ตอนที่ 543 การปรากฏตัวอีกครั้งของตาเฒ่าไม้ใกล้ฝั่ง
老棒子 ตาเฒ่าไม้ใกล้ฝั่ง
แล้วก็ยังคงนั่งสมาธิลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ เยี่ยจงก็ได้นำเอาโอสถปราณหลายเม็ดมากินเพื่อรักษา จนฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน เขาเมื่อมีความคิดชั่ววูบ กระบี่เทวะไร้สภาวะของตนเองก็ได้ผนึกรวมเข้าไปยังพลังเทวะชั้นที่หนึ่งไปตั้งแต่แรกแล้ว
วินาทีนั้นเอง เยี่ยจงก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน ทั่วทั้งฝ่ามือของตนเองก็ได้เกิดการไหลเวียนพลังเทวะขั้นที่หนึ่งขึ้นมาสายหนึ่ง ราวกับว่ามีความสัมผัสไร้รูปร่างขึ้นมาชนิดหนึ่ง หากกล่าวว่าในทุกๆ ครั้งที่เขาได้ใช้ออกด้วยกระบี่ไร้ลักษณ์จำเป็นที่จะต้องสิ้นเปลืองพลังไปเป็นอย่างมากแล้วละก็ เช่นนั้นขณะนี้กระบี่ไร้ลักษณ์ก็สามารถใช้ออกมาได้ตามใจนึก เขาในขณะนี้ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าจะแข็งแกร่งกว่ามากน้อยกี่เท่า เพียงแค่ฝ่ามือก็พลิกสวรรค์ได้ เพียงแค่ดัชนีก็สามารถพลิกมหาสมุทรได้
พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังเทวะ หากกล่าวในความหมายเช่นนี้ ไม่ว่าจะมีพลังเทวะซักกี่ระดับ ก็ยังคงต้องมีข้อจำกัดอยู่ซักอย่างหนึ่งอยู่ภายใน จึงจะสามารถที่จะฝึกปรือได้อย่างหมดจด และเยี่ยจงในขณะนี้ เรียกได้ว่าเป็นพลังเทวะขั้นที่หนึ่งที่สมบูรณ์แบบ
พ้นพลังสวรรค์ในขณะนั้นเอง ในที่สุดค่อยๆ ที่จะเลือนรางหายไป เยี่ยจงลุกกายขึ้นมา แล้วก็ได้สวมอาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุไว้บนร่างขึ้นมาอีกครั้ง เขาในขณะนี้ก็ได้อยู่ในลักษณะแหงนมองฟ้า ทอประกายดวงตาลึกล้ำ ผิวพรรณผุดผ่อง จนเกิดเป็นบรรยากาศที่ยากจะอธิบายออกมาได้แผ่กระจายออกมาจากภายในร่างกาย
บริเวณอีกทางด้านหนึ่ง ระฆังอัสนีก็ได้ถูกทำลายลง และร่างกายของกงยี่จวินก็ได้ปรากฏขึ้นมายังท่ามกลางอากาศภายในพริบตา ในช่วงเวลาที่ได้กระทบลงบนพื้นดินนั้นเอง ตลอดทั่วทั้งร่างก็ไหม้เป็นสีดำ ราวกับตายไปแล้ว
“นี้……นี้ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน ไต๋ซือน้อยท่านนั้นกลับปลอดภัยไร้เรื่องราว แต่ว่ากลับเป็นกงยี่จวินเองที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดอย่างงั้นหรือ?”
“นี้เป็นกงยี่จวินที่พ่ายแพ้ไปอย่างงั้นหรือ? อีกทั้ง ทำไมข้าถึงรู้สึกได้ว่าไต๋ซือน้อยนั้นราวกับว่าแข็งแกร่งขึ้นอีกเล่า?”
บนใบหน้าของคนกลุ่มนี้ก็ได้ปรากฏอารมณ์ที่ชาด้านขึ้นมาแทบจะทั้งสิ้น พริบที่พ้นพลังสวรรค์ได้เลือนรางหายไป พวกเขาต่างก็คาดเดากันว่า เยี่ยจงสมควรที่จะมลายหายไปแล้ว แต่ว่าแน่นอนว่าย่อมต้องนึกไม่ถึง ท้ายที่สุดจะต้องมาพบเห็นเรื่องที่ไม่คาดคิดอย่างฉากเช่นนี้ได้ คนมากมายในขณะนี้ต่างก็ทอสายตาโง่งม ราวกับว่าไม่กล้าพอที่จะเชื่อสิ่งที่จะเองพบเห็นได้
จงหลี่และหลิงเฟ่ยทั้งสองคนต่างก็สบตากัน พวกเขาทั้งสองต่างก็ทราบว่าเยี่ยจงอยู่ในช่วงของการทะลวงพลังอยู่ ย่อมต้องพอที่จะคาดเดาฉากที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ขึ้นมาได้ ขณะนี้เมื่อได้พบเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันได้ถึงสิ่งที่คาดคิดเอาไว้ได้
“กงยี่จวินเด็กน้อยผู้นี้ก็ช่างโชคร้ายเสียจริง หากเรื่องใครไม่หา กลับเอาแต่มาหาเรื่องพี่เยี่ย นี้มิใช่เป็นการหาที่ตายหรือยังไงกัน? ควรทราบว่า แม้แต่บุคคลเฉกเช่นสือซิ่งก็ยังต้องพลาดท่าไปให้กับเขาครั้งใหญ่ อีกทั้งยังถึงสองครั้งสองครา ” จงหลี่กล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ทอสีหน้าแปลกใจ
ด้านหลิงเฟ่ยเองก็ได้ทอดวงตาขึ้นมาจนเป็นประกายดวงดาวดวงน้อยๆ ขึ้นมา เยี่ยจงก็ได้ยืนอยู่บนพื้น พลิกมือวาดไปตามสายลมด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ทำให้เขาเกิดความนับถือขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“หากกล่าวเช่นนี้แล้วละก็ พี่ใหญ่เยี่ยตอนนี้ใช่ได้เข้าสู่ระดับราชันแล้วอย่างงั้นหรือ?” หลิงเฟ่ยเกิดอาการแปลกใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“อย่างน้อยก็คงจะใช่ ทว่าชุดบนร่างของพี่เยี่ยนั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง รู้สึกเป็นที่คุ้นตายิ่งนัก ทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะดูแคลนเขาไปได้ ดังนั้นเรื่องทั้งหมดก็ใช่ว่าจะสมควรกล่าวออกมา!” จงหลี่ถอนหายใจออกมาติดต่อกัน
ขณะนี้ร่างกายของกงยี่จวินก็ได้สั่นเทาตลอดทั่วทั้งร่างกายเบาๆ อยู่บนพื้น ร่างกายเต็มไปด้วยแผล ภายในร่างกายก็ได้เกิดเป็นประกายสายฟ้าพุ่งขึ้นมาไม่หยุด เสียงดังติดต่อกัน เห็นได้ชัด ในเวลาเช่นนี้เขาแม้แต่จะเอ่ยปากขึ้นมาก็ยังไม่อาจที่จะทำได้ ได้แต่เพียงแค่หายใจออกมาก็สุดทนแล้ว แม้แต่ลุกขึ้นมาก็ยังไม่มีเรี่ยวแรง
กงยี่จวินกลับอยู่ในสภาวะที่ถูกทำให้กล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่า เด็กน้อยผู้นี้มาเพื่อกู้ศักดิ์ศรี จนท้ายที่สุดกลับต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ราวกับว่าพ้นพลังสวรรค์ที่ตนเองชักนำมาได้มาอย่างแทบตาย และคู่ต่อสู้ของเขากลับยังคงมีชีวิตกระโดดโลดเต้นได้อยู่ มีสติสมาธิอย่างเต็มเปี่ยม คล้ายกับได้รับประโยชน์อันยิ่งใหญ่มาจากภายในท่ามกลางพ้นพลังสวรรค์ก็มิปาน
เยี่ยจงจ้องไปที่กงยี่จวิน ก็ได้เข้าใจขึ้นมาได้ อีกฝ่ายขณะนี้เมื่อทราบสถานะของตนเองแล้ว คนผู้นี้หากว่าไม่ตายแล้วละก็ วันข้างหน้าอย่างน้อยคงจะต้องนำเภทภัยมาให้แน่ นี้หากกล่าวจากมุมมองของตนเองแล้ว แน่นอนว่าย่อมมิใช่เรื่องดีอันใด
พริบตานั้นเอง เยี่ยจงเคลื่อนไหวร่างกายคราหนึ่ง ก็ได้เข้ามาจนถึงกงยี่จวิน จากนั้นเขาก็ได้ยื่นมือขวาออกมา ก็ได้เตรียมพร้อมที่จะสังหารกงยี่จวินทิ้ง แม้ว่าขณะนี้คนมากมายจะจับตามองกันอยู่ แต่ว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ไม่สังหารกงยี่จวิน กับสังหารเขาเสียยังจะชักนำเรื่องยุ่งยากมาให้เขาได้มากเสียกว่า เช่นนี้สมควรที่จะทำอย่างไร เยี่ยจงย่อมเข้าใจได้เป็นอย่างดี
“ซวบ——”
ในทันทีที่เยี่ยจงจะลงมือพริบตานั้นเอง ก็ได้ยินเสียงตัดผ่าสายลมดังลอดเข้ามาเป็นสาย จากนั้นก็ได้มีเฒ่าชราสวมชุดสีขาวปรากฏตัวขึ้นมา เขาแท้จริงแล้วก็คือผู้คุ้มกันของกงยี่จวิน ขณะนี้ได้อยู่ในสีหน้าที่กระอักกระอ่วนเป็นอย่างยิ่ง ขวางทางเยี่ยจงเอาไว้
“สหายน้อยยังคงลงมือไว้ไมตรีด้วย ” ผู้คุ้มกันเอ่ยปากขึ้นมา ทอสีหน้ากระอักกระอ่วนพร้อมกับอัดอั้นขึ้นมา นายน้อยของตนเองผู้นี้นั้นยังเคยกล่าวอีกว่าต้องการที่จะมาเพื่อสังหารศัตรู ผลสุดท้ายกลับต้องมาถูกผู้คนทุบตีคืนอีก เขาไม่อาจที่จะไม่ออกหน้าได้ อีกทั้งยังเป็นถึงครั้งที่สามแล้ว ต่อให้เป็นหนังหน้าของเขา ขณะนี้ต่างก็ยังรู้สึกได้ว่าขายหน้าอย่างถึงที่สุด
“เหว่ย ตาเฒ่าไม้ใกล้ฝั่ง เจ้ามาอีกแล้ว!” เยี่ยจงมิได้ตกใจอะไรมากมาย อีกทั้งพอที่จะคาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าเขาอย่างน้อยก็คงจะต้องปรากฏตัว ในระหว่างที่กล่าวออกมาอยู่ เขาก็ได้นำธนูเทวะโห้วอี่ออกมา รั้งสายธนูออกทันที กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “น่าเสียดาย ขณะนี้มิใช่ก่อนหน้านี้ทั้งสองครั้งแล้ว ปู่เล็กอย่างข้าตอนนี้ได้สำเร็จระดับราชันแล้ว ต่อให้ตาเฒ่าอย่างเจ้าผู้นี้ลงมือ ข้าก็ยังสามารถที่จะสังหารไปพร้อมกันได้!”
หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้เตรียมพร้อมที่จะแผลงคมศร สังหารผู้คุ้มกันของกงยี่จวิน
นี้ถือเป็นการกระทำที่เป็นไปตามนิสัยของเขา ทำให้ผู้คนต่างก็อ้าปากตาค้าง ยอดฝีมือไม่น้อยที่มองดูอยู่โดยรอบต่างก็ไม่อาจกล่าวอันใดออกมาได้ เคยพบพานคนที่ไร้ซึ่งความกลัว แต่ว่าก็ยังไม่เคยพบเจอกับผู้ที่ไร้ซึ่งความกลัวถึงขึ้นนี้มาก่อน ผู้คุ้มกันของกงยี่จวินไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังเป็นชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้า ระยะจากระดับราชันก็มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่านึกไม่ถึงเขากลับเตรียมพร้อมที่จะลงมือแล้ว
“แท้จริงแล้ว ภายในท่ามกลางพ้นพลังสวรรค์ กงยี่จวินที่ถูกจัดการจนเกือบตาย ไต๋ซือน้อยผู้นั้นคงจะได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวนะ!”
