บทที่ 53 ผู้มาเยือนจากตระกูลซั่ว
ในห้องแรงโน้มถ่วง
ฉื่อหยาน พยุงตัวกลับหัวพิงอยู่กับเสาแรงโน้มถ่วง , รักษาสมดุลระหว่างที่เอานิ้วชี้ของเขาจิ้มไปที่พื้น ตอนนี้สามารถเห็นเส้นเลือดของเขาได้อย่างชัดเจน
ในสองชั่วมองที่ผ่านมาเขาจะเปลี่ยนนิ้วของเขาที่จิ้มลงพื้นทุกๆ 15 นาที เขาจะเปลี่ยนไปยังนิ้วต่อไปและทำอย่างนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งรอบ ฉื่อหยานก็นั่งอยู่บนก้อนหินสีเขียวบนพื้นด้วยร่างกายเปียกไปด้วยเหงือ เขาเหยียดมือซ้ายของเขาออกไปและปล่อยพลังงานด้านลบบางส่วนจากเส้นชีพจรในแขนของเขาออกไป
และควันสีขาวก็ไหลออกมายาวกว่าแขนของเขาและมันก็ลอยขึ้นมาที่ด้านหน้าตามความคิดของเขา .
พลังปราณลึกลับที่กำลังโคจรอยู่ในมือซ้ายของเขาก็เริ่มสั่น จากนั้นเขาก็ถ่ายเถมันเข้าไปในควันสีขาวที่กำลังลอยอยู่ตรงหน้า
เมื่อถ่ายเถพลังปราณลึกลับเข้าไปควันสีขาวแล้ว ทันทีควันสีขาวก็เคลื่อนไหวดิ้นไปมา เหมือนกับอสรพิษ . . . . . . .
ควันสีขาวและพลังปราณลึกลับค่อยๆหลอมรวมกันและสร้างเป็นวงหมุนวนเล็กๆขึ้น , ซึ่งมันก็เกิดเป็นแรงดึงดูดขึ้นอย่างอัศจรรย์
ทันทีที่เกิดขึ้นสภาพอากาศรอบๆก็แปรปวนทันที
มันดูดอากาศที่อยู่รอบๆให้เข้ามาที่จุดศูนย์กลาง และพื้นที่โดยรอบอากาศก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกได้ทันทีว่าอากาศรอบๆดูหนักขึ้น
ตาของฉื่อหยานส่องประกาย เขาตั้งสมาธิไปที่วงหมุนเล็กๆนั่นและพยายามที่จะเพิ่มความอัศจรรย์ให้มัน โดยการถ่ายเถพลังปราณลึกลบเข้าไปมากกว่าเดิม
แต่น่าแปลกที่วงหมุนนั้นกลับไม่ได้ดูดรุนแรงขึ้นอย่างใด ในทางตรงกันข้าม , มันกลับเบาบางและอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก
” เอ๋ ? “
ฉื่อหยาน ก็งงและสับสน
หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานาน ดูเหมือนเขาจะทำบางอย่างผิดวิธี เขาจึงหยุดถ่ายเถพลังปราณลึกลับเข้าไปและจึงปลดปล่อยควันสีขาวให้เข้าไปยังวงหมุนมากขึ้น
วงหมุนก่อนหน้านี้ที่มีขนาดเล็กและพลังอ่อนแอลง มันก็แข็งแกร่งขึ้นทันทีหลังจากปลดปล่อยควันสีขาวเข้าไป
เขาจ้องไปที่วงหมุน 10 วินาที ฉื่อหยานก็คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในที่สุดเขาก็โคจรพลังทั้งสองประเภทออกมาจากวงหมุนนั่นทันที
ทันใดนั้นวงหมุนก็หายไป
ด้วยการฝึกในรอบนี้ เขาก็ได้ข้อสรุปว่า เพื่อที่จะเพิ่มพลังให้กับวงหมุน , ควรจะมีพลังทั้งสองประเภทอย่างสมดุลในวงหมุนนั่น เพียงทำแค่นี้ ก็จะทำให้วงหมุนมีประสิทธิภาพขึ้นแล้ว
