บทที่ 380 พลิกสถานการณ์
” สายลมกระจ่างดาวนี้เป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา มันไม่มีผลกระทบต่อร่างกายของนักรบ แต่เมื่อมันซัดเข้ามาในจิตใจของเรา ห้วงจิตสำนึกของเราก็หายไป หลังจากจิตสำนึกวิญญานถูกซัดหายไป , วิญญานหลักจะปรากฏออกมาโดยตรง จากนั้นสายลมกระจ่างดาวก็จะโดนฉีกและบดขยี้ด้วย . ” ไชอี้ จ้องมองอย่างตั้งใจไปยังสายลมกระจ่างดาวที่อยู่ด้านหน้า ฉื่อหยานและค่อยๆบินไปที่นั้น ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนหวาดกลัว
แต่ ลั่วหลี่ และ ลั่วหลัน กับจ้องมองสายลมกระจ่างดาวที่ซัดเข้ามาอย่างหมดหนทาง และพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
” พวกเจ้าไม่มีสมบัติลับปกป้องวิญญานงั้นรึ ? ” ไชอี้มองไปที่ฉื่อหยานและอายหยา และถามอย่างรีบร้อน ” สมบัติลับป้องกันวิญญานสามารถป้องกันผลกระทบจากสายลมกระจ่างดาวได้ . ไม่เช่นนั้น เมื่อจิตสำนึกวิญญาณของเราถูกซัดวิญญานหลักของเราจะแยกออกจากกัน
ถ้าเป็นวิญญานหลักหายไปก็เท่ากับว่าจิตวิญญานถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก และไม่สามารถอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้
ลั่วหลี่ และ ลั่วหลัน ก็ขมวดคิ้ว . เขาสั่นศีรษะของพวกเขาหลังจาก ไชอี้ ได้ถาม
ไชอี้ มอง ฉื่อหยาน . ดวงตาคู่สวยของนางมีร่องรอยของความคาดหวัง
พวกเขาทั้งสามและไชอี้ก็มองไปที่ ฉื่อหยาน พวกเขาคาดหวังว่า ฉื่อหยาน จะมีเทคนิคลึกลับบางอย่างเพื่อหยุดสายลมกระจ่างดาว
” ทำไมพวกเจ้ามองข้ากัน ? ” ฉื่อหยาน ประหลาดใจและก็ยิ้มเหยเก ” . เจ้าคิดว่าข้าสามารถช่วยพวกเจ้าได้รึ ? ข้ามาจากทะเลไม่มีที่สิ้นสุด นักรบจากทะเลไม่มีสิ้นสุดต่างก็เป็นผู้แร้นแค้น ถ้าพวกเจ้าไม่มีมัน แล้วข้าจะมีอะไรได้?
” เจ้านั้นต่างออกไปจากนักรบทั่วไปในทะเลไม่มีสิ้นสุด ” ลั่วหลี่ ยิ้มอย่างไม่เต็มใจ” ถึงแม้ว่าเจ้าจะอยู่เพียงระดับรู้แจ้ง แต่เจ้ากลับสามารจัดการตัวไหมทองได้ และเส้นไหมทองเหล่านั้นได้ แม้ว่าจะเป็นนักรบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็ใช่ว่าจะมีนักรบมากมายที่แข็งแกร่งเหมือนกับเจ้า . “
อายหยา และ ไชอี้ เองยังสั่นศีรษะของพวกนาง ในเวลาเดียวกันพวกนางทั้งสองดูเหมือนจะเห็นด้วยกับ ลั่วหลี่
ก่อนหน้านี้ ในเวลาวิกฤตเช่นรับมือกับตัวไหมทอง ฉื่อหยาน ได้จัดการกับเส้นไหมทองและตัวไหมทองจากวังสวรรค์และช่วยพวกนางออกจากเงื้อมมือของหนิงเซอ
ฉื่อหยานก็เปิดเผยบางร่องรอยความลับที่ทำให้พวกเขาตกตะลึง ดังนั้น พวกเขาจะไม่ทำกับเหมือนกับว่าเขาเป็นนักรบทั่วไปในทะเลไม่มีสิ้นุดสิด
สายตาของพวกเขาทั้งสี่ที่มองฉื่อหยานได้เปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกว่าเขาไม่ใช่นักรบที่จะจัดการได้ง่ายๆอย่างนักรบทั่วไปในทะเลไม่มีสิ้นสุด
” ข้าไม่มีสมบัติลับปกป้องวิญญาน ” ฉื่อหยาน ส่ายหัว สายลมกระจางดาว ซึ่งค่อยๆ เข้ามาใกล้ และพูดอย่างไม่เต็มใจ ” เราควรจะหาวิธีอื่น”
” แล้วเราจะทำยังไง ?” ลั่วหลัน ถอนหายใจมองสายลมกระจ่างดาวที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาพูดอย่างผิดหวัง ” สายลมกระจ่างดาวนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก มันทำลายวิญญาณหลักของเรา ก่อนที่เราจะเข้ามาในพื้นที่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเราไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอกับมัน ? เฮ้อการเดินทางครั้งนี้ช่างทุกข์นัก ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ ข้าคงไม่เข้าไมาในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬหลอก”
” แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เราควรทำอย่างไร” ลั่วหลี่ สูดลมหายใจเข้าและก็นั่งลง ” ข้าหวังว่าเราจะสามารถรับมือกับมันได้สักครู่และคิดหาทางออกไปจากที่นี่ มิฉะนั้น , สายลมกระจ่างดาวได้แยกวิญญานหลักของเราแน่ “
อายหยา ไชอี้ ก็มีสีหน้าลังเล มันไม่มีประโยชน์ที่อะไรที่จะเร่งรีบ ในช่วงเวลานี้ พวกนางรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไร้ประโยชน์ และไม่สามารถทำอะไรได้
กระแสลมก็ค่อยๆใกล้เข้ามา ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการเผชิญหน้ากับมันหรือไม่ พวกเขาก็ต้องอดทนกับมัน
กระแสลมครอบคลุมพวกเขาทั้งหมดจากทุกทิศทาง สายลมกระจ่างดาวนี้ดูเหมือนจะมีความคิด ทันทีที่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตได้เข้ามา ทันที มันก็พุ่งออกมาจากทุกมุม ต้องการฆ่าคนเหล่านั้นให้หมด และไม่อนุญาตให้ใครรอดไปจากดินแดนสยองได้
มันไม่ใช่ว่า ฉื่อหยาน จะคิดเกี่ยวกับวิธีการหลบหนี อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่า ทั่วบริเวณนี่เต็มไปด้วยสายลมกระจ่างดาวที่รุนแรงซึ่งลอยไปมาอย่างต่อเนื่อง , มันจึงไม่มีประโยชน์ที่พวกเขาจะหลบหนี
หลังจากนั้น ,สายลมกระจ่างดาวก็ครอบคลุมพวกเขาทั้งหมดห้าคนในครั้งเดียว
มันเป็นดั่งที่ไชอี้กล่าว เมื่อสายลมกระจ่างดาวที่ชั่วร้ายมาถึง ร่างกายของ ฉื่อหยาน กลับไม่มีเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าสายลมกระจ่างดาวไม่มีอะไรร้ายแรงราวกับว่ามันไม่ได้มีอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่า ความปั่นป่วนในห้วงจิตสำนึกของเขาก็เริ่มปั่นป่วนแรงขึ้น หลังจากวิญญานหลักที่ควบแน่นในห้วงจิตสำนึกปั่นป่วน สักพัก จิตสำนึกวิญญานก็ห่อหุ่มห้วงจิตสำนึกของของเขาไว้เหมือนใยบัวและ ค่อยๆบินลอยออกมาจากห้วยจิตสำนึกเคลื่อนไหวไปตามสายลม
จิตสำนึกวิญญานเชื่อมต่ออยู่กับห้วงจิตสำนึกได้หายไปมาก หลังจากผ่านไปเพียงเวลาสั้นๆ
เมื่อเวลาได้ผ่านไป จิตสำนึกวิญญานของห้วงจิตวิญญาน ก็ค่อยๆจางหายไป ด้วยผลกระทบจากลมและมันปั่นป่วนมากขึ้น ราวกับว่าจิตสำนึกวิญญานที่อยู่นห้วงจิตวิญญานของเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
จิตสำนึกวิญญานคือรูปแบบพื้นฐานในห้วงจิตสำนึก เป็นองค์ประกอบของห้วงจิตสำนึก ที่เกิดจากการควบแน่นด้วยเส้นสายวิญญาน
วิญญานหลักเองก็อยู่ในห้วงจิตสำนึก ภายใต้การคุ้มครองของห้วงจิตำสำนึก เมื่อจิตสำนึกวิญญานจางหายไป วิญญานหลักจะถูกเปิดเผยโดยไม่สามารถป้องกันใดๆได้
สายลมกระจ่างดาวนี้จะสลายจิตสำนึกวิญญานก่อน แล้วจึงแยกวิยญานหลักออกจากกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายวิญญานของนักรบ เมื่อวิญญาณในห้วงจิตสำนึกวิญญานหายไป ความตายก็จะมาเยือนนักรบคนนั้น
เส้นสายจิตสำนึกวิญญานหายไปทีละเส้น ทำให้ ฉื่อหยาน ไม่สามารถมีสมาธิและคิดอะไรได้ เขากลายเป็นสับสนราวกับว่าถูกควบคุม
สติของเขาหายไปกว่าครึ่ง และจิตใจของเขาอยู่ในสถานะที่ไม่ปกติ เขาไม่สามารถแม้แต่จะทำสิ่งที่ง่ายที่สุดได้
เขามองดูคนอื่น ๆ กล่่มของ อายหยา และ ไชอี้ และตระหนักว่าทั้งสี่ก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกับเขา สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้คือ จิตสำนึกวิญญานของพวกเขาค่อยๆกระจายออกไปและห้วงจิตสำนึกก็ปั่นป่วนมากขึ้น
