เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – ตอนที่ 335 สิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

ตอนนี้ฉายาของเฮยเมี่ยนแพร่ไปทั่วทั้งกองทัพแล้ว ซึ่งเย่เทียนเฉินเป็นคนเรียกคนแรก นั่นก็คือ “ทารกดำ”

ไม่พูดไม่ได้ว่าเฮยเมี่ยนดำมากจริงๆ เพียงแต่เมื่อก่อนในกองทัพ โดยเฉพาะระดับขุนพลทัพฟ้า ต่างก็เป็นพวกเข้มงวดจริงจัง ไม่รู้จักการพูดคุยหยอกล้อ ใครบ้างที่มีอารมณ์มาพูดล้อเล่น แต่ละคนงานยุ่งวุ่นวาย มีเพียงเย่เทียนเฉินที่มีเวลาว่างมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้

หลังจากที่เย่เทียนเฉินเรียกเฮยเมี่ยนด้วยฉายา “ทารกดำ” หลายคนก็รู้สึกว่าไม่เลวเลย อีกทั้งยังเรียกได้คล่องปาก ดังนั้นฉายาทารกดำจึงเข้ามาแทนที่ชื่อของเฮยเมี่ยนโดยสิ้นเชิง เพราะเฮยเมี่ยนดำมากจริงๆ

นี่คือสาเหตุใหญ่ที่ในตอนนี้พอเฮยเมี่ยนเจอเย่เทียนเฉินก็มีสีหน้าไม่ดี โกรธจนแทบอยากจะอัดเจ้าหมอนี่ให้ตาย

“ทารกดำคนนี้ไม่รู้เลยว่าผมดีกับเขา คุณดูสิว่าตอนนี้เขาโด่งดังขนาดไหน!” เย่เทียนเฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้น

ชางหลางและหานเจี๋ยต่างมองไปที่เย่เทียนเฉินอย่างอับจนคำพูด เจ้าหมอนี่ทำให้เฮยเมี่ยนโกรธจนแทบตาย แล้วยังทำท่าทีเหมือนกับมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อเฮยเมี่ยนอีก ถ้าหากเฮยเมี่ยนได้ยินคำพูดพวกนี้คงทนไม่ไหว ต้องลงมือแน่นอน

เมื่อมาถึงห้องทำงานของท่านผู้นำสูงสุด ชางหลางยืนเคาะประตูอยู่ด้านนอกด้วยความเคารพ หลังจากที่ได้รับการตอบรับแล้ว ชางหลางก็เดินไปเบื้องหน้าสุด หานเจี๋ยเป็นคนที่สอง ส่วนเย่เทียนเฉินเป็นคนสุดท้าย ทั้งสามเดินเข้าไปด้วยกัน

พรึ่บๆ ชางหลางและหานเจี๋ยทำวันทยาหัตถ์ให้ผู้นำสูงสุดด้วยความเคารพ จากนั้นจึงยืนอยู่ด้านข้าง ผู้นำสูงสุดยุ่งมาก ไม่สามารถจัดการเรื่องของพวกเย่เทียนเฉินในครั้งนี้ได้ในทันทีที่เข้ามา จำเป็นต้องรอก่อน

“มาๆๆ ไม่ต้องเกรงใจ ล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น ทำเหมือนกลับมาบ้านของตัวเองแล้วกัน ตามสบายๆ” เย่เทียนเฉินหัวเราะ ในตอนที่พูดคำนี้ก็เดินไปรินน้ำด้านข้างด้วยตัวเอง หานเจี๋ยและชางหลางที่เห็นก็มีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาจากหน้าผาก ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าหนูนี่ไม่มีสมองหรือไม่มีความคิดกันแน่

เพียงแต่เย่เทียนเฉินไม่สนใจอะไรมาก รินน้ำให้ตนเองเรียบร้อยแล้วแก้วหนึ่ง นั่งลงบนโซฟาด้านข้าง เสพสุขอย่างสบายอารมณ์ ชางหลางและหานเจี๋ยต่างเป็นทหาร มีกฎระเบียบเข้มงวด ต่อให้ได้รับสัญญาจากท่านผู้นำแล้วว่าให้ตามสบายได้ก็ไม่กล้าทำตัวเหมือนเย่เทียนเฉิน

หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว เย่เทียนเฉินที่อยู่บนโซฟาหลับไปแล้ว อีกทั้งยังกรนออกมาด้วย ชางหลางและหานเจี๋ยรู้สึกเอือมระอามาก ในใจคิดว่าเจ้าหมอนี่ทำให้คนอื่นจนใจจริงๆ ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าที่รอนี้เย่เทียนเฉินหลับสบายมาก ส่วนชางหลางและหานเจี๋ยกลับยืนตรงตามแบบทหารอย่างจริงจังมาหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว

ก๊อกๆ ๆ !

ด้านนอกห้องทำงานมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หลังจากบุคลากรเฉพาะทางตอบรับไปคำหนึ่งก็มีบุคลากรด้านงานออฟฟิศมืออาชีพในสูทสีดำคนหนึ่งถือแฟ้มเอกสารเดินมาเบื้องหน้าโต๊ะทำงานของท่านผู้นำด้วยความเคารพ นำข้อมูลวางไว้ จากนั้นจึงเดินจากไป การเคลื่อนไหวเบามาก ด้วยเกรงว่าจะทำลายสมาธิของท่านผู้นำ

ในตอนนี้เอง ท่านผู้นำวางปากกาในมือลง หยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาเปิดออกดู พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “พวกคุณสองคนเองก็ผ่อนคลายซะหน่อย เรียนรู้จักเจ้าหนูนี่บ้าง อย่าได้เคร่งเครียดขนาดนั้น เพิ่งจะทำภารกิจสำเร็จกลับมา หานเจี๋ยไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณท่านผู้นำที่ใส่ใจ!” หานเจี๋ยหวาดกลัวเล็กน้อย ตอบอย่างตะกุกตะกัก

จินตนาการได้เลยว่า ท่านผู้นำซึ่งเป็นบุคคลระดับสูงสุดของทางการ บรรยากาศเช่นนั้น ความเคร่งขรึมและบารมีที่ติดตัวมานั้น มากเพียงพอที่จะทำให้คนอื่นเคร่งครัดและไม่สบายใจ นี่คือกลิ่นอายของราชา เมื่อพบกับความใส่ใจและความสนิทสนมของท่านผู้นำ หานเจี๋ยก็รู้สึกตื่นตะลึงอยู่บ้างจริงๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยพบท่านผู้นำ ก่อนหน้านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับภารกิจ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ในใจของเธอทั้งรู้สึกซาบซึ้งและรู้สึกแปลกใจ

ท่านผู้นำพยักหน้า มองไปยังแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือ จากนั้นจึงเอ่ยปากพูดว่า “ เรื่องในครั้งนี้ ทหารหน่วยรบพิเศษบริเวณชายแดนป่าหมอกดำของพวกเราเสียหายหนักมาก การที่ประเทศชิบะไม่ส่งกองกำลังทหารของพวกเขามา แต่กลับส่งยอดฝีมือพรรควรยุทธโบราณออกมานั้น มีจุดประสงค์อยู่สองอย่าง หนึ่งคือยอดฝีมือของพรรควรยุทธโบราณมีความสามารถเหนือกว่าทหารหน่วยรบพิเศษไปมาก สองก็คือ ต่อให้ถูกพบและจับได้ พวกเขาก็ไม่ยอมรับ เพราะนี่ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลของพวกเขา!”

ชางหลาง หานเจี๋ย และเย่เทียนเฉิน พากันพยักหน้า เป็นเช่นนี้จริงๆ การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของประเทศชิบะเข้มงวดและรัดกุมมาก ทั้งยังใคร่ครวญรอบด้าน พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องการฆ่าทหารหน่วยรบพิเศษบริเวณชายแดนป่าหมอกดำ อีกทั้งยังต้องการทำความเข้าใจสถานการณ์ชายแดนฝ่าหมอกดำอีกด้วย อาจจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่หรือระทั่งรุกรานเข้ามาก็เป็นได้

ใครหลายคนคิดว่า ไม่มีสงครามใหญ่ ไม่มีสงครามที่แท้จริง นั่นคือไม่มีการรุกราน แต่ความจริงการรุกรานนั้นมีอยู่ทุกที่ เพียงแต่แบ่งเป็นเล็กใหญ่เท่านั้น และสงครามใหญ่ที่รุกรานเข้ามาก็เกิดจากเรื่องเล็กๆ สะสมไป ครั้งนี้ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแห่งประเทศชิบะฆ่าทหารหน่วยรบพิเศษทั้งหมดของชายแดนป่าหมอกดำไปแล้ว เรื่องนี้นับได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ทหารหน่วยรบพิเศษของชายแดนถูกฆ่าจนหมด ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินและชางหลางเดินทางไป อีกทั้งยังทำการตอบโต้อย่างรุนแรงแข็งกร้าว ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น

ก่อนหน้านี้ระหว่างประเทศสองประเทศมีการต่อสู้ในทางลับและทางแจ้งไม่หยุดหย่อน และไม่สามารถหยุดได้ โดยเฉพาะการต่อสู้ในทางลับ ถ้าหากแพ้ก็จะถูกหัวเราะเยาะ จะถูกประเทศอื่นเหยียดหยาม ยิ่งไปกว่านั้นในทางลับคนอื่นกุมข้อมูลของคุณอยู่มากมาย หากถูกควบคุมให้เดินไปทีละก้าวแบบนี้ต่อไป เกรงว่าคงจะวุ่นวายครั้งใหญ่แล้ว

การเคลื่อนไหวของประเทศชิบะในครั้งนี้รัดกุมเป็นอย่างมาก และผ่านการวางแผนมาแล้วแน่นอน มิฉะนั้นคงไม่ส่งยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมาแบบนี้ คราวแรกก็ลอบโจมตีและจับตัวพวกหานเจี๋ยไป จากนั้นก็เข้ามายั่วยุ กระทั่งพวกหลีหวังก็ถูกทำร้ายจนตาย เห็นได้ชัดว่ามีจุดประสงค์และเป้าหมายอยู่ นั่นก็เพื่อให้ประเทศจีนเจอกับความลำบาก ทำได้เพียงถูกอัดจนฟันร่วง กระทั่งเลือดก็ต้องกลืนลงท้องไป

เรื่องแบบนี้จะกล่าวได้อย่างไร? หรือประเทศจีนจะประกาศไปทั่วโลก? บอกว่าประเทศชิบะส่งคนมาสังหารทหารหน่วยรบพิเศษทั้งหมดของชายแดน แต่ประเทศของตัวเองยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้? นี่เกรงว่าไม่เพียงแต่จะถูกประเทศอื่นหัวเราะเยาะ แต่ยังทำให้ประเทศอื่นเพ็งเล็งในทางลับอีกด้วย นั่นทำไม่ได้จริงๆ

ดังนั้นวิธีการตอบโต้เพียงอย่างเดียวของประเทศจีนนั้นก็คือ ในทางเปิดเผยก็ทำการแก้ไขอย่างเปิดเผย ในทางเบื้องหลังก็เก็บกวาดอย่างลับๆ มีเพียงแบบนี้ถึงจะสามารถบีบให้ผู้อื่นสั่นสะท้านได้

“ท่านผู้นำครับ ถ้างั้นต่อไปพวกเราจะทำยังไงครับ? ต้องการให้โจมตีกลับอย่างรุนแรงหรือเปล่าครับ?” ชางหลางกำหมัดแน่นแล้วเอ่ยถามขึ้น

“ตอบโต้เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องคิดในระยะยาว เรื่องในครั้งนี้ประเทศอื่นกำลังให้ความสนใจ พวกเราต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น ไม่อาจล้มเหลวได้!” ท่านผู้นำขมวดคิ้วพูด

เห็นได้ชัดว่าเรื่องในครั้งนี้ พวกทำผู้นำเองก็โกรธมาก ประเทศชิบะลอบรุกรานมาในทางลับแบบนี้ ฆ่าทหารหน่วยรบพิเศษบริเวณชายแดนป่าหมอกดำทั้งหมด เป็นเรื่องที่เกินกว่าจะรับไหว ถ้าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานประชาชนทั่วไปของประเทศจีนก็จะลำบาก นี่ไม่ยอมให้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด ประชาชนชาวจีนทนลำบากมามาก ไม่ง่ายเลยกว่าจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ ไม่อาจปล่อยให้ถนนแห่งการฟื้นฟูของประชาชนมาพังลงที่นี่

“คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแข็งแกร่งมาก ในสำนักมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย ไม่ใช่อะไรที่รับมือได้ง่าย ถ้าหากต้องการอยู่สงบไปอีกหลายปีก็จำเป็นต้องกำจัดสำนักโฮคุชินอิตโตริว!” เย่เทียนเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดอย่างเรียบเฉย

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉินท่านผู้นำก็พยักหน้า เขารับรู้ถึงปัญหานี้จริงๆ สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศชิบะก็คือสำนักโฮคุชินอิตโตริว นี่เป็นสำนักโบราณที่เทียบเท่าได้กับพรรคเส้าหลิน ในฐานะที่เป็นผู้นำของประเทศ ผู้อาวุโสของเขาย่อมต้องมีความรู้กว้างขวางกว่าคนธรรมดามาก รู้เรื่องผู้มีพลังพิเศษ รู้เรื่องยอดฝีมือพรรควรยุทธโบราณ สิ่งเหล่านี้ล้วนเหนือระดับ เรียกได้ว่าอยู่เหนือหลายสิ่ง เมื่อเคลื่อนไหวก็รับมือไม่ง่ายเลย

“เทียนเฉินพูดถูกแล้ว ถ้าต้องการหยุดยั้งการรุกรานในทางลับของประเทศชิบะ งั้นพวกเราก็ต้องคิดหาวิธีกำจัดสำนักโฮคุชินอิตโตริว!” ชางหลางเอ่ยปาก

