บทที่ 71 ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้น
” เจ้าเฒ่า ฉื่อเจี้ยน ! “
โม่ตั่ว ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ไม่มีที่สิ้นสุด พร้อมกับคำรามออกมาอย่างโวยวายขณะที่ขึ้นไปยังสนามประลอง , ” เจ้าฆ่าโม่ซานหลานชายของข้า ! เจ้าต้องการจะทำลายอนาคตของตระกูลโม่ใช่หรือไม่ ดี ! งั้นข้าจะฝังเจ้าไปพร้อมกับเขา”
การตายขอโม่ซานทำให้มันบ้าคลั่ง โม่ตั่วไม่สนใจการลองอีกต่อไป มันพุ่งไปที่ตระกูลฉื่อทันที
เมื่อเห็นโม่ตั่วจะลงมือ นักรบจากตระกูโม่ก็ลุกขึ้นทันที พวกมันทั้งหมดขึ้นไปบนสนามประลองและตามโม่ตั่วไป
” โม่ตั่ว ! หลานชายทั้งสองของข้าเองก็นอนอยู่นี่เจ้าเห็นไหม ! ” ฉื่อเจี้ยนเต็มไปด้วยความโกรธ เขาจ้องไปที่โม่ตั่วที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นก็แสยะยิ้ม ” เจ้าอารมณ์ดีเมื่อชนะ แต่กลับอารมณ์เสียทันทีเมื่อเจ้าแพ้ ฮึ่ม ! ถ้าเจ้าไม่อยากสูญเสีย ก็ไม่ต้องเข้าร่วมการประลองตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว ! “
” พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ ! “
ใบหน้าของเป่ยหมิงชางก็เปลี่ยนไปและมันลุกขึ้นยืน จู่ๆอุณหภูมิรอบๆสนามประลองก็กลายเป็นลดลงและเต็มไปด้วยความหนาวเย็น ซึ่งไหลออกมาจากร่างกายของมัน
ถึงแม้ว่าจะมีดวงอาทิตย์ลอยตัวสูงอยู่เหนือหัว แต่ทุกๆคนรอบสนามต่างก็หนาวเย็น
” ถอยไป ! ” โม่ตั่วหันหลัวกลับไปทางนักรบตระกูลโม่ และตะโกนออกมาอย่างเจ็บใจ
ยอดฝีมือจากตระกูลโม่ต่างก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ด้วยสายตาที่เยือกเย็นของเป่ยหมิงชางที่จ้องมา พวกมันก็กลับไปยังพื้นที่ของตร
” ฉื่อเจี้ยน เจ้ากล้าประลองกับข้าตัวต่อตัวหรือไม่ ! ” เมื่อทุกคนในตระกูลโม่ได้ถอยกลับมาแล้ว โม่ตั่วก็คำรามออกมาจากกลางเวที
” ว้าว ! เป็นไปไม่ได้ ? “
” หรือว่านี่ ! เราจะได้ดูการต่อสู้ระหว่างหัวหน้าตระกูลกัน ! “
” ไม่เสียแรงเลยที่ข้าเดินทางไกลมาชม นี่ช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ ! “
ฝูงชนต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกมันมองไปที่ฉื่อเจี้ยนด้วยความคาดหมายบางอย่าง
” เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้ารึ ! ” ฉื่อเจี้ยนแสยะยิ้ม และก้าวเข้ามากลางสนามประลอง และเขาก็หันไปทางเป่ยหมิงชางและกล่าวว่า ” ท่านหัวหน้าตระกูลเป่ยหมิง โม่ตั่วและข้าจะประลองกันอย่างยุตธรรม ข้าอยากแน่ใจว่า นี่ไม่ผิดกฏใช่หรือไม่ ? “
อากาศหนาวเย็นก็ค่อยๆไหลกลับเข้าไปในร่างของเป่ยหมิงชาง . มันมองกลับไปพร้อมกับย่นคิ้ว แล้วจึงค่อยๆนั่งลง มันส่ายหัวและถอนหายใจออกมา” เจ้าทั้งสองต้องการอย่างนั้นจริงๆรุ ? หากเจ้าต้องการจะประลองกัน ข้าก็จะไม่หยุดพวกเจ้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะรู้จักควบคุมตัวเอง และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน “
ฉื่อหยานจ้องมองไปที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็เดินไปนั่งยังโต๊ะของตระกูลฉื่อ เมื่อเห็นฉื่อเจี้ยนก้าวขึ้นไปบนสนามประลอง คิ้วของเขาก็ย่นเข้าหากัน แค่มองดูก็รู้แล้วว่า เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่
อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองกำลังจะเริ่มประลองกันถึงตายกัน ทั้งเมืองเทียนหยุนก็สั่นสะเทือนสองครั้ง จากนั้น ไกลออกไป หอคอยหินสูงหลายสิบเมตรก็ล้มลง
ห่างไปหลายพันเมตร สามารถเห็นเงาร่างของหญิงสาวอยู่เหนือหอคอยได้ , นางสวมชุดสีดำ และสวมหมวกไม้ไผ่ .
เห็นได้ชัดว่านางเป็นสตรีที่งดงาม
หญิงงามที่เหมือนเทพธิดานี้ ได้ยกมือขึ้นเหนือหัว และเหมือนกับว่านางกำลังถืออะไรสักอย่าง
บรรยากาศรอบๆดูแปลปวน เต็มไปด้วยก้อนเมธและหมอกควัน
จู่ๆหมอกควันที่ไหลเหมือนกับสายน้ำก็กลายเป็นเสาเพลิงขนาดยัก , และพุ่งลงมาเหมืนกับว่ามันมาจากสวรรค์ พุ่งไปที่มือของหญิงงาม
ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยความร้อนซึ่งมันไหลออกมาจากร่างของหญิงสาว
นักรบที่อยู่รอบๆสนามประลองไกลออกพันเมตรต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ปรากฏเป็นเส้นสายบางอย่าง พุ่งออกมาจากร่างกายของนาง เส้นสายนั้นมีความหนาเป็นอย่างมาก มันมีสีรุ้งและเคลื่อนไหว ไปรอบๆร่างของนาง
” นั้นมัน ยอดฝีมือระดับนภาหนิ “
” หญิงสาวคนนั้นเป็นใครกัน ? นางช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ! “
” เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมถึงยอดฝีมือในระดับนภาปรากฏตัวขึ้นที่เมืองแห่งนี้ ? “
ทุกคนที่อยู่รอบๆสนามประลองต่างก็หันไปที่นาง โดยไม่สนใจฉื่อเจี้ยนและโม่ตั่วที่อยู่บนสนามประลอง
ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ หญิงสาวที่มีร่างกายสมบูรณ์แบบ ก็ยกมือของนางในอากาศ
ทันใดนั้นก็ปรากฏมือขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากท้องฟ้าที่สดใส และทุบลงไปที่ภูเขาอย่างบ้าคลั่ง
ภายใต้ยักษ์มือ มีจุดสีดำปรากฏขึ้น และมันกำลังขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ . . . . . . .
จุดสีดำนั่นจู่ๆก็ค่อยๆปรากฏเป็นเงาของมนุษย์ขึ้น
มือที่ใหญ่ยักษ์เหมือนมือของพระเจ้า ก็ได้แผ่ปกคลุมไปทั่วหลายร้อยเมตร จากนั้นก็ฟาดลงบนพื้นด้วยแรงมหาศาล . ภาพเงามนุษย์ที่ปรากฏขึ้นมา พลันระเหยหายไปใต้มือยักษ์
” บูม ! “
มือยักษ์ได้ทำลายตึกสูงสามสิบเมตรที่แข็งแกร่งเหมือนเหล็กเหมือนกับบดเม็ดถั่ว , จากนั้นหญิงสาวก็ลอยไปรอบๆ , ร่างที่สวมชุดสีดำและหมวกไม้ไผ่ก็ปรากฏอยู่เหนือซากตึกที่ถูกทำร้าบ จากนั้นนางก็ลอยไปยังกลางสนามประลอง
เพียงไม่กี่วินาที นางก็มาถึงสนามประลอง และยืนอย่างหยิงทรนงพร้อมกับมองไปยังฝูงชนด้านล่าง นางที่เหมือนเทพธิดาก็พูดขึ้น ” แผนที่อีกส่วนหนึ่งอยู่ในมือข้า หัวหน้าตระกูลโม่ หากเจ้าต้องการมันก็มาแย่งมันต่อหน้าข้า อย่าได้ทำลับหลังเช่นนี้ . “
” ตระกูลโม่ของเราไม่ได้ทำสิ่งใดทังนั้น ! ” โม่ตั่วเงยหน้ามองไปที่นาง และส่งเสียงคำรามออกมา และก็มีประกายแสงปรากฏขึ้นในดวงตาของมัน
โม่ตั่วนั้นอยู่เพียงนภาที่สามของระดับรู้แจ้งเท่านั้น แต่หญิงสาวคนนั้น กำลังลอยอยู่บนอากาศ ซึ่งสามารถบอกได้เลยว่านางนั้นอยู่ในระดับนภา “
มีหรือที่โม่ตั่วจะไม่กลัว ?
” คุณหนู ! “
เป็นชายร่างยักษ์สองคนเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา และทันทีมันก็ปรากฏตัวขึ้นบนสนามประลอง
เทพธิดาชี้ไปที่โม่ตั่วและสั่งคำสั่งออกไป ” ไปสั่งสอนมัน “
” ขอรับ คุณหนู ! “
ชายร่างยักษ์สองคนกล้ามเนื้อของมันกลายเป็นแข็งตรึง . และร่างของมันก็สูงขึ้นสองเมตรพร้อมกับผมสีดำที่ยาวขึ้น
ชายสองคนกลายเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความกระหายเลือด และ ชายบ้าคลั่งทั้งสองก็พุ่งออกไป แรงระเบิดเกิดขึ้นทุกครั้งที่มันก้าวผ่านพื้นหินสีเขียว และเกิดเป็นรอบแตกขึ้น ทุกครั้งที่พวกมันก้าวเดิน !
” พวกเจ้าเป็นใครกัน ? นี่คืองานประลองของสมาคมการค้า พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างปัญหาที่นี่ ! ” เสียงของเป่ยหมิงชางดังก้องไปถึงสวรรค์พร้อมกับอากาศหนาวเย็นเริ่มไหลออกมาจากร่างของมัน
เป่ยหมิงชางลอยขึ้นมาและคำรามออกมา
จากนั้นก็ปรากฏเป็นลูกบอลเปลวเพลิงสีน้ำเงินแปลกประหลาดออกมาจากร่างของมัน เปลวไฟเหล่านั้นในไม่ช้าพวกมันก็กล้ายเป็นไอน้ำแข็ง ไอน้ำแข็งเหล่านี้ที่สามารถแช่แข็งได้ทั้งโลกและสวรรค์ , จากนั้นมันก็พุ่งไปที่หญิงงามนางนั่น
” เป่ยหมิงชาง งั้นรึ ” เป็นเสียงของหญิงงดงามที่พูดออกมาอย่างเรียบเฉย ” นี่เป็นธุระของศาลาหมอก ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเป่ยหมิงของเจ้า เจ้าสามารถทำตัวเป็นประมุขในสมาคมการค้าได้ แต่ในมหาสมุทรไร้สิ้นเจ้าก็เป็นเพียงแค่นักรบชั้นต่ำ ! เจ้าควรจะรู้ฐานะของตัวเองเสียบ้างนะ ! “
” โอหังนัก ! ” เป่ยหมิงชาง ทรงตัวอยู่บนอากาศและลอยไปด้านหน้าของหญิงงาม , ใบหน้าของมันกลายเป็นเย็นชาและแสยมยิ้ม ” ข้าจะดูว่าเจ้าจะทำอะไรได้บ้าง ในเมื่อเจ้าได้ทำตัวหยิ่งพยองไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเช่นนี้ “
ปรากฏเป็น หมอกไอของ [ ขั้วเหมันต์อัคคี ] ขึ้นต่อหญิงสาวเหมือนกับกระแสน้ำ
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้า และก็หายตัวไปในกลับเมฆ หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงของนางดังขึ้น ” เราไปสู้กันที่อื่นดีกว่า อย่าได้ทำร้าบผู้บริสุทธิ์เลย”
” ตกลง ! ” เป่ยหมิงชางตะโกนขึ้นและร่างของมันก็ลอยสูงไปในท้องฟ้าจากนั้นก็หายไปในกลีบเมฆ
เกิดเสียงคำรามออกมาจากฟากฟ้า เหมือนกับว่ามันได้มาถึงจุดสิ้นสุดของโลกแล้ว
ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างก็รู้ดีว่าเป่ยหมิงชางได้เริ่มต่อสู้กับหญิงลึกลับแล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้เห็นการต่อสู้ในครั้งนี้
” ตูม ตูม ตูม ! “
ชายร่างยักษ์สองคนล้อมไปรอบๆโม่ตั่ว และก็เริ่มจู่โจมไปที่มัน
ร่างกายของมันทั้งสองมีขนาดใหญ่ยักษ์และแข็งแกร่งเหมือนกับเหล็ก พวกมันนั้นไม่ได้กลัวสายฟ้าเส้นหนาเท่าแขนที่โม่ตั่วปลดปล่อยออกมาเลย
สายฟ้าคล้ายกับมังกรลอยอยู่บนท้องฟ้า เป็นสายฟ้าที่มาจากโม่ตั่ว มันมีทั้งหมดสิบห้าตัว และพวกมันทั้งหมดก็หลอมรวมกันหลายเป็นคลื่นสายฟ้าฟาดขนาดใหญ่ ผ่าลงไปที่ชายร่างยักษ์
” โม่ตั่ว ! ส่งแผนที่อีกส่วนมาสะ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้ารังแกตระกูลโม่ของเจ้า ! “
เสียงของมู่ซุนดังออกมาจากมุมหนึ่งของสนามประลอง มันเดินเข้ามาพร้อมกับคณะผู้เชี่ยวชาญจากหุบเขายา และเดินไปที่โม่ตั่วที่ละก้าวด้วยสีหน้าที่ดูน่ากลัว
” มูซุน ! แผนที่อีกส่วนไม่ได้อยู่กับตระกูลโม่ ปล่อยช่าวเกอเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเจ้าจะไม่ได้ออกไปจากเมืองเทียนหยุนอย่างมีชีวิต ! ” โม่ตั่วโกรธเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะรับมือกับชายร่างยักษ์ทั้งสองอยู่ เขาก็ยังคงตะโกนออกมา
” ดี !เจ้าเป็นคนบังคับให้ข้าทำเช่นนี้เองนะ! ” เสียงของมู่ชุนดูเยือกเย็น และเขาก็หันไปบอกข้ารับใช้จากหุบเขายาที่ยืนอยู่ข้างๆ ” สังหารทุกคนในตระกูลโม่สะ ! “
จากนั้นมู่ชุนก็พุ่งออกไปเหมือนแสงดาวตก และเขาก็ได้เข้าร่วมต่อสู้กับชายร่างยักษ์ทั้งสองและจู่โจมไปที่โม่ช่าวเกอ
” ปัป ปัป ปัป ! บูม บูม บูม “
มังกรสายฟ้าเคลื่อนไหวไปรอบๆท้องฟ้า และพุ่งไปทางชายร่างยักษ์ทั้งสอง . หนึ่งในชายร่างยักษ์หยิบแผ่นเหล็กหนักสีเขียวขึ้นมาสองจิน และเมื่อใดก็ตามที่มันได้เข้าไปใกล้กับโม่ตั่วมันก็จะโยนแผ่นเหล็กไปที่โม่ตั่ว .
[TL Note : จิน มีปริมาณน้อยกว่าปอน]
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ทั้งสนามก็เต็มไปด้วยสายฟ้าและแผ่นเหล็กลอยไปมา พวกมันได้กระจายไปรอบๆ
มังกรสายฟ้าไปโดนบางคนที่อยู่รอบๆสนามส่งผลให้ร่างของมันไหม้เป็นตอนตะโก ในขณะที่แผ่นเหล็กเองก็พุ่งทะลุและสังหานบางคนเหมือนกับแผ่นกระดาษที่ถูกกระสุนปืนยิง
การต่อสู้ของยอดฝีมือเหล่านี้ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอย่างใหญ่หลวง !
นักรบหลายคนสาปแช่งและ กรีดร้องออกมาขณะที่พวกเขาพยายามที่จะหนีออกจากสนามประลองแห่งนี้
นักรบที่มีระดับต่ำพวกมันนั้นรีบหนีออกไปจากสนามประลองทันที ไม่กล้าที่จะยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้น
เหล่ายอดฝีมือฉวยโอกาสจากสิ่งที่เกิดขึ้นจู่โจมไปที่ตระกูลโม่และโจมตีไปที่ลูกหลานกับนักรบตระกูลโม่
อย่างไรก็ตาม ลูกหลานและนักรบจากตระกูลโม่ก็ไม่ได้หวั่นเกรง . พวกมันไม่ได้หวาดกลัวและหนีไปแต่กลับรับมือและเริ่มต่อสู้กับคนจากหุบเขายา
ตอนนี้ฉื่อเจี้ยนได้กลายเป็นคนนอกไปแล้ว
บนสนามประลอง เขากำลังยืนดูตระกูลโม่ถูกโจมตีอย่างประหลาดใจ แต่ลึกๆแล้วเขากลับรู้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
” ท่านปู่ตอนนี้ได้เวลาลงมือแล้ว ! ” ฉื่อหยานก้าวออกมาและกล่าวอย่างหนักแน่น
” ตอนนี้อะไรรึ ? ” ฉื่อเจี้ยนชงักและคิ้วของเขาก็ย่น : ” เจ้าหมายถึงอะไร ? “
” โม่ซานได้ถูกข้าสังหารไปแล้ว โม่ตั่วจะต้องแก้แค้นแน่นอน แทนที่จะปล่อยให้ตระกูลโม่มาล้างแค้นเรา ทำไมเราไม่ใช้ประโยชน์กับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้หละ ท่านสามารถร่วมมือกับมู่ชุนและชายร่างยักษ์ทั้งสองสังหารโม่ตั่วได้ และเราเองก็จะไปจัดการตระกูลโม่รุ่นที่สองและสามเอง มันจะดีที่สุดหากเรากำจัดตระกูลโม่ให้หมดสิ้นภายในวันนี้สะ เราอย่าได้เปิดโอกาสให้พวกมันแก้แค้นเราเด็ดขาด ” ฉื่อหยานพูดออกไปอย่างรุนแรง
” พี่ใหญ่ ! ที่ฉื่อหยานพูดนั้นถูกต้อง ! โม่ซายได้ตายไปแล้ว โม่ช่าวเกอก็คงเป็นเช่นเดียวกัน ณ จุดๆนี้เราควรจะลงมือกำจัดพวกมันสะ ! ช่างหัวการประลองและหันมาจัดการตระกูลโม่กันเถอะ ” ฉื่อเตี่ยพูดเพิ่มเติม
ฉื่อเทียนลั่วและฉื่อเทียนหยุนยังคงบาดเจ็บสาหัสและนอนอยู่ตรงพื้น เขาจะระงับความโกรธของเขาได้อย่างไร แล้วตอนนี้ก็เป็นโอกาศที่ดี เช่นนั้นฉื่อเตี่ยจะไปมันไปได้เช่นไร
ฮันเฟิงเองก็เห็นด้วย เขาพยักให้กับฉื่อเจี้ยน .
” เป่ยหมิงชางกำลังวุ่นวายกับการต่อสู้อยู่ ดังนั้นตระกูลเป่ยหมิงตอนนี้ยังคงไม่ทำอะไร หากไม่มีคำสั่งของหัวหน้าตระกูล พวกมันไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลโม่ได้แน่นอน และนี่ก็เป็นโอกาศทองของเราแล้ว ถ้าเราพลาดโอกาสนี้ไป เราจะไม่มีวันได้มันอีกครั้งแน่นอน ” ฉื่อหยานพูดกระตุ้นอีกครั้ง ” ท่านปู่ พวกท่านไปสังหารโม่ตั่วเถอะ เด๋วข้าจะรับมือโม่ฉี และโม่หยานหยูเอง พวกมันนั้นได้ทำให้ พี่เทียนลั่ว และ พี่เทียนหยุน บาดเจ็บสาหัส เช่นนั้นแค้นนี้ข้าจะเป็นคนชำระเอง เลือดต้องล้างด้วยเลือด ! ! “
” เจ้าเด็กน้อย เจ้าพูดได้ดี ! ” ฉื่อเตี่ยตบไปที่ไหล่ของฉื่อหยาน จากนั้นฉื่อเตี่ยก็พุ่งลงไปยังสนาม ” โม่ตั่ว ไอ้สุนัขเฒ่า วันนี้เป็นวันตายของเจ้า ! “
เมื่อฉื่อเตี่ยพุ่งออกไป ฉื่อเจี้ยนก็หยุดลังเลและหันไปบอกกับฮันเฟิง ” เจ้าช่วยปกป้อง เจ้าเด็กโง่ฉื่อหยานด้วย ! “จากนั้นเขาก็พุ่งออกไปพร้อมกับคำรามออกมา ” โม่ตั่ว ! ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว ! “