ถ้าพลังประเภทหนึ่งมีมากกว่าพลังอีกประเภท มันจะไม่เพิ่มประสิทธิภาพให้ แถมยังทำลายสมดุล และลดพลังอำนาจของมันลงอีกด้วย
มันต้องมีความสมดุลระหว่างพลังทั้งสอง หรือจะบอกได้ว่า ไม่ควรปลดปล่อยพลังอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป
ในระหว่างวันเหล่านี้ ฉื่อหยานอุทิศตัวให้กับการฝึกฝนวิชาต่อสู้ทั้งสอง : [ ดรรชนีย์ทะลวง ] และ [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] นอกจากเวลาอาหารทั้งสามมื้อแล้ว เขาใช้เวลาเกือบทั้งหมดในการฝึกฝนพวกมัน
หลังจากฝึกฝนอย่างทรมานมาหนึ่งเดือน การฝึกฝน [ ดรรชนีย์ทะลวง ] ของฉื่อหยานก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เขาสามารถทรงตัวได้นิ้วละ 15 นาทีอย่างไม่ทรมานอีกต่อไป
นิ้วมือทั้งสิบของเขากลายเป็นแข็งแกร่งและแข็งแรงขึ้นเป็นอย่างมาก และมันจะเกิดเป็นเสียงโลหะเมื่อเขาได้เปิดใช้งานจิตวิญญานกายาแข็งและนำมันมากระทบกัน .
ทุกครั้งที่เขาฝึกฝน [ ดรรชนีย์ทะลวง ] เสร็จ เขาก็จะมุ่งมันในฝึกวิชาต่อสู้ระดับวิญญาน [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] ต่อ
เขาไม่ได้เรียกพลังงานด้านลบให้กลับมาที่เส้นชีพจรของเขาทุกครั้งหลังจากที่ฝึกเสร็จ เขากลับบังคับให้มันไหลไปที่แขนและขาแทนและให้มันหลอมรวมกับพลังปราณลึกลับของเขาแทน เพื่อฝึกฝน [ หลุมแรงโน้มถ่วง ] ถึงแม้ว่าวงหมุนที่เขาสร้างขึ้นนั้นมีขนาดเล็กก็ตาม แต่ประสิทธิภาพของมันกลับไม่ด้อยไปกว่าวงใหญ่เลย
หลังจากสิ้นสุดการฝึกฝนซ้ำไปมาเหล่านี้ เขาก็เข้าใจเกี่ยวกับ [ สนามโน้มถ่วง ]มากขึ้น และ เขาก็รู้ว่าเขาสามารถคงสภาพมันไว้ได้นานเท่าใด
ยิ่งเขาเข้าใจวิชา [ สนามโน้มถ่วง ] , ลึกซึ้งมากเท่าใด เขาก็พบว่ามันยังมีบางอย่างอีกมากมายในวิชาระดับวิญญานนี่
ในขณะที่ฝึกวิชาระดับวิญญานนี้อยู่ ฉื่อหยาน ก็ยังคงคิดเกี่ยวกับโลกแห่งนี้อยู่
ฉื่อหยานนั่งตัวตรงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อ และจมไปในความคิด
” แกร๊กกกก “
ประตูหินห้องแรงโน้มถ่วงถูกเปิดออกมา เป็นฮั่นจงที่เดินเข้าไปและตะโกนว่า ” น้องหยาน ท่านหัวหน้าตระกูลให้มาตามเจ้าไปที่ห้องรับแขก “
” ห้องรับแขก ? ” ฉื่อหยาน เหลือบมองเขา แล้วขมวดคิ้ว ” เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้ ข้าออกจากห้องแรงโน้มถ่วงงั้นรึ ? หรือว่ามีบุคคลสำคัญมาเยื่อน ? “
