เจี่ยนอีหลิงมีโอกาสถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
สายตาของเจี่ยนหยุ่นน่าวจับจ้องมองไปยังเจี่ยนอีหลิง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองไปยังเธออย่างจริงจังและระมัดระวังหลังจากที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน…
ในเวลานี้อารมณ์ของเขานั้นช่างซับซ้อนจนกระทั่งเขาเองก็ไม่สามารถที่จะแยกแยะมันออกมาได้อย่างถูกต้อง
เจี่ยนชูฉิง เวินน่วน และเจี่ยนหยุ่นเฉิง ก็มองไปยังเจี่ยนอีหลิงด้วยเช่นกัน พวกเขาดูเหมือนมีบางอย่างที่ต้องการจะพูด แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรออกไป
เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ลูกสาวของพวกเขานั้นมีเพื่อนสนิทที่สามารถมาเยี่ยมเยือนเธอได้
แต่ในเวลาเดียวกัน เพื่อนพวกนี้ก็ช่าง “พิเศษ” เหลือเกิน ทั้งยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสิ่งที่ครอบครัวของเขาให้ความเอาใจใส่เป็นอย่างมากในเวลาก่อนหน้านั้น และนั่นทำให้อารมณ์ของพวกเขานั้นไม่สามารถที่จะทำให้มันสงบเยือกเย็นลงได้
ย่าเจี่ยนนั้นมีแววของความอ่อนโยนในดวงตาของเธอ และเธอก็ประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกัน แต่หลังจากความประหลาดใจแล้ว เธอก็เกิดความโล่งใจ
ปัญหาที่เธอกังวลใจอยู่ดูเหมือนจะได้รับการแก้ไขแล้ว และก็ดูเหมือนว่าการตัดสินใจให้หลานรักเล่นเกมมากขึ้นเมื่อสองสามวันก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เจี่ยนหยู่หมินนั้นให้ความสนใจเฉิงอี้ที่ตอบคำถามเป็นพิเศษ
เขาคิดว่าชายคนนี้ดูสุภาพ แต่เขาสุภาพอย่างที่เห็นจริงหรือไม่
เมื่อตอนที่เจี่ยนหยู่หมินอยู่ในวงการบันเทิงนั้น ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นคนประเภทที่ดูเหมือนเป็นผู้เป็นคนตอนที่สวมเสื้อผ้าแต่ไม่ได้ดีไปกว่าสัตว์เดรัจฉานเมื่อตอนที่พวกเขาถอดเสื้อผ้าออก
แม้ว่าจะมีคนประเภทนั้นเพียงส่วนน้อย แต่อย่างน้อยก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าคนประเภทนี้มีอยู่จริง
หงไป่จางดูเหมือนจะสับสนและประหลาดใจอยู่บ้าง “จริงเหรอ ใช่ Dr.FS ผู้ที่กำลังโดดเด่นช่วงก่อนหน้านี้ในสถาบันวิจัยของพวกคุณหรือเปล่า”
หงไป่จางได้ยินเรื่องของคนผู้นี้ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เผยแพร่ผลงานวิจัย และวารสารวิชาการ ที่ก้าวหน้าจำนวนมากมาย
ศาสตราจารย์ซือผู้ที่ไม่เคยโพสต์ข้อความมากในแต่ละครั้งก่อนหน้านี้ ถึงกับโพสต์ภาพหน้าจอบทความของ Dr.FS หลายบทความรวมไปถึงความคิดเห็นของตนเอง และดูเหมือนกับว่าพวกเขานั้นพบกันสายเกินไป
สำหรับพฤติกรรมของศาสตราจารย์ซือแล้ว หงไป่จางต้องการที่จะต่อว่าต่อขาน แต่เขาก็ได้แต่เพียงอิจฉาตาร้อน
“ใช่ เป็นเธอ” เฉิงอี้มีรอยยิ้มสุภาพบนใบหน้าของเขาอยู่เสมอ
ด้วยคำตอบที่เป็นบวก อารมณ์ของทุกคนนั้นก็ยิ่งซับซ้อน ไม่ใช่เป็นแค่เพียงความประหลาดใจธรรมดาสามัญที่สามารถสรุปความรู้สึกนั้นออกมาได้
ยืนอยู่ด้านนอกประตู หัวใจของเจี่ยนหยุ่นน่าวนั้นเหมือนกับถูกวางไว้บนตะแกรงย่างบาร์บีคิว
เจี่ยนอีหลิงรู้จักกับศัลยแพทย์ลึกลับนั้นอย่างงั้นเหรอ
เจี่ยนอีหลิงทำอย่างนั้นได้อย่างไร
ในเวลานั้น เจี่ยนหยุ่นน่าวต้องการที่จะถามเจี่ยนอีหลิง เขาต้องการที่จะรู้ว่าเธออย่างนั้นได้ยังไงกัน…
แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ถึงความสัมพันธ์ปัจจุบันที่หยุดชะงักและน่าอึดอัดใจ…
ด้วยความขัดแย้งมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาในช่วงเวลานี้ พวกเขา…
เจี่ยนหยุ่นน่าวรู้สึกขื่นขมอยู่ในใจ เขาได้แต่กล้ำกลืนทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการจะออกมาจากริมฝีปากลงท้องไป
หากว่าเขาถามเจี่ยนอีหลิงในเวลานี้ เขาอาจจะได้รับผลลัพธ์ตรงกันข้ามจากที่เขาคาดหวัง
ทั้งยังเป็นไปได้ว่าคำถามของเขานั้นอาจจะสร้างความรำคาญให้กับเจี่ยนอีหลิงอีกด้วย
ผลลัพธ์แบบนั้นย่อมเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการจะเห็นในตอนนี้
ความกระวนกระวายและความขื่นขมของเจี่ยนหยุ่นน่าวนั้นถูกเขียนไว้บนใบหน้าของเขา ไม่เพียงแต่คนในครอบครัวตระกูลเจี่ยนเห็น แม้กระทั่งเฉิงอี้กับหลัวซิ่วเอินก็ยังคงเห็นด้วยเช่นเดียวกัน
คนเดียวจากทั้งหอผู้ป่วยนี้ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ของตระกูลเจี่ยนก็คือหงไป่จาง เขายังคงเต็มไปด้วยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ Dr.FS
“ผมสามารถพบกับเขาจากการเล่นเกมได้ด้วยหรือเปล่า” หงไป่จางถามเฉิงอี้ต่อไป
“น่าจะเป็นได้” เฉิงอี้ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า และใช้มือดันขอบแว่นของเขาตามนิสัยเคยชิน
หงไป่จางพลันถามโพล่งออกมาว่า “เกมอะไร ผมอยากเล่น”
หงไป่จาง ซึ่งตอนนี้มีอายุในวัยห้าสิบกว่าปี ถึงกับหุนหันต้องการดาวน์โหลดเกมที่เด็กหนุ่มสาวเล่นกันนั้นมาในทันทีนี้
“ด็อกเตอร์เฉิง ทำไมคุณไม่ชวนผมไปเล่นเกมนั้นหลังจากนี้บ้างล่ะ”
บางทีเขาอาจจะสามารถเป็นเพื่อนเล่นเกมกับผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นได้เช่นเดียวกัน