มันไม่มีทางแก้เลยรึ
ฉื่อหยาน ขบฟันของเขา ใช้ทุกความพยายามของเขาเพื่อที่จะรวบรวมสติของเรา และพิจารณาอย่างรอบคอบ
เขาต้องใข้สมบัติลับปกป้องวิญญาน ป้องกันจิตสำนึกวิญญานจากสายลมนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีสมบัติชนิดนี้อยู่ เคล็ดวิชาวิญญานต่างๆที่มีส่วนมากจะเป็นการใช้จิตสำนึกวิญญาน เขาไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาวิญญานใดๆได้ในขณะที่ห้วงจิตสำนึกของเขาปั่นป่วนอย่างรุนแรง
ปราศจากจิตสำนึกวิยญษน เคล็ดวิชาวิญญานก็ไร้ประโยชน์
สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เขากำลังค่อยๆ สูญเสียสติของเขาไป นี่ยิ่งทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับมันได้เลย
ต้องคิดหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด
เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ฉื่อหยาน ก็ยังสงบเมื่อเผชิญกับความทุกข์ยาก . เขาเลิกคิดถึงความปั่นป่วนของจิตสำนึกวิญญาน รวบรวมพลังทั้งหมดของเค้า และหาหนทางพลิกสถานการณ์
กระสวยแยกนภา !
ฉื่อหยาน ดวงตาที่แต่เดิมเกือบไร้ร่องรอบวิญญานก็ส่องประกาย ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจของเขา เขาจำได้ว่ามันเป็นสมบัติลับที่ได้มาจากหุบเหวสนามรบ
เมื่อเขาได้เข้าไปในหุบเหวสนามรบก่อนหน้านี้ จุดประสงค์ของเขาในตอนนั้น คือกระสวยแยกนภา
ในตำนานกระสวยแยกนภานี้สามารถทำลายรูปแบบและอุปสรรคได้ทุกอย่าง เขาใช้เวลาและความพยายามอย่างมากกว่าจะได้กระสวยแยกนภามา
หลังจากที่ได้รับกระสวยแยกนภามา เขาสื่อสารกับมันและได้รับข้อความจากมันว่า ถ้าเขายังไม่ถึงระดับรู้เข้า เขาจะไม่สามารถใช้มันได้แน่นอน
ใน ทะเลเหิงลั่ว ด้วยพลังของเขา เขาได้ไปทั่วทุกที่ และฆ่านักรบกับเผ่าอสูรไปมากมาย เขามีความก้าวหน้าถึงขนาดบรรลุเข้าสู่ระดับรู้แจ้ง เขาได้ใช้ทุกความพยายามเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง ตลอดจนเข้าใตความแข็งแกร่งของชิหยาน ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาสามารถใช้กระสวยแยกนภาได้ แต่เขาก็ยังไม่ได้ใช้มันเลย
เขารู้ว่าด้วยระดับรู้แจ้งของเขา ถ้าเขาไปดินแดนสี่อสูรเพื่อหาสถานที่ลับที่จักพรรดิหยางเทียนถูกจับอยู่ มันก็ยังยากสำหรับเขาที่จะใช้มันเพื่อช่วยชีวิตจักพรรดิหยางเทียนออกจากที่แห่งนั้น
ชิหยาน และโปวชุนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมี พลังจากรูปแบบของ จิตวิญญานพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ เปลวเหมันเยือกแข็ง และ แกน เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะช่วยเหลือและหนีพ้นจากร่างกระดูกขาวของโปวชุนได้หรือไม่
ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาสามารถใช้กระสวยแยกนภาได้ เขากลับไม่ได้ใช้มันเลย เพราะเขาเข้าใจว่า ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขา หากเขาเข้าไปในดินแดนสี่อสูรเขาจะต้องไม่รอดแน่นอน
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ความคิดต่างๆก็แวบขึ้นมาในหัวของเขา ในที่สุดเขาก็มีวิธีแก้ปัญหา เขาพยายามจะเอากระสวยแยกนภาออกมา ส่งจิตสำนึกเข้าไป และสื่อสารกับจิตวิญญานของกระสวยแยกนภา
” ดูเหมือนว่าเจ้าได้เข้าสู่ระดับรู้แจ้งแล้วสินะ ด้วยระดับรู้แจ้งของเจ้าเพียงพอที่จะใช้ข้าแล้ว เจ้าพร้อมแล้วหรือยัง ?” ข้อความที่บางเบาก็ดังออกมาจากกระสวยแยกนภา ” แล้วเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไร ?
” ออกไปจากที่นี่ ” ฉื่อหยาน รีบส่งมาข้อความออกไป
” ย่อมได้ ” ประสวยแยกนภาตอบกลับมาสั้นๆ ” ถ้าเจ้าส่งพลังของเจ้าเข้ามา แล้วจากนั้นเจ้าก็บอกข้า จากนั้นข้าก็จะพาเจ้าออกจากที่นี่ “
” ส่งพลัง ” ?
” ใช่ ” .
” จะต้องใช้เท่าใด ?
” ตอนนี้นายเจ้าอยู่ในนภาที่สองระดับรู้แจ้ง เจ้าจะต้องใช้พลังปราณลึกลับสองในสามของเจ้า ข้าจึงจะสามารถทำลายรูปแบบที่เจ้าอยู่ตอนนี้ได้ , ยิ่งรูปแบบแข็งแกร่งเท่าใด ข้าก็ต้องการพลังมากขึ้น รูปแบบที่เจ้าอยู่ตอนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากดังนั้นเจ้าใช้เพียงสองในสามของพลังปราณลึกลับทั้งหมดก็เพียงพอ .
หน้าฉื่อหยาน ก็ เปลี่ยนไปเล็กน้อย
รู้สึกผ่านจิตสำนึกวิญญาน เขาไม่ได้มีเวลาที่จะคิดเยอะ เขาเพ้งสมาธิไปที่พลังของเขา และถ่ายทอดพลังปราณลึกลับไปยังกระสวยแยกนภาที่อยู่ในมือของเขา
เมื่อพลังปราณลึกลับสองในสามของเขาถูกถ่ายทอดเข้าไปในกระสวยแยกนภา มันก็กลายเป็นแข็งแกร่งมากขึ้น ราวกับว่ามันสามารถฉีกกระปษกทุกอย่างได้ แล้วมันก็บินออกมาจากฝ่ามือของเขา
รูปร่างของมันเหมือนปลาเกล็ดเงิน คลื่นบางอย่างก็พุ่งออกจากกระสวยแยกนภา , เจาะผ่านชั้นของเมฆสีเทาบนท้องฟ้า
กระสวยแยกนภานี้สามารภทำลายรูปแบบทุกอย่างได้จริงๆ ราวกับว่ามันสามารถทำลายอุปสรรคทุกอย่างที่ขว้างกั้นได้ สิ่งที่เป็นเหมือนโคลนตมอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาก็แยกออกจากกัน
แสงสีเงินพุ่งลงมาจากเบื้องบน เหมือนจักรวาลสีเงิน มันพรวดพราดเข้าสู่หัว ฉื่อหยาน .
อายหยา ไชอี้ ลั่วหลี่ , และ ลั่วหลัน ที่เหม่อลอย ก็พลันเห็น ช่องว่างสีเงินปรากฏบนท้องฟ้า และได้พุ่งลงมาด้านล่างซึ่งเป็นเหมือนหนองน้ำปกคลุมเหนือหัวของตน พวกเขาทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะตะโกนออกมาดังๆ
” นี่ . . . . . . . ? “
” เป็นของฉื่อหยานรึ? เขาช่างไม่ธรรมดานัก “
อายหยา ไชอี้ และสองพี่น้องไม่สามารถช่วย ที่จะตะโกนตกใจออกมาเพราะความสามารถ ฉื่อหยาน . พวกเขาไม่ได้รู้ว่าสิ่งนี้ที่ฉีกกระชากดินแดนสยองได้ของฉื่อหยานคืออะไร
________________________
ปล. ตอนนี้กลุ่มลับถึงกลุ่ม 28 แล้ว มีถึงตอนที่ 1287 แล้วจ้า ท่านใดสนใจ กดอ่านรายละเอียดที่นี่เลย > กดตรงนี้ <