ตอนที่ 569 พ้นพลังสวรรค์อีกรอบ
“ตูม——”
รอบด้านของภูเขาโบราณก็ได้ถูกทำลายจนกลายเป็นทาง พลังปราณฟ้าดินในขณะนั้นเองก็ได้ทะยานออกมาประดุจมังกรพวยพุ่ง ประดุจดั่งเป็นสุสานมังกรที่แท้จริงแห่งหนึ่งก็มิปาน ในขณะนั้นเอง ก็ได้มีมังกรแท้นับไม่ถ้วนกำลังโบยบินขึ้นมาจากบนฟากฟ้า พลังรังสีแห่งมังกรก็ได้รวมเข้าด้วยกัน ประดุจดั่งความพลิกผันของพลังฟ้าดิน จนกลายเป็นความน่าหวาดกลัวนับไม่ถ้วน
พริบตานั้นพลังปราณก็ได้ถูกหนุนเสริมขึ้นมาเป็นระลอก กระบี่ไท่อาเจี่ยที่อยู่ในมือของชนชั้นมหาราชันหุบเขากระบี่แดนตงฮวง พริบตานั้นชนชั้นมหาราชันกลุ่มหนึ่งก็ได้เข้ามา คนมากมายราวกับได้เข้ามารวมกันอยู่บริเวณสุสานทั้งหมดภายในพริบตา จากนั้นแต่ละคนก็ได้สบตามองกัน เพราะว่าขณะนี้ไม่เพียงแต่จะเงาไม่เห็นกล่องหยกนั้นอีก แม้แต่มังกรอสรพิษที่มีพลังการต่อสู้ในระดับมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวก็ได้หายไปแล้วเช่นเดียวกัน
“ถูกคนช่วงชิงเอาไปก่อนแล้วอย่างงั้นหรือ ! ” มหาราชันเผ่าปีกในมือก็ได้กระชับกระดิ่งเซียน ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาแล้วเอ่ยปากกล่าว ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ต่างก็มีปฏิกิริยาออกมาตามๆ กัน เพื่อที่จะได้เห็นเองกับตา จึงได้มีการชักนำผู้คนกลับมามากมายถึงเพียงนี้ แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่าจะยังคงมาช้าไปเพียงครึ่งก้าว ก็ได้ถูกผู้คนนำหน้าไปก่อนแล้ว
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่แต่เพียงแค่มหาราชันเผ่าปีกเท่านั้น แม้แต่ชนชั้นมหาราชันทั้งหมดต่างก็เกิดอาการหดหู่จนแทบจะกระอักโลหิตออกมา ใช้ออกมาด้วยร้อยวิธีการ ทนความลำบากยากเข็ญ แต่ว่าในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดกลับต้องมาถูกคนช่วงชิงไปก่อนได้ ความรู้สึกเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายออกมาได้เลยทีเดียว
“ที่แท้เป็นผู้ใดทำกัน ! ? ”
ในขณะนั้นเอง ชนชั้นมหาราชันทั้งหมดต่างก็สบตามองกัน ด้วยความสงสัยเช่นนี้ ก็ได้ทำให้บรรยากาศทั้งหมดแข็งทื่อขึ้นมาอีกครั้ง
เยี่ยจงและคณะขณะนี้ถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง เพราะว่าหากว่าถูกกลุ่มชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ทราบ ไม่เพียงแต่แค่โลงศพหยกนั้น แม้แต่ซากศพของอสรพิษที่มีพลังการต่อสู้มนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเอาไปด้วยแล้วละก็ เกรงว่าชนชั้นมหาราชันเหล่านี้คงจะต้องล้อมโจมตีกันเข้ามาอย่างแน่นอน
หากมิใช่ก่อนหน้านี้เพื่อที่จะลดทอนความสงสัยในข้อนี้ เยี่ยจงและคณะที่ไม่ว่าจะยังไงก็คงจะไม่กลับมาอีกแล้ว เพราะว่าเยี่ยจงเองก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี สิ่งของที่ดีที่สุดในพื้นที่สุสานเซียนในครั้งนี้ โดยส่วนมากแล้วต่างก็ตกไปอยู่ในมือของพวกเขาไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว แม้ว่าจะไม่ทราบว่าคัมภีร์โบราณและโลงศพหยกที่แท้เป็นอะไรกันแน่ ใช้อันใดได้ แต่ว่ายังไงซะสิ่งของก็ได้ตกมาอยู่ในมือแล้ว
“ข้าคิดว่า เรื่องนี้อย่างน้อยจะต้องเป็นเจ้าหนูผู้นี้ทำอย่างแน่นอน ? นอกจากเขาแล้ว ข้าก็คิดไม่ว่ายังจะมีใครกันอีก ที่จะสามารถกระทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ ! ” มหาราชันปีศาจทุนเทียนหลังจากที่ได้ถอยออกไปจากสถานที่แห่งนี้แล้ว ก็ได้รักษาตัวดีขึ้นมาหลายตัว มือเท้าก็ได้ต่อเข้าด้วยกันแล้ว ขณะนี้เขามีใบหน้าที่ขาวซีด หันหน้าทอสีหน้าดุร้ายจ้องไปที่ทางด้านของเยี่ยจงที่ไม่ขยับเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลัง ทอสีหน้าขาวซีดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“เจ้านกน้อย จะกล่าววาจาก็ต้องมีหลักฐานด้วย ด้วยการอยู่เบื้องหน้าของสิ่งที่มีพลังการต่อสู้ในระดับมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้น ข้าย่อมไม่กลับมาหาที่ตายอย่างแน่นอน ! ” เยี่ยจงทอสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ
“จะเป็นเจ้าก็ดี จะไม่ใช่เจ้าก็ดี แต่ว่า ขณะนี้เมื่อไม่มีพลังแรงกดดันวิถีเซียนปกคลุมเอาไว้ พลังการต่อสู้ของพวกข้าย่อมไม่ถูกจำกัดเอาไว้อยู่แล้ว ราวกับยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้สะสางกับเจ้าให้กระจ่างอยู่อีกมากมายนะ ! ” มหาราชันปีศาจทุนเทียนก็ได้ก้าวเท้าเข้าสู่พื้นที่ว่างเปล่า ในระหว่างที่ก้าวเดินออกไป ก็ได้มุ่งหน้าเข้ากดดันเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง เห็นได้ชัดว่า ดูเหมือนว่าเขาในขณะนี้ คิดที่จะสังหารเยี่ยจง ยังถือได้ว่ามีความสำคัญมากกว่าเรื่องอื่นเสียอีก
“ทุนเทียน เจ้าอย่าได้บีบบังคับให้ข้าลงมือ เสี่ยวเยี่ยจงครั้งนี้เป็นข้านำพาเข้ามาเอง อาจารย์ปู่ได้รับปากเอาไว้แล้วว่าจะคุ้มครองเขาให้มีสภาพที่ครบทุกส่วน ! ” บริเวณทางด้านหลัง ไต๋ซือหวู่โหวขมวดคิ้วเล็กน้อย เพียงแต่ก้าวขึ้นมาทางด้านหน้า จ้องไปที่มหาราชันปีศาจทุนเทียนเอ่ยปากขึ้นมา
“หวู่โหว เจ้าคิดที่จะเช็ดก้นให้กับเขาอย่างงั้นหรือ ดูเหมือนว่า ในครั้งนี้เจ้าเองก็ได้ครอบครองสิ่งของดีๆ ไปไม่น้อยเลยมิใช่หรือ ? คงจะมิใช่ว่าโลงศพหยกเมื่อครู่นั้น จะถูกพวกเจ้าเข้ามาจัดการไปก่อนแล้วจริงหรอกนะ ? ” มหาราชันปีศาจทุนเทียนหัวเราะหึหึอย่างเย็นชา
เยี่ยจงและคณะต่างก็เกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา มหาราชันปีศาจทุนเทียนผู้นี้กลับมีความบังเอิญที่เหมาะเจาะเสียจริง ที่กล่าวออกมาทั้งหมดต่างก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องจริงโดยทั้งหมดทั้งสิ้น หากว่าเรื่องนี้ถูกเปิดโป้งแล้วละก็ ต่อให้มีไต๋ซือหวู่โหวค่อยคุมอยู่ เยี่ยจงคนทั้งคณะก็คงจะไม่อาจที่จะรอดพ้นไปจากความตายได้อยู่ดี
“ทุนเทียน ปากนกของเจ้าหากไม่กล่าววาจาเหลวไหลจะตายอย่างงั้นหรือ ? เห็นๆ กันอยู่ว่าคิดที่จะแก้แค้นคนที่ได้ตบเจ้าไปสองฝ่ามือเมื่อครู่นี้ กลับต้องมาหาข้ออ้างมากมายถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ ! ” ไต๋ซือหวู่โหวยกมุมปากสูงขึ้น มีหรือที่จะต้องตอบกลับไปด้วยประเด็นเดิม