” ซั่วชู มากับสาวน้อยที่ชื่อว่าซั่วฉือ ” ฮั่นจงอธิบายในขณะที่ยืนอยู่ที่ประตู ” ซั่วชูและซั่วฉือพึ่งเดินทางกลับหลังจากไปพบอาจารย์ของนางมา ชื่อว่า ชิเสี่ยว ดังนั้นพวกเขาจึงมาเยี่ยมเราระหว่างทาง และกำลังหารือเรื่องงานประลองฝีมือกับท่านหัวหน้าตระกูลอยู่”
ตระกูลซั่วเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ในสมาคมการค้า และค่อนข้างใกล้ชิดกับตระกูลฉื่อ
ตระกูลซั่วนั้นครอบครองจิตวิญญานเงา ในระหว่างการต่อสู้ จะมีร่างแยกอยู่ข้างๆ นักรบตระกูลซั่ว และตรกูลซั่วเองก็มีทักษะในการสร้างร่างของตนเจ็ดถึงแปดร่างในการต่อสู้ ร่างแยกเหล่านี้สามารถเคลื่อนไหวและการกระทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อสร้างความสับสนให้กับศัตรูได้
ตระกูลซั่วจะสร้างร่างเงาเหล่านี้ออกไปต่อสู้และร่างจริงก็จะซ่อนตัวอยู่ในจุดบอด
ฝ่ายตรงข้ามจะเข้าใจผิดโจมตีไปที่ร่างแยกพวกนั้น จากนั่นนักรบตระกูลซั่วก็จะใช้จังหวะนั้นสังหารศัตตรูได้อย่างง่ายดาย
จิตวิญญานเงาไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์กับการต่อสู้ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวง เมื่อใครสักคนต้องการจะหลบหนี
เมื่อนักรบตระกูลซั่วถูกคุกคามพวกเขาจะสร้างร่างของตนเองหลายร่างและเคลื่อนไปในทิศทางที่แตกต่างกัน ถ้าหากพวกเขามีศัตตรูเพียงคนเดียว คนๆนั้นก็จะเลือกไล่ตามหนึ่งในร่างเหล่านั้นแน่นอน
หลังจากที่ศัตรูไล่ตามได้ทัน กว่าจะรู้ตัวมันก็จะพบว่านั่นเป็นเพียงร่างแยกเท่านั้น และร่างจริงของเขาก็ได้หลบหนีไปแล้ว
ถ้าตัวจริงถูกไล่ตาม พวกเขาสามารถก็จะสร้างร่างแยกขึ้นมาและทำให้ศัตรูสับสนอีกครั้ง
ไม่มีใครสามารถสังหารนักรบตระกูลซั่วได้ และยากนักที่จะได้พบกับตัวจริงของพวกเขา
” ข้าเข้าใจแล้ว ” ฉื่อหยานพยักหน้าอย่างเนื่อย ๆพร้อมกับหยิบเครื่องแบบนักรบสีเขียวจากพื้นขึ้นมาและสวมมัน เขาก้าวเดิน ออกไปจากห้องแรงโน้มถ่วง ” ไปกันเถอะ “
” เอ่อ . . . . . . . น้องชาย เจ้าไม่อาบน้ำก่อนรึ ? ” ฮันจงเอามือครอบไปที่จมูกของเขาด้วยมือข้างหนึ่งและโบกมือไปมา ” ตัวเจ้าช่างเหม็นเหงื่อนัก ! “
” ไม่ ข้าจะไปแบบนี้แหละ “
” เจ้าไม่อยากจะสร้างความประทับใจดีๆกับซั่วฉืองั้นรึ ? ” ฮันจงมองด้วยสายตาแปลกๆ ” ซั่วฉือเป็นที่รู้จักกันดีในสมาคมการค้าด้วยความงดงามของนาง เทียนเซียว เทียนลั่ว รวมถึงนายน้อยหลายๆคนต่างลุมล้อมนางทุกๆวัน เจ้าไม่อยากทำให้นางประทับใจเช่นนั้นรึ ? “