“ในสำนักโฮคุชินอิตโตริวมียอดฝีมือมากมาย จากข้อมูลในด้านนี้ของพวกเรา ความสามารถของจักรพรรดิดาบมีแค่ไม่กี่คนที่สามารถรับมือได้ อย่างน้อยตอนนี้ พวกเราก็ยังคิดถึงตัวเลือกที่เหมาะสมไม่ออก!” ท่านผู้นำพูดพลางส่ายหน้า

ความจริงแล้ว ไม่ว่าใครก็ตาม จะทำเรื่องใดล้วนต้องมีความตระหนักรู้ในตัวเอง การมีความมั่นใจเป็นเรื่องดี แต่การโอหังจนตาบอดนั้นเป็นได้เพียงสิ่งที่ทำให้พ่ายแพ้ไปในที่สุด

จักรพรรดิดาบซึ่งเป็นเจ้าสำนักของสำนักโฮคุชินอิตโตริวเป็นตัวตนที่ยากจะจินตนาการ ความสามารถจะแข็งแกร่งขนาดไหน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ บนโลกนี้มีการจัดอันดับสิบเซียนอยู่ อันดับของจักรพรรดิดาบอยู่ในลำดับที่สาม นี่ไม่ได้เป็นการกล่าวว่าเหนือกว่าจักรพรรดิดาบยังมีอีกสองคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งกว่าเขาอยู่ แต่ยอดฝีมือที่อยู่ในสามอันดับแรกนั้น ทั้งสามคนใครแข็งแกร่งกว่าใครอ่อนแอกว่าก็ยังไม่มีใครรู้ เนื่องจากการต่อสู้ของคนระดับนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ เรียกได้ว่าคนทั้งสิบในการจัดอันดับสิบเซียน คือคนสิบคนที่ร้ายกาจที่สุดบนโลก เป็นยอดฝีมือสิบคนที่ร้ายกาจจนเกือบถึงขั้นวิปลาส

“ด้วยความสามารถของผมในตอนนี้ คิดว่าการกำจัดสำนักโฮคุชินอิตโตริวดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ซาโต้เป็นแค่ผู้อาวุโสสิบอันดับแรกของสำนักโฮคุชินอิตโตริวเท่านั้น ความสามารถไม่ได้อ่อนแอไปกว่าคุณกับผมเลย ความจริงแล้วผมไม่กล้าเชื่อเลยว่าจักรพรรดิดาบจะแข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าหากเขาลงมือ พวกเราจะมีโอกาสขัดขวางได้หรือเปล่า!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยความเคร่งเครียด

ท่านผู้นำใคร่ครวญครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองไปยังข้อมูลบนเอกสารแล้วพูดว่า

“เมื่อครู่นี้ฉันรอเอกสารนี้มาโดยตลอด นี่คือข้อมูลที่เพิ่งมาจากชายแดนป่าหมอกดำ หลังจากที่พวกคุณประสบความสำเร็จในการขัดขวางคนจากสำนักโฮคุชินอิตโตริวกลุ่มนี้แล้ว ก็มีคนชุดดำสามคนปรากฏตัวขึ้นทันที อีกทั้งดูท่าทางสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็รู้สึกสั่นสะท้านต่อการสูญเสียกองกำลังทั้งหมดของพวกเขาในครั้งนี้มาก จะต้องแก้แค้นแน่ สิ่งที่พวกเรารอก็คือโอกาสนี้ ขอเพียงสำนักโฮคุชินอิตโตริวกล้าส่งยอดฝีมือมา ถ้างั้นพวกเราก็ต้องทำให้พวกมันมาได้แต่กลับไม่ได้!”

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

Status: Ongoing
นิยายแฟนตาซี แปลจีน เกิดใหม่ ต่อสู้ ผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างของ ‘เย่เทียนเฉิน’ หน่วยรบพิเศษผู้ไม่เอาถ่าน ระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันตัวผู้บัญชาการสาวหานเจี๋ยกลับประเทศ แม้การเกิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้พลังระดับเทพเจ้าลดเหลือเพียงระดับราชัน แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ได้รับมอบหมายให้มาสังหารคนทั้งคู่ เย่เทียนเฉินในร่างใหม่ได้ใช้ความสามารถจากการดูดซับพลังปราณ แสดงฝีมือการต่อสู้อันเป็นเลิศออกมา สร้างความประหลาดใจให้ทั้งศัตรูและมิตรสหายโดยทั่วกัน ประตูสู่การเป็นสุดยอดนักรบเปิดออกแล้ว! แต่เย่เทียนเฉินคนใหม่ยังต้องไล่สะสางปัญหาที่ร่างเดิมก่อเอาไว้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้นญาติพี่น้องผู้ชั่วช้า รับมือกับคู่แข่งทางการเมืองของบิดา หรือกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลจากความอัปยศในอดีต ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอันอบอุ่นเสียที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset