บทที่ 212 เหตุไม่คาดฝัน
ในหุบเขา
ฉื่อหยานต้องเผชิญกับสัตว์อสูรภูติเพียงลำพัง และตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำเช่นไร
สัตว์อสูร ที่เป็นเหมือนกับสัตว์อสูรภูติ นั้นอยู่นอกเหนือจินตนาการของเขามาก . ยางส่วนของมันถูกผนึกโดยหยางชิงตี้ ดังนั้นมันจึงสามารถโจมตีได้ในระยะร้อยเมตรเท่านั้น ในระยะหนึ่งร้อยเมตรห่างออกมาจากสัตว์อสูรภูตินับได้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย เมื่อมีคนเข้ามาใกล้ สัตว์อสูรภูติก็จะโจมตีออกมาอย่างรุนแรง
ฉื่อหยานพยายามอยู่หลายวิธีเพื่อที่จะเข้าไปใกล้กว่าระยะหนึ่งร้อยเมตร ตลอดสามวันที่ผ่านมา เมื่อเขาเข้าไปในพื้นที่อันตรายหนึ่งร้อยเมตรนี้ สัตว์อสูรภูติก็จะก้าวร้าวขึ้นมา พลังที่รุนแรงประทุขึ้นมาเกือบจะทำลายฉื่อหยาน
ไม่มีวิธีที่ใดเลยที่จะติดต่อกับสัตว์อสูรภูติ นอกจากนี้เขาเคยลองพยายามส่งจิตสำนึกวิญญานออกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อจิตสำนึกวิญญานของเขาพยายามที่จะสื่อสารกับสัตว์อสูรภูติ มันก็จะตกใจและระเบิดพลังที่รุนแรงออกมา
วันนี้ ฉื่อหยานพยายามสื่อสารกับสัตว์อสูรภูติอีกครั้ง แต่เมื่อเขาเริ่มใช้จิตสำนึกวิญญานเขา กลิ่นอายที่รุนแรงและดุร้ายก็ออกมาจากสัตว์อสูรภูติอีกครั้ง
โดยมีสัตว์อสูรภูติเป็นศูนย์กลาง กลิ่นอายพลังชั่วร้ายที่ปกคลุมหุบเขาก็พุ่งมายังเขาโดยตรง ดูเหมือนว่ามันต้องการจะทำลายเขา มันควบคุมโครงกระดูกให้เป็นดาบและควบคุมให้พุ่งมายังเขา
โชคดี ฉื่อหยานเตรียมที่จะถอนตัวอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีการโจมตีที่รุนแรงเกิดขึ้น
ฉื่อหยานรู้สึกอ่อนแอลง
ลูกผสมระหว่างภูตินภากับสัตว์อสูรมังกรนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก มันไม่เพียงแต่ดุร้าย ลักษณะของมันยังน่ารังเกียจอีกด้วย มันเต็มไปด้วยพลังและมันไม่เคยหยุดมองมาที่เขาเลย
ถ้าหยางหลาวไม่ได้บอกเขาว่า ก่อนที่หยางชิงตี้จะจากไปเขาได้ไว้ว่า สัตว์อสูรภูติตนนี้มีบางที่เชื่อมโยงกับเขา เขาก็คงจะถอดใจไปแล้ว
เพราะทุกสิ่งที่หยางชิงตี้ทำล้วนแต่เป็นปาฏิหาริย์ ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมแพ้ทันที และพยามยามจะสื่อสารกับสัตว์อสูรภูติ
ครึ่งเดือนผ่านไป
ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉื่อหยานยังไม่ได้เข้าไปใกล้สัตว์อสูรภูติเลย และยังคงรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากสัตว์อสูรภูติอยู่ เขาไม่สนว่าสัตว์อสูรภูตินั้นจะยอมรับเขาหรือไม่ ในหุบเขาแห่งนี้ ตอนนี้เข้ากำลังนั่งลงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ก้าวอัศนีและก้าวเงาอยู่
ตระกูลหยางแน่นอนว่าเต็มไปด้วยทรัพยากรและอำนาจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกประเภทของอาหารอร่อยถูกนำมาส่งให้ฉื่อหยานอยู่ตลอดเวลา กระเพาะของฉื่อหยานเต็มไปด้วยอาหารเหล่านั้น
โสมหมื่นปี ,พืชผีกร้อยปี กระดูกและเนื้อของสัตว์อสูร พวกมันถูกส่งมาให้เขาทุกวัน เขาไม่สามารถหาของเหล่านี้กินได้แน่นอนหากอยู่ในตระกูลฉื่อ พวกมันช่วยบำรุงเลือดเนื้อของฉื่อหยาน
ถึงแม้ว่าฉื่อหยานกับสัตว์อสูรภูติจะไม่มีความก้าวหน้าใดๆ แต่เมื่อเขาฝึกฝนก้าวอัศนีสำเร็จ เขาจะลงมือทันที
” ชิ….. ! ”
เฉกเช่นสายฟ้า ร่างของฉื่อหยานที่อยู่ในหุบเขา ระหว่างขาทั้งสองของเขา พลังปราณลึกลับก็ระเบิดออกมา ให้ เกิดเป็นผลกระทบที่น่าหวาดหวั่นขึ้น
ร่างของฉื่อหยานพุ่งไปมาในหุบเขาเหมือนกับสายฟ้าฟาด
” บูม ! บูม ! บูม ! ”
การระเบิดของพลังปราณลึกลับที่อยู่ในขารุนแรงเป็นอย่างมาก ภายใต้พลังระเบิดที่รุนแรง ทำให้ฉื่อหยานเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
” ฮู้วววววว ! ฮู้วววววว ! ”
เสียงของมังกรสองหัวก็ดังมาจากนอกหุบเขา หลังจากที่หยางมู่ลงมาจากมังกรสองหัว ,เขาก็ หัวเราะอยู่ข้างหน้าฉื่อหยาน ” เสี่ยวหยานเป็นไงบ้าง ? ”
เขาส่ายหัว ฉื่อหยานกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ ” ไม่มีความก้าวหน้าใดๆเลย ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้สัตว์อสูรภูติตัวนี้เชื่อง”
” ใช่แล้ว ” หยางมู่พยักหน้า ” สัตว์อสูรภูตินั้นดุร้ายเป็นอย่างมาก และมันก็เป็นลูกผสมของสัตว์อสูรทั้งสองที่น่ากลัว มันเป็นปาฏิหารย์ระหว่างสวรรค์และโลก ถ้ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้มันเชื่อง เราก็คงทำไปนานแล้ว ”
ฉื่อหยาน พูดอย่างไม่ยอมแพ้ ” ยังคงมีเวลาอยู่แล้ว ข้าไม่รีบอยู่แล้ว เพราะท่านปู่ใหญ่เองก็บอกว่าข้ากับสัตว์อสูรภูตินั้นมีชะตาร่วมกัน ที่เขาพูดเช่นนั้นก็คงมีเหตุผลของเขา”
” ท่านปู่ใหญ่ . . . . . . . ”
เมื่อพูดถึงหยางชิงตี้ หยางมู่ดวงตาก็ส่องประกายความห่วงใยและยิ่้มอย่างขมขื่น .
ฉื่อหยานนั้นมีสายตาที่ดี ดังนั้นเมื่อสีหน้าของหยางมู่เปลี่ยนไป เขาก็สัมพัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ เขาขมวดคิ้วแล้วถามเบาๆ ” เกิดอะไรขึ้น ? ”
” อ่า . . . . . . . ” หยางมู่ยิ้มพร้อมกับถอนหายใจ เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็หยุด
ฉื่อหยานรู้สึกไม่ดีนัก
ตั้งแต่เขารู้จักหยางมู่มา เขาไม่เคยเห็นสีหน้าของหยางมู่เป็นเช่นนี้มาก่อน
ในสายตาของเขา หยางมู่ เป็นคนที่ทะเยอทะยานและเต็มไปด้วยความมั่นใจที่ไม่มีสิ้นสุดราวกับว่าเขาไม่เคยกังวลกับสิ่งใด แต่ตอนนี้สีหน้าของหยางมู่แปลกไป นั่นจึงทำให้ฉื่อหยานรู้สึกแย่ทันที
” เกิดอะไรขึ้น ? ” ฉื่อหยานกล่าวอย่างจริงจัง
“ท่านปู่ใหญ่อาจกำลังประสบปัญหา” หยางมู่ถอนหายใจ ” เจ็ดวันก่อน เราได้สูญเสียการติดต่อจากท่านปู่ใหญ่ ถึงแม้จะใช้วิธีลับลุงโม่และท่านปู่ไม่สามารถติดต่อกันได้ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตระกูลหยางของเรามีวิธีลับเพื่อใช้สื่อสารกันระหว่างโลกทั้งสอง เขาใช้วิธีนี้คอยออกคำสั่งแก่เรา นอกจากนี้เรายังสามารถรายงานปู่ใหญ่เกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน เคียร่าทะเล ได้ แต่ตอนนี้ . . . . . . . ”
ฉื่อหยานสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ” ปู่ใหญ่นั้นมีอำนาจเหมือนพระเจ้า หากเขาต้องการไปคุยกับราชาอสูรโปวชุนด้วยตัวเอง แสดงว่าเขาจะต้องมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วนี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง ? ”
” ไม่รู้เหมือนกัน” หยางมู่ ส่ายหัว และฝืนยิ้ม ” บางทีเราอาจจะสามารถติดต่อท่านได้ในเร็วๆนี้ ฮ่าๆ เสี่ยวหยานไม่ต้องห่วง อยู่ที่นี่และสือสารกับสัตว์อสูรภูติให้ได้ ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่งเจ้าต้องค้นพบวิธี และสื่อสารกับสัตว์อสูรภูติตนนี้ได้.
” อืม ”
” ข้าแค่มาดูเจ้า ไม่มีอะไรแล้ ข้าขอตัวก่อนหละ ” หยางมู่ยื่นมือไปจับที่มังกรสองหัว และจากหุบเขาไปอย่างรวดเร็ว
หัวใจของฉื่อหยานรู้สึกหนักอุ้ง เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาเชื่อว่า หยางขิงตี้จะต้องออกมาจากดินแดนอสูรได้อย่างแน่นอน
ก่อนที่จะมาถึงที่ทะเลไม่มีที่สิ้นสุด เขาได้รู้เรื่องปู่ใหญ่มาเล็กน้อยผ่านคำพูดของเสี่ยวฮานยี่และเซี่ยซินหยาน . จากคำพูดของพวกเขา ฉื่อหยานจึงรู้ได้ว่าหยางชิงตี้เป็นคนๆหนึ่งที่เป็นตำนวนของทะเลไม่มีสิ้นสุด
และการกระทำของหยางชิงตี้ก็ได้ทำให้ฉื่อหยานเชื่อแล้วว่าเขาเป็นของจริง
บุรุษผู้แข็งแกร่งคนนี้มักจะมีแผนสำรองเสมอ เขาไม่เคยทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ฉื่อหยานเชื่อว่า หยางชิงตี้จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน
ฉื่อหยานอยู่ในหุบเขา เขากำลังฝึกซ้อมก้าวอัศนร และคิดหาวิธีที่จะสื่อสารกับสัตว์อสูรภูติ
และสองเดือนก็ผ่านไป
ในที่สุด ก้าวอัศนีของฉื่อหยานก็ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก หลังจากช่วงเวลาที่ผ่านมา ตอนนี้พลังปราณลึกลับของเขาที่ระเบิดออกมาจากขาของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก
โดยธรรมชาติ เมื่อฉื่อหยานใช้ก้าวอัศนี ความเร็วของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นทำให้ฉื่อหยาน รู้สึกเพลินเพลิน
เขากระตุ้นพลังของก้าวอัศนีทั้งหมดออกมา ฉื่อหยานก็เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติถึงเจ็ดเท่า เขา เคลื่อนไหวไปมาอยู่ในหุบเขาจนเกิดเป็นเสียสายฟ้าฟาดดังไปทั่ว
วันนี้ ฉื่อหยานที่คิดหาวิธีมานานในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าเขาสามารถใช้ก้าวสายฟ้าเข้าไปในพื้นที่อันตรายของสัตว์อสูรภูติ เขานั้นอยากจะลองเสี่ยงดูเพื่อให้แน่ใจว่าเขาสามารถเข้าออกพื้นที่อันตรายและกลับมาได้อย่างปลอดภัย
สูดหายใจลึก ๆ , ฉื่อหยาน ก็โคจรพลังปราณลึกลับในร่างกายของเขาอย่างช้าๆ และบังคับให้มันเข้าไปในขาของเขา
” บูม ! บูม ! บูม ! ”
ในระหว่างขาของเขามาฉับพลันก็เกิดระเบิดรุนแรงขึ้น การระเบิดนี้ส่งผลให้ข้อต่อของเขาสั่นสะท้าน พร้อมกับเสียงกระดูกที่ขาของเขาก็ดังออกมา
จู่ๆ ก็มีสายฟ้าฟาดไปยีงสัตว์อสูรภูติ
นอนราบอยู่ที่พื้น สัตว์อสูรภูติก็ใช้ดวงตาสีเขียวของมันจ้องไปที่ฉื่อหยานที่กำลังเข้ามาใกล้
” โฮ๊กกก ? ”
สัตว์อสูรภูคิคำรามออกมา ลำตัวยาวนับสิบเมตรของมันก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กลิ่นอายพลังชั่วร้ายของมันระเบิดออกมา
เป็นเหมือนกับคลื่นของกลิ่นอายที่รุนแรงปกคลุมไปทั่วพื้นที่รอบๆหนึ่งร้อยเมตร ร่างใหญ่ของสัตว์อสูรภูติ ปรากฏขึ้น กรวเล็บและหนามของมันก็ส่องแสงประหลาดออกมา พลังความิดและพลังอสูรก็ออกมาจากร่างของมันและแพร่กระจายโดยตรงจนครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด
ในพื้นที่เขตหวงห้ามของสัตว์อสูร ฉื่อหยานจมลงไปและถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายของสัตว์อสูรภูติอย่างสมบูรณ์
โฉลมไปด้วยกลิ่นอายที่รุนแรงเขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยของเหลว ซึ่งเกือบจะทำให้ฉื่อหยานจมน้ำตาย
” เกิดอะไรขึ้นรึ ? ” เปลวเหมันเยือกแข็งก็ส่งข้อความออกมา “สัตว์อสูรนี่มันคืออะไรกัน ถึงสามารถควบคุมพลังความมืดและพลังอสูรได้ , ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ”
เปลสเหมันเยือกแข็งที่อยู่ในแหวนสายโลหิตก็สัมพัสได้ถึงกลิ่นอายที่รุนแรงนี้ มันจึงถามฉื่อหยานขึ้นมาทันที
ด้วยแรงกดดันของกลื่นอายที่รุนแรง ร่างของฉื่อหยาน ก็เหมือนกับถูกคุมขัง และเขาก็ไม่สามารถขยับได้ . กลิ่นอายจากสัตว์อสูรภูติโตมตีไปที่วิญญาน และ มุ่งไปยังสมองของเขาโดยตรง
ห้วงจิตสำนึกกลายเป็นคลื่นวน ในขณะเดียวกันจิตสำนึกวิญญานก็พุ่งออกมาจากมัน ในทันที , พวกมันก็สร้างม่านจิตสำนึกวิญญานขึ้นมา และพยายามที่จะต่อต้านกลิ่นอายของสัตวอสูรภูติที่โจมตีมาอย่างรุนแรง
ฉื่อหยาน ก็ตกใจ แล้วเขาก็พบเป็นเรื่องยากมากที่จะออกจากพื้นที่แห่งนี้
” สุดยอด ! ” เปลวเหมันเยือกแข็งก็ตกตะลึง ” สัตว์อสูรนี่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ข้าไม่เคยพบพลังเช่นนี้มาก่อน เจ้ามาเจอกับสัตว์อสูรนี่ได้อย่างไร ? ”
ฉื่อหยานพยายามที่จะต่อต้านการโจมตีวิญญานของสัตว์อสูรภูติ เป็นเรื่องยากมากที่จะตอบเปลวเหมันเยือกแข็ง ร่างกายของเขากำลังค่อยๆลดต่ำลงเหมือนกับว่าในกลุ่มก้อนพลังความมืดและพลังอสูรนั่นมีภูเขาทั้งลูกอยู่
เขาอยู่ห่างจากสัตว์อสูรภูติห้าสิบเมตร
สัตว์อสูรภูตินั้นไม่่ได้โจมตีมาที่ร่างกายโดยตรง แต่กลิ่นอายที่รุนแรงของมันทำให้ฉื่อหยานสั่นสะท้าน เขารู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนกับกับใบไม้ที่อยู่ในพายุซึ่งสามารถถูกทำลายได้ตลอดเวลา
” อะไรหนะ ! ”
เปลวเหมันเยือกแข็งอุทานขึ้นมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะค้นพบบางอย่าง มันตะโกนออกมาทันที ” แหวนสายโลหิตปลดผนึกข้า หรือว่า มันต้องการให้ข้าช่วยเจ้างั้นรึ ? ”
เวลาต่อมา ทันที ฉื่อหยานก็รู้สึกได้ถึงพลังความเย็นไหลออกมาจากแหวนสายโลหิต
แทบจะทันที ร่างกายของฉื่อหยานก็ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง พลังความเย็นของเปลวเหมันเยิอกแข็งปกคลุมไปทั่วร่างของเขา
กลิ่นอายที่ดุร้ายของสัตว์อสูรภูติไม่สามารถทำอะไรฉื่อหยานได้ทันทีหลังจากที่มีพลังความเย็นของเปลวเหมันเยือกแข็งแทรกเข้ามา
ฉื่อหยานรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
” โฮ๊กกก! ”
สัตว์อสูรภูติทันทีก็เคลื่อนไหว !
พร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมา เสียงโซ่กระทบกันดังออกมา จากนั้นเขาก็เห็นร่างที่ใหญ่โตของสัตว์อสูรภูติลงมาจากบ้นฟ้าเหมือนกับกลุ่มก้อนเมฆทีสดำ
เมื่อเห็นสิ่งที่เหมือนก้อนเมฆดำมืดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนไป และเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าวิญญานของเขาเชื่อมต่ออยู่กับสัตว์อสูรภูติ เขารู้สึกสิ้นหวัง ต่อให้เขาหนีไปที่ใดเขาก็คงจะถูกฆ่าอยู่ดี
––––––––––––––––––––––––
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 13 แล้ว มีถึงตอนที่ 560 แล้วจ้า ท่านใดสนใจเข้าร่วมกลุ่มอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยครับ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