เทพเจ้าล่าสังหาร – บทที่ 211 สัตว์อสูรภูติ

บทที่ 211 สัตว์อสูรภูติ

 

ฉื่อหยานเดินตามหยางหลาว มุ่งหน้าไปยังหุขเขาที่อยู่ระหว่างภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง

เพียงห่างออกมาไม่กี่ไมล์ ฉื่อหยานก็สึกได้ถึงคลื่นพลังดุร้ายและกลิ่นอายชั่วร้ายบางเบาจากภูเขา

เหนือหุบเขา พลังอสูรที่แข็งแกร่งและพลังความมืดจากนรกก็เป็นเหมือนก้อนเมฆสีครามและสีดำแปลกประหลาด พลังทั้งสองที่แตกต่างกันก็หลอมรวมเป็นหนึ่ง และดูเหมือนว่าพลังทั้งสองนั้นจะมาจากสัตว์อสูร

” โฮ๊กกกกกกก ! ”

ราวกับว่ามันรู้มากำลังมีคนเข้ามาใกล้ มันจึงส่งเสียงคำรามกระหึ่มสะเทือนท้องฟ้าและพื้นดินออกมาจากในหุบเขาทันที

เมื่อเสียงคำรามดังออกมา สัตว์อสูรสายพันธุ์อื่นที่อยู่ในหุบเขาใกล้ๆก็หมอบลงพื้นอย่างต่อเนื่อง ราวกลับว่าพวกมันกำลังหวาดกลัวและไม่กล้ายืนขึ้น

” มันดุร้ายอะไรเช่นนี้ ! ” หยางหลาวกระซิบด้วยใบหน้าตกตะลึง ” เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมากกว่าจะจับสัตว์อสูรตนนี้ได้ ตลอดเวลาหนึ่งปีครึ่ง สัตว์อสูรตัวนี้ก็ได้กลืนกินสัตว์อสูรระดับสามและสี่ไปมากมาย ถ้าเราตระกูลหยางของเราไม่ได้มีทรัพยากรที่สมบูรณ์ เราคงจะไม่สามารถจับมันได้แน่นอน ! ”

ฉื่อหยาน ก็ตกตะลึง .

สัตว์อสูร ระดับสาม หรือ สี่นั้นค่อนข้างมีค่า แต่สัตว์อสูรตัวนี้กลับกินพวกมันตลอดมาเป็นเวลาปีครึ่ง เห็นได้ชัดกว่าสัตว์อสูรตัวนี้ต้องดุร้ายเป็นอย่างมากแน่นอน ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆที่จะจัดการกับมัน

มันคำรามมาทางหยางมู่ที่ขี่มังกรสองหัวอยู่ มังกรสองหัวลังเลและยังคงหยุดนิ่งด้วยความกลัวที่เห็นได้อย่างชัดเจน

มังกรสองหัวเป็นสัตว์อสูรระดับ 6 ในตระกูลหยาง , สัตว์อสูรระดับเช่นนี้ก็ยากที่จะทำให้เชื่องอยู่แล้ว มันแข็งแกร่งกว่าค้างคาวโลหิตครามมาก ในอดีต เสียงคำรามของมังกรสองหัวนั้นต่างก็ทำให้สัตว์อสูรที่อยู่รอบๆตัวสั่น มันนั้นไม่คิดเลยว่าจะมีอสูรตนไหนที่ทำให้มันผู้เป็นมังกรสองหัวหยุดเคลื่อนไหวได้

หยางมู่ต้องลงจากมังกรสองหัว และยิ้มให้ฉื่อหยานอย่างขมขื่นเล็กน้อย “หยานเอ๋อ อย่างที่เจ้าเห็น มันเป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการกับมัน อนิจจา ! ข้าไม่รู้จริง ๆท่านปู่นั้นคิดจริงๆหรือที่จะให้เจ้าทำให้มันเชื่อง นี่มันน่าขันไปแล้ว แม้แต่ข้าเองก็สั่นกลัวเช่นกันเมื่อได้พบกับเจ้านั่น ”

ฉื่อหยานก็เริ่มแปลกใจมากขึ้น

” ไปกันเถอะ ! อย่าปล่อยให้มันดูถูกเราได้ ” หยางหลาวแสยะยิ้ม ” การที่เราตระกูลหยางจะจับมันมาได้นั้น แน่นอนว่าเราต้องมีวิธีจัดการกับมัน เรานั้นได้ใช้ทรัพยาไปเป็นจำนวนมากไปกับมัน เราจะต้องเอาคืนจากมันให้ได้ ”

ฉื่อหยานพยักหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่เย็นชาและกล่าวว่า : ” ข้าจะตั้งตารอ ”

” ระวังด้วย มิฉะนั้น ก่อนที่เจ้าจะทำให้เชื่อง เจ้าจะอาจจะถูกมันกินเสียก่อน” สีหน้าของหยางเหมินก็ดูเป็นกังวล ” มันไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้ด้วยเลย เจ้าต้องทำอย่างรอบคอบ ถ้าไม่เช่นนั้น , เจ้าจะต้องถูกกินด้วยความประทามแน่นอน ข้าเองก็หวาดกลัวกลิ่นอายที่แข็งแกร่งของมันเช่นกัน ข้าไม่สามารถขยับได้เลยถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปใกล้มันก็ตาม ”

” โฮ๊กกก ! ”

ในหุบเขา เสียงคำรามของสัตว์อสูรก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง มันดูเหมือนจะไม่พอใจมนุษย์ที่กำลังเข้ามาใกล้เป็นอย่างมาก เมื่อมันได้กลิ่นของมนุษย์ มันก็จะปลดปล่อยกลิ่นอายที่ดุร้ายออกมาทันที

หากเป็นนักรบทั่วไปได้ยินเสียงคำรามที่ดุร้ายของมัน ส่วนใหญ่ของพวกเขาจะต้องสั่นด้วยความหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าไปใกล้

แม้แต่ฉื่อหยานเองก็ต้องทำหน้ามุ้ย และเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาไม่กล้าที่จะปล่อยวาง

ภายใต้การนำของหยางหลาวา ในที่สุดฉื่อหยานก็มาถึงสถานที่ระหว่างภูเขาทั้งสองลูก

พื้นดินเต็มไปด้วยโครงกระดูกกระจายไปทั่ว โครงกระดูกเหล่านี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นโครงกระดูกของเหล่าสัตว์อสูร

ในหุบเขา พื้นดินเต็มไปด้วยกระดูก เท่าที่ดู มันเป็นเหมือนกับทะเลกระดูก .

” แกร๊ก ! ”

เหยียบกระดูก เกิดเป็นเสียงกระดูกแตกดังขึ้นมา ฉื่อหยานก็รู้สึกขนลุกทันที

พลังอสูรที่แข็งแกร่งและพลังความมืดลอยอยู่เต็มทั่วท้องฟ้าเหนือหุบเขา ในศูนย์กลางของพลังสีครามที่เข้มขนและพลังอสูร จะเห็นร่างกายบางส่วนของสัตว์อสูรทั้ง คมเขี้ยวและกรงเล็บ จากนนั้นมันก็ร้องคำรามขึ้นเหนือท้องฟ้า

โซ่สีดำสิบสองเส้นมีขนาดหนาเท่ากับแขนของคน เชื่อมต่ออยู่กับภูเขาทั้งสองลูก โซ่ม้วนรอบร่างกายของสัตว์อสูร ทุกครั้งที่สัตว์อสูรดินรนและขัดขืน ,เสียงประทะกันที่รุนแรงก็ดังออกมาจากโซ่สีดำที่พันอยู่

” ฮูป , ฮูป , ฮูป ! ”

สัตว์อสูรอ้าปากและดูดกลืนพลังที่ปั่นป่วนอยู่บนท้องฟ้า พลังอสูรที่แข็งแกร่งและพลังความมืดที่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า ก็หายเข้าไปในร่างของมันเหมืองกับฟองน้ำที่กำลังดูดซับน้ำ

เงาร่างก็จางหายไปจากบนกระดูก

ฉื่อหยานสีหน้าก็กลายเป็นหวาดกลัว

มันเป็นสัตว์อสูรที่มีขนาดใหญ่ และคล้ายกับงูเหลือม มันมีลำตัวยาวสิบเมตร มันไม่มีปีกและท้องของมันก็เต็มไปด้วยเกล็ด ร่างกายของมันถูกปกคลุมด้วยหนามยาวสีดำที่ดูดุร้าย ส่องแสงสีดำออกมา สองกรงเล็บขนาดใหญ่ก็มันสะท้องแสงที่ดูแหลมคม ราวกับว่ามันสามารถทำลายได้ทุกสิ่งโดยไม่บุปสลาย

 

กรงเล็บของมันทิ่มลงไปยังพื้นดินที่แข็งแกร่งจากพื้นดินก็เกิดเป็นหลุมลึกขึ้น ทุกๆครั้งที่มันทิ่มลงไปก็จะเกิดระเบิดขนาดใหญ่กระจายไปทั่วหุบเขา

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหัวของสัตว์อสูรตนนี้ มันมีใบหน้าที่เหมือนภูติผีที่น่าเกลียดน่ากลัว . ดวงตาของมันคล้ายกับระฆังทองแดงซึ่งส่องประกายสีเขียวออกมา , มันเต็มไปด้วยความกระหายเลือด ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของอสูร หนามสีดำก็อยู่บนหน้ามันเช่นกัน มันเป็นเหมือนกับคมดาบที่แหลมคมซึ่งแทงออกมาจากใบหน้าของมัน

สัตว์อสูรมีขนาดยาวสิบเมตร มันคล้ายกับมังกรและงูเหลือม มีใบหน้าที่เหมือนกับผีที่น่าเกลียด เพียงแค่ได้เห็นครั้งแรก มันก็ทำให้คนๆนั้นหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจได้

เมื่อสังเกตไปยังมนุษย์ที่เข้ามาใกล้กับมัน มันก็ระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง พลังของมันดุร้ายและรุนแรงเป็นอย่างมาก มันพุ่งออกมาเป็นเหมือนกับพายุโดยมีมันเป็นศูนย์กลาง

พลังที่ดุร้ายของมันเป็นเหมือนกับสสารที่มีตัวตน ‘ ทำให้วิญญานของมนุษย์ที่สัมพัสสั่นสะท้าน ทุกๆที่ที่พลังพัดผ่าน เศษกระดูกที่กระจายอยู่รอบๆก็จะกระจายออกไป

ทั้งหยางมู่และหยางเหมินช่วยไม่ได้ที่จะล่าถอยออกมาสองถึงสามเก้า พร้อมกับกระพริบตา

ฉื่อหยานสีหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกันและกลั่นจิตสำนึกวิญญานออกมา ใช้พลังของห้วงจิตสำนึกเพื่อต่อต้านพลังดุร้ายของสัตว์อสูร ในที่สุด เขาก็สามารถยืนได้อย่างมั่นคงแทนทีจะถอยหลังกลับไปด้วยความกลัว

หยางหลาว ด้วยความประหลาดใจ ก็จ้องไปที่ใบหน้าของฉื่อหยาน ด้วยสีหน้าแปลกๆ

ตั้งแต่ที่สัตว์อสูรตนนี้มาที่นี่ ก็มีนักรบจากตระกูลหยางมาที่นี่เพื่อทดสอบว่ามันดุร้ายเพียงใด นักรบเกือบทุกคนทั้เห็นมันเป็นครั้งแรก พวกเขาต่างก็ตกอยู่ในความกลัวและพวกเขาก็ก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว และไม่กล้าที่จะมองเข้าไปในดวงตาของมัน .

ทั้งหยางมู่ และหยางเหมิน ต่างก็เป็นนักรบในระดับปฐพี แต่กลับตกอยู่ภายใต้ความเกรี้ยวกราดของปีศาจนั้น อีกครั้ง และก็ช่วยไม่ได้ที่จะก้าวถอยไป

แต่ฉื่อหยาน กลับยืนนิ่งโดยไม่ขยับ นี่มันผิดปกติเป็นอย่างมาก

ฉื่อหยาน นั้นเป็นเพียงนักรบระดับหายนะเท่านั้น สิ่งใดกันที่ทำให้เขายังคงนิ่งได้ภายใต้พลังดุร้ายและความน่ากลัวของสัตว์อสูรที่จ้องมา ?

หยางหลาวนั้นคิดไม่ออกว่าเพราะอะไร แต่เขาเริ่มรู้สึกเชื่อในคำพูดของหยางชิงตี้มากขึ้น

ฉื่อหยานด้วยคลื่นของห้วงจิตสำนึก อย่างเงียบๆจิตสำนึกของเขาก็กระจายออกไปทีละนิด เพื่อต่อต้านกับความบ้าคลั่งของพลังดุร้ายโดยใช้พลังจิตสำนึกวิญญาน เมื่อเห็นหยางมู่และหยางเหมินถอยหลังไปไม่กี่ก้าว เขาก็รู้สึกประหลาดใจ และดีใจเล็กน้อย เขาตระหนักได้ว่าที่เขาสามารถทำทั้งหมดนี้ได้เป็นเพราะห้วงจิตสำนึกที่ทำให้เขาปราศจากความกลัว

อำนาจของห้วงจิตสำนึกนั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก หนึ่งในอำนาจของมันคือทำให้ใช้พลังของจิตสำนึกวิญญานได้และสามารถทนต่อพลังที่ดุร้ายไม่ให้ส่งผลต่อวิญญาน

ถึงแม้ว่าหยางมู่และหยาง เมิงจะเป็นนักรบระดับปฐพี พวกเขาก็ยังไม่มีห้วงจิตสำนึก ดังนั้น เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับพลังดุร้ายจากสัตว์อสูร พวกเขาจึงไม่สามารถใช้จิตสำนึกวิญญานได้ เมื่อวิญญานของพวกเขาสัมพัสได้ถึงมัน จิตใจและสติก็จะตกอยู่ในความหวาดกลัวและก้าวถอยหลังไป

” นั่นมันตัวอะไรกัน ? ” หายใจเข้าลึก ๆ , ฉื่อหยานก็ถามด้วยเสียงต่ำ

” สัตว์อสูรภูติ”

หยางหลาวก็รำพึงสักครู่และกล่าวว่า ” ว่ากันว่ามันเป็นลูกผสมระหว่าง ภูตินภาจากดินแดนใต้พิภพ และ สัตว์อสูรจากดินแดนอสูร พวกมันทั้งสองล้วนเป็นสัตว์อสูรระดับแปด ไม่ว่าจะใต้พิภพ หรือดินแดนอสูร พวกมันต่างก็มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเผ่าทมิฬหรือเผ่าอสูณก็ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลย สัตว์อสูรภูติตัวนี้อยู่ถูกพบในพื้นที่อาคมในดินแดนสี่อสูรโดยปู่ใหญ่ของเจ้า มันยังเป็นเพียงทารกอยู่ ด้วยอายุของมันเพียงไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น มันกลับเป็นสัตว์อสูรระดับหกแล้ส ตามคำพูดของปู่ใหญ่ของเจ้า เจ้าตัวอัปลักษณ์นี่เป็นลูกผสมระหว่างสัตว์อสูรระดับแปดสองตัว มันสามารถวิวัฒนาการได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ว่ากันว่า อาจจะเป็นไปได้ ที่มีนจะสามารถวิวัฒนาการระดับของมันไปถึงระดับเก้าได้ และหากเพาะเลี้ยงมันด้วยสมบัติและทรัพยากรธรรมชาติมันก็อาจจะกลายเป็นสัตว์อสูรระดับสิบได้ ! ”

ฉื่อหยาน ตะลึง

ปกติสัตว์อสูรทั่วไปจะวิวัฒนาการนั้นยากเป็นอย่างมาก ตัวที่สามารถวิวัฒนานการเป็นระดับเก้าได้จะถูกนับว่าเป็นตัวตนที่มหัศจรรย์ของโลกใบนี้ และตัวที่สามารถพัฒนาเข้าสู่ระดับสิบได้ก็มีเพียงแค่สัตว์อสูรในตำนานเท่านั้น และพวกมันเองก็มีไม่กี่ตัว

สัตว์อสูรภูติไม่เพียงแต่มีความสามารถในการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่มันยังสามารถวิวัฒนาการได้ถึงระดับเก้า นอกจากนี้ มันก็ยังมีโอกาสที่จะวิวัฒนาการไปเป็นจักพรรดิ์ของเหล่าสัตว์อสูร สัตว์อสูรระดับสิบอีกด้วย

ฉื่อหยาน ไม่เคยเจอหรือได้ยินเรื่องของสัตว์อสูรระดับเช่นนั้นมาก่อน

 

” ไม่มีใครรู้เลยว่า ภูตินภา จากดินแดนใต้พิภพจะปรากฏตัวขึ้นที่ดินแดนสี่อสูรและให้กำเนิดสัตว์อสูรภูติที่เกิดจากสัตว์อสูรมังกรของดินแดนอสูร ” หยางหลาว ส่ายหัว ” แม้แต่ท่านปู่ใหญ่ของเจ้าเองก็ไม่รู้ว่า ภูตินภา ไปปรากฏตัวที่ดินแดนสี่อสูรได้อย่างไร และไม่มีใครรู้เลยว่าทำไม ภูตินภาถึงผสมพันธุ์กับสัตว์อสูรมังกรได้ ชื่อที่เรียกว่า สัตว์อสูรภูติ เองก็เป็นปู่ใหญ่ของเจ้าที่ตั้งขึ้นมาเอง ว่ากันว่ามันเป็นตัวตนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต มันสมควรเป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้ยากที่สุดในธรรมชาติ”

