เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 206

 

ตอนนี้เมื่อเขามีรอยบาดแผลอยู่บนตัว อย่าว่าแต่หยูซี ต่อให้เป็นหยูซีเมี่ยว พ่อของหยูซีเองก็ตาม ก็ต้องรู้สึกถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้

 

ถ้าผู้เฒ่าจ๋ายและนายท่านรองของกลุ่มเทียนซิงรู้เรื่องนี้ พวกเขาต้องหาคนมารับผิดชอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน

 

ยิ่งไปกว่านั้น นายท่านเชิ่งไม่ได้ใส่ใจบาดแผลของตัวเองแม้แต่น้อย เขาไม่เพียงปฏิเสธที่จะไปยังโรงพยาบาล แถมยังไปออกกำลังกายอยู่ในฟิตเนสอีกด้วย

 

หยูซีเกือบจะร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวว่าจ๋ายหวินเชิ่งจะเป็นลมขึ้นมาอย่างกระทันหัน

 

แต่ตอนนี้เขากับบอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเชิ่งไม่สามารถที่จะหว่านล้อมจ๋ายหวินเชิ่งได้ หยูซีไม่มีทางเลือกนอกจากจะคิดถึงเจี่ยนอีหลิง

 

เขาไม่รู้ว่าเจี่ยนอีหลิงจะสามารถที่จะช่วยได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงได้แต่รักษาม้าตายดั่งม้าเป็น*

 

หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของหยูซี เจี่ยนอีหลิงก็ลุกขึ้นและออกไปทันที

 

ในขณะที่เดินอยู่นั้น เธอก็ถามหยูซีว่า “รอยแผลลึกเท่าไหร่ เลือดออกมากไหม แล้วได้ทำการฆ่าเชื้อหรือยัง”

 

เพราะว่าบ้านอยู่ติดกัน เจี่ยนอีหลิงจึงวิ่งเหยาะๆไปตามเส้นทาง และเพียงห้านาทีให้หลัง เธอก็มาปรากฏตัวตรงหน้าหยูซีกับจ๋ายหวินเชิ่ง

 

บ้านตระกูลหยูมีฟิตเนสพิเศษ ที่มีอุปกรณ์เทียบเท่ากับฟิตเนสระดับมืออาชีพติดตั้งอยู่

 

ในตอนนี้ จ๋ายหวินเชิ่งกับคนอื่นๆต่างก็อยู่ที่นั่น

 

เจี่ยนอีหลิงหอบและหน้าแดงเพราะว่าเธอวิ่งเหยาะๆมา

 

เธอยืนอยู่ที่ประตู มองดูชายคนที่กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งสายพาน

 

เพราะว่าเครื่องทำความร้อนในห้องและเหงื่อ จ๋ายหวินเชิ่งจึงไม่ได้สวมอะไรบนส่วนบนของร่างกาย เพียงแค่สวมกางเกงกีฬาที่ส่วนล่างเท่านั้น

 

ในวันทั่วๆไป จ๋ายหวินเชิ่งจะดูผอมมากจากเสื้อผ้าที่เขาสวม

 

แต่เมื่อดูเขาในตอนนี้แล้ว ร่างกายส่วนบนของเขานั้นคมชัด กล้ามเนื้อทุกมัดแน่นกระชับและเหมาะสมกับร่างกายของเขา

 

ไม่ผอมหรืออ้วนจนเกินไป

 

และที่แขนขวาของเขานั้น พันรอบด้วยผ้ากอซ มีเลือดซึมออกมาจากด้านในย้อมผ้ากอซเป็นสีแดง

 

เจี่ยนอีหลิงยืนที่ประตูและมองไปยังจ๋ายหวินเชิ่ง

 

จ๋ายหวินเชิ่งก็มองไปยังเจี่ยนอีหลิงเช่นเดียวกัน

 

สายตาสี่ข้างสบเข้าด้วยกัน

 

ไม่มีใครพูด เพียงแค่มองไปยังอีกฝ่ายนานนับนาที

 

สุดท้าย จ๋ายหวินเชิ่งไม่มีทางเลือกได้แต่ยอมแพ้ เขาลงจากลู่วิ่ง หยิบผ้าเช็ดตัวข้างกายมาเช็ดเหงื่ออย่างลวกๆ

 

จากนั้นก็สวมเสื้อที่บอดี้การ์ดข้างตัวถือไว้ให้

 

แล้วนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางเกียจคร้าน

 

โดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนแขนแม้แต่น้อย

 

เจี่ยนอีหลิงตรงเข้าไปหา เธอรู้ว่าจ๋ายหวินเชิ่งไม่เคยสนใจชีวิตของตนเอง

 

เขาไม่เคยทนุถนอมร่างกายของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพื่อตระกูลจ๋าย เขาคงจะฆ่าตัวตายไปแล้ว

 

เมื่อนึกถึงจุดจบที่เป็นไปได้เบื้องหลังของเขา เจี่ยนอีหลิงรู้สึกเหมือนไร้พลังอำนาจ

 

เธอไม่ต้องการให้เขาตาย แต่เธอไม่รู้ว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเขาได้หรือไม่

 

เพราะว่าในตอนนี้ เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าชะตากรรมของเธอนั้นเปลี่ยนไปหรือยัง

 

จ๋ายหวินเชิ่งมองดูการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเจี่ยนอีหลิงด้วยสีหน้าหงุดหงิดอยู่บ้าง “ฉันแค่ได้รับบาดเจ็บที่แขน และก็ไม่ถึงตาย ทำไมเธอต้องขมวดคิ้วแบบนั้นด้วย”

 

เจี่ยนอีหลิงตรงเข้ามา หน้าเธอยังมีท่าทางเครียด

 

เธอมองไปยังบอดี้การ์ดข้างตัวเขา “เอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำอุ่นบิดหมาดๆ ผ้าเช็ดตัวแห้ง เสื้อกันหนาวสะอาด”

 

เมื่อบอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเชิ่งได้ยินคำพูดแนะนำของเจี่ยนอีหลิง พวกเขาก็รีบไปทำตามโดยไม่ต้องให้จ๋ายหวินเชิ่งบอก

 

เจี่ยนอีหลิงคุกเข่าบนโซฟา ห่างจากจ๋ายหวินเชิ่งเพียง 30 cm

 

“ถอดเสื้อของนายออก” เจี่ยนอีหลิงพูด

 

——————————————————

 

รักษาม้าตายดั่งม้าเป็น* การพยายามรักษาโรคที่รักษาไม่หายหรือพยายามแก้ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แม้ว่าจะล้มเหลวก็ตาม

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset