมามองมุ่งหน้าหลบหนีออกไปบริเวณทางด้านหลัง

 

เยี่ยจงหัวเราะอย่างเมินเฉย มิได้คิดที่จะรั้งมือกลับ เพียงแต่ค่อยๆ ง้างสายธนูเพื่อทำให้ธนูเทวะโห้วอี่เคลื่อนไหวอีกครั้ง ในครั้งนี้ ตลอดทั่วทั้งร่างกายบนล่างของเขาก็ได้เปล่งประกายแสงสีทองอันคมกล้าขึ้นมาจนไหลเวียนเข้าไปยังบริเวณใจกลางฝ่ามืออย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็ได้เคลื่อนไหว ใช้ออกมาด้วยประกายมังกรสายหนึ่งออกไปในทันที

 

“ตูม——”

 

ในที่สุด ประกายมังกรสายนี้ก็ได้ทะยานออกไป แฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุดอยู่ชนิดหนึ่ง นั้นก็เพราะว่า นี้แทบจะไม่เหมือนกับเป็นลูกศรเลย อีกทั้งก็ยังไม่คล้ายกับเงามังกรสายหนึ่ง เพียงแต่เป็นเหมือนกับมังกรที่แท้จริงตัวหนึ่งที่กำลังทะยานขึ้นสวรรค์ชั้นที่เก้าอยู่ก็มิปาน

 

ความเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ ถือได้ว่ามีพลังในการทำลายได้อย่างแท้จริง จนทำให้ยอดฝีมือไม่น้อยต่างก็เกือบที่จะถอยออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ มีอีกไม่น้อยเลยที่บนร่างกายยังคงสั่นไหวไปมาอย่างช้าๆ มุมปากก็ได้มีโลหิตไหลรินออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่อาจที่จะทนทานรับแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้

 

“รับ——”

 

ในครั้งนี้ กงยี่จวินไม่อาจที่จะไม่หันหน้ากลับมาเพื่อรับมืออีกครั้งได้ แต่ว่าการโจมตีเจิ้งหลงโจ่งของเขานั้นยังไม่ทันที่จะได้ใช้ออกมาได้ อีกทั้งยังไม่อาจที่จะก่อรูปก่อร่างขึ้นมาได้ภายในพริบตาได้สำเร็จ จึงได้ถูกบดขยี้จนกลายเป็นปุ๋ยผงไปในทันที จนเกิดเสียงอันน่าหวาดกลัวพวยพุ่งออกไป แล้วก็ได้พบว่านั้นเจิ้งหลงโจ่งได้แหลกละเอียดเป็นชิ้น และในขณะนี้ร่างกายของกงยี่จวินก็ได้ขยับขึ้นมา กระอักโลหิตออกมาคราหนึ่งอย่างรุนแรง ร่างกายก็ได้อยู่ในสภาพที่จนมุมอย่างถึงที่สุด

 

“ตูม——”

 

ประกายมังกรก็ได้พุ่งเข้าสังหารติดต่อกันออกไป หมายมุ่งที่จะสังหารกงยี่จวินลงในที่แห่งนี้

 

สภาพอากาศก็ได้เกิดความเคลื่อนไหว ในขณะนี้เอง กงยี่จวินก็ได้พลิกมืออยู่คราหนึ่ง 一柄ง้าววาดสวรรค์ปรากฏขึ้นมาอยู่ภายในใจกลางฝ่ามือของเขา ภายในนั้นก็ได้มีรังสีของพลังมหาราชันรวมเอาไว้อยู่ เครื่องมือต้องห้ามเล่มนี้ เห็นได้ชัดว่าย่อมต้องเป็นไพ่ตายของกงยี่จวินแล้ว

 

“อา——”

 

กงยี่จวินก็ได้กรีดร้องออกมาเสียงดัง ทอสีหน้าอดจนปัญญา ในเวลาเดียวกันง้าววาดสวรรค์ในมือก็ได้พุ่งแทงมุ่งหน้าออกไปยังบริเวณทางด้านหน้า ประกายแสงสีดำอันน่าหวาดกลัวก็ไปทอเป็นประกายขึ้นมา ต้านทานประกายมังกรเอาไว้

 

“ตูม——”

 

พลังการโจมตีทั้งสองสายก็ได้ปะทะเข้าหากันอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นก็ได้เกิดการระเบิดขึ้นมาจนกลายเป็นพลังอันน่าหวาดกลัวจนแผ่กระจายความเคลื่อนไหวออกมา กงยี่จวินพ่นโลหิตออกมาคำโต ร่างกายก็ได้อยู่ในสภาวะจนตรอกอย่างถึงที่สุด แต่ว่าในขณะนี้เขาก็ได้กัดฟันแล้วถอยหลังไป มุ่งหน้าเข้าไปยังสภาพอากาศที่ห่างไกลออกไป

 

“ต่อให้ใช้ออกมาด้วยเครื่องมือต้องห้าม กงยี่จวินก็ยังถึงกับได้รับบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้?”

 

ยอดฝีมือมากมายก็ได้มีสีหน้าแตกตื่นขึ้นมา บนใบหน้าต่างก็เต็มไปด้วยอาการไม่อยากที่จะเชื่อขึ้นมา พลังฝีมือเช่นนี้ก็ช่างสะท้านฟ้ามากเกินไปแล้ว ต่างก็ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของผู้คนทั้งหมดไปแล้ว เมื่อครู่ประกายมังกรสายนั้น แน่นอนว่าย่อมต้องสามารถที่จะสังหารราชันพลังเทวะขั้นที่สี่ได้แล้ว หรืออาจจะรวมไปถึงยอดฝีมือระดับราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าด้วย

 

ไต๋ซือน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ ไม่ว่าเขาที่แท้เป็นผู้ใด แต่ด้วยพลังฝีมือ ก็ช่างน่าหวาดกลัวเทียบเท่าได้กับปีศาจร้ายเลยก็ว่าได้

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้มองไปที่เยี่ยจง ทอสีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเมินเฉย ภายในจิตใจก็ได้เกิดความเคร่งเครียดขึ้นมา หากไม่ใช่เขา ด้วยความแข็งแกร่งที่มีมากจนเกินไปของนั้นก็เพราะว่ากงยี่จวินผู้นี้ เมื่อครู่ลูกศรดอกสุดท้ายนั้นเอง ก็ได้ก่อรวมเอาไว้ด้วยพลังจิตแห่งเทวะของตนเองเอาไว้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้รับอาการบาดเจ็บหนัก แต่ว่ากลับมิได้ทำให้กงยี่จวินบาดเจ็บจนถึงภายในได้

 

ขอบเขตขั้นก่อฟ้าพลังเทวะ! ตนเองจำเป็นที่จะต้องเข้าสู่ระดับนี้ให้เร็วที่สุด อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเข้าไปถึงระดับเทวะขั้นที่หนึ่งได้!

 

นี้ก็คือเสียงที่ดังขึ้นมาภายในจิตใจของเยี่ยจงในขณะนี้ หากมิใช่เป็นเช่นนี้แล้วละก็ ถึงแม้จะเป็นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังในการต่อสู้ในระดับปีศาจ ตนเองอย่างน้อยก็คงจะต้องถูกทำให้เคลื่อนไหวได้ นั้นก็เพราะว่า เพียงแค่พึ่งพาธนูเทวะโห้วอี่ย่อมต้องไม่ไหวอยู่แล้ว

 

ด้วยระดับพลังของทั้งสองฝ่ายที่แตกต่างกันจนเกินไป เมื่อต้องพบกันชนชั้นราชันปกติธรรมดาก็ยังแล้วกันไป แต่ว่ากลับต้องมาพบเจอกับเด็กน้อยที่มีพลังเทวะอีก แน่นอนว่าย่อมไม่มีคนใดที่ต่อกรได้ง่ายอย่างแน่นอน

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ภายในดวงตาของเยี่ยจงก็ได้ทอเป็นประกายเย็นเยียบขึ้นมา ประกายแสงสีทองทั่วร่างเขาขณะนี้ก็ได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง น่าหวาดกลัวแต่ละสายของคมศรก็ได้พวยพุ่งออกไปอีกครั้ง ผสานรวมเข้ากับสภาวะอากาศพวยพุ่งออกไปเป็นคมศรนับร้อยสาย คิดที่จะใช้โอกาสในครั้งนี้สังหารกงยี่จวินลง

 

“ไต๋ซือน้อยผู้นี้ก็ช่างอำมหิตไปแล้ว นี้เขาคิดที่จะจัดการความยุ่งยากอย่างกงยี่จวินไปในคราเดียวอย่างงั้นหรือ!”

 

“กงยี่จวินจบสิ้นแล้ว ที่เปล่งประกายทำร้ายไปทั่วหล้า คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาถึงกับถูกกระทำกลับไปเช่นเดียวกัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้วละก็ กงยี่จวินคงจะต้องตายไปอย่างไม่ต้องสงสัย”

 

“น่าเสียดาย กงยี่จวินเดิมทีแล้วก็มีพลังในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา แต่ว่าเขากลับต้องมาต่อกรกับเด็กน้อยผู้นี้ที่ฝึกปรือพลังกายาทองไม่สูญสลาย ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้กุมเข้าไปที่ธนูเทวะโห้วอี่ ก็เพียงพอที่จะมีพลังพอที่จะสังหารเขาได้แล้ว มิเช่นนั้นแล้วละก็ ต่อให้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ลงมือ ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะทำอันใดเขาได้!”

 

“นี้ยังมีอันใดน่ากล่าวกัน จะสามารถคว้าชัยชนะได้หรือไม่ก็คงจะต้องดูที่พลังฝีมือของแต่ละคนแล้วละ!”

 

เยี่ยจงไล่ล่ากงยี่จวิน ตลอดทางในการไล่ล่ามา จนในท้ายที่สุด บริเวณทางด้านหลังของกงยี่จวินก็ได้มีเหล่าผู้ติดตามโผล่ขึ้นมานับไม่ถ้วน อาจจะมีคมศรบางสายที่ในบางครั้งจะสามารถกระทบถูกบนร่างกายของเขาได้ ต่างก็ทำให้เขาต้องพ่นโลหิตออกมาคำโต

 

ตลอดทางนับร้อยลี้มานี้ ตลอดรายทางที่ได้พบเจอกับยอดฝีมือมามากมาย ราวกับว่าผู้คนทั้งหมดต่างก็ยากที่จะเชื่อได้ลง แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าเหมือนกับได้พบเจอกับภูตผี โดยเฉพาะเหล่ายอดฝีมือที่ได้มาจากแดนหนานฮวงเหล่านั้น ยิ่งแทบจะหันหน้าแทรกแผ่นดินหนีไป นั้นก็เพราะว่าพวกเขานั้นต่างก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี กงยี่จวินที่แท้เป็นบุคคลที่มีความน่าหวาดกลัวถึงเพียงไหน แต่ว่าวันนี้กลับต้องมาถูกไล่ล่าในสภาพเช่นนี้ นี้ก็ช่างเป็นเรื่องที่กลับตาลปัตรไปจนหมดก็มิปาน

 

“ไต๋ซือน้อยผู้นั้นที่แท้เป็นผู้ใดกัน คิดไม่ถึงว่าจะสามารถที่จะกดขี่มนุษย์มารกงยี่จวินได้จนถึงขั้นนี้ได้? เขาที่แท้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่!”

 

“ทั่วร่างก็ได้ทอประกายแสงสีทองอันคมกล้าขึ้น นี้คือพลังกายาทองไม่สูญสลายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว? คนผู้นี้ คงจะมิใช่ว่าเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์เยี่ยจงผู้นั้นหรอกนะ?” ผู้คนมากมายต่างก็จ้องมองไปที่เยี่ยจงอย่างละเอียด แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าที่ไม่อยากที่จะเชื่อขึ้นมา

 

เรื่องราวของเยี่ยจงนั้นถือได้ว่าเป็นที่น่าแปลกเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าสามารถที่จะผูกได้กับทุกเรื่อง ขณะนี้คนที่ลงมืออยู่ก็คือเขา แต่ว่าเขาในที่สุดกลับมิได้ปรากฏโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา ผู้คนมากมายทั้งหมดแม้ว่าจะยังคงเกิดความสงสัย แต่ว่าก็ยังไม่กล้าพอที่จะเชื่อได้ลง

 

“ไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นเขาหรือไม่ หลังผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ไต๋ซือน้อยผู้นี้ถือได้ว่าช่างเป็นผู้ที่น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว”

 

“ฉึกฉึกฉึก——”

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เมื่อพบเห็นว่าคนที่มาดูยิ่งมาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเองก็เกรงว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนแปลงกลับกลาย ต่อมาก็ได้ง้างไปที่ธนูเทวะโห้วอี่ พลังเทวะบริสุทธิ์ตลอดทั่วทั้งร่างก็ได้รวมตัวกันขึ้น แล้วก็ได้แผลงศรออกไปจนกลายเป็นประกายมังกรอีกสามสาย

 

ประกายมังกรทั้งสามสายนี้ก็ได้อยู่ในสภาวะที่กงยี่จวินในขณะนี้ยากที่จะต้านทานเอาไว้ได้ เขาได้แต่เพียงลืมตามองไปที่ประกายมังกรพุ่งเข้ามายังร่าง จากนั้นก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำโต โลหิตทั่วร่างก็ได้ปลิ้วว่อนดุจดอกไม้ร่วงหล่น บาดแผลนั้นลึกจนเห็นถึงกระดูก

 

แต่ว่า ต่อให้เป็นประกายมังกรสามสายสอดคล้องกัน กงยี่จวินกลับยังไม่ตายลง เขาก็ได้พ่นโลหิตออกมาคำโต แต่ว่ายังคงหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

 

“เป็นพลังชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”

 

เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชา แล้วก็ได้ง้างสายธนูเทวะโห้วอี่ออกอีกครั้ง เตรียมตัวที่จะจัดการฆ่าสังหารกงยี่จวินลงในที่แห่งนี้

 

“เจ้าหนุ่ม ทุกคนต่างก็มาเพื่อทดสอบฝีมือ หากลงมือกันเอาเป็นเอาตาย ก็คงจะไม่ดีหรอกกระมั่ง?” ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีชายชราสวมไว้ด้วยชุดสีขาวปรากฏตัวขึ้นมา เขาใช้มือข้างใหญ่กดดันอย่างช้าๆ แล้วก็ได้พบว่าคมศรมากมายนับไม่ถ้วนทั้งหมดก็ได้ถูกบดขยี้ไปภายในพริบตานั้น ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ขวางอยู่บริเวณทางด้านหน้าของกงยี่จวิน ทอสีหน้าเมินเฉย

 

“ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้า!”

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา คนผู้นี้อย่างน้อยก็คงจะต้องเป็นผู้คุ้มกันของกงยี่จวินแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ไม่ลงมือมาโดนตลอด ก็คงเป็นเพราะว่ากงยี่จวินนั้นยังไม่ได้อยู่ในอันตรายจนถึงแก่ชีวิต และขณะนี้กงยี่จวินราวกับว่าจะต้องตายลงอย่างแน่นอนแล้ว เขาจึงค่อยลงมือ เห็นได้ชัดว่าไม่คิดที่จะปล่อยให้กงยี่จวินตายตกไป

 

เยี่ยจงก็ได้ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าววาจาไร้สาระมากมาย ใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ หันกายจากไปอย่างรวดเร็ว ขณะนี้สภาวะของเขาไม่สู้ดีนัก อย่าว่าแต่ต้องมาเผชิญหน้ากับชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้า ต่อให้ต้องมาพบเจอกับชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามต่างก็ไม่มีความหวังที่มากจนเกินไป เรื่องการไปหาที่ตาย เขาย่อมไม่กระทำอย่างแน่นอน

 

“เจ้าหนุ่ม กระทำเรื่องเช่นนี้ต่อนายน้อยบ้านข้าแล้วคิดจะไปอีกงั้นหรือ ไม่ค่อยดีหรอกนะ?” ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าเอ่ยปากขึ้นมาอย่างเมินเฉย

 

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา มิได้ตอบกลับ แต่ว่าเขาก็ได้ใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบในระดับสูงสุดภายในพริบตา ในเวลานี้ คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าก็ยังไม่อาจที่จะคว้าจับไปที่แม้แต่เงาร่างของเขาได้

 

“นี้——เป็นวิชาเผ่ามนุษย์ที่รวดเร็วยิ่งนัก?” ชนชั้นราชันผู้นั้นก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าปั้นยากขั้นมาอีกหลายส่วน เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ครุ่นคิดไม่เข้าใจ นายน้อยที่เกรงกลัวความยากลำบากเป็นที่สุดผู้นี้ เหตุใดถึงได้ไปตอแยกับบุคคลที่มีการคงอยู่อย่างน่าหวาดกลัวเช่นนี้ได้กัน ท้ายที่สุดแล้วยังเกือบที่จะต้องทิ้งชีวิตไปอีก

 

“ชนชั้นราชัน! จำเป็นที่จะต้องทะลวงเข้าสู่ขอบเขตขั้นก่อฟ้าพลังเทวะให้เร็วที่สุด สำเร็จสู่ขั้นราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่ง!”

 

เยี่ยจงทางหนึ่งถอยทางหนึ่งขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน หดหู่จนแทบจะกระอักโลหิตออกมา หากว่าเมื่อครู่เขามีพลังฝีมือในระดับราชันขั้นที่หนึ่ง อย่าว่าแต่ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้านั้นลงมือ ต่อให้ผู้ที่มาเป็นชนชั้นมหาราชันที่แท้จริงแล้วละก็ กงยี่จวินนั้นก็ไม่แน่ว่าอาจจะต้องถูกเขาสังหารไปแล้ว

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset