[โอ พระเจ้า เจี่ยนอีหลิงเป็นอันดับหนึ่งจริงเหรอ ไม่มีข้อผิดพลาดในการป้อนข้อมูลผลการสอบ พระเจ้า โลกนี้เกิดบ้าอะไรกันไปหมดแล้วนี่ พวกชั่วตอบโต้กลับหรือยังไงกัน]
[พวกชั่วบอกว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป เจี่ยนอีหลิงจะเป็นขวัญใจของฉัน ฉันมีแรงบันดาลใจ ฉันมีเป้าหมาย โอววววววววว]
[ฉันอยากจะถามว่า เพื่อนนักเรียนคนไหนที่พูดว่าเจี่ยนอีหลิงโกงทั้งที่ไม่มีหลักฐาน รู้สึกเจ็บหน้าบ้างไหม]
แน่นอนว่าพวกเขารู้สึกหน้าชาดังนั้นพวกเขาจึงไม่ออกมาพูดกันในรอบนี้
หัวข้อการสนทนาของนักเรียนส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่ในเรื่องความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเจี่ยนอีหลิง
แต่ก็มีนักเรียนบางคนที่รู้สึกอึดอัด
หูเจียวเจียวเกิดความกล้าที่ยากจะมี เธอเดินไปยังที่นั่งของหวังเซี่ยวจ้งแล้วพูดว่า
“ดูสิ คนจากสถาบันวิจัยเคมีภัณฑ๋เยวลี่ก็ยังออกแถลงการณ์ว่าไม่มีปัญหากับผลการสอบ และผลการสอบของเจี่ยนอีหลิงก็สมเหตุผล นายมีอะไรจะพูดอีกไหม”
หูเจียวเจียวซึ่งหงุดหงิดกับหวังเซี่ยวจ้งไปสองครั้งแล้ว สุดท้ายเธอก็มีโอกาสได้แก้แค้น
หวังเซี่ยวจ้งยังคงไม่เชื่อ “แล้วแถลงการณ์ต่อสาธารณะล่ะมีหรือยัง แถลงการณ์บางอย่างก็มีไว้เพื่อหลอกคนที่ไม่มีความสามารถในการคิดเหมือนเธอ”
“ใครที่นายพูดว่าไม่มีความสามารถที่จะคิด” หูเจียวเจียวกระทืบเท้าของเธออย่างโกรธแค้น
“ยังไงก็ตาม ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อ เธอเข้าใจได้ด้วยตัวของเธอเอง”
“นายผิดแต่ก็ไม่ยอมรับผิด” หูเจียวเจียวจ้องเขม็ง แต่เสียงของเธอนั้นเบาขาดน้ำหนักโดยไม่สามารถที่จะควบคุมได้
“นั่นก็ยังดีกว่าคนบางคนที่อาศัยอิทธิพลของครอบครัวตัวเองปิดบังข่าวฉาวของตัวเอง เข้าใจมั้ย” หวังเซี่ยวจ้งตอบโต้ เขากำลังด่าเจี่ยนอีหลิงทางอ้อม
“นายพูดเรื่องไร้สาระอะไรอีกแล้ว”
“ทำไมฉันจะต้องพูดไร้สาระ ฉันเพียงแค่ไม่ได้พูดว่าใครทำอะไรเท่านั้น”
หวังเซี่ยวจ้งมองตอบกลับไป
หูเจียวเจียวเดินกลับไปอย่างโกรธแค้นอีกครั้ง
ทุกครั้งที่หว้งเซี่ยวจ้งพูดถ้อยคำทำนองนั้น เธอก็จะโกรธจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ช่างน่ารำคาญนัก
##
หลังจากที่โม่ชืออวิ้นเห็นแถลงการณ์ต่อสาธารณชนที่องค์กรได้ประกาศออกมา ความหวังสุดท้ายอันริบหรี่ก็ดับลง
องค์กรพูดว่าเจี่ยนอีหลิงไม่ได้โกง ดังนั้นอันดับของผู้ชนะก็จะไม่เปลี่ยนแปลง เธอก็ยังคงได้อันดับที่สิบเอ็ด ห่างเพียงลำดับเดียวกับอันดับที่สิบซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับรางวัล
เมื่อเห็นใบหน้าเศร้าของโม่ชืออวิ้น ชูชาก็ได้ปลอบโยนอยู่ด้านข้าง “ไม่ต้องเสียใจ ใครจะทำให้เจี่ยนอีหลิงเก่งขึ้นมาได้กัน จริงแล้วมันต้องเป็นการโกง ตระกูลเจี่ยนต้องไม่ปล่อยให้เหตุการณ์อื้อฉาวแบบนั้นเกิดขึ้นมาได้ เธอเลยต้องรับเคราะห์”
ชูชาก็มีท่าทีลำบากใจ ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็รู้ว่าตระกูลเจี่ยนเป็นผู้ที่จัดการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง
โม่ชืออวิ้นพูดเสียงสะอื้น “สำหรับพวกเขา 200,000 หยวนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับฉันกับแม่ เงินรางวัล 30,000 หยวนถือว่าเป็นเงินช่วยชีวิต”
พวกเขาปกป้องเจี่ยนอีหลิงให้นั่งอย่างมั่นคงอยู่ในอันดับหนึ่งของการแข่งขัน แต่พวกเขาก็ทำลายหนทางเดียวที่จะช่วยเหลือเธอและแม่ไปจนสิ้น
“เงินช่วยชีวิตเหรอ เกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอ” ชูชาถาม
“ไม่มีอะไร” โม่ชืออวิ้นหักห้ามใจเอาไว้ เธอไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของเธอต่อหน้าชูชามากเกินไป
หลังจากที่โม่ชืออวิ้นกลับบ้านวันนั้นแล้ว เธอก็ยังรู้สึกเศร้าโศกเสียใจอยู่มาก
เห็นลูกสาวของตัวเองเป็นอย่างนี้ ป้าโม่รู้สึกเหมือนถูกมีดกรีด
นี่เป็นลูกสาวที่เธอมั่นใจและภาคภูมิใจ ลูกสาวที่เคยมั่นใจในตัวเองและสดใสเหมือนแสงตะวัน
แต่เพราะความผิดพลาดของเธอ ลูกสาวเธอจึงต้องทนระกำช้ำใจ
เธอล้มเหลวในฐานะแม่
ยิ่งป้าโม่คิดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเสียใจ หลังจากลังเลอยู่สักพักหนึ่ง เธอก็โทรศัพท์ไปหาเหอเยี่ยนอีกครั้ง
ใช้เวลานานกว่าเหอเยี่ยนจะรับโทรศัพท์ “มีเรื่องอะไรเหรอ”
“ฉัน ฉันต้องการที่จะยืมเงินคุณ” เสียงของป้าโม่ฟังดูค่อนข้างที่จะกระสับกระส่ายและปราศจากความมั่นใจ