” ซั่วฉือ ” ฉื่อหยานคิดสักพักและจานั้นก็ปรากฏประกายแสงในใจของเขา โดยไม่คาดคิด เขารู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยในหัวใจของเขาและเขาก็ส่ายหัว ” นี่…. มีเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับข้าและนางเช่นนั้นรึ . . . “
” ถูกต้อง ! “
ฮั่นจงแสยะยิ้ม ” เจ้าทั้งสองเกิดในวันเดียวกัน มันช่างบังเอิญนัก ! แล้วปู่ของเจ้ากับซั่วชูได้ทำการหมั้นหมายเจ้ากับนางแล้ว ตั้งแต่ในวันที่สามหลังจากที่นางเกิดนางก็ได้สืบทอดจิตวิญญานเงา ในขณะที่เจ้ายังไม่ได้รับสืบทอด อืม.. แล้วก็ ไม่มีใครรู้เรื่องการหมั้นระหว่างเจ้าทั้งสองด้วย มีเพียงเราสองตระกูลเท่านั้น . . . . . . . “
ฮั่นจงหยุดและถอนหายใจออกมา ” มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ซั่วฉือผู้ได้รับสืบทอดจิตวิญญาณการต่อสู้ นั้นไม่ได้สนใจเจ้าตั้งแต่แรก ทั้งตระกูลฉื่อและตระกูลซั่ว คิดว่าเจ้านั้นจะไม่ประสบความสำเร็จในอนาคตแน่นอน ตระกูลซั่วนั้นไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับผู้ที่ไม่ใช่นักรบและซั่วฉือเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เพราะว่า ตระกูลฉื่อก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรในเรื่องนี้เลย . “
ความทรงจำที่ซ่อนอยู่ลึกภายในจิตใจของเขาถูกปลุกให้ตื่นด้วยคำพูดของฮั่นจง ฉื่อหยานยืนตะลึงสักพัก แล้วจึงค่อยๆ เริ่มค้นหาเศษเสี้ยวของความทรงจำเหล่านี้และพึมพำกับตัวเองเป็นเวลานาน ” เจ้าช่างน่าเห็นในจริงๆ . . . . . . “
” ซั่วฉือเก่งและฉลาดเป็นอย่างมาก แต่นางค่อนข้างที่จะไม่สนใจวิชาต่อสู้และไม่ค่อยฝึกฝนนัก ความสำเร็จของนางเป็นผลมาจากการผลักดันของตระกูล นางสามารถฝึกฝนได้เร็วกว่านักรบทั่วไป นางนนั้นอยู่ใน นภาที่สองของระดับมนุษย์ในตอนนี้ ซึงนางมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ในสมาคมการค้ายิ่งนัก “
ฮั่นจงส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ ” เจ้าเป่ยหมิงเช้อ มันไปถึงนภาที่สองของระดับมนุษย์ได้ตั้งแต่อายุสิบเจ็ด เพราะมันนั้นได้ฝึกฝนอย่างหนัก แต่ในขณะที่ซั่วฉือนั้นเอาแต่นอนและเล่นไปวันๆ . . . . . . . ข้าเดาว่าซั่วฉือต้องมีพรสวรรค์มากกว่าเป่ยหมิงเช้อเป็นแน่ “
ฉื่อหยานไม่ตอบอย่างใดและเอาแต่ขมวดคิ้ว .
เขารู้สึกได้ถึงความเศร้าโศกเล็กน้อยในหัวใจของเขาเมื่อได้ยินชื่อซั่วฉือ . . . . . . .
เขามุ่งความสนใจไปที่ความจำ ฉื่อหยานรู้ว่าเจ้าของร่างคนเดิมนั้นได้หลงรักซั่วฉือ , ในขณะที่ นางไม่เคยสนใจใยดีเขาเลย
ซั่วฉือเป็นคนขี้เกียจมาก นางไม่ชอบ ฝึกฝนวิชาต่อสู้ แต่กลับสนในในเรื่องของ ศิลปะ , ธรรมชาติ , พิธีชงชา , หรือ โหราศาสตร์และอื่น ๆ . . . . . . .
เป็นงานอดิเรกที่แตกต่างกันออกไป ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ฝึกหนัก นางก็สามารถบรรลุระดับได้อย่างง่ายดายและยังไปถึงนภาที่สองในระดับมนุษย์ได้ ต่อให้นั้นจะเป็นเพราะการผลักดันของตระกูลก็ตาม นี่ก็ย่อมเป็นพรสวรรค์ที่น่าทึ่งของนางอยู่ดี
นอกเหนือจากพรสวรรค์ที่เหลือเชื่อของนางแล้ว นางยังมีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและงดงามเป็นพิเศษ
เจ้าของร่างคนเก่าได้หลงรักซั่วฉื่อตั้งแต่แรกเห็น แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดออกไป เพราะ เขาก็รู้ดีว่าเขาอ่อนแอ เช่นนั้นเขาจึงไม่แสดงออกอะไรที่บ่งบอกว่าเชาชอบนางเลย
ด้วยการที่เขาเป็นแบบนั้น เขาย่อมไม่สมหวังแน่นอน
” เอ่อ . . . ” หลังคิดพร้อมกับเดินไปสักพัก ฉื่อหยานก็ยิ้ม ” งั้น . . . . . . . สาวน้อยคนนั้นย่อมเป็นอัจฉริยะสินะ “
” แน่นอน ! “
ฮั่นจงพยักหน้าและพูดยืนยัน ” ไม่งั้น ชิเสี่ยว จากหุขเขาเมฆาคงจะไม่รับนางเป็นศิษย์แน่ และเขายังรับนางเป็นศิษย์ทันทีหลังจากที่เห็นนางครั้งแรกอักด้วย เมื่อสามปีก่อน ชิเสี่ยวได้บรรลุเป็นนักรบในระดับนภา ซึ่งนั่นหาได้ยากมากในสมาคมการค้าและจักวรรดิ์อัคคีและจักวรรดิ์พรพระเจ้า ว่ากันว่า แม้แต่ เป่ยหมิงชาง เองก็เคยถูกเขาทุบตีมาแล้ว “
” เช่นนี้นี่เอง “ฉื่อหยานดูไม่แยแส ” เช่นนั้นไปกันเถอะ “
” นี่ . . . . . . . เจ้าจะไม่ทำอะไรสักอย่างกับสิ่งข้าพูดหน่อยรึ เจ้าควรไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าสะ ” ฮัน จงยิ้มอย่างขมขื่น
” ตอนนี้ หญิงสาวคนหนึ่งที่มีคนชมชอบมากมายอีกทั้งนางยังได้รับการปกป้องจากชิเสี่ยวและซั่วชูกำลังรออยู่ , ข้าไม่อยากจะให้นางรอนาน เด๋วจะเสียโอกาส “
––––––––––––––––––––––––
ปล. ลงอีกที วันที่ 6/4/2560 จ้า… ตอนนี้ในกลุ่มลับของเราลงถึงตอนที่ 126 แล้วนะครับ แล้วก็มีกลุ่ม 3 แล้วด้วย เริ่มลงตอนที่ 121 แล้วนะครับ หากสนใจอยากเข้าร่วมกลุ่มลับ สามารถอ่านเงือนไขได้ที่โพสปักหมุดของเพจเลยจ้า กลุ่มเรารับคนตลอดน๊า….
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา กดตรงนี้ >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