“เจ้า——” มหาราชันปีศาจทุนเทียนภายในดวงตาก็ได้สาดเป็นประกายความเจ็บปวดขึ้นมา กำปั้นก็ได้ถูกกำจนเกิดเสียงดังกร๊อบขึ้นมา
“หวู่โหว นี้เป็นความแค้นระหว่างทุนเทียนและชนชั้นรุ่นหลังผู้นั้น เจ้าคงจะไม่คิดที่จะเพื่อชนชั้นรุ่นหลังเพียงคนเดียว คิดที่จะมีปัญหาที่ไปกันไม่ได้กับหุบเขาหมื่นปีศาจเราหรอกนะ ? ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อเอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นชา
ในเวลาเดียวกัน มหาราชันเผ่าปีก เฒ่าประหลาดอัสนีลี้ลับ บรรพบุรุษวิหคทองคำต่างก็ได้ต่างฝ่ายต่างก็ก้าวเดินออกไปคนละคนโดยที่มีทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ประจวบขวางอยู่เบื้องหน้ามหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจา ที่กำลังทอสีหน้าเมินเฉย
ท่ามกลางสนามก็ได้เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นประหลาดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด รวมไปจนถึงมหาราชันปีศาจทุนเทียนและชนชั้นมหาราชันทั้งห้า ในขณะนั้นเองก็ได้เพ่งเล็งไปยังทางด้านของเยี่ยจง เพราะว่าหากมองจากความหมายในคำพูดแล้ว เยี่ยจงไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ต่างอันใดจากรถขนสมบัติที่เคลื่อนที่ได้
เยี่ยจงทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมากมายนับไม่ถ้วน ท้ายที่สุดก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชา ก็ได้โบกมือไปมาแล้วกล่าว : “ไต๋ซือหวู่โหว ท่านไม่ต้องลงมือหรอก……เจ้านกน้อย เจ้าคงจะมิได้รู้สึกจริงหรอกนะว่า ตนเองจัดการข้าจนอยู่หมัดได้หรอกนะ ? ”
“ขอบเขตราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งเพียงคนเดียวก็เป็นได้แค่แมลงเท่านั้น ” มหาราชันปีศาจทุนเทียนหัวเราะเสียงเย็นชาติดต่อกัน สาดประกายแววตาเป็นประกาย ขณะนี้พลังแรงกดดันวิถีเซียนก็ได้สลายหายไปแล้ว เขาไม่จำเป็นที่ต้องมาทนรับการจำกัดของพลังอีกต่อไป เยี่ยจงเพียงแค่คนเดียว อย่าว่าแต่พลังกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จเล็กเท่านั้น ต่อให้เป็นความสำเร็จใหญ่ เขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา
“แมลงงั้นหรือ ? ไม่ทราบว่า หากว่าเจ้าถูกแมลงฆ่าแล้วละก็ ไม่ทราบว่าจะเป็นความรู้สึกเช่นไรกัน ? ” เยี่ยจงจ้องไปที่มหาราชันปีศาจทุนเทียน ก้าวเดินขึ้นไปเบื้องหน้า
“บรึมครืน——”
ในขณะที่เยี่ยจงได้ก้าวถอยหลังไปจนถึงก้าวที่เก้า ท่ามกลางผืนฟ้าที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นก็ได้สาดเป็นประกายมรสุมอสนีบาตเคลื่อนไหวขึ้นมา วินาทีนั้น ก็ได้มีสายอัสนีก่อตัวรวมตัวกันขึ้นมา จนเกิดทะเลอัสนีขึ้นมาภายในพริบตาทอดลงมา
“ให้ตายเถอะ เจ้าหนูผู้นี้นึกไม่ถึงว่าจะมาทะลวงพลังเอาในสถานที่แห่งนี้อย่างงั้นหรือ ? ไม่ถูกต้อง นึกไม่ถึงจะเป็นการเปิดเพื่อเข้าสู่การข้ามพ้นพลังสวรรค์ ! ? ”
“เจ้าตัวบัดซบ นึกไม่ถึงจะสามารถที่จะชักนำพลังพ้นพลังสวรรค์ชนิดนี้ออกมาในที่แห่งนี้ได้ ! ? ”
ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่แค่มหาราชันปีศาจทุนเทียน ชนชั้นมหาราชันทั้งหมดต่างก็หน้าเปลี่ยนสี อดไม่ได้ที่จะด่าทอออกมา
พ้นพลังสวรรค์มาได้แทบจะมาทันที อีกทั้งด้วยเสียงจะพลังทำลายก็มิได้อ่อนโทรมไปกว่าประกายอัสนีทัณฑ์สวรรค์ก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย จนทำให้ชนชั้นมหาราชันทั้งหมดต่างก็งุนงงกันขึ้นมา ทางด้านของชนชั้นราชันคนอื่นๆ และพวก แต่ละคนยิ่งอ้าปากตาค้างขึ้นมา จากนั้น ยอดฝีมือเหล่านี้ก็ได้ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดอย่างยิ่ง แล้วก็เป็นดั่งเช่นเมื่อครู่ก็มิปาน มุ่งหน้าถอยออกไปยังบริเวณทางด้านหลังอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อที่จะออกไปนอกเขตภายในพื้นที่ที่เป็นของภูเขาโบราณ
ช่วงเวลาสั่นๆ ยังไม่ถึงครึ่งวัน ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ก็ได้ถูกทำให้ตกใจแทบจะเยี่ยวเล็ดออกมาถึงสองครั้งสองครา หากดูจากความหมายเช่นนี้ไปแล้ว ก็เรียกได้ว่าถือเป็นสิ่งที่ร่างกายยากที่จะจดจำเอาไว้ได้
“เดรัจฉานน้อยผู้นี้ นึกไม่ถึงจะมีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้เชียว ? คิดที่จะทะลวงพลังเช่นนี้ อีกทั้งยังคิดที่จะรับทัณฑ์พิโรธ (渡劫) ด้วยอย่างงั้นหรือ ? ”
* (渡劫) ความหมายเหมือนกับคำว่า โดนลงทัณฑ์จากสวรรค์ แต่เพื่อความแตกต่างเลยขอใช้เป็น ทัณฑ์พิโรธ แทนนะครับ
“เด็กน้อยผู้นี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมกับการลงมือเช่นนี้มาตั้งแต่แรกแล้วอย่างงั้นหรือ ? นี้ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นหนึ่งในพลังฝีมือที่เขาใช้รักษาชีวิตเอาไว้ก็เป็นได้ อัสนีฟ้าเหตุใดถูกไม่จัดการเขาให้ตายกัน ! ”
มหาราชันเผ่าปีก มหาราชันปีศาจทุนเทียนและพวกต่างก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงขีดสุด ควรทราบว่า คนธรรมดา จะยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเรียกได้ ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันผู้ยิ่งใหญ่ ก็มีอยู่ไม่น้อย ที่ต่างก็มิได้ข้ามพ้นขีดจำกัดด้วยการผ่านพ้นพลังสวรรค์ เพราะว่าพ้นพลังสวรรค์เดิมทีแล้วถือได้ว่ามีไว้เพื่อที่จัดการกับสิ่งที่มีการคงอยู่ที่ชั่วร้าย
และพ้นพลังสวรรค์ชนิดนี้ยังถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก ผู้ที่ใช้ออกมา หากว่ามีคนที่อยู่บริเวณโดยรอบด้วยแล้วละก็ เช่นนั้นก็จะเป็นการชักนำพวกของตนเองที่ไม่สมควรที่จะต้องมาเผชิญหน้ากับพ้นพลังสวรรค์ทั้งหมด
กล่าวอย่างง่ายดายก็คือ ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้หากว่าขณะนี้ตกเข้าไปอยู่ภายในพ้นพลังสวรรค์ นอกเสียจากชนชั้นมหาราชันหลายคนที่เคยมีประสบการณ์พ้นพลังสวรรค์ก็เพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ชนชั้นมหาราชันอื่นๆ ต่างก็ต้องเผชิญหน้ากับการฝึกปรือโดยผ่านพ้นพลังสวรรค์ทั้งหมดในวันนี้ อย่างน้อยก็โดนผ่าไปสิบกว่าครา และต่อให้เป็นอย่างน้อย คาดว่าก็คงจะเผชิญหน้ากับพ้นพลังสวรรค์โดนไปคนละเจ็ดแปดครั้ง
ต่อให้ชนชั้นมหาราชัน โดนพ้นพลังสวรรค์แค่ครั้งสองครั้งก็ยังแล้วไป แต่หากต้องมาโดนพ้นพลังสวรรค์เจ็ดแปดครั้งเข้าสู่ร่างกาย ต่อให้ไม่ตายก็มีหนังหลุดกันเป็นแถว หากว่าเพิ่มพ้นพลังสวรรค์เป็นสิบกว่าครั้ง ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันเองก็แทบจะสิ้นใจไปได้เลยทีเดียว
มหาราชันปีศาจทุนเทียนทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมากมายนับไม่ถ้วน แต่ว่าในที่สุดก็ได้ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้เยี่ยจงอีก เขาถึงแม้ว่าจะมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำจนสามารถที่จะทนรับพ้นพลังสวรรค์ได้หลายครั้ง แต่ว่ากลับไม่มีครั้งใดกันที่พ้นพลังสวรรค์จะไม่กระตุ้นอารมณ์ของเขาให้เดือดดาลจนต้องกันฟันขึ้นมาได้ ฉากนี้ในขณะนี้ ได้ทำให้เขาหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมาในทันที ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันผู้สูงศักดิ์ ก็ยังไม่มีความกล้าที่จะขึ้นไปได้
“ในสถานที่แห่งนี้พ้นพลังสวรรค์ ข้าเองก็อยากจะดูว่าเจ้าจะรับทัณฑ์พิโรธไปได้อย่างไรกัน ! ”
“เจ้าลูกเต่าบัดซบผู้นี้ ในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าคิดที่จะหลอกลวงผู้คนทั้งหมดไป หากมิใช่พวกข้ามีการเตรียมความพร้อมเอาไว้ ในครั้งนี้หากคิดจะทำลายรอบด้านของภูเขาโบราณแล้วละก็ เช่นนั้น เจ้าหนูผู้นี้ขอเพียงยืนอยู่ในบริเวณปากทางเข้าของส่วนลึก อาจจะสามารถทำให้พวกเราหมดทุกคนตายได้เลยทีเดียว ! ” มีคนที่เริ่มมีความหวาดกลัวตามมา ไม่อาจที่จะสงบจิตสงบใจลงได้ เพราะว่าการลงมือในครั้งนี้ของเยี่ยจงถือได้ว่าร้ายกาจเป็นอย่างมาก จนเกือบที่จะฆ่าชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตนลงได้
เมื่อมาถึงในขณะนั้น เหล่าชนชั้นมหาราชันที่ยังไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเยี่ยจงมาก่อนต่างก็เข้าใจขึ้นมาได้ ว่าเพราะเหตุใดเด็กน้อยผู้นี้ถึงได้กล้าเป็นศัตรูไปทั้งฟ้าภายในแดนซีฮวงเช่นนี้ได้ คนมากมายต่างก็เกลียดชังจนแทบจะฟาดเขาให้ตายคามือ
“เด็กน้อยผู้นี้ ก่อนหน้านี้ได้เอาแต่มองดูชิ้นส่วนของโลงศพแท้จริงแล้วได้ครอบครองอะไรไปแล้วบ้างกัน ? กระนั้นถึงกับทำให้เขายืนยันได้จนถึงบัดนี้ได้ ในช่วงเวลาคับขันอย่างการถูกทัณฑ์พิโรธงั้นหรือ ? ” ไต๋ซือหวู่โหวเกิดความสงสัยขึ้นมาเป็นระลอก ทอสีหน้าตั้งใจเป็นอย่างมากขึ้นมา เขาก็ได้ใช้ออกมาด้วยอาภรณ์ยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุเพื่อที่จะครอบคลุมไปยังทั้งหลายคน แต่กลับมิใช่เพราะหวาดกลัวจะโดนพ้นพลังสวรรค์แต่อย่างไร
“พวกเราถอยไปดูไกลหน่อย ให้พี่เยี่ยจงคอยคุมเชิงเอาไว้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่า ให้เขาใช้ทัณฑ์พิโรธด้วยความสบายใจเถอะ ” จงหลี่ยิ้มขึ้นมาอย่างมาอย่างแปลกประหลาด โบกมือคราหนึ่ง ถ้วยทุนเทียนก็ได้ชักนำพวกเขาเดินทางถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางพ้นพลังสวรรค์ เยี่ยจงก็ได้เดินขึ้นไปทางด้านหน้าทีละก้าว มุ่งหน้าเข้ากดดันเข้าไปใกล้ยังบริเวณพื้นที่ของมหาราชันปีศาจทุนเทียน เขาก็ได้เดินผ่านท่ามกลางทะเลอัสนีไปเช่นนี้ ทอสีหน้าเย็นชาขึ้นมา