“นี้ใช่ถือว่าเป็นดั่งคำว่าแขกเกริกแย่งบทบาทของเจ้าภาพหรือเปล่าละ? เจ้าภาพที่แทบจะไม่รอดอยู่แล้ว แต่คู่ต่อสู้กลับยังได้รับประโยชน์อีกงั้นหรือ?”
“ขณะนี้ กงยี่จวินอย่างน้อยก็คงจะต้องแค้นจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้วกระมั่ง?”
ผู้คนไม่น้อยต่างก็กำลังถกเถียงกัน ในเวลาเดียวกันก็ได้มองไปที่เยี่ยจงและบริเวณที่ผู้คุ้มกันนั้นอยู่ ทั้งสองคนนี้หากว่าลงมือแล้วละก็ เช่นนั้นก็มีให้ดูให้ชมอีกแล้ว
“สหายน้อย นายน้อยขณะนี้ได้พ่ายแพ้ไปแล้ว อีกทั้งข้าขอรับรองว่าจะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว ไม่ทราบว่าสหายน้อยจะสามารถยั้งมือไว้ไมตรีได้หรือไม่?” ผู้คุ้มกันทอสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมา ได้แต่เพียงยกมือคารวะไปมา แต่ว่าก็มิได้มีความหมายที่จะลงมือแต่อย่างไร ฉากนี้ต่อให้เป็นคนตาบอดก็มองออก เขานั้นได้เกิดความหวาดกลัวต่อเยี่ยจงขึ้นมาหลายส่วนแล้ว
“ครั้งสองครั้งยังไม่พอ ยังถึงกลับมาหาเรื่องข้าเองถึงสามครั้ง เมื่อพ่ายไปแล้วยังคิดที่จะจากไปโดยที่ยังมีร่างกายที่สมบูรณ์ ในโลกนี้มีเรื่องที่ดีถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ?” เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา ในเวลาเดียวกันยกมุมปากขึ้นมาแล้วกล่าว “เจ้าคิดที่จะพาตัวเขาไปนั้นย่อมได้ เอาพลังเทวะมาแลกกับชีวิต ไม่เช่นนั้นต่อให้ท่านปู่น้อยอย่างข้าวันนี้ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ต้องสังหารให้จงได้!”
ยอดฝีมือที่มองดูอยู่โดยรอบก็ไม่อาจกล่าวอันใดออกมาได้ เยี่ยจงอยู่ในท่าทางดุดัน นึกไม่ถึงจะสามารถที่จะเอ่ยวาจาที่เหมือนกับขู่กรรโชกเช่นนี้ออกมาได้ ช่างทำให้ผู้คนกล่าวอันใดออกมาไม่ออกได้อย่างแท้จริง
“ข้าเห็นว่าสหายน้อยมีลักษณะที่องอาจยิ่งนัก คำขอร้องเช่นนี้ มิใช่ว่ารังแกกันเกินไปหรอกไม่?” ผู้คุ้มกันหัวเราะอย่างขมขื่น
“ตาเฒ่าไม้ใกล้ฝั่งเจ้ามีวาจาไร้สาระมากมายเช่นนั้นจากไหนกัน จะมอบหรือไม่มอบ? หากไม่ส่งมอบมาท่านปู่เล็กอย่างข้าก็จะลงมือแล้ว!” เยี่ยจงไม่แยแสอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าไม่เห็นผู้คุ้มกันที่มีพลังเทวะขั้นที่ห้าอยู่ในสายตาแทบทั้งสิ้นก็มิปาน
“นี้……พลังเทวะนั้นได้มีไว้ถ่ายทอดให้คนในพรรค ข้าผู้ชราไม่อาจที่จะมอบให้แก่สหายน้อยได้ แต่ว่า วัตถุชิ้นนี้ไม่แน่ว่าอาจจะมีค่าไม่ต่างจากพลังเทวะมากนัก ไม่ทราบว่าสหายน้อยจะเห็นแก่หน้าได้หรือไม่?” ผู้คุ้มกันหลังจากที่เข้ามาพัวพันแล้ว จากนั้นเขาก็ได้ยื่นมือนำกล่องหยกออกมาจากในอก โยนให้แก่เยี่ยจง
เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา ระหว่างที่ได้เปิดออก จากนั้นเขาก็ได้งงงันขึ้นมาเล็กน้อย เพราะว่าสิ่งที่ปรากฏภายในกล่องหยกนึกไม่ถึงว่าจะเป็นขนแพะโบราณหลายแผ่น และเมื่อนำมาปะติดปะต่อกับที่เยี่ยจงได้รับมาก่อนหน้านี้ทั้งสองส่วนแล้วละก็ ก็ขาดอีกแค่เพียงส่วนเดียวก็จะถือได้ว่าเป็นตัวแผนที่ที่สมบูรณ์แผนหนึ่งขึ้นมาได้ และหากเป็นไปตามคำบอกเล่าของสองพี่น้องแซ่หาน จุดหมายของแผนที่นี้ ก็คือเป็นสถานที่ที่เป็นดั่งที่ตั้งของตำนานของจักรพรรดิฟ้าตนหนึ่งนั้นเอง
แม้แต่เยี่ยจงเองก็ยังคิดไม่ถึง นึกไม่ถึงว่าตนเองจะได้รับวัตถุชิ้นนี้มาด้วยวิธีเช่นนี้ และหากมองในความหมายนี้แล้ว วัตถุชิ้นนี้ย่อมมีค่าไปด้อยไปกว่าพลังเทวะสายหนึ่งอย่างแน่นอน แน่นอนว่า จากนี้เยี่ยจงก็ต้องค้นหาชิ้นส่วนที่เหลืออยู่ชิ้นสุดท้ายมาต่อกันให้ครบ
“ดูจากสีหน้าของสหายน้อยแล้ว สมควรที่จะทราบอยู่แล้วว่าวัตถุชิ้นนี้มีราคามากถึงเพียงใด ในครั้งนี้ พรรคข้าจะถอยออกไปจากการแย่งชิงของสุสานเซียนนี้ ยังคงขอให้สหายน้อยโปรดวางใจ นายน้อยบ้านข้า จะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าอีกแน่นอน !” ผู้คุ้มกันยกมือขึ้นคารวะ จากนั้นก็ได้ชัดแขนเสื้อกลับ หอบเอากงยี่จวินจากออกไปอย่างรวดเร็ว
เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา กระนั้นก็ยังมิได้ลงมือออกไป ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร ชิ้นส่วนเศษกระดาษที่ได้รับมา เขาก็ถือได้ว่ามองเห็นโอกาสที่สวรรค์ส่งมาให้แล้ว
“เอาละ สลายตัวไปเถอะ ต่างก็สลายตัวกันได้แล้ว!”
เมื่อได้เก็บสิ่งของเอาไว้ เยี่ยจงก็ได้โบกมือไปมา เป็นสัญญาณให้ยอดฝีมือคนอื่นๆ ที่มองดูอยู่โดยรอบจากไป ยอดฝีมือเหล่านี้ต่างก็กล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง เหตุใดถึงได้มีคนที่หน้าด้านได้ถึงเพียงนี้กัน เขาคิดว่าตนเองเป็นระดับมหาราชันหรือยังไงกัน?
หลังจากนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้ลงมายืนบนพื้น ชักนำจงหลี่และหลิงเฟ่ยทั้งสองคนจากไปอย่างรวดเร็ว หากต้องอยู่ในสถานที่เช่นนี้ต่อไปแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องเกิดน่าน่ารำคาญขึ้นมาได้
“พี่เยี่ย เมื่อครู่ตาเฒ่าไม้ใกล้ฝั่งนั้นให้ของสิ่งใดแก่เจ้ากัน ทำไมดูไปแล้วกลับคุ้นตายิ่งนัก คงจะมิใช่เป็นเหมือนกับที่อยู่ในมือของข้านี้หรอกนะ?” จงหลี่ทันใดนั้นก็เดินเข้ามา ทอสีหน้าแปลกใจยื่นชิ้นส่วนของแผนที่ชิ้นหนึ่งให้แก่เยี่ยจง
เยี่ยจงมองไปที่แผนที่นี้คราหนึ่ง หางตาก็ได้กระตุกขึ้นมา พริบตานั้นสีหน้าก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นประหลาดใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด แม้แต่เขาเองก็ยังนึกไม่ถึงว่า ชิ้นส่วนสุดท้ายของสิ่งของนี้ นึกไม่ถึงจะมาอยู่ในมือของจงหลี่ นี้ได้ทำให้เยี่ยจงกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง ระหว่างนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก นึกไม่ถึงจะรวบรวมแผนที่ขึ้นมาจนครบได้
“ของสิ่งนี้มาจากสถานที่ใดกัน?” เยี่ยจงเกิดความอัดอั้นอย่างไร้ที่เปรียบ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมา เพื่อสิ่งของเช่นนี้ ตนเองที่ต้องบุกน้ำลุยไฟเพื่อแลกมา แต่ว่าเด็กน้อยผู้นี้กลับยอดเยี่ยมยิ่ง ยังถึงกับมีอยู่ชิ้นหนึ่งในมือ
“นี้ ก็เป็นครั้งที่แล้วที่พวกเราได้เข้าไปยังตำหนักสวรรค์เก้าชั้น แล้วก็ได้มีประกายแสงสายหนึ่งลอยเข้ามา จนทำให้ข้าเกินสลบไปในทันที ในเวลาที่ได้สติกลับมา ข้างกายก็ได้มีสิ่งของนี้มาแล้ว ทว่าคนอื่นๆ นั้นกลับมิได้มีความสนใจต่อเศษแผนที่นี่ จึงไม่มีคนแย่งชิง ทว่าตัวข้าเองนั้นมีวิชาทำนายทายทัก ก็ได้คำนวณออกมา เศษแผนที่นี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คงอยู่มานับพันนับหมื่นภายในสุสานชั้นที่สองนี้ เจ้าเมื่อครู่เมื่อได้สิ่งของมาแล้ว สมควรที่จะทำให้มันครบสมบูรณ์ หากว่าพวกเราสามารถที่จะได้รับแผนที่มาครบแล้วละก็ วาสนาแห่งเซียนภายในสุสานเซียนในครั้งนี้ จะต้องเป็นของพวกเราอย่างแน่นอนแล้ว!” จงหลี่เกิดความสนใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็ได้ดีดนิ้วคำนวณขึ้นมา หลังจากนั้น ทอสีหน้าได้ใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“นี้ พวกเราสมควรถือได้ว่าได้แผนที่มาครบแล้วก็ว่าได้ ” เยี่ยจงกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็ได้ชิ้นส่วนแผนที่อีกชุดออกมาให้จงหลี่ดู “ยังมีส่วนสุดท้ายอีกส่วน เมื่อวันก่อนได้ถูกไต๋ซือหวู่โหวเอาไปแล้ว ทว่าสิ่งที่บันทึกเอาไว้ข้าก็ได้จดจำเอาไว้แล้ว หากมองในมุมมองเช่นนี้ พวกเราก็สมควรที่จะรวบรวมมาได้ครบแล้วละ!”
“ได้รับแผนที่มาจนครบแล้วจริงอย่างงั้นหรือ?” จงหลี่เกิดความตื่นเต้นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด เขานับนิ้วดีดไปมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงค่อยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วกล่าว “สถานที่แห่งนี้อย่างน้อยก็คงจะต้องอยู่ภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ พวกเราอีกสามวันข้างหน้าค่อยมาพบกันในที่แห่งนี้ ข้าจะออกไปเตรียมความพร้อมส่วนหนึ่ง ในครั้งนี้ ต่อให้มีสุสานเซียนจริง พวกเราก็จะไปเอามันมาให้ได้!”
.
.
.
.
/กลุ่ม / 100บาทครับ
กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/