” แล้วเราจะควบคุมมันได้อย่างไร ” ฉื่อหยาน พึมพำ

หยางหลาวก็สับสน . เขาส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มขื่นๆ ” ไม่ต้องมาถามข้า ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ท่านปู่ใหญ่ของเจ้าเป็นคนนำมันกลับมายังเกาะอมตะและพันธนาการมันด้วยโซ่ทองดำทั้งสิบสองเส้นด้วยตนเอง เขาบอกให้เราส่งสัตว์อสูร ระดับสาม หรือ สี่ ให้เป็นอาหารของมันทุกเจ็ดวัน และเขาก็กล่าวอีกว่าเขาจะให้เจ้าเป็นคนกำหราบมันเมื่อเจ้ามายังเกาะอมตะ ”

” ข้ารึ ? ” ฉื่อหยาน ก็ตะลึง ” ท่านปู่ใหญ่เห็นค่าของข้ามากเพียงนั้นเชียวรึ ? ”

” อืม ” หยางหลาวพยักหน้าด้วยสีหน้าแปลก ” พวกเราเองก็ไม่คิดว่าเจ้าจะมีความสามารถในการกำหราบมันหลอก แต่ท่านปู่ใหญ่ของเจ้าบอกว่า มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่มีชะตากับมัน ข้าเองก็ไม่เข้าใจคำพูดของปู่ใหญ่ของเจ้ามากนัก แต่เขาได้สั่งไว้ว่า เจ้าเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้กำหราบาสัตว์อสูรภูติตัวนี้ ข้าหละไม่เข้าใจความคิดของเขาจริงๆ . ”

” ท่านปู่ใหญ่จะต้องสับสนเป็นแน่ ” หยางเมิงแลบลิ้นของนางออกมาอย่างน่ารัก : ” พี่หยานท่านไม่เคยพบมันมาก่อน และท่านเองก็ไม่มีประสบการณ์ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะควบคุมมันได้ ”

” อย่าได้กังวล ” หยางหลาว คิดสักพักและพูดกับฉื่อหยาน : ” อยู่ตรงนี้และพยายามกำหราบมัน อืม อย่าได้ลืมว่าเจ้าห้ามเข้าไปใกล้มันเกิน 100 เมตร เจ้าจะต้องลงมือกับมันด้วยระยะห่าง 100 เมตร หากปู่ใหญ่ของเจ้าพูดเช่นนั้น แปลว่าเขาต้องมีเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าข้าจะมีวิธีมากมายที่ทำให้สัตว์อสูรเชื่อง แต่วิธีเหล่านั้นล้วนไม่เหมาะกับสัตว์อสูรตัวนี้ ท่านปู่ใหญ่ของเจ้าสั่งข้าว่าห้ามสอนวิชาในการควบคุมสัตว์อสูรให้กับเจ้า ”

เมื่อเขาพูดเสร็จ เขาก็จากไปพร้อมกับหยางมู่และหยางเหมิน โดยปล่อยฉื่อหยานให้เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรภูติที่ดุร้ายด้วยความกังวลเพียงคนเดียว

––––––––––––––––––––––––

ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 13 แล้ว มีถึงตอนที่ 555 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร

เทพเจ้าล่าสังหาร
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เทพเจ้าล่าสังหาร ฉื่อหยาน เป็นเด็กหนุ่มชื่นชอบกีฬาผาดโผน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการผจญภัยในหลุมฟ้าบาฮามาส ฉื่อหยานบังเอิญเดินทางผ่านเวลาและพื้นที่ จนไปกลายเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า ฉื่อหยาน ตอนนั้นเองคุณชายน้อยฉื่อหยานได้เสียชีวิตลลงที่ข้างบ่อเลือดพอดี และในระหว่างการผจญภัยสุดยอดกีฬาผาดโผน วิญญาณของเขาได้ถูกโอนเข้ามาของร่ายกายนายน้อย ฉื่อหยาน และได้รับแหวนวิเศษที่ถูกเรียกว่า ' แหวนสายโลหิต ' แหวนที่มีพลังลึกลับซึ่งทำให้ฉื่อหยาน เป็นนักฆ่า ความต้องการฆ่าของเขานั้นไร้สิ้นสุด ทุกอย่างทำเพื่อเพิ่มพลังอำนาจของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งหลังการฆ่า ความต้องการทางเพศก็จะตามมา . . . . . . .

Comment

Options

not work with dark mode
Reset