ไม่นานนัก บริเวณรอบด้านของภูเขาโบราณนี้ภายในระยะสิบกว่าลี้ก็ไร้ซึ่งผู้คนแล้ว ยอดฝีมือทุกคนต่างก็ได้ถอยออกไป แทบจะไม่กล้าพอที่จะเข้าไปใกล้เยี่ยจงเลยแม้แต่น้อย
เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา ในที่สุดก็ไม่ได้ไล่ติดตามลงไป เพียงแต่หันกายอยู่คราหนึ่ง กระทบลงบริเวณยอดของรอบด้านของภูเขาโบราณ ก็ได้นั่งสมาธิลง
ในครั้งนี้ ภายใต้ความเข้าใจใจหลักพื้นฐานที่ทางจักรพรรดิฟ้าชิงได้เหลือทิ้งเอาไว้ในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงก็ได้เข้าสู่ขอบเขตความเข้าใจชนิดหนึ่งขึ้นมาได้ จนทำให้เขาเองก็เกือบที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตพลังเทวะจากระดับที่หนึ่ง ก่อรวมจนออกมาเป็นพลังเทวะระดับที่สองได้
เดิมทีแล้วเยี่ยจงเองก็บังคับอย่างยากลำบากอยู่แล้ว คิดที่จะรอคอยจนถึงช่วงเวลาที่ได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้แล้วจึงค่อยทะลวง เพราะว่าเขาก็พอเดาได้ว่าตนเอง อย่างน้อยก็น่าจะหลุดพ้นไปได้
แต่ว่าภายในท่ามกลางการกดดันของมหาราชันปีศาจทุนเทียน เขาก็ไม่อาจที่จะไม่ทำเช่นนี้ได้ เพราะว่าพลังแรงกดดันวิถีเซียนของสถานที่แห่งนี้ได้สลายหายไปแล้ว จึงมีแต่ต้องพึ่งพาแต่พลังฝีมือในการสังหารเท่านั้น จึงจะสามารถที่จะกดดันมหาราชันปีศาจทุนเทียนลงได้
“การรวมพลังเข้าสู่พลังเทวะขั้นที่สอง นำเอาพลังเทวะที่พึ่งจะได้มาเมื่อครู่ผนึกรวมเข้าไปด้วย แล้วค่อยไปหาเรื่องกับเจ้านกที่น่าตายนั้นอีกครา ! ” เยี่ยจงทอสีหน้าขยับเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชา ไหลเวียนพลังอย่างเงียบเชียบ
“กร๊อบ——”
ในขณะนั้น กลายเป็นวังวนทะเลอัสนีที่ปกคลุมไปตลอดทั่วทั้งฟ้าราวกับว่ากำลังจะผ่าลงมาก็มิปาน ทว่าพริบตานั้น ทะเลอัสนีเหล่านี้ก็ได้ปกคลุมไปตลอดทั่วทั้งพื้นที่รอบด้านของภูเขาโบราณ
เยี่ยจงไหลเวียนพลังจากคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวัน ในเวลาเดียวกันพลังกายาทองไม่สูญสลายก็ได้ทอเป็นประกายแสงสีทองอันคมกล้า หนุนเนื่องเสริมกันให้แก่เขา
คัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันถูกเรียกขานกันว่าเป็นพลังยุทธ์ระดับขึ้นก่อฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นสิ่งที่จักรพรรดิฟ้าตะวันออกทิ้งเอาไว้ แม้ว่าเยี่ยจงจะมิใช่ส่วนที่สมบูรณ์ แต่ว่าก็ยังคงถูกเรียกขานได้ว่าเป็นหนึ่งในคัมภีร์โบราณที่แข็งแกร่งที่สุดก็ว่าได้
ขณะนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวัน พลังบริสุทธิ์ภายในร่างกายของเยี่ยจงก็ได้เดือดขึ้นมา ท่ามกลางปราณมหาสมุทรก็ได้มีภาพมายาที่มีลักษณะเป็นตำหนักชั้นที่สองขึ้นมา
.
.
.
.
#########################################
กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาท
โปรโมชั่น กลุ่ม 7-14 ราคา 700
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/375DtZJ
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
VIP14 https://bit.ly/2YHVTfY
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ
#########################################