เห็นได้ชัดว่า หากต้องการไปกำจัดสำนักโฮคุชินอิตโตริวแห่งประเทศชิบะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ครั้งนี้พวกชางหลางฆ่าราชานักฆ่าอายุน้อยทั้งสี่คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวไป อีกทั้งเย่เทียนเฉินยังฆ่าซาโต้ จะต้องสั่นสะท้านไปทั้งสำนักโฮคุชินอิตโตริวแน่นอน กระทั่งสั่นสะท้านไปทั่วทั้งประเทศชิบะ
ซาโต้มีฐานะเป็นหนึ่งในสิบผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริว เรียกได้ว่าตำแหน่งสูงอำนาจมาก ความสามารถก็แข็งแกร่งห้าวหาญเป็นอย่างมาก แต่ครั้งนี้ถึงกับถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตาย จะต้องถูกสำนักโฮคุชินอิตโตริวแก้แค้นแน่นอน และทางด้านประเทศจีนก็ต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ ถือโอกาสไปแก้แค้นฆ่าพวกปีศาจน้อยให้หมด
“เทียนเฉิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาย นายฆ่าซาโต้ไปแล้ว เกรงว่าครั้งนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวจะต้องทำการแก้แค้นแน่นอน และพุ่งเป้าไปที่นาย!”
ผู้นำสูงสุดมองไปที่เย่เทียนเฉิน กล่าวเตือนด้วยความใส่ใจ จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็เป็นคนมีความสามารถที่นับว่าหาได้ยากสำหรับประเทศจีน มีค่าที่จะให้ใช้งาน
“วางใจเถอะครับ สิบสามจ้าวสวรรค์ของผมก็ไม่ได้สร้างมาเปล่าๆ ยิ่งสำนักโฮคุชินอิตโตริวแข็งแกร่งก็ยิ่งสามารถใช้เป็นคู่มือฝึกฝนพวกเขาได้!” เย่เทียนเฉินพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
ผู้นำสูงสุดพยักหน้า เขารู้สึกชื่นชมเย่เทียนเฉินจริงๆ รู้สึกว่าบนร่างของคนคนนี้มีบรรยากาศของอันธพาลอยู่ อีกทั้งมีความเอาแต่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เผชิญหน้ากับความยากลำบากและศัตรูที่แข็งแกร่ง แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยหวาดกลัวและขี้ขลาด บนใบหน้ามีรอยยิ้มไร้พิษภัยอยู่ตลอด
“ท่านผู้นำครับ สิ่งที่ควรค่าให้สนใจก็คือ ดูเหมือนว่าประเทศชิบะจะวิจัยและพัฒนายาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันออกมา สามารถทำให้กำลังของมนุษย์ปะทุออกมาได้ในพริบตา หากประเทศชิบะใช้ยานี้ในการทำสงคราม จะไม่เป็นผลดีต่อพวกเรา!” ชางหลางคิดถึงยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมที่ซาโต้ใช้ รู้สึกว่าร้ายกาจมาก ระหว่างทางที่เดินทางกลับเย่เทียนเฉินได้อธิบายเรื่องที่ซาโต้ใช้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันให้ชางหลางฟังแล้ว ทำให้พวกชางหลางตกใจจนพูดอะไรไม่ออก แข็งแกร่งมากจริงๆ ความสามารถไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่ขอบเขตเดียวเท่านั้น
“เรื่องยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันนี้ฉันเองก็เคยได้ยินมาก่อน ถึงแม้จะสามารถเพิ่มพลังการสู้รบให้คนที่ใช้ได้ในพริบตา แต่ผลข้างเคียงก็มีมาก อย่างเบาก็ร่างกายพิการ อย่างหนักก็ตัวระเบิดตาย คิดไม่ถึงว่าประเทศชิบะจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ให้คนของตัวเองใช้ยาโดยไม่เสียดายทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องจ่ายออกไป!” ท่านผู้นำขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น
ไม่กล่าวได้ไม่ได้ว่า ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันที่ประเทศชิบะวิจัยและพัฒนาออกมานี้ นับว่าเป็นการทะลวงครั้งใหญ่ แต่ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันนี้อำมหิตเป็นอย่างมาก และเรียกได้ว่ากระหายเลือดด้วย นั่นเป็นเพราะต้องอาศัยการเผาผลาญพลังชีวิตในร่างกายของผู้ใช้ เพียงพริบตาเดียวก็สามารถกระตุ้นพลังได้ไปถึงระดับสูง ทำให้พลังการต่อสู้ของผู้ใช้พัฒนาขึ้นระดับใหญ่ กระโดดข้ามขอบเขตความสามารถไปหลายระดับ แต่อย่างไรการใช้พลังชีวิตจนเกินตัวนี้ อย่างเบาก็ทำให้อายุสั้นเล็กน้อย อย่างหนักก็เป็นเหมือนกับซาโต้ กลืนกินตัวเอง กระทั่งศพก็ไม่เหลือ อำมหิตจนพูดไม่ออก
นิสัยใจคอของคนประเทศชิบะโหดเหี้ยมอำมหิตมาก เพื่อบรรลุจุดประสงค์บางอย่าง พวกเขาไม่เสียดายที่จะแลกเปลี่ยนด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง ต่อให้ต้องเสียสละคนที่สนิทสนมมากที่สุดก็ยังคงไม่เสียดาย หากมีวันหนึ่ง เมื่อสงครามมาถึงอีกครั้ง ทหารบกของประเทศชิบะใช้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันพร้อมเพรียงกัน ถ้าเช่นนั้นก็จะกลายเป็นขุมพลังที่ไม่มีใครต้านได้ แล้วจะรับมือได้อย่างไร? จะต้องเป็นความยากลำบากของประเทศจีนหรือเป็นความยากลำบากไปทั่วทั้งโลกแน่นอน
“ที่สำคัญก็คือปีศาจพวกนี้โหดเหี้ยมมาก การเสียสละคนของตนเป็นเรื่องที่พบเจอได้ทั่วไป!” หานเจี๋ยก็ขมวดคิ้วพูด
“เรื่องนี้ผมคิดว่าสามารถเปิดเผยให้แก่ประเทศ M ได้ จะอย่างไรประเทศ M ในตอนนี้ก็เป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ทำไมพวกเราไม่ยืมพลังของประเทศ M มากดดันประเทศชิบะล่ะครับ ทำให้การผลิตยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันของพวกมันหยุดชะงัก ก็เหมือนกับที่ไม่อนุญาตให้ประเทศชิบะมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง!” เย่เทียนเฉินคิดครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉิน ชางหลางและหานเจี๋ยก็ดวงตาสว่างวาบ พวกเขารู้สึกแปลกใจจริงๆ เย่เทียนเฉินยังอายุน้อย อีกทั้งตลอดมาก็ดูเหมือนคนที่ไม่มีการศึกษา ถึงกับสามารถคิดแผนการแบบนี้ออกมาในระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้ได้ ลองยืมพลังมาระงับการวจัยยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันของประเทศชิบะ แล้วยังไม่ส่งผลกระทบตอบประเทศจีนด้วย เป็นแผนการที่ไม่เลวเลยจริงๆ
โลกในปัจจุบันนี้ ประเทศ M เป็นเป็นประเทศมหาอำนาจ ไม่อนุญาตให้ประเทศอื่นแข็งแกร่งกว่า ส่วนประเทศชิบะ หลังจากพ่ายแพ้ในสงครามก็ถูกกดดันมาโดยตลอด การที่พัฒนายาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันนี้ออกมาก็เพื่อต้องการต่อต้าน เรื่องอาวุธนิวเคลียร์เป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อมีการพัฒนาขึ้นมาแต่ละประเทศก็จะต่อต้าน จะอย่างไรอาวุธประเภทนี้ก็มีพลังในการฆ่าล้างมากเกินไป ถึงกับสามารถทำลายทั้งโลกได้ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าปล่อยให้ประเทศอื่นมีมากจนเกินไปนัก
ดังนั้นเมื่อประเทศ M รู้ว่าประเทศชิบะวิจัยและพัฒนายาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันนี้ออกมา กระทั่งทำให้ผู้คนรู้สึกว่าน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์ เช่นนั้นจะต้องหยุดยั้งแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น หากประเทศ M และประเทศชิบะตีกันจะเป็นเรื่องดีที่สุด ประเทศจีนก็สามารถนั่งดูความเปลี่ยนแปลง เมื่อเห็นโอกาสก็ลงมือ!
“ข้อเสนอไม่เลวเลย แต่ฉันคิดว่าอีกไม่นานสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็จะมีการเคลื่อนไหวแล้ว เทียนเฉิน ไม่งั้นให้พวกยอดฝีมือระดับทัพฟ้าอย่างพวกเฮยเมี่ยนหลายคนร่วมมือปฏิบัติการณ์ด้วยกันกับนาย กำจัดกลุ่มคนที่มาลอบโจมตีพวกนี้ให้หมดเป็นไง!” ท่านผู้นำเอ่ยปากพูด
“ช่างเถอะ พวกทารกเฮยเมี่ยนพวกนี้ยุ่งมาก ผมจัดการเองได้!” เย่เทียนเฉินยักไหล่แล้วพูดขึ้น
“ทารกดำ?” ท่านผู้นำอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามด้วยท่าทางชะงักไป
“ท่านผู้นำ เป็นเฮยเมี่ยนครับ ไอ้หนูเย่เทียนเฉินนี่ตั้งฉายาให้ว่าทารกดำ…เฮยเมี่ยนโกรธจนจะระเบิดอยู่แล้ว!” ชางหลางพูดขึ้นพลางมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างจนใจ
“ฮ่าๆ เฮยเมี่ยนก็ดำมากจริงๆ ถ้าไม่ดูให้ดีก็มองไม่ออกเลยว่าเขาเป็นคนผิวเหลือง คิดว่าเป็นคนที่มาจากแอฟริกา ทารกดำ ฉายานี้เหมาะมาก!” ท่านผู้นำอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนี้ชางหลางแทบทรุด เขารู้สึกเศร้าใจแทนเฮยเมี่ยน ต้องพูดว่าฉายานี้ที่เย่เทียนเฉินตั้งให้เขาเมื่อก่อนค่อยๆ ถูกใครหลายคนเรียกขานแล้ว ในใจของเขาจะต้องไม่พอใจมากแน่ ตอนนี้กระทั่งท่านผู้นำก็ยังพูดแบบนี้ เหมาะสมมาก เกรงว่าเขาเฮยเมี่ยนจะไม่อาจหลุดพ้นจากฉายา “ทารกดำ” นี้ไปได้ชั่วชีวิต นั่นเป็นเรื่องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
“เห็นหรือเปล่า ผมตาแหลมมาก ท่านผู้นำก็ตาแหลมเหมือนกันกับผมเลย พวกเราคิดเหมือนกัน!” เย่เทียนเฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้น
“เอาล่ะ พวกเธอออกไปก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องต้องจัดการ” ท่านผู้นำพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เทียนเฉิน ชางหลางและหานเจี๋ยเดินออกไปจากตึกทำงานของท่านผู้นำ ด้านนอกมีรถทหารรออยู่สองคันแล้ว เพิ่งจะเดินออกมา เฮยเมี่ยนก็เดินเข้ามาหา ในตอนที่เห็นเย่เทียนเฉิน เฮยเมี่ยนก็มีสายตาไม่พอใจ แต่ทันใดนั้นเขาพบว่าชางหลางถึงกับใช้สายตาโศกเศร้ามองมาที่เขา กระทั่งหานเจี๋ยก็ยังแอบยิ้ม
“นี่มันสายตาอะไรกัน?” เฮยเมี่ยนมองชางหลางแล้วเอ่ยถาม
“ทารกดำ สวัสดี!” ชางหลางก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นแล้วส่ายหน้า
“อ้อ? ฉัน…” เฮยเมี่ยนแทบจะกระอักเลือดออกมา กระทั่งชางหลางที่เป็นคนเคร่งครึ้มแบบนี้ก็ยังเรียกเขาด้วยฉายานี้แล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าเย่เทียนเฉินมีผลกระทบกับเขาถึงขั้นไหน
“ไม่ต้องหดหู่ไป ทารกดำ ฉายานี้เหมาะมาก…” เย่เทียนเฉินก็แสร้งทำท่าทางเห็นใจออกมา ตบไหล่เฮยเมี่ยนแล้วพูดขึ้น
ฟุ่บ!
เดิมทีเฮยเมี่ยนก็ไม่พอใจเย่เทียนเฉินคนนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้เย่เทียนเฉินโดดเด่นมาก กระทั่งเขาที่เป็นขุนพลระดับทัพฟ้าก็ถูกบดบังรัศมี ยิ่งไปกว่านั้นฉายา “ทารกดำ” ก็แพร่ออกไปไกล เขาเฮยเมี่ยนทำได้เพียงกล้ำกลืนไร้ซึ่งคำพูด
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินและเฮยเมี่ยนประหมัดกัน ทั้งสองยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน เฮยเมี่ยนโกรธจนทนไม่ไหว แต่เย่เทียนเฉินกลับหัวเราะฮี่ๆ ชางหลางรีบเข้ามายืนระหว่างคนทั้งสอง ขวางพวกเขาเอาไว้ ถ้าสองคนนี้ตีกันขึ้นมาคงแย่แน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นี่ ไม่ถูกทำโทษหนักก็แปลกแล้ว
“เฮยเมี่ยน นายออย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม ที่นี่เป็นที่ทำงานของท่านผู้นำ!” ชางหลางพูดอย่างเคร่งขรึม
เฮยเมี่ยนจ้องเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน ครั้งที่แล้วเขางัดข้อแพ้ ในใจมีความโกรธอยู่ตลอดเวลา ไม่เต็มใจยอมรับ แต่หมัดเมื่อครู่เขารู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาและเย่เทียนเฉินประหมัดกันตรงๆ ยังไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน หรือว่าไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันความสามารถของเย่เทียนเฉินก็เพิ่มขึ้นแล้ว?
ความจริงแล้วที่เฮยเมี่ยนมีความรู้สึกแบบนี้ก็เป็นเพราะความสามารถของเย่เทียนเฉินเพิ่มขึ้นมาจริงๆ ในระหว่างการต่อสู้กับซาโต้ เย่เทียนเฉินได้เรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ไปไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซาโต้กินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันเข้าไปคำใหญ่จนกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งและบ้าคลั่ง ทำให้เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงความเป็นความตาย ในขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์การต่อสู้จริงด้วย
เดิมทีเย่เทียนเฉินเป็นคนที่เมื่อเจอกับคนแข็งแกร่งก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งศัตรูแข็งแกร่งเขาก็จะแข็งแกร่งมากขึ้น รวมกับที่ผ่านอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่ร่างกายอันพิเศษของจางรั่วถงหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขา กายเนื้อของเขาก็ยกระดับขึ้นหนึ่งขอบเขต พลังพิเศษในร่างกายก็เพิ่มมากขึ้น ถ้าหากไม่ถูกจำกัดไว้ด้วยกฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนไปของธรรมชาติในโลกคงทะลวงไปถึงขอบเขตจักรพรรดิแล้ว การเพิ่มขึ้นของความสามารถเพียงหนึ่งระดับก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว
เฮยเมี่ยนมองเย่เทียนเฉิน ทำอะไรเจ้าหนูนี่ไม่ได้จริงๆ เขาจ้องมองอย่างดุดันแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในตึกสำนักงาน ส่วนเย่เทียนเฉินและหานเจี๋ยก็อดไม่ได้จนหัวเราะออกมาเสียงดังอเนื่องจากในตอนที่เฮยเมี่ยนหน้าดำ ดูแล้วก็ยิ่งดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มีแค่ฟันสีขาวที่ปรากฏเรียงตัวให้เห็น ไม่แตกต่างอะไรกับทารกดำของแอฟริกาเลย
หลังจากเย่เทียนเฉินไปจากจงหนานไห่แล้วก็ตรงกับบ้าน ในบ้านมีผู้หญิงคนสองคนที่ทำให้เขาต้องปวดหัวอยู่ ไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นยังไงบ้าง?
คนหนึ่งคืออลิซ อีกคนคือฉีหรูเสวี่ย ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน ไม่แน่ว่าอาจจะก่อเรื่องจนกลายเป็นอะไรไปแล้วก็ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนเฉินก็รู้สึกไม่อยากกลับบ้านแล้ว หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง เขาก็เตรียมจะตรงกลับไปที่คฤหาสน์ เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าไม่มีแบตแล้ว ไม่รู้ว่าพวกอู๋เสวี่ยยังอยู่ที่คฤหาสน์หรือไม่ สิบสามจ้าวสวรรค์เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นได้ไม่นาน มีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถของพวกเขาแต่ละคน ถ้าไม่พัฒนาให้แข็งแกร่งย่อมไม่ได้ ในเมื่อการต่อสู้แก้แค้นของสำนักโฮคุชินอิตโตริวใกล้จะมาถึงแล้ว เย่เทียนเฉินจึงคิดจะใช้โอกาสนี้ฝึกฝนสิบสามจ้าวสวรรค์ให้พัฒนาความสามารถให้แข็งแกร่ง